*** ยุคศิวิไลซ์ ****

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 7 มกราคม 2020.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,063
    ค่าพลัง:
    +52,027
    *** “เมื่อสัจจะปรากฏชัด… ดินฟ้าอากาศจัดสรร เมืองคนบาปก็ล่มจมหายไป” ****


    สัจธรรมจะ ความสัมพันธ์ระหว่าง สัจจะ กับ ธรรมชาติ และ ความเป็นอยู่ของมนุษย์

    1. “เมื่อสัจจะปรากฏชัด”
      คือเมื่อมนุษย์กลับมาเคารพในสัจจะ ไม่บิดเบือนความจริง ไม่หลอกลวง ไม่ทรยศต่อสัญญาที่ให้ไว้กับตนเองและผู้อื่น — โลกก็เริ่มเข้าสู่ความสมดุล
    2. “ดินฟ้าอากาศจัดสรร”
      ธรรมชาติเริ่มตอบรับกับความจริงใจและความบริสุทธิ์ของมนุษย์ ฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์เจริญงอกงาม — เพราะ มนุษย์ไม่เบียดเบียน ธรรมชาติด้วยความหลอกลวง
    3. “เมืองคนบาปก็ล่มจมหายไป”
      สถานที่หรือระบบที่สร้างจากการคดโกง ความโลภ และการขาดสัจจะ ย่อมเสื่อมสูญไป ไม่สามารถอยู่รอดในยุคแห่งความจริง — เพราะความไม่จริงอยู่ไม่ได้ในแสงแห่งสัจจะ

    สัจะธรรมความจริง
    • สัจจะทำหน้าที่เหมือนแสงอาทิตย์ — เมื่อแสงสว่างมาถึง ความมืดก็สลาย
    • เมื่อคนมีสัจจะมากขึ้นจนเป็นพลังรวม โลกทั้งใบก็ต้องจัดสรรใหม่ตามแรงสัจจะนั้น
    • ระบบที่ตั้งอยู่บนความไม่จริง ความบาป และการทรยศ ย่อม ล่มสลายโดยธรรมชาติ
    สรุป

    “สัจจะ สร้างพลังเปลี่ยนแปลงโลก”

    เมื่อมนุษย์ยึดสัจจะ โลกย่อมฟื้นฟู
    เมืองของความหลอกลวง ย่อมสูญสลายไปเอง
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,063
    ค่าพลัง:
    +52,027
    3603AF8D-AB5E-4EFE-9B60-6983CD94A37C.png

    *** พลังอำนาจของ “สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ****

    หัวใจของสันติภาพ
    และรากฐานแห่งความเป็นมนุษย์


    ในโลกที่เต็มไปด้วยฝ่าย

    เราถูกผลักให้เลือกข้างแทบทุกวัน—ในสงคราม การเมือง ศาสนา ความเชื่อ เครือข่ายสังคม

    แต่ท่ามกลางเสียงตะโกนของ “ถูก-ผิด”, “เรา-เขา”, “ฝ่ายนั้น-ฝ่ายนี้”… ยังมีเสียงหนึ่งที่เงียบงัน

    เสียงของผู้ที่ “ไม่เลือกข้างใด” ด้วยความเฉยชา แต่เลือกยืนอยู่กับ “ความจริง” ด้วยหัวใจ

    เสียงนั้นคือพลังของ “สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด”


    ️ “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ไม่ใช่ความเฉยเมย

    แต่คือ การตื่นรู้ทางจิตใจ
    เป็นการฝึกจิตให้อยู่ใน ความเที่ยงธรรม
    ไม่ปล่อยให้อารมณ์หรือความชอบส่วนตัวครอบงำ
    และยึดมั่นใน “สิ่งที่ถูกต้อง” โดยไม่ต้องอิงฝ่ายใด

    “เพราะเมื่อเราฝักใฝ่ใจไปฝ่ายหนึ่ง เราอาจละทิ้งความจริงของอีกฝ่าย”

    แต่เมื่อเรายืนอยู่กลางความขัดแย้ง ด้วยความสงบและสัตย์
    เราได้กลายเป็นสะพาน ไม่ใช่กำแพง


    ⚖️ สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด = ความกล้าทางจิตวิญญาณ
    • กล้าพอที่จะไม่ปล่อยให้ตนเองถูกลากเข้าความเกลียด
    • กล้าพอที่จะพูดความจริง โดยไม่ต้องเอาใจใคร
    • กล้าพอที่จะเป็นกลาง แม้จะโดนกล่าวหาว่า “ไม่ช่วยฝ่ายดี”

    ผู้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่แท้จริง
    ย่อมยืนข้างความเมตตา
    ความเป็นธรรม และความถูกต้อง

    โดยไม่ต้องใช้ป้ายฝ่ายใดมาบังหน้าความจริง


    พลังของสัจจะนี้… ได้เปลี่ยนโลกมาแล้ว

    อนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions), กาชาด, หลักมนุษยธรรมสากล

    ล้วนตั้งอยู่บน “สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด”

    เพราะมนุษย์ที่กำลังตาย ไม่ใช่ศัตรู
    คือ “เพื่อนมนุษย์” ที่เรามีสัจจะว่าจะไม่ทอดทิ้ง


    “ในสงคราม มีเพียงความเมตตาและสัจจะเท่านั้นที่ไม่มีฝ่าย”


    ️ สัจจะนี้ จึงคือการปกป้องใจ
    • ไม่ให้ฝ่ายใดใช้เราเป็นเครื่องมือเกลียดชัง
    • ไม่ให้ข่าวลวงหรือความเชื่อที่ไม่ผ่านปัญญาพาเราไปทำร้ายใคร
    • ไม่ให้เราหลงลืมว่า… เราเป็นมนุษย์ ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก และมีสัจจะ

    ✨ จงตั้งสัจจะใหม่กับตนเอง:

    “แม้โลกจะแบ่งฝ่าย แต่ฉันจะไม่แบ่งใจ”
    “แม้โลกจะเลือกข้าง ฉันจะเลือกความจริง”
    “ฉันจะเป็นผู้รักษาสัจจะ ไม่ใช่ผู้แพร่ความเกลียด”


    ️ บทสรุป

    สัจจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
    ไม่ใช่เพียงแนวคิดทางการเมือง

    แต่คือพลังทางจิตวิญญาณ
    ที่เปลี่ยนความขัดแย้งให้กลายเป็นความเข้าใจ

    เปลี่ยนการต่อสู้ ให้กลายเป็นการเยียวยา

    และเปลี่ยนโลก ให้กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง


    เพราะเมื่อเราเลือก “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ด้วย สัจจะ
    คือเรากำลังเลือกยืนข้าง “ความจริง” ที่ไม่มีฝ่าย

    และความจริงนั้น…
    คือทางออกเดียวของโลก
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    14,063
    ค่าพลัง:
    +52,027
    *** สงคราม ****

    “สงคราม ถูกใช้เป็นฉากบังหน้าการปล้น”

    “สงครามใช้เบี่ยงเบนความสนใจของชาวโลก เพื่อไม่ให้เห็นสิ่งเลวร้ายของตน”


    สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโลก — เมื่อผู้นำหรือกลุ่มอำนาจต้องการแสวงหาผลประโยชน์ พวกเขาอาจจุดไฟสงครามขึ้นเพื่อปิดบังความชั่วร้ายของตนเอง ปล้นทรัพยากร กอบโกยผลประโยชน์ แล้วโยนความทุกข์ให้ประชาชนรับกรรม

    ตัวอย่างจากประวัติศาสตร์:
    • สงครามอิรักที่ถูกจุดขึ้นโดยข้ออ้างเรื่อง “อาวุธทำลายล้างสูง” ซึ่งภายหลังก็ไม่พบ
    • สงครามกลางเมืองในหลายประเทศที่มีกลุ่มอำนาจแทรกแซง เพื่อครอบครองทรัพยากร เช่น น้ำมัน แร่ ทองคำ หรือผลประโยชน์ทางการเมือง
    ความจริงที่ซ่อนอยู่:
    • สงครามทำให้ผู้คนตื่นกลัว สูญเสีย และไร้พลัง — ในขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังแสวงหาผลประโยชน์อย่างลับๆ
    • โลกไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็น เพราะถูกบิดเบือนด้วยภาพข่าว บิดเบือนด้วยวาทกรรม “รักชาติ” หรือ “ปกป้องอธิปไตย” — แต่ลึกๆ แล้วคือการลวงเพื่อปิดบังเจตนาอันมืดดำ

    ทางออกหนึ่งเดียวที่แท้จริง:

    “สัจจะ” — ความจริงที่กล้าพูด กล้าทำ กล้ายืนหยัดโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

    สัจจะจะเปิดโปงทุกการลวง สร้างสันติจากภายใน และไม่ยอมให้สงครามกลายเป็นเครื่องมือปล้นของมนุษย์ต่อมนุษย์


    หากโลกมีผู้นำที่ยึดถือ สัจจะ มากกว่ายึดผลประโยชน์ โลกนี้จะไม่ต้องมีสงครามเพื่อบังหน้าความชั่วอีกต่อไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...