วรรคทอง ของ คนใจเพชร :: วาทะเด็ด แด่เพื่อน พุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย A ferryman-101, 13 ตุลาคม 2005.

  1. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">
    (b-green)
    กระทู้นี้ขอเปิดไว้

    เติมใจให้กัน
    วันละหนสองหน
    คนละวรรคสองวรรค
    ทั้งนี้เพื่อประจักษ์
    ในคำว่า...รัก

    "พระโพธิญาณ"
    (bb-flower ​
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    บทนำ

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">
    "เมื่อคุณแก่ชรา ผมหงอกขาว
    และง่วงเหงา
    กำลังนั่งสัปหงกข้างกองไฟ
    จงรื้อหนังสือ(กระทู้)เล่มนี้ออกมา
    แล้วอ่านช้าๆ
    วาดฝันถึงแววตาอันอ่อนโยน
    ที่ครั้งหนึ่งคนก็เคยมี"

    -William Butler Yeats-
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ฉันใคร่เห็นเธอก้าวไป...

    ฉันใคร่เห็นเธอก้าวไป
    กลางไพรเกลื่อนพฤกษ์ลึกหนา
    กลางแดดแผดลวกมรรคา
    กลางฟ้าปริปรวนครวญครืน

    กลางน้ำกรรชากกรากเกรี้ยว
    กลางเกลียวฝนกราดฟาดฝืน
    กลางโคลนคลุกครูถดูดกลืน
    กลางคืนครอบคิดมิดมูล

    ก้าวไปแม้ไฟล่มโลก
    ก้าวไปแม้โชคดับสูญ
    ก้าวไปแม้ไร้คนทูน
    ก้าวไปแม้พูนคนชัง

    จาก "ขอบฟ้าขลิบทอง"
    -อุชเชนี-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  4. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    เพื่อนร่วมทาง...

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">
    "เพื่อนทางจิตวิญญาณคือ
    ผู้ที่เราสามารถแบ่งปันความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    และความกลัวที่ลึกล้ำที่สุด
    สารภาพบาปที่เลวร้ายที่สุด
    และความผิดที่ฝังลึกที่สุดด้วยได้

    คือผู้ที่ทำให้ความฝันที่สูงส่งที่สุด
    และความฝันที่เลือนลางมากที่สุดของเรา
    แจ่มชัดขึ้นได้"

    -Edward C.Sellner-
    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    "หลวงตาแขวน" & เกาทัณฑ์ @ "วัดทางนฤพาน" (๑)

    http://dungtrin.com/narupan/chapter12.html

    ในความเป็นดวงรู้แผ่ไปไร้ประมาณชนิดนั้น คล้ายกระแสจิตปรับคลื่นของตนเข้าปะทะอย่างแรงกับคลื่นทุกข์อันลอยตัวอยู่ทั่วไปบนพื้นพิภพ ได้ยินเสียงร่ำร้องโหยไห้อย่างน่าเวทนา มันดังออกมาจากจิตมนุษย์และสัตว์แทบทุกรูปนามบนแผ่นดิน ฟังชัดราวกับอึงอลอยู่ในโสตประสาทจริง เริ่มจากแว่ว แล้วทวีขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นกระหึ่มเช่นเดียวกับฝันร้าย

    สนามคลื่นแห่งทุกข์ของคนทั้งแผ่นดินนั้น ครุวนาดั่งมหาสมุทรที่อาจโถมทับทุกสิ่งให้ล่มจมฉิบหายสิ้น เกาทัณฑ์สำเหนียกทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวอันผนึกรวมกันเป็นข่ายคลื่นมหายักษ์ ช่างทะมึนมืดน่าขนลุกเหลือประมาณ การุณยภาพที่แผ่สว่างออกจากดวงจิตของเขาถูกกลบกลืนหม่นมัวไปหมดสิ้น สู้ไม่ได้ ทัดทานไม่ไหว เทียบอะไรไม่ติดเลยกับมหาทุกข์ของปวงมนุษย์และสัตว์บนแผ่นดินและใต้แผ่นน้ำ

    ความทุกข์...ของจริงที่ยั่งยืนมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และจะต่อเนื่องไปในอนาคต

    อาจเป็นอุปาทาน หรืออาจเป็นความหยั่งรู้อะไรสักชนิด แต่เกาทัณฑ์ก็เกิดความสะเทือนใจ บันดาลความสมเพชเวทนาอย่างท่วมท้น และอยากช่วยปวงวิญญาณอันจมทุกข์เหล่านั้น...

    ความอยากช่วยทวีตัวแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยายผลของกำลังสมาธิจิต ที่สุดรวมลงเป็นดวงอธิษฐาน จิตตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าจะเจริญรอยตามพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เข้าสู่เส้นทางพุทธภูมิ ปรารถนาพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนับแต่ขณะจิตนี้เป็นต้นไป

    'สักวันเราจะเป็นพระพุทธเจ้า เราจะช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์ด้วยทศบารมี'

    สำเหนียกถึงพลานุภาพแห่งภาวะอธิษฐานในตน ขนลุกขนชันไปทั่วสรรพางค์ เขาจะไม่ไปสบายคนเดียว แต่จะพาเวไนยสัตว์ตามไปนิพพานด้วยมากที่สุดเท่าที่จะมากได้!

    บังเกิดความตื่นเต้นแปลกใหม่ สีสันแห่งสุขทุกข์อันลี้ลับเบื้องหน้าบนเส้นทางสู่พระโพธิญาณช่างท้าทายชวนระทึก เขารู้สึกว่าความเป็นตนทอดยาวไปไกล...ไกลมาก

    เสียงหัวเราะเอื่อยๆ ดังมาจากหลวงตาแขวน โพธิสัตว์หนุ่มลืมตาขึ้นมองท่าน นึกเกรงขึ้นมาว่าตนทำสิ่งใดผิดพลาดไปหรือเปล่า

    "ทางตรงที่คนอื่นปูไว้ให้เดินสบายๆ ไม่เอา จะเลือกอ้อมป่าอ้อมเขาซะเอง"

    คล้ายคนเคยอยู่ในบ้านมีที่มุงบัง ปกปิดจากสายตาคนภายนอก แล้ววันหนึ่งก็ถูกรื้อกำแพงและหลังคาทิ้ง เขาจะเดินไปซอกไหนมุมใด ขยับท่าไหน หลวงตาแขวนท่านเห็นได้อย่างสะดวกดายหมด

    ทว่าเกาทัณฑ์ก็แน่ใจว่าสิ่งที่ตนปักมั่นลงไปนั้น คือเจตนาอันแน่วแน่บริสุทธิ์ มิใช่ความคิดชั่วร้ายหรือกระทั่งอยากดึงใครมาร่วมลำบากด้วยเลย

    ที่สำคัญ นั่นคงมิใช่การสำแดงความอวดดีหรือทำตัวเป็นหัวล้านนอกครู ท่านสอนให้ละอย่างหนึ่ง ก็ดื้อไปยึดอีกอย่างหนึ่ง เจตนานั้นมาจากใจจริง เกิดขึ้นเอง มีเมตตาและกรุณานำ ทบทวนดีแล้วก็พนมมือกล่าว

    "ครับ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  6. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    "หลวงตาแขวน" & เกาทัณฑ์ @ "วัดทางนฤพาน" (๒)

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">http://dungtrin.com/narupan/chapter12.html

    ขาดคำท่าน ชายหนุ่มก็หน้ามืดวิงเวียนเปลี้ยเพลียคล้ายคนใกล้หมดความรู้สึกด้วยฤทธิ์ยาสลบไม่อาจยื้อสติและความรู้สึกทางกายให้คงอยู่ โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกลายเป็นฉากใหม่ขึ้นมาแทน กึ่งฝันกึ่งจริงเขาไม่เคยเห็นที่ราบกว้างใหญ่กระจะตาอย่างนั้นมาก่อนมันยิ่งกว่าความราบกว้างของพื้นทะเลสุดลูกหูลูกตาทุกหนทุกแห่งคลาคล่ำด้วยวิญญาณบาปรูปร่างวิกลวิการคล้ายพวกมนุษย์เปลือยทว่าปราศจากราศีของความเป็นมนุษย์ติดตัวแม้แต่น้อยกำลังเป็นอยู่ด้วยการรับทารุณกรรมต่างๆกันไปบอกตนเองทันทีว่าที่ปรากฏแก่ตานั้นคือสัตว์นรกและที่ราบกว้างนั้นก็คือพื้นที่ส่วนหนึ่งของนรกภูมิ!

    หลุดจากครอบกะลาหนึ่ง ไปเห็นอีกครอบกะลาหนึ่ง...

    เสียงโอดโอย เสียงร่ำร้องด้วยทุกขเวทนาแสนสาหัสอึงอลเต็มสองหูบรรยากาศอัดแน่นไปด้วยคลื่นความทรมานที่ส่งออกมาจากดวงวิญญาณของสัตว์บาปสัมผัสในอากาศคล้ายความพลุ่งพล่านของน้ำเดือดจัด เกาทัณฑ์เวียนๆงงๆเป็นครู่ก่อนจะสามารถปรับสติ แยกมองให้เห็นเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งลงไป
    <O:p</O:p
    ภาพสัตว์นรกตนหนึ่งถูกดูดเข้ามาใกล้ตาช่างน่าหวาดเสียวและชวนอาเจียนกับการเห็นวิญญาณบาปที่มีรูปเป็นผู้ชายกำลังนอนบิดตัวไปมาโดนหนอนนรกขนาดเท่าปลายก้อยนับพันนับหมื่นชอนไชไปทั่วร่างวิญญาณนั้นแหกปากอันกว้างใหญ่เต็มอ้า แผดเสียงแหลมบาดหูแลบลิ้นอันเหยียดยาวและมากแฉกออกมาจนสุด แต่ละแฉกเต็มไปด้วยเลือดและแผลสดท่าทางปวดแสบทรมานไปทุกหย่อมเนื้อตั้งแต่หัวจดเท้า
    <O:p</O:p
    เหมือนเขาเริ่มมีกายไปยืนอยู่ตรงหน้าวิญญาณต้องทัณฑ์ตนนั้น มันไม่เห็นเขาไม่รับทราบว่ามีวิญญาณจากมนุษยโลกมาปรากฏ เกาทัณฑ์นึกแผ่เมตตาอยากให้มันรับรู้การอุทิศส่วนกุศล และพ้นๆ ไปจากสภาพอันน่าอเนจอนาถเหลือจะกล่าวนี้ทว่ามันก็ไม่มีท่าทีรับรู้เลยเอาแต่ส่งเสียงร้องโหยหวนเพราะความเผ็ดแสบไปทั้งเนื้อตัวท่าเดียว
    <O:p</O:p
    พยายามส่งสายตาไปพินิจรายละเอียดสิ่งแรกที่ดวงจิตให้ความสนใจคือลูกตาอันเหลือกถลนของวิญญาณบาปพอเห็นชัดก็สยองไปทั้งเกล้า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน มันไม่มีตาดำมีแต่ความขาวช้ำด้านชาไร้แววกลอกหลุกหลิกส่งกระแสความเจ็บปวดรวดร้าวเกินจะกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง
    <O:p</O:p
    มีสิ่งที่เป็นเหมือนเส้นผมขอดติดหนังหัวเนื้อหนังอวัยวะส่วนต่างๆ ถอดแบบมาจากรูปกายมนุษย์เกือบทุกอย่าง มีเล็บ มีข้อนิ้วมีอะไรๆบ่งความเป็นเพศชาย ทว่าดูช่างวิปริตผิดแบบเห็นแล้วทราบทันทีว่าไม่ใช่กายมนุษย์อย่างแน่นอนและนี่ก็ไม่ใช่การพรางแต่งด้วยเครื่องมือของกองถ่ายภาพยนตร์ระดับโลกแต่มันคือของจริงที่ปรากฏต่อดวงจิตอีกระนาบหนึ่ง
    <O:p</O:p
    ของในหนังนั้นตกแต่งน่ากลัวอย่างไรก็ขาดไปอย่าง...กระแสวิญญาณของสัตว์นรก
    <O:p</O:p
    บัดนี้เขาประจักษ์แล้ว เมื่อประสบเฉพาะหน้า สัมผัสได้ถึงความกระหายอิสรภาพสัมผัสได้ถึงไอร้ายแห่งทุกข์อันแข็งกล้าผิดไปจากมนุษย์และสัตว์ที่เขาเคยพบเจอมาทั้งหมดไม่มีท่าทีว่าวิญญาณบาปจะมีความรับรู้หรือนึกคิดถึงสิ่งใดนอกจากเสวยทุกข์อันเกิดกับตัวเรื่อยไป
    <O:p</O:p
    แต่ร่างนั้นก็คล้ายมนุษย์เสียเหลือเกินคล้ายจนเขานึกเวทนาเช่นเดียวกับที่เคยให้ความเวทนามนุษย์ด้วยกันมาก่อนขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัยว่ารูปนี้คงมิได้ถูกหล่อเลี้ยงด้วยหนอนนรกเป็นแน่ถ้าเช่นนั้นมันมีสิ่งใดเป็นอาหารกัน
    <O:p</O:p
    "กายนี้เป็นอกุศลวิบาก หล่อเลี้ยงด้วยอกุศลวิบากถ้ามีอาหารก็บันดาลขึ้นจากอกุศลวิบากเช่นกัน"

    เป็นเสียงตอบของหลวงตาแขวนซึ่งทำให้เกาทัณฑ์รู้สึกตนว่ามีอีกภาคหนึ่งนั่งอยู่ในกุฏิท่านเมื่อมีสติรู้เช่นนั้นก็นึกสงสัยอีก ว่าสัตว์นรกตนนี้ทำกรรมอะไรจึงต้องมาทรมานทรกรรมสาหัสน่าสยองเกล้าเหลือทน
    <O:p</O:p
    "มันกำลังรับกรรมจากครั้งที่เคยเป็นนักบวชผู้ทรงคุณแต่บ่อนทำลายตนเองในบั้นปลายด้วยการกระทำอันเป็นทุศีลเมื่อเพื่อนนักบวชผู้มีศีลบริสุทธิ์พยายามตักเตือนและโน้มน้าวให้แก้ไข ก็เกิดโทสะพูดหยาบช้าลามก บริภาษต่างๆ นานาแถมยังชักจูงบริษัทบริวารให้เชื่อว่าผู้มีศีลนั้นเป็นตัวตลก มีกิริยาน่าขบขันและเป็นนักบวชทุศีลเสียเอง พาคนมากมายให้มีบาปมีมลทินอย่างหนักตามไปด้วย"
    <O:p</O:p
    ดวงจิตของเกาทัณฑ์ร้อนผ่าวเหมือนถูกทรายพิษซัดด้วยเพราะระลึกได้ว่าตนก็เคยทำกรรมคล้ายๆ อย่างนั้นมาก่อนเรื่องหมั่นไส้คนดีน่ะเป็นธรรมดาของคนชั่วอยู่แล้วเขาเคยค่อนแคะนินทาเพื่อนร่วมงานบางคนที่ทำตัวสมถะเรียบง่าย ใจดีเหมือนพ่อพระเป็นที่กล่าวขวัญของสาวๆ ใช้คำพูดชวนขันจนหลายคนมองหมอนั่นเป็นตัวตลกและกระทั่งสงสัยว่าเต็มเต็งหรือเปล่า
    <O:p</O:p
    แปลว่าเข้าข่ายมาอยู่ในบัญชีนรกชนิดเดียวกับสัตว์ตนนี้?
    <O:p</O:p
    เปลี่ยนจากร้อนมาเป็นหนาวสะท้านกระทั่งเกิดความยะเยือกลึกด้วยความกลัวบาปอันเคยก่อไว้แล้วนี่สักวันเขาก็จะต้องมานอนบิดไปบิดมา หนอนขึ้นตัวลิ้นยาวฉีกเป็นแฉกเหมือนอย่างนี้หรือ?
    <O:p</O:p
    โอย...
    <O:p</O:p
    สัตว์นรกตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนจากอาการบิดทุรนทุรายเป็นดิ้นปัดเร่าๆ แล้วกระแทกตัวกับพื้นขึ้นลงตั้บๆ ด้วยฤทธิ์ทรมานอันเผ็ดร้อนกล้าแข็งถึงขีดสุดมือไม้ปัดหนอนวุ่น ทั้งขยุ้มขยำ ทั้งล้วงเข้าไปในแผลใหญ่กำหนอนนรกออกมากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเพื่อปาทิ้งแต่ทิ้งเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดจำนวนลงสักนิดยังคงไต่ยุ่บยั่บยั้วเยี้ยไม่รู้จักกี่หมื่นกี่พันตัว ยิ่งดูยิ่งขนหัวลุกมองเห็นเป็นตัวๆ กำลังปีนป่ายเข้านอกออกในร่างร้ายของวิญญาณบาปอย่างครึกครื้นมากมายจนล้น ต้องปีนป่ายอยู่บนหลังพวกเดียวกันเองก็เยอะ
    <O:p</O:p
    ถ้ามีกายหยาบอยู่ด้วยป่านนี้เขาอ้วกไปแล้ว
    <O:p</O:p
    เป็นนานกว่าที่สัตว์ต้องทัณฑ์กรรมตนนั้นจะทุเลาเจ็บลงนอนดิ้นน้อยลงเหมือนตอนแรกเกาทัณฑ์ได้เห็นด้วยตาว่าความเผ็ดร้อนแห่งกรรมชั่วนั้นก็ยังมีหนักบ้างเบาบ้างสลับกันใช่จะรับแต่รสกล้าแข็งคงเส้นคงวาตลอดไป
    <O:p</O:p
    "มีอยู่"
    <O:p</O:p
    เสียงหลวงตาแขวนดังขึ้นอีกไม่แน่ใจว่าแว่วอยู่ในจิตหรือยินผ่านประสาทหูกันแน่
    <O:p</O:p
    "มีนรกบางขุมที่สัตว์บาปได้รับทุกขเวทนากล้าแข็งเสมอต้นเสมอปลายไม่มีบรรเทาลงเลยสักขณะจิตเดียวอย่างเช่นอเวจีมหานรกที่พระเทวทัตกำลังเสวยวิบากอยู่เดี๋ยวนี้ที่เอ็งเห็นนี่เป็นแค่นรกขุมกลางๆ เทียบแล้วไม่ทุกข์สาหัสสากรรจ์นักมีผ่อนหนักผ่อนเบาบ้างตามวาระ คล้ายคนระบมไข้บนโลกนั่นแหละ"
    <O:p</O:p
    อะไรกัน...นี่น่ะหรือไม่ทุกข์สาหัสสากรรจ์นัก คุณพระคุณเจ้าเขานึกว่ากำลังดูทัณฑ์กรรมที่โหดเหี้ยมที่สุดในนรกเสียอีก!
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์เบือนหน้าหนีไปจากภาพชวนสะอิดสะเอียนอย่างเกินกว่าจะรับภาพโหดเหี้ยมระดับนั้นหรือแม้น้อยกว่านั้นอีกต่อไป
    <O:p</O:p
    ดวงจิตเหมือนส่งกระแสวิงวอนมาถึงหลวงตาแขวน ขอตื่นจากฝันร้ายนี้ที
    <O:p</O:p
    อย่างช้าๆ ภาพที่เห็นจางหายไปเหมือนเงาฝัน แล้วเกาทัณฑ์ก็กลับสู่ภาวะปกติรู้สึกว่าตนเองหน้าซีดเล็กลงเหลือเท่าไม้ขีด นรกมีจริง ไม่ใช่แบบสวรรค์ในอกนรกในใจแต่เป็นอีกมิติหนึ่งที่ไปได้ อยู่ได้สยดสยองอย่างที่ทำให้เขาต้องใบ้กินไปชั่วขณะ...


    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  7. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    "หลวงตาแขวน" & เกาทัณฑ์ @ "วัดทางนฤพาน" (๓)

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">http://dungtrin.com/narupan/chapter12.html

    "เป็นไง?"
    <O:p</O:p
    ท่านถามสั้นๆ เกาทัณฑ์มองพระอาจารย์ด้วยดวงตานิ่งทื่อ มือสั่นระริกตระหนักหากท่านต้องการ ก็อาจใช้กระแสความเป็นศิษย์อาจารย์สะกดเขาให้เห็นอะไรก็ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเข้าสมาธิรองรับเสียก่อน
    <O:p</O:p
    "น่ากลัวเหลือเกินครับ"
    <O:p</O:p
    ชายหนุ่มประนมมือตอบตามใจจริง หมดมาดทะนงลงสิ้น
    <O:p</O:p
    "ภูมิเดิมของพระเทวทัตน่ะ เคยเป็นอนิยตโพธิสัตว์มาก่อน แล้วข้าจะให้รู้ไว้ว่าสัตว์ที่กำลังหนอนขึ้นตัว แลบลิ้นได้เป็นแฉกๆ นั่นน่ะก็เป็นโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่งเหมือนกัน"
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์เบิกตาโพลง ตกตะลึงเหมือนโดนทุบที่หัวอย่างแรง
    <O:p</O:p
    "เคยเป็นเพื่อนห่างๆ กับเอ็ง เอ็งก็คือคนที่เขาเล่นล้อหยาบช้าด้วยนั่นแหละ เป็นไงสะใจไหม คนที่เคยเสียดสีเอ็งตอนนี้ลงไปนอนดิ้นในนรกแล้ว"
    <O:p</O:p
    ผู้เป็นศิษย์ทำหน้าตื่นอยู่อย่างนั้น เมื่อจำไม่ได้ก็ไม่อาฆาตเมื่อไม่อาฆาตก็ไม่เกิดความสะใจแต่อย่างใด ตรงข้าม สงสาร หดหู่อยากให้วิญญาณบาปนั้นพ้นทุกข์เสียโดยเร็ว นึกอยู่ในใจคำเดียวว่า 'อโหสิ...อโหสิ' นี่แหละหนอ ก่อกรรมทำเข็ญ ทำเวรทำกรรมกันมาแล้วต่างฝ่ายต่างลืม ทว่าต้องชดใช้และรับวิบากที่ก่อตามทางของแต่ละรูปนามอย่างนี้
    <O:p</O:p
    "เอ็งแผ่เมตตาหรือยกโทษให้เขาไม่ได้หรอก เพราะที่เห็นนั่นเป็นการสะกดจากข้าอีกอย่างจิตของเขาไม่อยู่ในสภาวะที่จะติดต่อกับเอ็งหรือรับรู้กระแสบุญที่ใครอุทิศให้ไหว เพราะมัวแต่แด่วดิ้นจนลืมอะไรหมดเอ็งคงได้แต่เห็นไว้เป็นเยี่ยงอย่างว่าเมื่อรับผลอย่างนี้มันก็ได้แต่จมลงแบบโงหัวไม่ขึ้นสังวรระวังอย่าให้ถอยหลังลงอบายแบบเขาก็แล้วกัน"
    <O:p</O:p
    "ครับ"
    <O:p</O:p
    หลวงตาแขวนพยักหน้า
    <O:p</O:p
    "ถ้าพลาดตอนจะตาย จิตเป็นอกุศล พลัดไปอยู่ในอบายภูมิล่ะเอ็งเอ๋ยอกุศลวิบากมันเรียงคิวเข้ามาไม่รู้เท่าไหร่ ตระเวนเสวยกรรมจากขุมนั้นมาขุมนี้หมดขุมนี้ต่อขุมโน้นที่เอ็งเห็นนั่นเป็นแค่หนึ่งในหลายสิบอัตภาพที่ยังรอเสวยวิบากชั่วอีกบานตะไทของเขา"
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์รับทราบด้วยความสมเพชยิ่ง
    <O:p</O:p
    "ข้าต้องการบอกให้เอ็งเตรียมตัวเตรียมใจไว้ต่อไปชาติใดชาติหนึ่งเอ็งพลาดอย่างเขา เอ็งก็ต้องไปเป็นเหมือนเขา หรือยิ่งกว่าเขาจะกลับใจเสียก็ยังทันนะ ตอนนี้ศาสนาพุทธยังอยู่ หากคิดถอนพุทธภูมิก็พอมีทางเร่งพากเพียรบำเพ็ญภาวนาหน่อย จบชาตินี้จะได้ลาขาดจากสังสารทุกข์ให้พ้นๆจิตเอ็งมีบารมีธรรมพร้อมอยู่แล้ว"
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ งันงกไปชั่วขณะ นี่มันเรื่องล้อเล่นที่ไหนใครจะไปรู้ว่าต่อไปเขาจะก้าวพลาดลงนรกสักกี่ขุมนิสัยห่ามๆ ไม่คิดหน้าคิดหลังอย่างเขา...
    <O:p</O:p
    เมื่อคิด เขาจะเป็นคนฉลาด มีสติปัญญารอบคอบถี่ถ้วนที่สุดตริตรองมองการณ์ได้ไกลที่สุด แต่เมื่อไม่คิด เขาก็โง่ได้เท่าคนปัญญาอ่อน ขาดสติไร้การไตร่ตรองใดๆ หุนหันพลันแล่นอยู่เรื่อย
    <O:p</O:p
    ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นเบือก็เคย ขโมยของก็เคย เป็นชู้กับเมียเพื่อนก็เคยโกหกพกลมปั้นน้ำเป็นตัวก็เคย กินเหล้าเมายาจนโอ้กอ้ากน่าทุเรศก็เคย
    <O:p</O:p
    ดูแล้วเหมือนบ้าแน่ๆ โอกาสหลุดหนี้กรรมมาถึงแล้วในชาตินี้จะสละไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ?
    <O:p</O:p
    ความประหวั่นในผลกรรมท่วมทับจนใจสั่น ถ้าปล่อยโอกาสทองซึ่งนานครั้งจะมีนี้หลุดไปเขาจะต้องไปก่อกรรมทำเข็ญด้วยความไม่รู้อีกมากเท่าไหร่และจะต้องไปชดใช้กรรมในมิติมืดอีกเยิ่นยาวยืดเยื้อแค่ไหน?
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์ขบฟันแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมขึ้นมาบนขมับ ขอบตาขยิบหลายหนทำไมเขาถึงรู้สึกว่าต้องตัดสินใจเสียเดี๋ยวนี้ ชีวิตคงยังอยู่อีกหลายปีไว้รอคิดไปเรื่อยๆ ก็ได้
    <O:p</O:p
    ไม่สิ...จะเป็นถึงพระพุทธเจ้า มาเริ่มต้นด้วยลังเลคิดดูก่อนเสียอย่างนี้น่ะหรือคนขลาดเยี่ยงนี้น่ะหรือจะทำงานระดับไตรภูมิ ปั้ดโธ่เอ๊ย...นรกก็นรกสิน่า!
    <O:p</O:p
    กลับจากกลัวเป็นกล้าอย่างบ้าบิ่นขึ้นมาในพริบตาเดียวใจที่สั่นกลับปักมั่นยิ่งกว่าเสาเหล็กที่ถูกตอกลงลึกทะลุชั้นหินแข็ง
    <O:p</O:p
    'กูยอมลงนรกเพื่อพระโพธิญาณ เวไนยสัตว์อีกมากมายจะได้สบายเพราะกู'
    <O:p</O:p
    เห็นแล้วว่าจิตชนิดนี้เท่านั้นที่สมควรมุ่งบำเพ็ญพุทธบารมีไม่มีใครยอมแลกตัวเองเพื่อคนอื่น...ไม่มี...พระพุทธเจ้าคืออดีตผู้บำเพ็ญบารมีอันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะทำและเขาก็จะเป็นหนึ่งในนั้น!
    <O:p</O:p
    เกาทัณฑ์เหลือบตาอันโชนกล้าด้วยรังสีเจตนาอันแน่วแน่ขึ้นมองอาจารย์ทรงด้วยตบะอันข่มความกลัวไว้ใต้อำนาจได้สิ้น ไม่ระย่อไม่ยี่หระกับหนทางทุกข์ร้อนอันทอดยาวยืดไกลเบื้องหน้าแม้แต่น้อย
    <O:p</O:p
    "ถ้าการเป็นพระพุทธเจ้าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเกิดเป็นมนุษย์สามัญธรรมดาผมก็จะขอเกิดเป็นมนุษย์ทุกชาติ ทุกครั้งแม้แตกตายลงต้องไปรับผลกรรมอันเนื่องด้วยความไม่รู้ใดๆ ผมก็ยอมครับหลวงตาขอยืนยันว่าผมจะต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าให้ได้!"
    <O:p</O:p
    น้ำเสียงมั่นคงที่ฟังสะเทือนโลกนั้นทำให้หลวงตาแขวนตบเข่าฉาดหัวเราะออกมาดังลั่น นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเห็นกิริยาเช่นนั้นของท่านสำเหนียกว่าหัวเราะนั้นซ่อนไว้ทั้งความพึงใจและความรักใคร่ห่วงใยอาทรมิใช่หัวเราะด้วยความขบขันขาดสติอย่างปุถุชนทั่วไป
    <O:p</O:p
    หัวเราะอยู่พักหนึ่งท่านก็หยุดกะทันหัน
    <O:p</O:p
    "อย่างนี้สิวะมันถึงจะไปตลอดรอดฝั่ง เอานรกมาขู่ก็ไม่กลัว ดึงดันจะไปให้ได้คนปรารถนาโพธิญาณน่ะมีเยอะ แต่ที่ไปถึงจริงน่ะน้อยเท่าน้อยทนทุกข์ในสังสารวัฏกันไหวสักกี่น้ำ"<O:p</O:p

    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  8. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ของแถม จาก หลวงตาแขวน...

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off"></TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">"อย่าหลงคิดว่าพบธรรมชั้นสูงแล้ว ธรรมแท้น่ะไม่มีสูงมีต่ำหรอก ถ้าใครถึงจริง ถึงเป็นปกติ ต้องรู้สึกว่างๆเป็นกลาง ถ้าแค่เข้าขั้นรู้สึกว่าตัวเองสูงส่ง ก็แปลว่าโดนกิเลสเอาไปกินเสียก่อนจะถึง เอ็งเพิ่งเห็นแบบแตะๆต้องๆแค่นี้ ยังต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะไปถึงความเป็นที่สุด"

    (หลวงตาแขวน กล่าวกับ เกาทัณฑ์)
    "ทางนฤพาน"
    -ดังตฤณ-

    http://dungtrin.com/narupan/chapter12.html


    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2005
  9. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ทีละหนึ่ง

    เพื่อนเราคนหนึ่งกำลังเดินทอดน่องไปตามชายหาดเม็กซิกันอันเวิ้งว้าง ตอนพระอาทิตย์กำลังอัสดงลับขอบฟ้า

    ขณะที่เขาเดินไปเรื่อยๆ นั้น เขาก็เห็นชายอีกคนหนึ่งในระยะไกล

    ระหว่างที่เขาเดินใกล้เข้าไป ก็เห็นว่า ชายพื้นเมืองคนนั้นกำลังก้มหยิบบางอย่างขึ้นแล้วขว้างลงทะเล ชายคนนั้นโยนอะไรสักอย่างลงทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า

    เมื่อเพื่อนของเราเข้าไปใกล้ขึ้น เขาเห็นชายคนนั้นกำลังหยิบปลาดาวที่เกยตื้นบนหาดทรายขึ้นมาทีละตัว แล้วเขาก็โยนกลับลงทะเล

    เพื่อนของเรารู้สึกงง จึงเดินเข้าไปหาชายคนนั้น แล้วพูดว่า

    "หวัดดี กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?"

    "ผมกำลังโยนปลาดาวพวกนี้ลงทะเล คุณเห็นมั้ย ตอนน้ำลง ปลาดาวพวกนี้นอนเกยตื้นอยู่บนฝั่ง ถ้าผมไม่โยนมันลงทะเล มันก็จะขาดออกซิเจนตายหมด"

    "ผมเข้าใจ" เพื่อนของเราตอบ "แต่ปลาดาวตั้งหลายพันตัวเกยตื้นอยู่บนหาดนี้มันมากเกินไป คุณไม่มีทางเก็บมันได้หมดหรอก คุณไม่คิดเหรอว่า เรื่องแบบนี้ อาจเกิดขึ้นที่ชายหาดนับร้อยตลอดชายฝั่งก็ได้ เห็นไหม มันไม่สำคัญหรอก"

    ชายพื้นเมืองยิ้ม แล้วก้มลงหยิบปลาดาว ต่อไป ขณะที่เขาโดยนมันกลับลงทะเล เขาตอบว่า

    "ต้องให้ความสำคัญกับมันทีละตัว!"

    From "Chicken Soup for the Soul"
     
  10. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    คนหิว อยู่เป็นปกติสุขไม่ได้
    จึงวิ่งหาโน่นหานี่
    เจออะไรก็คว้าติดมือมาโดยไม่สำนึกว่าผิดหรือถูก
    ครั้นแล้วสิ่งที่คว้ามาก็เผาตัวเองให้ร้อนยิ่งกว่าไฟ

    คนที่หลงจึงต้องแสวงหา
    ถ้าไม่หลงก็ไม่ต้องหา
    จะหาไปให้ลำบากทำไม
    อะไรๆ ก็มีอยู่กับตัวเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว
    จะตื่นเงา ตะครุบเงาไปทำไม
    เพราะรู้แล้วว่า เงาไม่ใช่ตัวจริง

    ตัวจริง คือ สัจจะทั้งสี่ที่มีอยู่ในกายในใจอย่างสมบูรณ์แล้ว

    คำสอนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
     
  11. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    การเดินทางยังไม่สิ้นสุด

    _/|\_ สาธุครับ จอมมาร

    <TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">
    ทางข้างหน้า เวิ้งว้าง แสนว่างเปล่า
    แดดจะเผา ผิวผ่อง จนหมองไหม้
    ที่ตรงโน้น มีหุบเหว มีเปลวไฟ
    ถ้าอ่อนแอ จะก้าวไป อย่างไรกัน?

    -ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง-


    </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2005
  12. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    สรรพสัตว์กลัวผลแห่งบาป พระโพธิสัตว์กลัวเหตุแห่งบาป

    เกิดมาหน้าที่นั้น................ติดตัว
    ชีพอยู่ต้องยิ้มหัว...............อย่าท้อ
    สิ่งเดียวที่ควรกลัว..............คือบาป
    ทำถูกแม้โลกล้อ................อย่าได้หวั่นไหว ฯ

    -ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2005
  13. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ลักษณะของพระโพธิสัตว์ คือ...

    <TABLE style="WIDTH: 389px; HEIGHT: 344px" cellSpacing=1 cellPadding=2 width=389 align=center border=0><TBODY><TR><TD>เป็นโรคก็เป็นโรคจะได้เสี่ยงโชคกับความตาย</TD></TR><TR><TD>อันตรายก็อันตรายจะได้ขวนขวายตั้งหลัก</TD></TR><TR><TD>อุปสรรคก็อุปสรรคจะได้รู้จักนิพพาน</TD></TR><TR><TD>มารก็มารจะได้กล้าหาญทรหด</TD></TR><TR><TD>นานกำหนดก็นานกำหนดจะได้รู้อดรู้รอ</TD></TR><TR><TD>คบใครด้วยใจคอไม่ต้องร้องขออะไรใคร</TD></TR><TR><TD>ไม่ตามใจก็ไม่ตามใจจะได้ขัดใจดูสักที</TD></TR><TR><TD>ทำดีก็ทำดีไม่ต้องให้ดีเหม็นสาบ</TD></TR><TR><TD>มีลาภก็มีลาภไม่ต้องร่วมหาบเสาะหา</TD></TR><TR><TD>นินทาก็นินทาไม่ปรารถนาโต้ตอบ</TD></TR><TR><TD>ชอบหรือไม่ชอบนี้คือบททดสอบของโพธิสัตว์ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หนังสือ "เจ็บ...แต่ก็...โอเค" โดยท่านจันทร์
    http://www.prajan.com/poetry.php?act=poemview&novelistid=1&poemid=53
     
  14. จอมมาร

    จอมมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +176
    เขาเล่าว่า พระอาจารย์ตื้อ อจลธมฺโม นอกจากจะเป็นพระเถระที่ชำนาญทางวิปัสนาธุระแล้ว ท่านยังนิยมที่จะแสดงธรรมอบรมศิษยานุศิษย์ ที่ไปมาหาสู่ท่านอยู่เสมอ ธรรมะที่ท่านแสดงมีอยู่บทหนึ่งที่บรรยายถึงความดีของสุนัข บอกว่าสัตว์บางครั้งดีกว่าคนบางคนเสียอีก สัตว์ทุกชีวิตมีดีประจำตัวของมันทั้งนั้น สัตว์ก็มีวัฏสงสารเช่นคน ในที่สุดก็ให้น้อมนำธรรมะนำมาพิจารณาเวลาถูกโลกธรรมครอบงำ ให้พยายามหาเหตุผลมายับยั้งชั่งใจ เช่นเขาด่าว่าเราเป็นหมา เราก็ถือว่า หมามันก็มีดีเหมือนกัน ท่านได้บรรยายว่า หมานั้นมีมงคล คือความดีถึง ๒๐ อย่าง คือ
    ๑. วิ่งได้เร็ว คนวิ่งตามไม่ทัน
    ๒. เดินกลางคืนได้ไม่ต้องจุดไฟ
    ๓. เข้าป่าหนาม หนามไม่ทิ่มเท้า
    ๔. จมูกเป็นทิพย์
    ๕. กินอาหารได้ทุกชนิดได้ไม่เลือก
    ๖. เวลาเยี่ยว ยกขาไหว้ธรณี
    ๗. ก่อนนอนเดือนเวียน ๓ รอบ
    ๘. สืบพันธุ์โดยไม่รู้จักอาย
    ๙. รู้จักเจ้าของดี
    ๑๐. ถ้ามีแขกแปลกหน้ามาเห่า
    ๑๑. เวลาออกลูกไม่มีหมอตำแย
    ๑๒. กินอาหารก้างไม่ติดคอ
    ๑๓. ไม่เคยห่มผ้า หรือกางมุ้ง
    ๑๔. เวลานอนไม่หนุนหมอน
    ๑๕. ไม่ปูที่นอน
    ๑๖. กินข้าวไม่ต้องกินน้ำ
    ๑๗. ไม่ต้องคิดบุญ คิดบาป
    ๑๘. นอนตากแดดได้นานถึง ๓ ชั่วโมง
    ๑๙. ไม่ถึงฤดูกาล ไม่มีการผสมพันธุ์
    ๒๐. ตกน้ำไม่ตาย คือว่ายน้ำเร็วกว่าคน
     
  15. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    พุ ท ธ ศ า ส น สุ ภ า ษิ ต ห ม ว ด ที่ ๑ ๑ ต น - ฝึ ก ต น


    ผู้ประพฤติดี ย่อมฝึกตนอยู่เป็นนิจ
    อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา


    ชนะตนนั่นแหละ เป็นดี
    อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย


    ตระเตรียมตนให้ดีเสียก่อนแล้ว ต่อไปจะได้สิ่งอันเป็นที่รัก
    ลพฺภา ปิยา โอจิตฺเตน ปจฺฉา


    ติตนเองเพราะเหตุใด ไม่ควรทำเหตุนั้น
    ยทตฺตครหิ ตทกุพฺพมาโน


    ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว
    สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ


    พึงขวนขวายในเป้าหมายของตน
    สทตฺถปสุโต สิยา


    ไม่พึงอาศัยผู้อื่นยังชีพ
    นาญฺญํ นิสฺสาย ชีเวยฺย


    ท่านเอ๋ย ! ท่านก็สามารถทำดีได้ ไยจึงมาดูหมิ่นตัวเองเสีย
    กลฺยาณํ วต โภ สกฺขิ อตฺตานํ อติมญฺญสิ


    จงอยู่อย่างมีหลักยึดเหนี่ยวใจ อย่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง
    สนาถา วิหรถ มา อนาถา

    ๑๐
    โทษคนอื่นเที่ยวกระจาย เหมือนโปรยแกลบ
    แต่โทษตนปิดไว้ เหมือนพรานนกเจ้าเล่ห์แฝงตัวบังกิ่งไม้

    ปเรสํ หิ โส วชฺชานิ โอปุนาติ ยถาภุสํ
    อตฺตโน ปน ฉาเทติ กลึว กิตวา สโฐ

    http://www.parliament.go.th/bud-com/bud-word.htm
     
  16. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    The Impossible Dream

    By Joe Darion


    To dream the impossible dream
    To fight the unbeatable foe
    To bear with unbearable sorrow
    To run where the brave dare not go
    To right the unrightable wrong
    To love pure and chaste from afar
    To try when your arms are too weary
    To reach the unreachable star
    This is my quest to follow that star
    No matter how hopeless, no matter how far
    To fight the right without question or pause
    To be willing to march into hell for a heavenly cause
    And I know, if I'll only be true
    To this glorious quest
    That my heat will lie peachful and calm
    When I'm laid to my rest
    And the world will be better for this
    That one man scorned and coverd with scars
    Still stove with his last once of courage
    To reach the unreachable star...​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2005
  17. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ฝันไปไกล... สุดใจฝัน...

    เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
    ถอดความ จาก
    The Impossible Dream
    By Joe Darion


    จะฝันในสิ่งอันมิอาจฝัน
    จะต่อสู้ศัตรูอันมิอาจสู้
    ความทุกข์อันมิอาจทนจะทนดู
    จะไปสู่ที่ผู้กล้ามิกล้าไป

    จะแก้สิ่งผิดอันมิอาจแก้
    จะรักยิ่งจริงแท้พิสุทธิ์ใส
    จะฟื้นแรงอ่อนล้ากลับกล้าไกร
    จะหาญใฝ่คว้าดาวเอื้อมเอามา

    ปณิธานดั้นไปให้ถึงดาว
    ถึงสุดหาวไร้หวังยังฝันฝ่า
    จะต่อสู้กู้สิทธิ์อิสรา
    ไม่นำพาพร้อมพลีแม้ชีวิต

    เพียงประจักษ์แจ้งจริงสิ่งบรรเจิด
    สันติสุขบังเกิดแก่ดวงจิต
    พร้อมสละ พร้อมยอม พร้อมอุทิศ
    หมายว่าโลกจะโสภิตกว่าวันนี้

    หนึ่งเดียวนี้ริ้วรอยพร้อยแผลพัน
    แม้ถูกหยันประณามหยามศักดิ์ศรี
    ยังหาญกล้าแม้สุดท้ายปลายธุลี
    ดวงดาวที่สุดเอื้อม--จะเอื้อมดาว...​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2005
  18. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ในหลวงทรงรับสั่งให้กำลังใจ

    ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม?
    เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำ
    คงได้เงินมาไม่กี่บาท แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็ก
    เหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง
    เวลาหลอมนี่ เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมาก
    พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบ
    คงต้องนำมาตีให้แบนอีก
    เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาด้วย
    ต้องตีไป เผาไป อยู่หลายรอบ
    กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
    ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน
    แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจ
    ก็ต้องนำไปแกะสลักลวดลาย
    เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคม
    มาตีให้เป็นลวดลายอีก
    แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
    เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ

    จะเห็นว่ากว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก
    จะกลายเป็นดาบอันงดงามนั้น ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย
    ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จ
    ดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า...

    "ใครไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น
    จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2005
  19. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    ชีวิต คือ สาระของความผิดพลาด

    สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่า
    เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ เราห้ามใช้ยางลบ

    ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักเท่าไหร่
    รู้เพียงแต่ว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว
    ฉันก็อยากแก้ให้มันตรง สวย
    แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น
    ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ

    สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆ นั้นไปตามจินตนาการ
    เช่นถ้าฉันตั้งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันเผลอวาดดวงตากลมโตเกินไป
    ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน
    แม้ตอนนั้นฉันจะไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ
    และแม้ฉันจะไม่เคยคิดวาดรูปหน้าคนใส่แว่นตามาก่อน
    แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจว่า
    ฉันสามารถวาดภาพๆ นั้นด้วยความมั่นใจ
    และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง

    เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น
    แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ
    การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด

    ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนทุกคน
    และในชีวิตหนึ่งนี้ก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น
    และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ การที่ฉันเข้าใจว่า
    ธรรมชาติของความผิดพลาด คือการที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่อย่างถาวร
    ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด
    แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง

    ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว
    การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้
    อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปลบแก้ไขมันนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
    สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ
    และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากขึ้น

    ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อจะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม
    แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้
    ดังนั้นเราต้องตั้งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น
    และถึงแม้ภาพที่เราวาดจะออกมาไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่
    แต่มันก็มาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ

    ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง เราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง
    เพราะถึงอย่างไร ฉันเชื่อว่า ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่
    ภาพชีวิตของเราก็งดงามได้ โดยไม่ต้องใช้ยางลบ


    Mail Forward
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005
  20. A ferryman-101

    A ferryman-101 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +79
    สิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่

    กรวดเม็ดเล็ก ๆ รวมกันเป็นภูเขาสูงใหญ่
    ก้าวเดินก้าวเล็ก ๆ เป็นระยะทางได้หลายกิโล
    การกระทำเล็ก ๆ ด้วยความรักความกรุณา
    สร้างโลกให้สดใส สดสวยด้วยรอยยิ้ม

    คำพูดเล็ก ๆ สามารถบรรเทาปัญหาที่แสนจะยากเย็น
    อ้อมกอดเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง
    เทียนไขเล็ก ๆ ส่องแสงนำทางในความมืดมิด
    ความจดจำสิ่งเล็ก ๆ คงอยู่นานหลายปี

    ความฝันใฝ่เล็กๆ นำไปสู่ความยิ่งใหญ่
    ชัยชนะเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จที่ปรารถนา
    สิ่งเล็กๆ ต่าง ๆ ในชีวิต
    นำมาซึ่งความสุขอันยิ่งใหญ่

    ถ้าเราได้คิดสักนิดถึงสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้แล้วหละก็
    ความอบอุ่นเมื่อคิดถึงเธอก็ผุดขึ้นในใจ
    มันเป็นความสุขใจอันสุดแสนจะบรรยาย
    .. เสมอและตลอดไป ..

    ขอขอบคุณ : ดอกฟ้า กะ ม๋าบนดอย : เอื้อเฟื้อบทกวี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...