"รังต่อ"ก่อเหตุ!?! เสาเอไอเอสวอด จุดไฟเผาทำลายรัง พรึบเดียว-ทั้งเสา

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
เพลิงกำลังลุกไหม้


</TD></TR></TBODY></TABLE>แล้วเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที เมื่อช่างซ่อมบำรุงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือบริษัทเอไอเอส จ้างวานชาวบ้านให้ช่วยขึ้นไปตี "รังต่อ" ที่ทำรังขนาดใหญ่อยู่บนเสาโทรศัพท์สูงเสียดฟ้า

แต่งานนี้เจอวิธีแบบชาวบ้านๆ ใช้วิธีสุมไฟใส่รังต่อหวังเผาทิ้งให้สิ้นซาก แต่ไม่รู้ทำอีท่าไหนไฟเกิดลุกไหมสายนำสัญญาณวอดวายเกือบทั้งต้น ต้องระดมรถดับเพลิงฉีดน้ำอย่างโกลาหนกว่าจะดับไฟลงได้

พินาศเพราะความประมาทแท้ๆ



เย็นวันที่ 9 พ.ย. พ.ต.ท.คมสัน มาศิริ สารวัตรเวรสภ.ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัทเอไอเอส ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม หลักก.ม. ที่ 343 หมู่ 4 ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถดับเพลิงจำนวนหนึ่ง

เมื่อไปถึงพบไฟกำลังลุกโชติช่วงอยู่บนเสาโทรศัพท์ระฟ้า แถมมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ต้องระดมใช้น้ำดับเพลิงอยู่นานราวครึ่งชั่วโมงเพลิงจึงสงบ

หลายคนตั้งคำถามว่าจู่ๆ ไฟขึ้นไปไหม้บนนั้นได้อย่างไร!??

จากการตรวจสอบที่โคนเสาส่งสัญญาณ พบเศษอุปกรณ์ชิ้นส่วนของสายอากาศถูกเผาไหม้ขาด ตกกระจายเกลื่อน ทั้งยังพบไม้รวกยาวประมาณ 4 เมตร มีผ้าชุบน้ำมันมัดติดอยู่บริเวณปลายไม้ตกอยู่ ใกล้กันมีเศษชิ้นส่วนรังต่อที่มีตัวอ่อน และตัวต่อจำนวนมากตกลงมากระจัดกระจายเต็มพื้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
รังต่อขนาดมหึมา


</TD></TR></TBODY></TABLE>

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ก่อนเกิดเหตุมีชายคนหนึ่งปีนขึ้นไปบนเสา เพื่อขึ้นไปเผารังต่อ หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น

ส่วนคนเผารังต่อเผ่นหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว



ในที่เกิดเหตุตำรวจเจอนายบุญร่วม ร่มรุกข์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129 หมู่ 8 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา พนักงานบริษัทบางกอกเทเลคอม ซึ่งเป็นบริษัทรับผิดชอบงานซ่อมบำรุงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัทเอไอเอส ยืนทำท่าเบลออยู่จึงนำตัวมาสอบสวน

ได้ความว่ากำลังจะขึ้นไปซ่อมอุปกรณ์ด้านบน แต่เกิดไปเจอรังต่อขนาดมหึมา มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 80 ซ.ม. ทำรังอยู่กลางเสาเลยขึ้นไปไม่ได้ จึงไปขอร้องนายบุญลพ ทองหล่อ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.11 ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน มาช่วยตีรังต่อ

โดยนายบุญลพใช้วิธีพิชิตตัวต่อแบบชาวบ้าน ใช้ไม้พันผ้าชุบน้ำมันจุดไฟลนรังต่อเพื่อฆ่าตัวและทำลายรังของมัน แต่แล้วจู่ๆ ได้เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาทันควัน นายบุญลพจึงทิ้งข้าวของรีบปีนลงมาจากเสาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
สำรวจความเสียหาย


</TD></TR></TBODY></TABLE>

ปล่อยให้ไฟลุกไหม้ไปอย่างนั้นเพราะไม่มีปัญญาปีนขึ้นไปดับได้

ค่าเสียหายครั้งนี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพราะอุปกรณ์ทุกอย่างของเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ราคาแพง

เมื่อถูกไฟไหม้จึงต้องเปลี่ยนใหม่หมด



หลังเกิดเหตุเหลือเชื่อ ทางบริษัทเอไอเอส ส่งนายสามารถ อรรถมณี ผู้จัดการศูนย์เอไอเอส หัวหิน นำทีมช่างผู้เชี่ยวชาญกว่า 10 ชีวิต เดินทางมาซ่อมแซมเสาเปลี่ยนอะไหล่อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสาเบสดังกล่าวอยู่ริมถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่จะเดินทางขึ้นลงภาคใต้ อาจทำให้สัญญาณในช่วงนั้นเกิดผลกระทบกับผู้ใช้บริการ

ขนาดถึงมือช่างผู้ชำนาญการ ยังต้องใช้เวลาซ่อมนานถึง 5 ชั่วโมง ที่นานเพราะถูกตัวต่อตามมารังควาน

ทั้งต่อย ทั้งตอม มะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด!!

นายสามารถตั้งข้อสังเกตว่า ไม่นึกว่าจะเกิดความเสียหายมากมายขนาดนี้ ดีที่เจ้าหน้าที่ดับไฟไว้ได้ทัน ก่อนที่จะลุกลามเข้าไปยังตู้ หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาล

ยังดีที่เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ได้รับผลกระทบเฉพาะสายนำสัญญาณ ส่วนตัวทาวเวอร์ทางเอไอเอส ยืนยันว่าไม่เสียหายแต่อย่างใด

แต่ทางที่ดีอย่าให้เกิดขึ้นอีกเป็นดีที่สุด

"รังต่อเป็นอุปสรรคมากในการดูแลเสาส่งสัญญา เพราะชอบทำรังอยู่บนเสาส่งสัญญา เป็นแมลงที่ดุมาก สามารถทำอันตรายถึงชีวิต หากเจอปัญหานี้อีกเราจะประสานขอนักผจญเพลิงมาดำเนินการ จะไม่ทำกันเองแบบนี้ เพราะเป็นการเสี่ยงเกินไป" นายสามารถกล่าว



ในส่วนของคดี พ.ต.ท.คมสัน มาศิริ พนักงานสอบสวน สภ.ต.คลองวาฬ อ.เมืองประจวบฯ ได้บันทึกภาพอุปกรณ์ชิ้นส่วนของสายอากาศถูกเผา และไม้รวกปลายไม้มีผ้าชุบน้ำมันดีเซลผูกติดอยู่ที่บริเวณโคนเสา รวมทั้งรังต่อที่ตกลงมาไว้เป็นหลักฐาน

การกระทำของนายบุญร่วมและนายบุญลพ หากพบว่าเป็นการทำตามหน้าที่ในฐานะพนักงานบริษัท จะเป็นเพียงแค่การกระทำโดยประมาท เพราะไม่เกิดความเสียหายกับบุคคลอื่น และไม่มีใครได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่ห่างจากบ้านเรือนประชาชน จึงเป็นเรื่องภายในของทางบริษัทเอไอเอสเอง

แต่ถ้าหากทางเอไอเอสมีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดี ก็จะต้องมีการสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง

แม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีใครได้รับอันตราย แต่หลายคนก็ต้องหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกัน เพราะบ่อยครั้งที่เห็นการทำลายรังต่อโดยวิธีจุดไฟเผาแบบนี้

ขนาดเสาสูงเสียดฟ้ายังไหม้

แล้วบ้านช่องจะไปเหลืออะไร


ที่มา http://www.matichon.co.th/khaosod