สหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉิน อพยพประชาชนนับแสนหนีพายุลูกใหม่

ไมอามี-นอร์ทแคโรไลนาประกาศภาวะฉุกเฉิน อพยพประชาชนนับแสนหนีพายุลูกใหม่ที่อาจทวีความแรงเป็นเฮอร์ริเคน ขณะหัวหน้าสำนักงานบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน ลาออกจากตำแหน่งแล้ว

รัฐนอร์ทแคโรไลนาในสหรัฐได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันอังคาร (13 ก.ย.) เพื่อเตรียมรับมือพายุโอฟีเลียที่มุ่งหน้าเข้าพัดถล่มชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ โดยรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้สั่งระดมเจ้าหน้าที่ 200 คนให้เตรียมพร้อม ตลอดเวลา รวมทั้งสั่งอพยพประชาชนตามแนวชายฝั่งให้หนีพายุที่อาจพัดกระหน่ำนานกว่า 24 ชั่วโมง

ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติได้ออกคำเตือนประชาชนหลายแสนคนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งตั้งแต่แหลมลุคเอาท์ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ทอดยาวไปจนถึงหาดเอดิสโตในรัฐเซาท์แคโรไลนาเป็นความยาวถึง 440 กิโลเมตร เนื่องจากนักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า พายุโอฟีเลียที่อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนในวันจันทร์ อาจเพิ่มความเร็วลมจนกลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนระดับ 1 ขณะพัดขึ้นฝั่งในวันอังคารหรือวันพุธตามเวลาท้องถิ่น

นักอุตุนิยมวิทยาเผยว่า การที่พายุโอฟีเลียเคลื่อนตัวช้าในวงกว้าง โดยมีความเร็วลมสูงสุดที่ศูนย์กลางพายุ 257 กิโลเมตร ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า พายุลูกนี้อาจเคลื่อนตัวอยู่ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐได้นานถึง 5 วัน ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าล่าช้าในการกู้ภัยเฮอร์ริเคนแคทรีนา ประกาศว่าได้เตรียมความช่วยเหลือตามจุดสำคัญของชายฝั่งตะวันออก และได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินไปประจำการล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนโอฟีเลียจะพัดถล่มชายฝั่งแล้ว

ส่วนประเด็นร้อนเรื่องความล่าช้าในการช่วยเหลือเหยื่อพายุแคทรีนา ล่าสุดนายไมเคิล บราวน์ หัวหน้าสำนักงานบริหารจัดการภาวะฉุกเฉิน (ฟีมา) ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังถูกวิจารณ์ยับเรื่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยล่าช้าจนลุกลามกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง และส่งผลต่อความนิยมในตัวประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช อีกทั้งเมื่อขุดคุ้ยประวัตินายบราวน์ยังพบด้วยว่า ไม่มีประสบการณ์ด้านการบรรเทาสาธารณภัยฉุกเฉิน แต่ได้ดำรงตำแหน่งด้วยเส้นสายทางการเมือง

ด้านสถานการณ์พิบัติภัยในเมืองนิวออร์ลีนส์ ล่าสุดประธานาธิบดีบุชได้เดินทางไปเยือนพื้นที่ประสบภัยอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกนับแต่เกิดเหตุเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ระหว่างนั้นได้ปฏิเสธว่า ความล่าช้าในการช่วยเหลือไม่เกี่ยวข้องกับการที่ชาวเมืองส่วนมากเป็นคนผิวดำยากจน ในส่วนของการฟื้นฟูสภาพเมืองและบ้านเรือนประชาชน ฟีมา เผยว่า ครอบครัวที่สูญเสียบ้านกว่า 2 แสนหลังคาเรือนอาจต้องอาศัยในบ้านพักชั่วคราวที่ทางการจัดให้เป็นเวลา 3-5 ปี จนกว่าการฟื้นฟูจะแล้วเสร็จ

ที่มา http://www.komchadluek.ne