เรื่องเด่น ยึดตำราเพื่อเป็นหลักเท่านั้น (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 25 ตุลาคม 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    ยึดตำราเพื่อเป็นหลักเท่านั้น

    xr1tf1434967695.jpg


    ยึดตำราเพื่อเป็นหลักเท่านั้น

    ถาม : …………………………………..
    ตอบ : ได้จ้ะ ไม่เป็นไร คนที่เดินทางโดยปราศจากแผนที่ แสดงว่ามีความกล้าหาญมากกว่าปกติ (หัวเราะ) อย่างน้อย ต้องมีแผนที่เอาไว้ ถึงเวลาจะได้รู้ว่าแต่ละอย่างที่เราทำไป เวลาเราพบเราเห็นแล้วเป็นอย่างไร จะได้ตั้งใจรับมือได้ถูก

    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ก่อนท่านจะบวช หลวงปู่ปานโยนวิสุทธิมรรคให้คนละเล่ม เอาไปอ่านแล้วจำให้ได้ครบทั้งสี่สิบกอง ว่าแต่ละกองของกรรมฐานมีอะไรเป็นนิมิต ? มีสัญลักษณ์อย่างไร ? แต่ละขั้นตอนมีอาการอย่างไร ? ต้องจำให้ได้หมด จำได้เมื่อไรแล้วมาบอก หลังจากนั้นท่านก็ให้เริ่มไปทีละกอง เพราะว่าตัวของเราไม่ได้เกิดมาชาติเดียว เกิดมาหลายต่อหลายชาติ ยิ่งถ้าหากว่าต้องการจะปฏิบัตินี่ก็ยิ่งระดับปรมัตถบารมีแล้ว...ใช่ไหม ?

    สามัญบารมีให้ทานได้ รักษาศีลและเจริญภาวนาไม่ได้ อุปบารมีให้ทานได้ รักษาศีลได้ บอกให้ภาวนาก็ทำไม่ได้ พวกภาวนานี่ต้องปรมัตถบารมีเท่านั้น คราวนี้กว่าจะถึงปรมัตถบารมี ก็เกิดตายมานับชาติไม่ถ้วน ของที่เคยทำได้มีเยอะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...ที่ท่านต้องบังคับให้จำได้ทั้งหมด เพราะว่าเวลาทำไป ๆ ของเก่ามักจะคืนมา

    ถ้าหากว่าฟังในปฏิปทาท่านผู้เฒ่าจะเห็นว่า หลวงปู่ปานบอกว่า ถ้าหากว่านิมิตเกิดขึ้นก็ให้ละเสีย เอาแต่กองกรรมฐานอย่างเดียว ถ้าไม่ใช่นิมิตในกองกรรมฐานไม่เอา ปรากฏว่ามีกะโหลกศีรษะลอยมา อยู่ ๆ ก็มีกระดูกลอยมาทีละท่อน ๆ ผ่านไป ๆ พอครบแล้วก็เริ่มต้นลอยมาใหม่ หลวงพ่อท่านก็ทิ้งตามครูบาอาจารย์บอก ไม่ยอมสนใจ พอไม่สนใจก็ยิ่งเข้ามาใหญ่

    พอตอนเช้ากำลังจะฉันเช้า หลวงปู่ปานก็ถามว่า "เป็นอย่างไรคุณ….เมื่อคืนผีหลอกหรือ ?" ท่านบอกว่า "ไม่ใช่ครับ กระดูกมันหลอน" หลวงปู่ปานท่านถามว่า "แล้วคุณทำอย่างไรล่ะ ?" หลวงพ่อท่านว่า "ผมก็ช่างมันตามแบบหลวงพ่อสอน" หลวงปู่ปานบอกว่า "ไอ้นั่นมันช่างเผือกซะแล้ว ...(หัวเราะ)... ไม่ได้ช่างมัน" ไอ้ที่ช่างเผือกเพราะว่านั่นเป็นกรรมฐานเก่า เขาเรียกว่า อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง เป็นอสุภกรรมฐานกองหนึ่ง ท่านบอกว่า "ต่อไปถ้าเห็นอย่างนั้น กะโหลกศีรษะลอยมาก็กำหนดใจให้ตกอยู่ตรงหน้า กระดูกคอลอยมาก็ให้ตกอยู่ตรงหน้า ต่อ ๆ ๆ กันให้เป็นทั้งตัว แล้วก็พิจารณาต่อไปเลย หลวงพ่อท่านบอกว่า "แหม…เจ็บใจ ท่านบอกให้ละเราก็ละ แต่ที่ไหนได้ ไปเจอนิมิตที่ต้องยึด

    คราวนี้ท่านก็เลยเล่นอสุภกรรมฐานกองนั้น จนกระทั่งช่ำใจ พออารมณ์ทรงใจเต็มที่ท่านบอกว่าจิตมัวไปนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกับเคลื่อนวูบ แล้วปรากฏแสงไฟขึ้นมาแทน ตอนนี้รู้แล้ว แสดงว่ากรรมฐานกองเดิมเต็มที่แล้วก็คลายตัวลง กรามฐานเก่าที่เคยทำได้กองใหม่โผล่มาเป็นเตโชกสิณ ท่านก็จับเตโชกสิณังต่อไปเลย ท่านบอกว่ายอมโง่ครั้งเดียว ท่านบอกให้ละก็ละ คราวนี้รู้อยู่ว่าแต่ละอาการของกรรมฐานเป็นอย่างไร ? นิมิตเป็นอย่างไร ? ท่องตำรามาจนช่ำใจแล้วก็จำได้ จำได้ก็ต่อได้ทีเดียวเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูอาจารย์

    เพราะฉะนั้น...ยึดตำราไว้บ้างเพื่อเป็นหลักเท่านั้น แต่ไม่ใช่กอดตำราตายไปเลย เพราะว่าสิ่งที่ตำราเขียนไว้เป็นแค่ส่วนหยาบ ๆ สิ่งที่เราพบเองเห็นเองเป็นส่วนละเอียด ละเอียดจนถึงระดับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเป็นปัจจัตตัง ผู้ที่พบรู้เห็นด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจว่าเป็นอย่างไร

    อย่างเช่นท่านบอกว่าพออารมณ์ใจเข้าถึงตัวสุข จะสุขเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก ก็บอกไม่ถูกจริง ๆ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ คนเราโดนไฟ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ สี่กองเผาอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่กำลังใจก้าวเข้าสู่ความเป็นฌาน ไฟสี่กองโดนอำนาจของฌานดับไปชั่วคราว คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟดับไปจะสุขสบายขนาดไหนล่ะ ? สบายขนาดไหนอธิบายเป็นคำพูดได้ไหม ? ไม่ได้หรอก

    เพราะฉะนั้น...ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ก็เลยไม่ใช่ว่าไปกอดตำราตายตัว ถ้ากอดตำราตายตัวนี่ เราเองจะไม่เข้าใจอะไรมากไปกว่าตำราที่เขียนไว้ ซึ่งเป็นแค่ส่วนหยาบ เพราะว่าส่วนละเอียดที่พบจริง ๆ ละเอียดเกินกว่าคำพูดและตัวหนังสือจะอธิบายได้

    ขณะเดียวกันถ้าเปรียบกับแผนที่ เขาขีดไปทางด้านนี้ เราเองอาจจะเห็นเส้นตรงขีดจากกรุงเทพฯ ตรงไปปทุมธานี ขึ้นไปอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ไปวัดท่าซุง ลองไปวิ่งเข้าจริง ๆ ดูสิ เป็นขีดอย่างนั้นเสียเมื่อไร เดี๋ยวโน่นก็ตึก เดี๋ยวนี่ก็ห้างสรรพสินค้า เดี๋ยวโน่นสะพานลอย เยอะแยะไปหมด ตามแต่สภาพที่เราประสบในลักษณะของการปฏิบัติจริง

    เพราะฉะนั้น...แผนที่เป็นแค่แนวทางคร่าว ๆ เท่านั้น ที่จะให้เรารู้ได้ว่าจะเจออะไรบ้าง เราเองพอถึงเวลาต้องจัดการด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอารมณ์ใจตัดสินใจด้วยตัวเองอันนั้นสำคัญที่สุด ถ้าทำได้ทำถูกวิธี ต่อไปทุกอย่างก็เหมือนกัน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ยังตัดสินใจไม่ถูก ทำไปก็ก้าวหน้ายาก บางทีก็ไม่ได้อะไรเลย

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมีนาคม ๒๕๔๕ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ


    ที่มา วัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...