รักชนะได้ทุกสิ่ง

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 27 กันยายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมไม่ได้จะมาโปรโมทเพลงหรอกครับ..แต่บังเอิญชอบเป็นการส่วนตัว


    อ่านจบแล้วลองถามตัวเองว่า...วันนี้คุณมีเวลา...พอไหม กับคนที่คุณรัก

    เพลง : คนไม่มีเวลา
    เนื้อร้อง : ธนกฤต พานิชย์วิทย์
    ทำนอง / เรียบเรียง : ชวิน จิตรสมบูรณ์


    เพลง คนไม่มีเวลา จากเรื่องจริงที่กินใจ

    ถ้าพูดว่า คนไม่มีเวลา หลายๆคนคงนึกภาพของคนที่ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไร, คนที่ชีวิตวุ่นวายรีบเร่ง แต่สำหรับว่าน ธนกฤต คนไม่มีเวลา

    มีความหมายต่างจากนั้นมากมายนัก

    ข้อความต่อๆไป เกิดจากการพูดคุยสัมภาษณ์กับนักร้อง นักดนตรี รุ่นใหม่ ว่าน ธนกฤต

    ผมกับพี่จั๊ก (ชวิน จิตร์สมบูรณ์) ทำงานเพลงร่วมกัน ซึ่งพี่จั๊ก แต่งทำนองเสร็จนานแล้ว และให้ผมเขียนเนื้อ แต่ผมก็ยังเขียนไม่ได้ซักที
    มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังจัดรายการ ก็มีแฟนรายกา รคนนึงมาขออัดเสียงผม โดยบอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่กำลังป่วยฟัง และเพื่อนคนนั้นเค้าชอบผมมาก ซึ่งผมก็บอกว่า อย่าอัดเสียงเลยครับ ผมไปเยี่ยมก็ได้ ซึ่งตอนแรกผมรู้เพียงว่า พี่คนนั้นเค้าป่วย ต้องผ่าตัดสมอง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่า เค้าเป็นอะไรขนาดไหน


    ซึ่งพอผมไปถึงที่โรงพยาบาล สิ่งแรกที่กระทบผมคือ เสียงเพลงจากอัลบั้มแรกของผมดังอยู่ในห้องนั้น ภาพที่ผมเห็นคือ
    ห้องคนป่วยที่บนผนังห้องติดโปสเตอร์ของผม รูปของผม และตารางจัดรายการของผม ส่วนพี่ที่นอนอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว

    มีผ้าพันหัวและอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมด ผมได้พบกับครอบครัวของพี่เค้าด้วย ทุกคนในห้องเล่าให้ผมฟังว่า พี่ที่ป่วยชื่อพี่บี เป็นโรคเส้นเลื อดในสมองแตก ต้องผ่าตัดสมองถึง 5 ครั้ง และตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย
    ทั้งแม่ และครอบครัว รวมถึงสามีของพี่บี ทุกคนเล่าให้ผมฟังว่า พี่บีดีขึ้น คือเริ่มขยับนิ้วได้บ้างแล้ว ทุกคนดูมีความหวังและกำลังใจ แต่สำหรับความรู้สึกของผม
    ผมกลับรู้สึกว่า เวลาในห้องนั้นได้หยุดเดิน ทุกคนที่รอ รออย่างไร้จุดหมาย เหมือนเวลามันได้ผ่านเลยไปสำหรับคนที่รออยู่


    วันนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน ผมเขียนเพลงที่ดองไว้นานเสร็จในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเวลาอาจไม่มีความหมาย...สำหรับคนบางคน


    ข้างล่างเป็นเรื่องราวของพี่มืดและพี่บี

    พี่มืดกับพี่บี รู้จักกันเพราะทำงานที่เดียวกัน และก็เป็นแฟนกันนาน 8-9 ปี หลังจากนั้นก็แต่งงานกัน พี่มืดทำงานเป็น ครีเอทีฟบริษัทโฆษณา ส่วนพี่บีเป็นอาร์ต ไดเรคเตอร์
    ทั้ง 2 คนเรียนจบเมืองนอก และบ้างานด้วยกันทั้งคู่ เมื่อแต่งงานกัน ทั้งคู่จึงมีแผนจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมา และต้องใช้เงินอีกก้อนใหญ่ พี่บีซึ่งปกติทำงานเยอะอยู่แล้ว ก็รับจ๊อบเพิ่มขึ้น เพื่อหาเงินสร้างบ้าน งานเยอะก็เครียดหนัก จนปวดหัวประจำ และมีไมเกรนเป็นโรคประจำตัว

    หลังจากแต่งงานกันมา 1 ปี 2 เดือน เช้าวันนั้น พี่มืดแต่งตัวเสร็จแล้ว เตรียมตัวไปทำงาน แต่พี่บียังไม่ลุกจากที่นอนและบ่นว่าปวดหัว พี่มืดเลยบอกให้นอนพักอยู่กับบ้าน ไม่ต้องไปทำงาน
    แล้วพี่มืดก็ออกไปทำงาน

    นั่นเป็นเช้าวันสุดท้ายที่พี่มืดได้คุยกับพี่บี

    พี่มืดเล่าว่า พี่บีเส้นเลือดในสมองแตก เพราะอาการปวดหัวอย่างหนัก ช่วงบ่ายวันที่เกิดเรื่อง พี่บีปวดหัวจนสลบไป และพี่สาวต้องพาไปส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่า เส้นเลือดในสมองแตก และต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 5 ครั้ง ผ่าเส้นนี้อีกเส้นก็แตก ผ่าแล้วก็แตกถึง 5 รอบ จนสุดท้าย หมอก็บอกว่า คงไม่มีเส้นไหนให้แตกอีกแล้ว พี่บีออกจากห้องผ่าตัดมาก็ยังไม่ฟื้นอีกเลย

    เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว พี่มืดรับไม่ได้ ไม่ไปทำงาน ไม่กินไม่นอน ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่เข้าใจว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเค้า

    เหมือนตกจมดิ่งไปในหลุมลึกที่ไม่มีทางขึ้น ดิ้นรนทำทุกทางเพื่อคนรัก

    พี่บีอยู่โรงพยาบาล 3 เดือน แบบไม่รู้สึกตัว จนวันหนึ่ง อยู่ๆพี่บีก็ลืมตาขึ้นมา พี่มืดและครอบครัวดีใจกันมาก แต่พี่บีก็แค่ลืมตา กระพริบตา ไม่ได้รับรู้อะไร นิ้วก็เริ่มกระดิกได้
    ความหวังของพี่มืดเริ่มเกิดอีกครั้ง พี่มืดเอาแหวนแต่งงานที่ต้องถอดออกมาใส่ให้ แต่นิ้วพี่บีบวมใสไม่ได้ พี่มืดพูดติดตลกทั้งน้ำตากับพี่บีว่า อ้วนขึ้นนะเธอ ลุกขึ้นมาเดินได้แล้ว

    หมอบอกว่า สำหรับคนเป็นโรคแบบนี้ รักษาอะไรไม่ได้ นอกจากรอ บางคนก็จะฟื้นตื่นขึ้นมาเอง บางคนตื่นก็หาย บางคนถึงตื่นมาก็ช่วยตัวเองไม่ได้

    แต่บางคนก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไป ขอแค่มีความหวังและกำลังใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ หมอแนะนำให้พาพี่บีกลับไปดูแลที่บ้าน

    พี่มืดต้องพยายามทำให้ตัวเองอยู่ได้ ทั้งเพื่อตัวเอง และเพื่อพี่บี

    ชีวิตทุกวันนี้ พี่มืดตื่นขึ้นเพราะหมาที่พี่บีเคยเลี้ยงไว้ เข้ามาเลียหน้าปลุก พี่มืดต้องเปิดประตูบ้านให้มันออกไปข้างน อก ลงมาข้างล่างชงกาแฟ และแวะเข้าไปหาพี่บีที่ห้อง
    พี่มืดจะนั่งคุยเรื่องราวทั่วไป เปิดเพลง บางทีก็เอากาแฟเข้าไปใกล้ๆจมูกพี่บี เพราะพี่บีก็ติดกาแฟเหมือนกัน ถ้าอยากกินก็ตื่นขึ้นมากินนะ พี่มืดจะบอกพี่บีอย่างนี้ หลังจากดูพี่บีเสร็จก็ออกไปทำงาน ไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน มานั่งเป็นเพื่อนพี่บี เป็นกิจวัตรอย่างนี้ทุกวัน

    จากคนที่เคยสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ ก็กลับเป็นคนเงียบสงบ รถติดก็จะหยิบหนังสือสวดมนต์มาอ่าน จนทุกวันนี้ท่องจบได้เป็นหน้าๆ ทำบุญ เข้าวัด โดยหวังบุญกุศลจะส่งผลถึงคนรัก
    ที่บ้านก็ต้องเปิดเพลงที่พี่บีชอบ ต้องนั่งพูดคุยเรื่องต่างๆให้ฟังทุก วัน พยายามหาอะไรที่เค้าชอบมาให้ได้รับรู้ อะไรก็ได้ ที่จะทำให้เธอกลับมาดังเดิม

    จนทุกวันนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้ว ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน พี่บีก็ยังเหมือนเดิม ตาที่ลืมขึ้นมา ก็มองอย่างเหม่อลอย โดยหาจุดโฟกัสไม่ได้ นิ้วมือทำได้แค่เพียงกระดิก
    แต่พี่มืดเชื่อว่า พี่บีรับรู้อยู่ข้างในแต่แสดงออกมาไม่ได้ พี่บีก็คงกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อที่จะกลับมา พี่มืดก็จะต่อสู้เหมือนกัน เค้าจะไม่ทิ้งไปไหน และจะทำทุกอย่างเท่าที่ชีวิตนี้จะทำให้ได้ จะรอคอยอย่างมีความหวังต่อไป แม้เวลาจะนานต่อไปอีกแค่ไหน

    เมื่อถามว่า ถ้าพี่บีตื่นขึ้นมา พี่มืดอยากพูดอะไรกับพี่บีเป็นคำแรก

    พี่มืดตอบว่า "ผมอยากจะขอบคุณเค้า เพราะ ที่เค้าเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมรักเค้ามากแค่ไหน และถ้าผมเป็นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นแทนที่จะเป็นเค้าผมเชื่อว่าเค้าคงดูแลผมได้ดีกว่าที่ผมดูแลเค้า"

    หลายคนบอกว่า ไม่มีอะไรเอาชนะกาลเวลาได้ แต่เราเชื่อว่าความรักสามารถเอาชนะวันเวลาได้ ขอบคุณพี่มืด พี่บี และครอบครัว ที่ทำให้เรารู้จักคุณค่าของความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือเวลา
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://variety.teenee.com/foodforbrain/17573.html
     
  2. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    ซึ้งมากๆเลยคะ ... อ่านแล้วน้ำตาซึม T_____T
     
  3. หนูแอ้

    หนูแอ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +627
    ซึ้งมากๆเลยคะ ... อ่านแล้วน้ำตาซึม T_____T
     
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    มีแต่คนไม่มีเวลาทั้งนั้นเลยเนอะคนสมัยนี้นะ สุดท้ายก็เศร้า
     
  5. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    คู่นี้เขาเป็นตำนานครับ ผมยกนิ้วให้เลย รักแบบนี้คือรักแท้ครับ รักแท้คือรักที่จะสร้างตำนานให้โลกได้ประจักษ์ แม้กาลเวลาจะผ่านล่วงเลยไปเท่าไร ก็ยังบันทึกตำนานรักนี้ไว้ ให้รุ่นหลังต่อๆ ไปเล่าสู่กันฟัง ต่างกับรักลวง ที่นานวันผ่านไป ก็ลดน้อยถอยลงไปทุกที และกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกต่างหาก
     

แชร์หน้านี้

Loading...