เรื่องเด่น วัดไตรมิตร ปิดมหามณฑป งดสักการะ “หลวงพ่อทองคำใหญ่ที่สุดในโลก” 19 – 31 มี.ค.นี้

วัดไตรมิตรฯ ประกาศงดการเยี่ยมชมอาคารพระมหามณฑป สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 19 – 31 มี.ค. 63 ตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19

วัดไตรมิตรวิทยาราม ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก แฟนเพจ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เยาวราช ตลาดน้อย สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ งดการเข้าสักการะหลวงพ่อทองคำในพระมหามณฑป ตั้งแต่วันที่ 19 – 31 มี.ค. 63 เพื่อหลีกเลี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนี้

ประกาศวัดไตรมิตรวิทยาราม งดการเยี่ยมชมอาคารพระมหามณฑป การสักการะหลวงพ่อทองคำเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ วันที่ 19 – 31 มีนาคม 2563 ตามมาตรการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นการชั่วคราวหรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวจะคลี่คลาย


สำหรับวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หรือวัดสามจีน ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม.

ภายในวัดเป็นที่ตั้งของ “พระมหามณฑป” ที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหาสุวรรณปฎิมากร” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อทองคำ” ซึ่ง เป็นพระพุทธรูปที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงของวัดไตรมิตร

หลวงพ่อทองคำ เป็นพระพุทธรูปทองคำองค์แรกของไทยที่ได้รับการบันทึกไว้ใน The Guinness Book of World Record ปี พ.ศ.2534ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก


หลวงพ่อทองคำ มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว หรือมากกว่า 2.50 เมตร ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป) 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว หรือประมาณ 3.04 เมตร 10 ฟุต น้ำหนักประมาณ 5.5 ตัน และที่สำคัญคือสร้างด้วยทองคำแท้ มีมูลค่าสูงกว่า 21 ล้านปอนด์ ตามที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือกินเนสส์บุ๊ค ในปี พ.ศ.2533


ตามตำนานเชื่อกันว่าหลวงพ่อทองคำเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เมื่ออาณาจักรเสื่อมอำนาจลง ชาวเมืองจึงได้ลงรักและพอกปูนทับเนื้อทองคำขององค์พระพุทธรูปไว้ให้รอดพ้นจากข้าศึกศัตรู ทำให้ไม่มีใครรู้เลยว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีเนื้อแท้เป็นทองคำ จนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระพุทธรูปจากหัวเมืองมาประดิษฐานยังกรุงเทพฯ หลวงพ่อทองคำที่ถูกปูนพอกไว้ทั้งองค์ก็ถูกอัญเชิญมาด้วยเช่นกัน โดยตอนแรกได้ไปประดิษฐานอยู่ที่วัดพระยาไกรอยู่นาน จนเมื่อปี พ.ศ.2478 จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดไตรมิตรวิทยารามซึ่งในขณะนั้นชื่อว่าวัดสามจีน


กว่าที่คนทั่วไปจะได้รู้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นทองคำก็ต่อมาอีก 20 ปี เมื่อมีการประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานบน พระวิหาร ก็ได้เกิดอุบัติเหตุเชือกที่ยกองค์พระขาดลง ทำให้พระพุทธรูปตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงจนปูนที่พอกไว้กะเทาะออกบางส่วน และเมื่อกะเทาะปูนและล้างรักออก ทุกคนจึงได้ทราบว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปทองคำสุกปลั่ง อีกทั้งที่ใต้ฐานพระยังพบกุญแจที่ใช้ไของค์พระแยกออก เป็นส่วนๆ รวม 9 ส่วน ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายองค์พระได้อย่างสะดวกราบรื่นขึ้น

จากเหตุการณ์นั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ตามลักษณะของพระพุทธรูป

ขอขอบคุณที่มา
https://mgronline.com/travel/detail/9630000027909