วาเลนไทน์คิวปิด แกะตำนานกุหลาบ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 14 กุมภาพันธ์ 2007.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    ช่วงนี้คือช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงวันนี้ ทุกคนคงทราบดีว่าเป็นวันแห่งความรัก และที่จริงแล้วก็เป็นวัฒนธรรมของทางตะวันตกที่คนไทยเราซึมซับรับมา

    <DD>แล้วก็มาเห่อตามเค้ากัน แต่ไหนๆ ก็เห่อตามกันมาตั้งแต่อดีตแล้ว ก็อยากจะแนะนำถึงประวัติของ 2 องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ให้เด็กรุ่นใหม่ได้ทราบกันคือ ดอกกุหลาบ และคิวปิด
    <DD>เริ่มที่คิวปิดก่อน คนทั่วไปจะรู้จักคิวปิดในภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก ในมือถือคันธนูกับลูกศร และมีชื่อเสียงในเรื่องการยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร โดยศรรักของคิวปิดหมายถึงความปรารถนาและอารมณ์แห่งความรัก
    <DD>คิวปิดเข้ามามีบทบาทในการเฉลิมฉลองความรักได้ เนื่องจากในตำนานกรีกโบราณ คิวปิดเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่าเอโรส ลูกชายอโฟรไดท์ เทพธิดาแห่งความรักและความสวยงาม แต่สำหรับพวกโรมันเขาคือคิวปิด และแม่ของเขาคือวีนัส
    <DD>โดยที่เรื่องน่าสนใจนั้นเกี่ยวโยงกับทั้งคิวปิด และ "ไซคี" เจ้าสาวของเขาในเทพนิยายโรมัน ซึ่งเธอเป็นเทพธิดารูปงามในนิยายกรีกโบราณมีปีกเป็นผีเสื้อ และเพราะความงามนี้เองที่ทำให้วีนัสอิจฉา นางจึงได้สั่งคิวปิดให้ลงโทษว่าที่ลูกสะใภ้เสีย แต่คิวปิดตกหลุมรักเธอเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของแม่ ดังนั้นแทนที่จะลงโทษเธอ คิวปิดกลับเอาเธอเป็นภรรยาเสียเลย แต่เนื่องจากไซคีมิได้เป็นอมตะ เธอจึงถูกห้ามมิให้มองเขา
    <DD>ซึ่งหลังจากตกเป็นภรรยาของคิวปิดแล้ว ไซคีก็มีความสุขเรื่อยมา จนกระทั่งพี่สาวของเธอได้รบเร้าให้เธอมองคิวปิด ทันทีที่เธอมองคิวปิด คิวปิดก็ลงโทษเธอด้วยการทิ้งเธอไปทันที พร้อมกันนั้นปราสาทและสวนอันสวยงามของเธอก็ต้องมลายหายไปด้วย หลังจากนั้นไซคีก็พบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในทุ่งโล่งแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือคิวปิดปรากฏให้เห็นเลย
    <DD>และในขณะที่เธอออกเดินทางค้นหาคนรักของเธอนั้น เธอก็มาถึงวิหารของวีนัสโดยบังเอิญ เมื่อวีนัสเทพธิดาแห่งความรักพบว่าไซคียังมีชีวิตอยู่ เธอก็ปรารถนาที่จะทำลายไซคีด้วยการให้งานที่หนักและอันตรายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ งานสุดท้ายที่ไซคีได้รับคือกล่องใบหนึ่ง และได้ถูกสั่งให้ลงไปยังใต้โลกเพื่อเอาความงามของโพรเซอร์พีน ภรรยาของพลูโตใส่กล่องใบนี้มา
    <DD>ในระหว่างที่เธอเดินทางอยู่นั้น เธอก็ได้รับคำแนะนำให้รู้จักการหลีกเลี่ยงอันตรายจากอาณาจักรแห่งความตาย นอกจากนั้นแล้วเธอยังได้ถูกเตือนมิให้เปิดกล่องใบนั้นอีกด้วย แต่เพราะทนไม่ไหวหรือเพราะความอยากรู้อยากเห็น เธอได้เปิดกล่องใบนั้น แต่แทนที่จะพบกับความงาม เธอกลับต้องหลับเป็นตาย
    <DD>ต่อมาคิวปิดได้มาพบร่างอันไร้ชีวิตของเธอบนพื้นดิน เขาจึงได้นำเอาอาการหลับเป็นตายออกจากร่างของเธอและนำมันไปเก็บไว้ในกล่อง หลังจากนั้นคิวปิดก็ได้ให้อภัยเธอเช่นเดียวกับวีนัส เมื่อเทพเจ้าทั้งหลายเห็นความรักที่เธอมีต่อคิวปิด จึงได้ตั้งให้เธอเป็นเทพธิดาองค์หนึ่ง และปัจจุบันนี้รูปคิวปิดแผลงศรเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้คนมักนิยมใช้กัน
    <DD>ผ่านไปกับเรื่องเล่าของคิวปิด ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นตำนานโบราณที่สืบต่อกันมา และที่สำคัญเกี่ยวกับเทพเจ้าวีนัส เทพธิดาแห่งความรัก ซึ่งตำนานเรื่องเล่าของ "ดอกกุหลาบ" ก็เกี่ยวโยงกับเทพเจ้าวีนัสเช่นกัน
    <DD>กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบในรัฐโคโลราโดและรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้
    <DD>เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่างอาร์กติก อลาสกา ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่างอินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทร รวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย
    <DD>ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิจีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก ถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย
    <DD>สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย
    <DD>กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของเทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก โดยในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของอคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่า ดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของวีนัสเองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม
    <DD>ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า กุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผชาติ หรือคลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ใ นตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีก 3 องค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมีเซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพอพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาเพื่อประทานพรอมตะ จากนั้นไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa
    <DD>จากนั้นเทพธิดาคลอริสก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพอีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพอีโรสก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง กุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ
    <DD>สำหรับผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ได้รับสมญาว่าเป็นผู้หญิงงามเสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบ
    <DD>นี่เป็นเพียงตำนานและประวัติส่วนหนึ่งขององค์ประกอบในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเมื่อเรารับวัฒนธรรมของเค้ามาก็ควรจะมีความรู้ถึงความเป็นมาบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือเรื่องความรัก ไม่เฉพาะวันวาเลนไทน์เท่านั้นที่จะมาแสดงความรักต่อกัน แต่ความรักควรแสดงต่อกัน และที่สำคัญที่สุดควรมีความรักมอบให้กับคนทุกคน.
    <DD>
    </DD>
     

แชร์หน้านี้

Loading...