รถน้ำมันบึ้ม! สยองร่างเละซวยอยู่ห่าง80ม.แผ่นเหล็กปลิวทับ

รถน้ำมันบึ้ม! สยองร่างเละซวยอยู่ห่าง80ม.แผ่นเหล็กปลิวทับ
รถบรรทุกน้ำมันระเบิดในปั๊ม แผ่นเหล็กกั้นในตัวถังปลิวว่อนข้ามถนนพุ่งชน-ทับช่างซ่อมเครื่องไฟฟ้าดับคาที่ขณะเปิดร้าน ด้าน พ.ญ.รพ.ราชเวช เชียงใหม่ เผยนาทีระทึก เห็นแผ่นเหล็กปลิวลอยละลิ่วอยู่กลางถนน ก่อนขับเก๋งชนหน้า-หลังพังยับ ตร.คาดสาเหตุเกิดจากช่างเชื่อมซ่อมท่อไอเสียนานจนเกิดความร้อนจนถังน้ำมันทนแรงอัดไม่ไหว

เหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิดครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.อัครภูมิ ชนะใหญ่ พนักงานสอบสวน สภ.อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ รับแจ้งเหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิด มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ภายในปั๊มน้ำมันพีที เลขที่ 175 ถนนสายดอยสะเก็ด-สันกำแพง บ้านแม่ก๊ะใต้ หมู่ 3 ต.ตลาดใหญ่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาติชาย เนียวกุล ผกก.สภ.อ.ดอยสะเก็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ จ.เชียงใหม่ แพทย์เวรจากโรงพยาบาลดอยสะเก็ด และเจ้าหน้าที่กู้ภัย

ที่เกิดเหตุอยู่ในปั๊มน้ำมันพีที พบประชาชนจำนวนมากยืนมุงดูเหตุการณ์จึงกันให้ออกนอกบริเวณ จากนั้นได้เข้าตรวจสอบ พบรถบรรทุกน้ำมันยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 82-3082 เชียงใหม่ พ่วงบรรทุกน้ำมันขนาดบรรจุ 32,000 ลิตร ทะเบียน 82-2696 เชียงใหม่ ข้างถังเขียนชื่อ หจก.เก้าเจริญปิโตรเลียม สภาพด้านท้ายตัวถังบรรจุน้ำมันเปิดออก ตัวถังด้านข้างมีรอยฉีกขาดหลายแห่ง ตรวจสอบบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุพบว่า มีร้านรับซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ฝั่งตรงข้ามปั๊มน้ำมัน ห่างประมาณ 80 เมตร ได้รับความเสียหาย ด้านหน้าพังยับ และพบศพชาย 1 ราย นอนคว่ำหน้าอยู่หน้าร้าน ทราบชื่อต่อมาคือ นายอุดร ทำบุญตอบ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 5 ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด เป็นช่างซ่อมอยู่ในร้านดังกล่าว จากการชันสูตรพลิกศพพบว่า ศีรษะแตก กระดูกซี่โครงซ้าย-ขวา และแขนซ้าย-ขาขวาหักหลายท่อน ใกล้กับศพมีแผ่นเหล็กกั้นในถังน้ำมันขนาดใหญ่ ตกอยู่ 2 แผ่น และห่างออกไปประมาณ 10 เมตร บริเวณข้างร้านพบแผ่นเหล็กกั้นด้านในถังน้ำมันตกอีก 2 แผ่น

จากการสอบปากคำ น.ส.วรรณวิศา บุญศักดิ์ อายุ 32 ปี บุตรสาวของ นายไสว บุญศักดิ์ อายุ 54 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมันดังกล่าว ให้การว่า รถน้ำมันคันเกิดเหตุได้นำน้ำมันมาส่งที่ปั๊มตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และจอดทิ้งไว้เพื่อตรวจเช็คสภาพรถ ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งทำงานอยู่ในสำนักงาน ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว รู้สึกตกใจมาก เมื่อวิ่งออกไปดูก็พบมีกลุ่มควันสีขาวโพยพุ่งกลบทั่วปั๊ม หลังจากควันสีขาวจางลงก็พบ นายณัฐวิทย์ ยี่แปง หรืออ้วน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 5 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด นอนสลบอยู่ข้างรถน้ำมัน สภาพแขนและขาขวาหัก จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ และนำตัวนายณัฐวิทย์ส่งโรงพยาบาล

น.ส.วรรณวิศา กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบรอบบริเวณทราบว่า มีรถเก๋งยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กต 4728 เชียงใหม่ ได้รับความเสียหาย กระจกหน้าและหลังแตก และมี พ.ญ.อาภาพร ธาตุอินจันทร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 209 หมู่ 2 ต.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด แพทย์ประจำโรงพยาบาลราชเวช จ.เชียงใหม่ ยืนอยู่ใกล้กับรถในอาการตกใจกลัว

ด้าน พ.ญ.อาภาพร ให้การว่า หลังจากออกเวรแล้วก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับบ้าน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นเปลวไฟและมีวัตถุขนาดใหญ่ลอยผ่านมา แต่เนื่องจากรถวิ่งมาด้วยความเร็วจึงไม่สามารถหยุดได้ทัน ทำให้วัตถุดังกล่าวกระแทกหน้าและท้ายรถอย่างแรง ก่อนจะปลิวไปยังร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนรถของตนเสียหลักพุ่งลงข้างทาง แต่ยังโชคดีที่วัตถุดังกล่าวไม่พุ่งชนกลางรถ ไม่เช่นนั้นคงได้รับบาดเจ็บแน่

นางอร ทำบุญตอบ อายุ 55 ปี มารดาของนายอุดร กล่าวทั้งน้ำตาว่า บุตรชายเป็นช่างซ่อมโทรทัศน์ เครื่องเสียง วิทยุ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์ออกจากบ้านมาเปิดร้าน และตนตามมาภายหลัง แต่เมื่อมาถึงก็ต้องตกใจและเสียใจอย่างมาก เมื่อทราบว่าบุตรชายเสียชีวิตแล้ว

ด้าน พ.ต.ท.อัครภูมิ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถน้ำมันได้จอดทิ้งไว้เพื่อเช็คสภาพรถ กระทั่งวันนี้ นายณัฐวิทย์ได้นำเครื่องเชื่อมเหล็กมาซ่อมท่อไอเสีย คาดว่าในถังน้ำมันดังกล่าวยังมีไอของน้ำมัน หรือคราบน้ำมันหลงเหลืออยู่เล็กน้อย เมื่อนายณัฐวิทย์ซ่อมท่อไอเสียจึงทำให้ความร้อน พอเกิดความร้อนขึ้นนานๆ ก็ทำให้เกิดแรงอัดแน่นอยู่ในถังและระเบิดขึ้น ทำให้แผ่นเหล็กที่กั้นเป็นช่องๆ ในถังบรรจุน้ำมันพุ่งออกทางด้านหลังของตัวถัง และตรงไปยังร้านของนายอุดร ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่นายอุดรกำลังจะเปิดร้านพอดี จึงถูกแผ่นเหล็กลอยไปทับเสียชีวิตดังกล่าว รวมทั้งแผ่นเหล็กกั้นน้ำมันส่วนหนึ่งได้ลอยไปกระแทกรถของ พ.ญ.อาภาพร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะต้องตรวจสอบก่อนว่า เป็นการกระทำด้วยความประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือเป็นอุบัติเหตุกันแน่ ส่วนค่าเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 1 ล้านบาท