มหากาพย์แฟนตาซีผจญภัย[III Status]สามสายเลือด : อีเลียด ฮอร์ด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สิงห์อาชา, 13 สิงหาคม 2017.

  1. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    35OuZK.jpg

    ...อดีตกาลยาวนานมาแล้วหลายล้านสหัสวรรษตั้งแต่สมัยที่จักรวาลอันกว้างใหญ่อันหาจุดสิ้นสุดไม่ได้ยังเต็มไปด้วยความมืดในอวกาศ ไม่มีสิ่งใดทั้งนั้น
    ทว่าในความไม่มีนั่นเองกับมีอยู่ด้วยสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าพลังงาน ซึ่งลอยเวิ้งว้างตามจักรวาลอันมหาศาลนี้ จนเมื่อเวลาผ่านไปยาวนานเข้าอีกหลายล้านปีแหล่งพลังงานนั้นก็ได้ลอยมารวมกันเป็นก้อนพลังงานใหญ่ เมื่อมารวมกันมากเข้า ก็ได้ก่อกำเนิดสรรพสิ่งหนึ่งเป็นครั้งแรกในจักรวาล นั่นคือจิตวิญญาณ

    ดวงจิตวิญญาณนั้นต่อมาคือเทพเจ้าฟาธอร์ ผู้สรรสร้างทุกสรรพสิ่ง ในยุคแรกเริ่มนั้นพระองค์หารู้ไม่ว่าพระองค์มีอำนาจในการสร้างและบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นมาได้ จนกระทั่งถึงขณะหนึ่งที่พระองค์กำลังสับสนกับตัวตนของพระองค์เองอยู่ พระองค์ก็ได้ทรงมองไปรอบๆจักรวาลก็แลเห็นว่ามันกว้างใหญ่เหลือเกินจะดูชมทั่วได้ จึงได้ทรงคิดในพระทัยว่าถ้าหากมีตัวยาวๆเลื้อยๆอยู่เต็มไปหมดจะเป็นเช่นไร(พระองค์ทรงนึกถึงคำว่าแหวกว่ายแล้วได้จินตนาการถึงตัวเลื้อยๆอย่างที่ว่า ซึ่งพระองค์ก็มิรู้หรอกว่าตัวเลื้อยๆมันคือตัวอะไร ลักษณะเป็นยังไง)

    ในขณะที่พระองค์ทรงคิดนั่นเองเพียงชั่ววูบเดียวก็บังเกิดสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวด้วยการเลื้อยดังที่พระองค์ทรงคิดภาพไว้ แต่ไปได้ไม่ไกลเจ้าเลื้อยตัวนั้นก็ตายลง พระองค์ทดลองทำแบบนี้อยู่หลายครั้งก็ตายทุกตัว พระองค์ทรงมองเห็นแล้วว่าตนนั้นมีอำนาจในการสรรสร้างได้ตามแต่ใจปรารถนา พระองค์จึงทรงตั้งพระทัยแน่วแน่กำหนดลักษณะเจ้าเลื้อยตัวนั้นใหม่ให้มีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้

    คำว่าเจ้าเลื้อยพระองค์เห็นว่าคำเรียกนี้ไม่เหมาะสมกับเกียรติแห่งชีวิตแรกที่พระองค์ได้สร้างเลย เทพเจ้าฟาธอร์จึงทรงคิดชื่อให้ใหม่ว่า มังกร พระองค์ได้ทรงสร้างมังกรที่มีลักษณะลำตัวยาวมีขาเล็กๆสองข้างอยู่ข้างหน้า ไม่มีปีก มีแผงขนที่คอ เคลื่อนไหวด้วยการเลื้อยเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ที่สำคัญคือสามารถพูดเป็นภาษาได้ แล้วทรงให้ชื่อเผ่าพันธุ์แรกนี้ว่านิคิ

    ในตอนแรกๆนั้นมังกรนิคิเหล่านี้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้จึงได้ล้มตายกันไปเพราะไม่มีอากาศหายใจ พระองค์จึงทรงคิดสร้างพลังงานขึ้นมาเป็นแหล่งใหญ่ แล้วปักแหล่งพลังงานนั้นไว้อยู่ตรงแกนกลางจักรวาลทั้งมวล พลังงานนี้เป็นแหล่งอากาศที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถหายใจได้ มันสามารถแทรกซึมไปได้ทุกที่อย่างทั่วถึง แหล่งพลังงานนี้จะแผ่กระจายอากาศออกมาได้ทั่วจักรวาล พระองค์ให้ชื่อแหล่งพลังงานนี้ว่า “ผลึกแสงแห่งชีวิต”

    Facebook Page: https://www.facebook.com/LAKornkumphan/
    อ่านต่อได้ในหนังสือ E-Book
    ติดตั้งได้ใน Google play store[ขออนุญาตครอบลิงค์นะครับ]
    http://gsurl.in/5cwN
    เพื่อเป็นการสนับสนุนและเป็นกำลังใจแก่ผู้สร้าง

    *แถมเกม Rpg ของสามสายเลือด โหลดฟรี!!!

    4oEdaj.jpg

    yzb8Ww.jpg

    gMoQjF.jpg

    aRzLHV.jpg

    RBe1zZ.jpg

    yZ7CAH.jpg

    Jd3ASD.jpg

    mtyLeX.jpg

    การผจญภัยบนโลกใบหนึ่งในจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่มหาศาล
    การเดินทางจากมนุษย์ผู้บุกเบิกคนแรกของมหากาพย์เรื่องนี้
    "อีเลียด ฮอร์ด" (Iliad Hord)

    Mediafire
    (ฟรี)โหลดเกม (Demo)สามสายเลือด : อีเลียด ฮอร์ด

    http://gsurl.in/5h5U

    tjKeHk.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2017
  2. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    pEPV4S.jpg


    เนื้อเรื่องบางส่วนจากบทที่ 2 ใน สามสายเลือด : อีเลียด ฮอร์ด

    บทที่ 2 1/10

    …หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนหนทางอันเต็มไปด้วยดินโคลนที่ชื้นแฉะจากน้ำฝนที่หยดชลอมลงมาเป็นปรอยๆตลอดเวลา ผมสีแดงยาวสละสลวยเป็นเกรียวจนถึงเนินก้น แขนของนางอวบแน่น ผิวพรรณของนางขาวสวยไม่ซีดเซียว ริมฝีปากของนางสวยดั่งกระจับออกสีแดงสดใส สะโพกและก้นงอนเด้งอวบเต็มแน่นไปด้วยเนื้อ ท่อนขาดูสมบูรณ์ แววตาของนางพร้อมที่จะสะกดใครก็ตามที่จ้องมองให้หลงรักได้ หญิงสาวผู้นี้เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผย มีขวานเล่มขนาดไม่ใหญ่มากและไม่เล็กมาก เหน็บพาดอยู่ที่หลัง เธอดูอ้อนแอ้นแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง เธอผู้นี้ได้เดินตามทางที่มีผู้คนกำลังใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติมาที่ร้านอาหารในหมู่บ้านที่เธออยู่ตอนนี้นั่นเอง เสียงเปิดของประตูร้านเข้าไป เหล่าชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ในร้านนั้น ต่างได้ถูกความงามของเธอผู้นี้สะกดจนแทบไม่ละสายตา แม้แต่เจ้าของร้านเองก็เช่นกัน เธอยิ้มให้กับผู้คนที่มองเธอ รอยยิ้มนั้นดูอ่อนโยนแลอ่อนหวานเป็นอย่างยิ่ง เธอผู้งดงามผู้นั้นเดินไปที่เจ้าของร้าน เธอสั่งอาหาร ในขณะที่เธอพูดนั้นน้ำเสียงของเธอฟังแล้วดูนุ่มนวลเสียเหลือเกิน ใสกังวาลและดูเข้มแข็ง เจ้าของร้านหาได้มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวในเวลานั้นไม่ เขาได้ต้องมนต์แห่งความรักเข้าให้แล้ว เขายืนทำหน้าเคลิ้มอยู่ตรงนั้นสักพัก จนภรรยาของเจ้าของร้านผู้นี้ต้องเดินมาตบกะโหลกสามีของตน หญิงสาวผู้งดงามผู้นั้นยิ้มให้อีกครั้งก่อนพูดสั่งอาหารอีกรอบแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะๆหนึ่งในร้าน เธอนั่งไขว่ห้าง จนท่อนขาขาวๆอวบๆของเธอโผล่ออกมา ชายหนุ่มทั้งหลายในร้านเห็นภาพอันชวนเพ้อฝันเช่นนี้ ต่างทำหน้าทำตาเหมือนอดอยากอะไรมาสักอย่างเป็นเวลานาน จะให้ไม่เพ้อได้ยังไงกันก็ในเมื่อนางผู้งดงามคนนี้ ห่มชุดขนสัตว์ กับผ้าที่มีไว้ปิดบางส่วนของร่างกายที่ไม่สมควรจะเปิดเผยเท่านั้นเอง หน้าอกของเธอใหญ่นูนขึ้นมาประหนึ่งลูกแตงโม กับผ้าที่คล้ายๆกระโปรงสั้นๆ ดังนั้นเมื่อเธอนั่งไขว่ห้าง ความเร่าร้อนและเซ็กซี่ก็แผ่รัศมีออกมาให้เหล่าชายรอบๆเกิดความคิดที่ไม่ค่อยจะงามนักขึ้นมา เพราะเธอผู้นี้นุ่งน้อยห่มน้อยเสียเหลือเกิน…




    “คืนนี้นอนที่นี่ก็แล้วกันนะ”ลุงเจ้าของร้านบอกแก่ฮอร์ดและเบิร์กที่ช่วยกันพยุงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่นั้นมาจนถึงชายลำธารเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านทิศตะวันออกและอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านที่มีผู้คนชุลมุน

    “ฮอร์ด..ฮอร์ด..ก่อนข้าจะออกจากร้านมา ข้าพอหยิบขนมปังมาได้ไม่กี่ชิ้นใส่กระเป๋ากางเกงอันเลอะเทอะนี่ แบ่งๆกันกินนะ”ลุงเจ้าของร้านควักขนมปังออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ขาดสะบักสะบอมมาให้ฮอร์ดกับเบิร์ก ลุงยังถามเบิร์กด้วยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือยัง ส่วนฮอร์ดกำลังนั่งเคร่งขรึม แต่ดูใจเย็น เขาหายใจเข้าออกช้ามาก และลึกมากด้วย ฮอร์ดกำลังตั้งสมาธิให้กับตนเอง ซึ่งลุงเจ้าของร้านเองก็รู้ ก็ไม่ได้ถามอะไร เบิร์กที่พูดว่าตัวเองอาการดีขึ้นมากแล้วก็มีใจสงสารฮอร์ดเพื่อนของตนแต่ก็ไม่อยากไปกวน

    “ลุงชื่ออะไรหรอ!!?”เบิร์กจึงหันไปถามชื่อลุงเจ้าของร้าน

    “นึกว่าจะไม่อยากรู้จักข้าซะอีก เพิ่งจะมาถาม ข้าชื่อ กลอมนีมาร์”ลุงเจ้าของร้านตอบเบิร์กไป จากนั้นก็ลุกขึ้น

    “ลุงกลอม..ลุงจะไปไหน!!?”เบิร์กเห็นลุงกลอมลุกขึ้นจึงได้ถาม

    “ข้าก็จะไปหาฟืนน่ะสิ เจ้าเบิร์กแกพอขยับร่างกายได้ใช่มั้ย.. เตรียมตัวจุดไฟเมื่อข้าเอาฟืนมาถึง ข้าต้องใช้เวลาเลือกสักหน่อย ฝนมันตกปรอยๆมาทั้งวัน วัตถุดิบคงชื้นหมด ต้องเสียเวลาหาไม้แห้งๆ”ลุงกลอมพูดและเดินเข้าไปในดงต้นไม้ ที่เกือบจะออกนอกเขตหมู่บ้านใหญ่ในแถบตะวันออกนี้
     
  3. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 2/10


    ลุงกลอมเดินขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ราบลุ่มก็อธทรานส์มาก ลุงกลอมต้องเดินระวังตัวเองอย่างมากที่จะไม่ให้เข้าไปในเขตก็อธทรานส์ ด้วยเหตุว่าที่นั่นมีภยันอันตรายมากมายนานัปการที่กำลังรอใครสักคนเดินพลัดหลงเข้าไป เบิร์กเองก็กำลังเตรียมหาไม้แห้งๆมาใช้สำหรับขูดถูกันให้เกิดความร้อนเพื่อจุดไฟ แต่มันหายากหาเย็นเสียเหลือเกิน เบิร์กเดินดุ่มๆไปตามทางที่กำลังมืดลงเรื่อยๆ ร่างกายก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์พร้อมเท่าไหร่นัก เบิร์กเดินไปเรื่อยๆจนเจอถ้ำๆหนึ่ง เขาเดินเข้าไปในถ้ำที่มืดๆนั้น มันอุ่นมาก เบิร์กมองไปรอบๆถ้ำที่มืดมิด

    “คืนนี้เราน่าจะนอนพักกันที่นี่”เบิร์กพูดขึ้นมาในถ้ำแห่งนั้น เสียงของเขาดังสะท้อนกลับมาจากผนังถ้ำ ในที่นี้มีกิ่งไม้แห้งอยู่มากมาย ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากโดนลมพัดเข้ามาจากข้างนอกถ้ำที่ซึ่งมีต้นไม้อยู่ ทางด้านฮอร์ดที่นั่งขรึมอยู่ก็ค่อยๆขยับเขยื้อนร่างกาย ฮอร์ดยังคงมีแววตาแห่งความโศกเศร้าอยู่ เขาแหงนหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า มีดาวมากมายเต็มฟ้าไปหมดขนาดยังไม่มืดมาก ในขณะที่ฮอร์ดกำลังมองดวงดาวที่ประดับท้องฟ้ามากมายหลายดวงอยู่นั้น ใจของเขามันเกิดอาการคิดถึงบ้านขึ้นมา แต่บ้านที่ฮอร์ดรู้สึกคิดถึงนี้หาใช่บ้านที่อยู่ในเขตชายป่าชาร์คนั้นไม่ ฮอร์ดรู้สึกเหมือนเขาจากบางสิ่งบางอย่างมาไกล

    “ข้าเกิดมาทำไม??”ฮอร์ดอุทานคำนี้ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาๆแต่เผอิญเบิร์กเดินมาได้ยินพอดี

    “เฮ้ย!! ฮอร์ดอย่างเพิ่งคิดสั้นนะเว้ย!?”เบิร์กที่ตะโกนเสียงดังเมื่อได้ยินฮอร์ดพูดว่าเกิดมาทำไม

    “อะไรของเจ้าเบิร์ก!! คิดสั้นอะไรของเจ้าวะ ข้ามิใช่คนโง่ที่ไม่รักแม้กระทั่งชีวิตตัวเองนะเว้ย!!”ฮอร์ดว่ากลับมา

    “เหรอ!!? แล้วที่ผ่านมาที่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆอยู่เรื่อยเนี่ย เขาเรียกฆ่าตัวตายทางอ้อมรึเปล่าหว่า”เบิร์กพูดแหย่ฮอร์ด

    “อยากนอนซมอีกรอบรึไงหืมเบิร์ก..??”ฮอร์ดพูดตอกกลับมา

    “ไม่เอาหรอก..แค่นี้ก็กระ-กระสนเต็มทีแล้ว”เบิร์กได้ค่อยๆเดินมานั่งข้างๆฮอร์ด

    “ลุง..ลุง…”ฮอร์ดพยายามนึกชื่อลุงเจ้าของร้านคนนั้น

    “ลุงกลอมนีมาร์ นี่เจ้าโดนรุมกระทึบที สมองเสื่อมเลยรึไง ลุงแกเพิ่งจะบอกชื่อไปหยกๆเองแท้ๆ”เบิร์กว่า

    “ฮึฮึฮึ…ข้าว่าเอ็งนั่นแหละที่สมองเสื่อมเบิร์ก ลุงกลอมเขาใช้แกไปหาไม้มาเตรียมจุดไฟมิใช่หรือไง แล้วนี่เอ็งดันเดินกลับมาอย่างชิลๆมานั่งข้างๆข้าเนี่ยนะ”ฮอร์ดทำหน้าตาเผยอใส่เบิร์ก

    “เปล่าซะหน่อย..ข้าแค่ไปเจอที่ซุกหัวนอนสำหรับพวกเราแล้วในคืนนี้อ่ะนะ”เบิร์กเชิดหน้าแล้วพูด ฮอร์ดก็งงกับเบิร์กว่ามันพูดเรื่องอะไร จนลุงกลอมเดินกลับมาพร้อมกับโอบอุ้มไม้แห้งๆมาเต็มอก

    “เฮ้ยย!! เจ้าเบิร์ก เจ้ามัวมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ ข้าบอกให้ไปเตรียมวัตถุดิบมาจุดไฟไง!!”ลุงกลอมว่า

    “โธ่ลุง!! ทำไมไม่ใช้เจ้าฮอร์ดมันบ้างล่ะ ข้าบาดเจ็บอยู่นะ”เบิร์กพูด

    “ฮอร์ดกำลังนั่งสมาธิอยู่ นี่เจ้าไปกวนฮอร์ดใช่ไหม”ลุงกลอมว่าอีก

    “เอ่อ..เปล่าหรอกครับลุง เดี๋ยวผมจะไปจัดการเตรียมจุดก่อกองไฟให้เอง”ฮอร์ดลุกขึ้นแล้วพูดกับลุงกลอม

    “ไม่ต้อง!!..ข้านี่น่ะ ได้เตรียมสถานที่อันเพรียบพร้อมไว้รอพวกท่านทั้งสองเป็นอันเรียบร้อยแล้ว”เบิร์กทำท่าทาง และแสยะยิ้มออกมานิดๆ

    “บ่นอะไรของเจ้ากัน-หนู!!?”ลุงกลอมสงสัย

    “อะน้ะน้านะน้าา..หยิบกระเป๋าหยิบอาวุธแล้วตามข้ามาก็แล้วกัน”เบิร์กยิ้มเยาะเย้ย

    “อะไรของมัน??”ลุงกลอมทำหน้าตาสงสัยเมื่อเห็นเบิร์กเดินท่าทางเหมือนกำลังหยอกล้อเขากับฮอร์ด แต่ลุงก็เดินตามเบิร์กไปพร้อมกับฮอร์ด หยิบสัมภาระทั้งหลายขึ้นหลัง หยิบอาวุธขึ้นมือ แล้วเดินลุยหน้าไปตามทางที่เบิร์กพาไป ระหว่างเดินฮอร์ดก็คอยแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพื่อดูดวงดาวเป็นบางจังหวะ เพื่อหาเรื่องพูดคุยกับลุงกลอมระหว่างกำลังเดินเท้าอยู่

    “นี่ลุง..ดูสิดาวเต็มฟ้าเลย..”ฮอร์ดพูดขึ้นมา

    “นั่นสินะ! เออนี่รู้ไหมฮอร์ดว่าสิ่งที่สว่างที่สุดในยามค่ำคืนคืออะไร?”ลุงกลอมถามขณะเดินตามเบิร์กที่กำลังเดินนำหน้าไป

    “เปลวเพลิงครับ..ผมเคยจุดเทียนเข้าไปในที่มืดๆเมื่อครั้งยังเด็ก แสงเทียนสว่างสไวจนผมนั้นสามารถมองเห็นในที่อันมืดมิดได้” ฮอร์ดตอบ

    “ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่ใช่ฮอร์ด เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่ข้ายังหนุ่มๆอยู่น่ะ เทียนที่มีไว้ใช้จุดประดับบ้านในยามกลางคืนนั้น มันยังหายากกว่าสมัยนี้เยอะนะ ช่วงที่เทียนเริ่มเป็นที่รู้จักใหม่ๆ คนขายเทียนคนแรกนี่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเลยละ ดังนั้นในเมื่อมันยังไม่มีเทียน เราชาวบ้านตาดำๆที่จนๆต่างอาศัยแสงสว่างจากฟากฟ้านี่แหละ เคยได้ยินคำนี้ไหมฮอร์ด ว่าในที่มืดมิดก็ยังมีแสงสว่าง และในแสงสว่างก็ยังมีความมืดมิด”ลุงกลอมสาธยายให้ฮอร์ดฟัง

    “ไม่เลยลุง ผมไม่เคยได้ยิน แต่ว่าลุงกลอม ดวงดาวนั้นอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง แสงสว่างจากดาวเหล่านั้นสามารถส่องมาถึงพื้นดินนี้ได้ด้วยหรอครับ??”ฮอร์ดสงสัย

    “มันก็ไม่ได้สว่างมากเหมือนแสงเทียนหรอกนะ ข้าแค่เปรียบให้ฟังเฉยๆน่ะ ว่าครั้งหนึ่งโลกที่เราอยู่กันเนี่ยมันไม่เคยมีอะไรต่างๆมากมายเหมือนอย่างทุกวันนี้ คนโบราณจะพึ่งพาชีวิตกับธรรมชาติล้วนๆ เรียกง่ายๆว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ และธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา”ลุงกลอมตอบฮอร์ดที่กำลังสงสัย
     
  4. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 3/10


    “แล้วยังงี้เวลาพระจันทร์ขึ้นเต็มดวง มันจะสว่างขนาดไหนครับ”ฮอร์ดถามต่ออีก

    “พระจันทร์เต็มดวงนั้นใหญ่มาก แสงสว่างก็ต้องมากขึ้นเป็นธรรมดา”ลุงกลอมหันมายิ้มให้กับความขี้อยากรู้ของฮอร์ด

    “ลุงกลอม! ฟังที่ลุงพูดแล้ว มันทำให้ผมอยากสร้างอะไรสักอย่างทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้มันในวันข้างหน้าบ้างจัง แต่ผมคงไม่คิดจะประดิษฐ์เทียนที่แปลกใหม่แหวกแนวกว่าเดิมแน่นอน”ฮอร์ดหัวเราะ

    “เจ้าเป็นคนทะเยอทะยานอีเลียด ฮอร์ด ขนาดจระเข้เจ้ายังสามารถฆ่ามันได้ด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าจะได้ทำในสิ่งที่คนรุ่นหลังที่เป็นลูกเป็นหลานได้จดจำอย่างแน่นอน ขอแค่เจ้ากล้าที่จะเริ่มทำมัน มิช้ามินานมันจะสำเร็จดั่งที่เจ้าปรารถนา ไม่ว่าจะล้มเหลวมาสักกี่ครั้งก็ตาม”ลุงกลอมตบบ่าฮอร์ดเบาๆขณะเดินคุยกัน จนกระทั่ง…

    “ว้าว!! สุดยอดเลยเจ้าเบิร์ก ค่ำนี้เราไม่หนาวแล้ว”ฮอร์ดพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงถ้ำที่เบิร์กไปเจอมา ลุงกลอมเองก็ร้องว้าวออกมาเมื่อได้รู้ว่า คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนเพื่อพักเอาแรงพอไปสู้ชีวิตในวันรุ่งขึ้นได้

    “เบิร์กหัวเราะอย่างภูมิใจขณะยืนอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ”

    “มืดค่ำขนาดนี้แล้วใครยังจะมาเรียกอีก…เอ๋!! ฮันนาร์นี่!!!”กาแลคยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านตรงหัวบันไดและพูดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งยืนอยู่ปลายบันไดหน้าบ้านในยามค่ำคืน

    “สวัสดีค่ะ! น้ากาแลค ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”หญิงสาวผมแดงสุดสวยผู้นั้นกล่าวขึ้นจากใต้ถุนบ้านโดยที่มีอัสคัสผู้เก่งกล้ายืนอยู่ข้างๆด้วย กาแลคเห็นดังนั้นจึงรีบเดินลงบันไดบ้านมาหาทั้งสองคน

    “น้าไม่คิดเลยว่าไม่เจอกันนานสิบกว่าปีเธอจะสวยตระการตาถึงเพียงนี้”กาแลคอึ้งในความงดงามของฮันนาร์ หญิงสาวผู้มีผมสีแดงและเรือนร่างอันงดงาม

    “ใจเย็นสหาย..นี่ลูกสาวข้านะ”อัสคัสกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

    “น้ากาแลค..ในระหว่างทางที่หนูเดินทางมายังหมู่บ้านเขตเล็กชายป่าชาร์คนี้ หนูได้เข้าไปร้านอาหารนั่งดื่มแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเขตใหญ่ หนูได้ยินถึงคำลือว่าที่หมู่บ้านนั้นมีปีศาจที่ชื่อฮัมรินอยู่ ชาวบ้านที่นั่นลือกันว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม แต่มีอุปนิสัยโหดร้ายบ้าคลั่งกันน่ะค่ะ พอหนูกลับมาถึงบ้านก็เล่าให้พ่อฟัง แต่พ่อบอกว่า…นั่นคือฮอร์ด ผู้ชายที่หนูเคยมีส่วนตั้งชื่อให้ในตอนที่เขาเกิดค่ะ”ฮันนาร์เธอพูดอย่างจริงจังแต่แฝงไปด้วยความน่ารัก

    “กาแลค! นี่เป็นสิ่งยืนยันว่า บุตรชายเจ้ากำลังเดินไปตามเส้นด้ายแห่งโชคชะตา อุ่นใจเถอะ เขาถูกยกย่องว่าเป็นปีศาจ ก็แสดงว่าเขามีความน่ากลัวอยู่ในตนเองล่ะนะ พอฮันนาร์มาบอกข้า ข้าก็เลยรีบจะเอามาบอกให้เจ้ากับเมียเจ้าฟัง อย่าห่วงเลยสหาย”อัสคัสพูดขึ้น

    “ทำไมถึงแน่ใจว่าเป็นฮอร์ดลูกข้าล่ะ!?”กาแลคยังไม่เชื่อว่าเป็นฮอร์ด

    “อาธาร์อยู่ไหน??”อัสคัสกล่าวถาม

    “เธอยังคงเสียใจกับการหนีไปของฮอร์ด ใจเธอเป็นทุกข์ยิ่งนัก”กาแลคตอบ

    “น้ากาแลคคะ…วางใจเถอะค่ะ พ่อบอกว่าฮอร์ดกับเพื่อนของเขา พากันไปที่ชายแดนแผ่นดินทางทิศตะวันออกเพื่อไปพิสูจน์ตำนานที่ล่ำลือกันถึงสิ่งที่สวยงามมากๆ หนูขอยืนยันว่าไม่มีอันตรายค่ะ เพราะหมู่บ้านในเขตใหญ่ทอดยาวไปจนถึงสุดชายแดนทิศตะวันออกเลยล่ะค่ะ ดังนั้นฮอร์ดกับเพื่อนของเขาอาจคิดว่าต้องเดินผ่านป่าผ่านอันตรายนานาชนิด แต่หนูบอกเลยว่ามีผู้คนไปตั้งหลักปักฐานกันหลายบ้านหลายเรือนแล้วค่ะ ปลอดภัยแน่นอน”ฮันนาร์เธอกล่าวขึ้น

    “เจ้ารู้ได้ยังไงฮันนาร์ เจ้าเคยไปมางั้นหรือ!!?”กาแลคสงสัย

    “หนูเคยไปมาค่ะ หนูบอกเป็นคำพูดไม่ได้เพราะมันสวยงามกว้างขวางมาก น้าต้องไปดูด้วยตาตนเองแล้วจะต้องภูมิใจในความคิดของฮอร์ดในคราวนี้แน่นอนค่ะ”ฮันนาร์กล่าวยืนยัน

    อาธาร์ซึ่งเธอแอบฟังอยู่บนบ้านเมื่อได้ยินฮันนาร์พูดดังนั้นจึงรู้สึกชุ่มชื้นใจที่รู้ว่าทางที่ลูกของเธอกำลังเดินไปนั้นไม่มีอันตราย มีแต่หมู่บ้าน เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมากเพราะอย่างน้อยลูกของเธอก็ยังคงมีความปลอดภัยอยู่ จึงได้เดินลงบันไดบ้านมาหากาแลค และอัสคัสกับฮันนาร์ที่ยืนคุยกันอยู่ข้างล่างตรงหน้าบ้าน

    “อ้าว! คุณแม่อาธาร์สวัสดีค่ะ”ฮันนาร์กล่าวทักทายอาธาร์มารดาของฮอร์ด

    “จริงหรอ!!? ฮันนาร์ที่เธอบอกว่าทางที่ลูกฮอร์ดไปนั้นไม่มีภยันตรายน่ะ จริงหรอจ้ะ!!?”อาธาร์เธอรีบเดินมาหาฮันนาร์และกุมมือของนางแล้วกล่าวถาม

    “จริงค่ะ! เพราะหลังจากที่พ่อปล่อยหนูให้ออกไปเรียนรู้โลกด้วยตนเอง หนูก็ไปพิสูจน์เรื่องตำนานนี้มาค่ะ ปลอดภัยแน่นอนจ้ะแม่จ๋าา”ฮันนาร์ทำเสียงใสน่ารัก

    “โอ้ย! รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก”อาธาร์กล่าวอุทานขึ้นเบาๆพร้อมอมยิ้มนิดๆ

    “ทีนี้! ข้าจะได้นอนหลับอย่างหมดห่วงสักที”กาแลคกล่าวขึ้นมา

    “เจ้าเด็กคนนี้! กล้าหาญชาญชัยโดนใจหนูจริงๆ”ฮันนาร์พูดเสร็จ ทั้งอัสคัสกาแลคและอาธาร์ต่างพาหันหน้ามามองฮันนาร์อย่างรวดเร็วแล้วอุทานขึ้นมาว่า “หืม?”
     
  5. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 4/10


    เช้าวันรุ่งขึ้นที่มีแสงสว่างสาดส่องมายังในถ้ำ ชายหนุ่มทั้งสามกำลังหลับไหลกันอย่างอ่อนเพลีย ในท่ามกลางร่างที่นอนราบอยู่กับพื้นถ้ำอยู่นั้นได้มีเสียงหินตกกระทบลงบนพื้นดังก๊อกแก๊กเป็นระยะๆ เสียงที่ตอนแรกนั้นอยู่ไกล ก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงหินที่ดังใกล้เข้ามาเหมือนกัน ลุงกลอมค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา ตาของเขาค่อยๆลืมขึ้น หูของเขาได้ยินเสียงหินนั้น เสียงหินที่รู้สึกว่ามันจะใกล้เข้ามาหาพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ลุงกลอมเลยหันหน้าใช้สายตามองไปตามที่มาของเสียงนั้น ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของลุงกลอมในขณะนั้นคือตัวประหลาดร่างยักษ์สูง ๔ เมตร มันมีขนที่ริมฝีปาก นอกนั้นทั้งร่างของมันดูแข็งทื่อเหมือนกับหินยังไงยังงั้น แววตาของมันจ้องมองมาที่ลุงกลอมและหนุ่มอีกสองคนที่กำลังหลับไหล ดวงตาของมันร้าวฉานราวกับแผ่นดินกำลังจะแยกออกจากกัน ตัวประหลาดตัวนั้นมันค่อยๆอ้าปากขึ้น คราบเลือดสีแดงสดได้ไหลออกมาจากปากนั้น ลุงกลอมเมื่อได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้ จึงได้รีบเรียกให้ทั้งสองคนนั้นลุกขึ้น

    “เฮ้ยยเจ้าหนู!! งานเข้าแล้ว!!?”ลุงกลอมรีบตะโกนและเขย่าตัวฮอร์ดกับเบิร์กแรงๆ

    “อะไรลุง! ข้ายังนอนได้ไม่เต็มอิ่มเลย ปลุกทำไมเนี่ย!!?”เบิร์กตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด แต่ฮอร์ดนั้นได้หันหน้าไปทางที่มีตัวประหลาดตัวนั้นอยู่ เมื่อลืมตาขึ้นฮอร์ดก็ตื่นนอนขึ้นมาในบัดนั้นเลย

    “นี่มันตัวอะไรเนี่ย!!?”ฮอร์ดรีบคว้าขวานของเขาที่ลุงกลอมให้มาและลุกขึ้นถอยไปตั้งท่า

    “โอ้วแม่เจ้า!!”เบิร์กเห็นตัวประหลาดตัวนั้นถึงกับอุทานออกมา

    “พวกโตนส์!! นี่ไม่ใช่เขตก็อธทรานส์แท้ๆ แต่มีพวกมันอยู่ได้ยังไง??”ลุงกลอมกล่าวขึ้นในขณะที่เบิร์กชักดาบในกระเป๋าสัมภาระของเขาออกมายืนอยู่ข้างๆลุงกลอมกับฮอร์ด

    “เมื่อคืนนอนก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่!!? มันโผล่มาได้ยังไงกัน”ฮอร์ดหันหน้าไปถามลุงกลอม

    “พวกโตนส์มันไม่ชอบความมืด ยามค่ำกลางคืนพวกมันจะจำศีล เมื่อมีแสงสว่างพวกมันถึงจะตื่นขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง”ลุงกลอมว่า

    “ลุง!! จะจัดการกับมันยังไงดี?”เบิร์กถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    “อาวุธที่เรามีไม่สามารถแทงร่างแข็งๆของมันได้ ข้ามีทางเลือกสองทาง..ทางแรกคือยอมให้มันจับเราเคี้ยวเป็นอาหารมื้อเช้าของมัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น..?”ลุงกลอมกล่าว

    “อีกทางหนึ่งคืออะไรล่ะลุง!!?”เบิร์กถามอีก

    “ก็วิ่งไง!! เร็ว!! รีบหยิบสัมภาระแล้ววิ่งสุดเท้าเลย เร็วว!!”ลุงกลอมพูดเสร็จก็จัดการวิ่งออกจากถ้ำด้วยความเร็วสูงชนิดที่ว่าอายุนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเลขเลยทีเดียว

    “เฮ้ยลุง!! เอายังงี้เลยหรอ?”เบิร์กไม่รอช้ารีบจัดการตามลุงกลอมไปในทันที ส่วนตัวฮอร์ดนั้นยังยืนหยัดตั้งท่าที่จะสู้ โตนส์ตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้ฮอร์ดและเอาฝ่ามืออันใหญ่มโหฬารของมันทุบลงกับพื้นถ้ำตรงที่ฮอร์ดยืน แต่ฮอร์ดนั้นหลบได้

    “เราจะทำอย่างไรดี ถึงจะจัดการกับมันได้ ตัวมันแข็งแบบนี้ ขวานของเราได้หักแน่!”ฮอร์ดคิดอยู่ในใจ โตนส์ก็วิ่งเข้ามาจะจับจะคว้าฮอร์ดให้ได้ ทางลุงกลอมกับเบิร์กเมื่อไม่เห็นฮอร์ดตามออกมาด้วยก็รู้สึกตกใจ

    “เดี๋ยว!! ฮอร์ดล่ะเจ้าเบิร์ก??”ลุงกลอมถามด้วยสีหน้าใจหาย

    “ข้าก็ไม่รู้ลุง!! อย่าบอกนะว่า..”เบิร์กได้พูดแล้วหันหน้ากลับไปมองตรงปากทางเข้าถ้ำพร้อมกับลุงกลอม

    “อีเลียด ฮอร์ดเอาอีกแล้ว..”ลุงกลอมพูดขึ้นเบาๆ

    กำปั้นได้ทุบอย่างบ้าคลั่งจนพื้นถ้ำแตกกระจุยกระจายเศษหินกระเด็นลอยขึ้นสูงแล้วตกลงมาตรงพื้นถ้ำ ฮอร์ดตีลังกากลิ้งอย่างไม่เป็นท่า เขาไม่สามารถมองหาจุดอ่อนของมันได้เลย ฮอร์ดสอดส่องสายตาดูทุกส่วนในร่างของโตนส์ ในระหว่างที่เขามัวกำลังแสกนเรือนร่างอยู่นั้นก็เผลอโดนโตนส์อีกตัวที่โผล่ออกมาจากทางข้างหลังใช้มืออันใหญ่โตจับเอาไว้ได้ มันบีบร่างของฮอร์ดจนขวานที่เขาถืออยู่ในมือได้ร่วงหล่นลงมา โตนส์ตัวแรกนั้นก็ได้เดินเข้ามาหาโตนส์ตัวที่ถือฮอร์ดไว้อยู่ มันมายืนอยู่ตรงหน้าฮอร์ดแล้วส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโหยหวนจนผนังถ้ำสะเทือน เสียงของมันใหญ่กึกก้องน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนโตนส์ที่จับฮอร์ดได้นั้น มันอ้าปากของมันขึ้น ฟันของมันเหลี่ยมแต่ปลายคมแหลมหน่อยๆ มีฟันเพียงไม่กี่ซี่แต่ก็พอที่จะสามารถเคี้ยวสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆได้อย่างสบาย ฮอร์ดเห็นท่าไม่ดี เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันกำเขาไว้แน่นมากจนขับเขยื้อนร่างกายมิได้ ลุงกลอมกับเบิร์กวิ่งเข้ามาได้ทันท่วงที ลุงกลอมเห็นฮอร์ดกำลังจะถูกกิน ไม่รอช้าเหวี่ยงขวานของเขาสุดแรงเกิดไปกระแทกท้ายทอยกะโหลกของโตนส์ที่กำฮอร์ดไว้อย่างแรง มันชะงัก และปล่อยฮอร์ออกจากมือ ร่างของฮอร์ดหล่นกระแทกพื้นถ้ำ ฮอร์ดรีบคลานตะเกียกตะกายออกจากรัศมีของมัน โตนส์อีกตัวที่กำลังคำรามอยู่เห็นฮอร์ดหลุดมือโตนส์ตัวนั้นก็จะตามจับฮอร์ดให้ได้ เบิร์กจึงได้วิ่งเข้าไปล่อตามัน จนมันหันความสนใจมาหาเบิร์ก

    “ซวยละ!!?”เบิร์กอุทาน โตนส์ตัวนั้นมันใช้กำปั้นทุบอย่างไม่มองอะไรเลย คงจะหงุดหงิดที่ไม่สามารถจับพวกเขาได้ ทางฝั่งโตนส์ที่ถูกลุงกลอมเขวี้ยงขวานใส่นั้น ลุงกลอมเอะใจว่าตรงท้ายทอยนั้นต้องมีอะไรบางอย่างเป็นอันแน่แท้ เพราะปกติพวกโตนส์นั้นตัวแข็งมาก โดนหินใหญ่ๆหล่นทับเท้ายังไม่รู้สึกอะไรเลยแต่นี้โดนขวานเหวี่ยงเข้าที่ท้ายทอยถึงกับทรุด ในระหว่างที่ลุงแกกำลังสงสัยครุ่นคิดอยู่นั้น ฮอร์ดไม่รอช้าคลานออกมาคว้าขวานของเขาพาดไว้ที่หลังแล้วลุกขึ้น วิ่งกระโดดขึ้นหลังโตนส์ตัวที่จับเขาไว้เมื่อกี้ โตนส์ตัวนั้นพอถูกฮอร์ดปีนขึ้นหลังก็พยายามสบัดตัวของมันเพื่อให้ฮอร์ดหล่น

    “ดื้อแบบนี้!! แสดงว่าจุดตายของแกอยู่แถวนี้สินะ”ฮอร์ดพูดขึ้นขณะที่โตนส์ตัวนั้นกำลังสบัดตัวอย่างรุนแรง ฮอร์ดปีนขึ้นไป ด้วยความที่ผิวของโตนส์มันขรุขระ และมีนูนแข็งๆขึ้นมาตามร่างของมัน ฮอร์ดได้เกาะปีนป่ายไปตามนั้นจนถึงบริเวณท้ายทอยกะโหลกของมัน ฮอร์ดเอามือข้างซ้ายจับหนังของมันที่นูนขึ้นมาอย่างแน่น มือขวาไปจับขวานที่พาดอยู่ที่หลังของเขา

    “เอ๊ะ!? นี่เราสามารถถือขวานหนักๆในมือเดียวได้แล้วหรือนี่ แค่วันเดียวเองนะเนี่ย!!?”ฮอร์ดรู้สึกสงสัย แต่เขาก็คลายความสงสัยนั้นทิ้งไป แล้วฟาดขวานด้ามมีคม ฟันเฉือนเข้าที่ท้ายทอยของโตนส์ตัวนั้น เมื่อคมขวานโดนท้ายทอยตรงนั้นได้มีเลือดสีเหลืองพุ่งกระฉูดออกมา ปรากฎเส้นประสาทมากมายอยู่ที่ท้ายทอยนั่น ฮอร์ดเพิ่มแรงกดไปที่คมขวานจนมันเฉือนเส้นประสาททั้งหมดขาดสะบั้น โตนส์ตัวนั้นชักดิ้นชักงอทุรนทุรายร้องออกมาแล้วล้มตึงหัวฟาดพื้นอย่างแรงด้วยความแน่นิ่ง ฮอร์ดกลิ้งตกลงมาข้างๆมัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่โตนส์อีกตัวหนึ่งที่เบิร์กกำลังเผชิญหน้าอยู่ ลุงกลอมที่ยืนมองดูฮอร์ดที่กำลังโลดโผนโจนทะยานอย่างกล้าหาญ เขายิ้มแฉ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เบิร์กมุดหลบเข้าใต้วงแขนของโตนส์ตัวนั้น เจ้าโตนส์ก็พยายามเอาหัวก้มลงแล้วอ้าปากงับเบิร์ก แต่ไม่ยักจะโดนสักที

    “ข้าชักจะเหนื่อยแล้วนะ..-บ้าเอ้ยย!!”เบิร์กเกิดอารมณ์พิโรธขึ้นมาจึงเตะไปที่โตนส์ตัวนั้น เบิร์กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วกุมแข้งข้างที่เขายกขาเตะไปเมื่อกี้ไว้ ในขณะที่โตนส์เห็นเบิร์กเสียท่าด้วยความไม่คิดแล้ว มันจึงใช้โอกาสนี้รีบเอามือไปกำเบิร์กขึ้นมา แต่ฮอร์ดได้วิ่งมาอย่างโชกโชนพร้อมกับขวาน แขนล่ำๆของฮอร์ดเต็มไปด้วยเหงื่อไคล โตนส์ตัวนั้นกำลังชันเข่าลงไปจับเบิร์กพอดี ฮอร์ดก็วิ่งขึ้นหลังของมันได้อย่างฉลิว และฟาดคมขวานเหวี่ยงขวาลงไปที่ท้ายทอยกะโหลกของมันจนตายล้มลงแน่นิ่งเหมืนกับตัวแรก ฝุ่นได้ฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น เบิร์กไอคอกแคกอยู่กับพื้น ลุงกลอมค่อยๆเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เบิร์กค่อยๆลุกขึ้น

    “แผลยังไม่หายดีจากการโดนกระทึบเลย ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้อีก”เบิร์กบ่นขึ้นแล้วก้มลงหยิบดาบของเขา ลุงกลอมได้เดินมาข้างๆเบิร์ก แล้วมองไปทางโตนส์ตัวนั้น ฝุ่นที่ฟุ้งไปทั่วในบริเวณนี้ก็ค่อยๆจางลง ร่างลางๆที่อยู่ในฝุ่นนั้น ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง เบิร์กกับลุงกลอมได้เห็นฮอร์ดในสภาพที่น่าเกรงขามนัก เมื่อฝุ่นหายไปภาพที่เห็นคืออีเลียด ฮอร์ดที่ยืนอย่างองอาจอยู่บนกะโหลกอันใหญ่ของโตนส์ตัวนั้น ใบหน้าของฮอร์ดในตอนนี้ ดูนิ่งดูขรึม ฮอร์ดเห็นลุงกลอมกับเบิร์กยืนมองอยู่เขาก็ได้ยิ้มเบาๆให้กับสหายทั้งสอง

    “แขกในยามเช้า..หมดสักทีนะ”ฮอร์ดอุทานเบาๆขณะยืนอยู่บนกะโหลกโตนส์
     
  6. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 5/10


    ทั้งสามเดินออกมาจากถ้ำหลังจากจบเรื่องวุ่นวายในยามเช้านี้ลงได้ ลุงกลอมและเบิร์กรู้สึกชอบใจในตัวของฮอร์ดอย่างยิ่ง

    “ถ้าชาวบ้านรู้ว่าเจ้าล้มโตนส์ได้ ต้องแห่กันมายกย่องเจ้าแน่ๆฮอร์ด ตัวใหญ่ขนาดนั้นข้านี่ยังลังเลอยู่เลย”ลุงกลอมว่า

    “ผมเห็นลุงเขวี้ยงขวานไปโดนท้ายทอยมันแล้วมันทำท่าเหมือนเจ็บ ผมก็เลยลองเสี่ยงดูเท่านั้นเอง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นจุดตายมัน ถ้ามันพลาดผมนี่แหละที่จะต้องสิ้นแทน”ฮอร์ดพูดอย่างนอบน้อม

    “ยอดมากสหายข้า”เบิร์กกอดคอฮอร์ดด้วยความภาคภูมิ

    “นี่ล่ะฮอร์ด! ชีวิตใหม่ที่เอ็งมอบให้ลุง ชีวิตที่ตื่นเต้นท้าทาย ลุงเองก็อายุมากแล้ว ข้าบอกตามตรงนะฮอร์ด คนอย่างลุงเกิดมาไม่เคยเจอคนที่มีจิตใจห้าวหาญอย่างเจ้ามาก่อนเลย แถมยังเป็นคนมีความคิด มีไหวพริบ ไม่ระรานใคร”ลุงกลอมรู้สึกปลื้มเป็นอย่างมาก

    “ตั้งแต่ออกจากบ้านมา ถึงจะไม่กี่วันก็เถอะนะ ผมรู้สึกว่าผมค่อยๆเปลี่ยนไป อย่างชีวิตผมที่ได้กลายเป็นปีศาจฮัมรินไปเสียอย่างนั้น และร่างกายที่แข็งแรงขึ้นจนผมสามารถหยิบขวานฟาดฟันได้อย่างสบายด้วยแขนข้างเดียว มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”ฮอร์ดสงสัยในตนเอง

    “ก็เอ็งมันไม่ธรรมดา ร่างกายเอ็งก็ต้องไม่ธรรมดาด้วยไงเล่า!!”เบิร์กรีบตอบทันที

    “บางทีอาจเป็นเพราะเลือดที่สูบฉีดในกายเจ้านะฮอร์ด เลือดของเจ้ามันเลือดลูกผู้ชายของจริง”ลุงกลอมกล่าว

    “เอาเถอะ! ลุงกลอม ผมจะบอกเป้าหมายให้ว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร ลุงเคยได้ยินตำนานนี้ใช่ไหม ว่าที่ชายแดนแผ่นดินมีสิ่งที่สวยงามกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่เรียกกันว่าทะเลมหาสมุทรน่ะ”ฮอร์ดว่า

    “ลุง!! ช่วยพาพวกข้าไปทีเถอะนะ”เบิร์กพูดแทรกขึ้นมา

    “นี่เองหรือ!? สิ่งที่พาให้พวกเจ้าทั้งสองออกจากบ้านที่แสนอบอุ่นออกมา?”ลุงกลอมกล่าว

    “ใช่แล้วครับ! หากตำนานเป็นความจริงน่ะนะครับ”ฮอร์ดพูดอย่างมีความหวัง

    “ช่างมีความทะเยอทะยานกันนักนะเจ้าหนุ่ม”ลุงกลอมพูดเบาๆด้วยรอยยิ้ม

    “ลุงจะไปกับพวกข้าต่อไหม? ไปพิสูจน์ตำนานนี้ด้วยกัน!”เบิร์กถาม

    “ข้าบอกแล้วไง ไม่ว่าพวกเจ้าทั้งสองจะไปที่ใด ข้าก็จะไปที่แห่งนั้นด้วย”ลุงกลอมพูดเสียงดัง

    “ผมว่าเรารีบเดินทางกันเถอะครับลุง ผมตื่นเต้นกับเป้าหมายที่จะถึงในวันข้างหน้านี้เต็มทีแล้ว”ฮอร์ดรู้สึกกระตือรือร้น

    “เดี๋ยวข้านำทางเอง!!!”ลุงกลอมพูดขึ้นมาแล้วเดินไปข้างหน้าฮอร์ดกับเบิร์ก

    “ลุงรู้ทางรึไง!!?”เบิร์กถาม

    “ลุงกลอมหัวเราะออกมาเบาๆ”

    “อย่าเพิ่งถาม รีบเดินทางไปตามล่าหาความฝันกันได้แล้ว”ลุงกลอมหันหน้ากลับมากล่าว

    “ลุงดูท่าแปลกๆนะฮอร์ดเจ้าว่าไหม!!?”เบิร์กรู้สึกตะหงิดใจ

    “ข้าว่าเราสองคนดูท่าจะมีความหวังแล้ว”ฮอร์ดกระซิบกับเบิร์กเบาๆ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีสายฝนชโลมตกลงมาปรอยๆดังเปาะแปะตรงใบหน้าของเขา

    ณ หมู่บ้านโอดิธันติดกับชายป่าชาร์ค ที่บ้านของอัสคัส ฮันนาร์ผู้ซึ่งเป็นลูกสาวกำลังร่ายรำกระบวนท่าการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยขวานของเธออยู่ อัสคัสผู้เป็นบิดาได้ยืนชื่นชมฝีมือลูกของตนอยู่บนบ้าน แม้ฮันนาร์จะเป็นสตรี แต่เธอกลับมีความแข็งแกร่งมิแพ้บุรุษเลย แถมยังดูงามสง่าเสียด้วยซ้ำ เธอยกขวานฟาดฟันได้อย่างคล่องแคล่วประหนึ่งกำลังเหวี่ยงเศษไม้ยังไงยังงั้น

    “พ่อไม่คิดเลยนะว่าลูกจะเก่งถึงขนาดนี้”อัสคัสพูดเสียงดังมาจากข้างบนบ้านพอประมาณให้ฮันนาร์ได้ยิน

    “ลูกศิษย์ย่อมเก่งกว่าอาจารย์มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วค่ะพ่อ!”ฮันนาร์ตอบกลับมา

    “พ่อเตรียมอาหารมื้อเช้าเสร็จแล้วนะฮันนาร์..ยืดเส้นยืดสายเสร็จแล้วมากินเลยนะลูก!!”อัสคัสพูดกลับไป ฮันนาร์ซึ่งกำลังซ้อมโดยที่หันหลังให้ก็พยักหน้าและมุ่งมั่นกระโดดฟาดขวานต่อ ฝั่งทางบ้านของกาแลค อาธาร์ผู้เป็นภรรยาได้ถือชุดที่วิเศษและสำคัญที่สุดในชีวิตฮอร์ด คือหนังจระเข้ที่ถูกตกแต่งตัดมาเป็นอย่างดี เกล็ดของมันยังอยู่ครบจนถึงปลายหาง ส่วนบนตรงหัวปากฟันของจระเข้จะมีเพียงแค่กรามบน กรามล่างถูกตัดออกไป เพราะจะทำให้คนสวมชุดหายใจลำบาก ในกรามบนนั้นฟันอันแหลมคมถูกเลาะออกหมดทุกซี่ เหลือไว้เพียงส่วนปลายตรงจมูกบนปากที่ยื่นออกไปเพียงสองเขี้ยวเท่านั้น หัวจระเข้ที่เหลือปากแค่ข้างบนนี้ มีไว้เพื่อให้ผู้สวมใส่ดูน่าเกรงขาม ดูเป็นที่เคารพยำเกรง ในด้านประโยชน์อื่นๆนั้นคือสามารถกันสายฝนที่ตกลงมาปรอยๆทุกวันได้ นี่คือชุดแห่งนักรบกาเลียอัส อาธาร์ถือชุดนี้วางไว้บนเตียงนอนในห้องของฮอร์ด เพื่อสักวันที่ฮอร์ดลูกของเธอกลับบ้านมา เขาจะได้สวมใส่มันในทันที มันเป็นของฮอร์ดโดยสมบูรณ์แล้วตอนนี้ เหลือก็เพียงแต่รอเจ้าตัวกลับมาสวมใส่มันเท่านั้น ส่วนกาแลคกำลังมุ่งมั่นซ้อมขวานของเขาอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน กาแลคฟันเฉือนลมไปอย่างนั้นสักพักลุงแบรผู้ซึ่งเป็นลุงของเบิร์กก็ได้เดินมาที่หน้าบ้านของกาแลค กาแลคเห็นดังนั้นก็เอ่ยปากเชิญให้เข้าบ้านมา ลุงแบรเดินตรงเข้ามาหากาแลคที่ใต้ถุนบ้าน

    “สองสามวันมานี้เจ้าเบิร์กมันไม่กลับบ้านมาเลย ข้าก็เลยอยากจะมาหาเจ้าฮอร์ดมัน ว่ามันกลับมายัง??”ลุงแบรยืนถามกาแลคที่กำลังซ้อมขวานจนเหงื่อไหลท่วมตัว

    “ฮอร์ดก็ไปกับเบิร์กไงครับพี่แบร”กาแลคตอบ

    “ไปด้วยกันน่ะข้ารู้ ข้าแค่อยากมาถามให้แน่ใจอีกทีก็เท่านั้นเอง ข้าเป็นห่วง”ลุงแบรยิ้ม

    “เขาไปกับฮอร์ดลูกผม เด็กสองคนนี้เอาตัวรอดเก่งกันจะตายครับพี่”กาแลคพยายามพูดให้ลุงแบรสบายใจ

    “ถ้าเจ้ายืนยันว่าพวกเขาไม่เป็นไรแน่ ข้าก็หายกังวลได้หน่อย ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างรือกันให้วุ่นเรื่องฮอร์ดลูกเจ้านะกาแลค พวกเขาอยากเจอฮอร์ด”ลุงแบรว่า

    “ลูกผมกลับมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นละ ตอนนี้ฝากพี่แบรบอกพวกเขาด้วยละกันว่า ข้ากาแลคบิดาของฮอร์ดขอขอบคุณพวกท่านที่เป็นห่วงบุตรชายข้า”กาแลคหยุดฟันขวานแล้วยืนกล่าว

    “ฮึฮื่อ…ได้! เดี๋ยวข้าจะบอกพวกเขาให้นะ”ลุงแบรยิ้มพร้อมกับเดินออกจากบ้านไปก่อนจะตะโกนออกมาว่าขอบคุณ กาแลคก้มหัวลงนิดๆแสดงถึงการเคารพรุ่นพี่จากนั้นก็ลงมือถือขวานฟาดฟันซ้อมต่อ

    ฮันนาร์ฟาดขวานลงกับตอไม้ข้างๆอย่างแรงจนเศษไม้กระเด็นกระดอนแตกตัวออกกระจายไปทุกทิศทุกทาง นางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า กับเรือนร่างที่เงามันไปด้วยเหงื่อ อัสคัสผู้เป็นบิดาได้เดินลงมาหาเธอตรงใต้ถุนบ้าน

    “ไปกินเนื้อหมูข้างบนบ้านก่อนเถอะลูก จะได้มีแรง”อัสคัสลงไปชวนเธอ

    “ค่ะพ่อ! หนูเองก็หิวแล้ว”ฮันนาร์ตอบกลับพร้อมกับลุกขึ้นเดินตามอัสคัสขึ้นบันไดไปข้างบนบ้าน พ่อของเธอได้เตรียมอาหารมื้อเช้าไว้อย่างน่าชื่นชม มีเนื้อหมูที่แน่นเต็ม มีผักและผลไม้นานาชนิด เป็นคุณพ่อที่ดี
     
  7. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 6/10


    ระหว่างนั้นฮันนาร์นึกได้ว่ายังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาล้างมือให้สะอาด ก็รีบวิ่งลงบันไดบ้านไป

    “หนูไปล้างมือก่อนนะพ่อ หนูลืมเลย!!”ฮันนาร์กล่าวแล้วรีบวิ่งลงไป อัสคัสจึงเดินไปนั่งลงรอตรงพื้นที่เตรียมอาหารไว้ ฮันนาร์วิ่งลงไปข้างใต้ถุนบ้าน ตักน้ำจากในโอ่งที่มีน้ำฝนเย็นๆสดชื่นๆมาล้างมือล้างเท้าล้างหน้าล้างตาจนขาวใสสะอาด เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินขึ้นบันไดบ้านไปเอาผ้าที่ตากไว้บนบ้านมาเช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะมานั่งลงกับพื้นตรงที่อัสคัสผู้เป็นพ่อกำลังนั่งอยู่ พวกเขาทั้งสองได้ลงมือรับประทานอาหารในมื้อเช้ากัน อัสคัสเอามีดหั่นเนื้อหมูชิ้นใหญ่มาไว้ในจานของฮันนาร์

    “กินเยอะๆลูก เราเสียแรงไปเยอะ”อัสคัสพูดขณะหั่นเนื้อหมูใส่จานของฮันนาร์

    “เดี๋ยวหนูก็อ้วนพอดีน่ะสิพ่อจ๋า..”ฮันนาร์ทำเสียงน่ารัก

    “พ่อไม่เจอลูกมาตั้งหลายปี ขอพ่อเอาใจลูกหน่อยสิ”อัสคัสยิ้ม

    “พ่อไม่เปลี่ยนไปเลยนะ จริงสิ! ตั้งแต่หนูขอพ่อไปผจญภัยในโลกภายนอก ฮอร์ดเป็นยังไงบ้างคะ?”ฮันนาร์เคี้ยวเนื้อหมูเสร็จแล้วจึงพูด

    “นั่นอีกชิ้น เอาส้อมทิ่มมากินอีกสิลูก”อัสคัสเบนความสนใจ

    “พ่อจ๋า! ทำไมเวลาหนูพูดถึงฮอร์ดพ่อชอบเปลี่ยนเรื่องอยู่เรื่อยเลยละ?”ฮันนาร์เกิดความสงสัย

    “พ่อมีลูกสาวคนเดียว พ่อก็ต้องหวงสิ”อัสคัสว่า

    “ลูกสาวของพ่อเก่งขนาดนี้ไม่ต้องหวงแล้วค่ะ(ฮันนาร์หัวเราะเบาๆ) ตอนนี้ฮอร์ดไม่ธรรมดาแล้วนะพ่อ”ฮันนาร์มีสีหน้าที่ตื่นตาตื่นใจ

    “ที่พ่อยอมปล่อยให้ลูกออกไปผจญภัยในโลกภายนอก เพราะอยากให้ลูกได้พบได้เจอสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า และเจริญกว่าที่ราอยู่ในตอนนี้นะฮันนาร์”อัสคัสอธิบาย

    “ไม่ว่าหนูจะไปอยู่ที่ใด ถ้าไม่มีคนที่หนูรักอยู่ด้วย ที่นั่นก็ไม่น่าอยู่หรอกค่ะพ่อ สำหรับหนูอ่ะนะ”ฮันนาร์ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

    “น่ารักจริงๆนะฮันนาร์”อัสคัสกล่าวแล้วหยิบขนมปังมากิน

    “เอ่อ..พ่อจ๋า ฮอร์ดไปล่าจระเข้ที่แหล่งน้ำไหนหรอคะ?”ฮันนาร์ถาม

    “แม่น้ำตรงกลางชายป่าชาร์คน่ะ ถามทำไมหรอลูก!?”อัสคัสเคี้ยวขนมปังเสร็จก็รินน้ำใส่แก้วมาดื่ม

    “หนูจะไปทำมั่ง!!”ฮันนาร์พูดขึ้นมา อัสคัสผู้เป็นพ่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจจนสำลักน้ำที่ดื่มอยู่

    “อะไรนะ!! ฮันนาร์..จระเข้ในป่าชาร์ค ตัวใหญ่มากๆเลยนะลูก อย่าเสี่ยงเลย”อัสคัสพูด

    “ก็หนูยังไม่เคยสู้จระเข้สักครั้งเลยนี่คะ? ในเมื่อฮอร์ดซึ่งเด็กกว่าหนูยังทำได้ ทำไมหนูจะทำไม่ได้ล่ะ!”ฮันนาร์มีแววตามุ่งมั่น

    “เดี๋ยวกินเสร็จ ลงไปอาบน้ำแล้วไปป่าชาร์คกับพ่อ ลูกจะได้เห็นว่าที่แห่งนั้นคือมัจจุราชดีๆนี่เอง”อัสคัสกล่าว ฮันนาร์พยักหน้า ทั้งสองได้คุยไปกินไปจนเสร็จเรียบร้อย ฮันนาร์ช่วยพ่อของเธอเก็บจานชามและปัดกวาดเศษอาหารที่ตกตามพื้นบ้านให้สะอาดก่อนจะเข้าห้องของเธอ ไปถอดผ้าออกแล้วห่มผ้าสำหรับอาบน้ำปิดตั้งแต่หน้าหน้าอกถึงน่องขาเลยหัวเข่ามานิดเดียว เธอเดินลงบันไดบ้านไปที่โอ่งที่เก็บน้ำฝนไว้ ฮันนาร์ตักน้ำในโอ่งนั้นมาราดทั่วเรือนร่างของเธอ หน้าอกนูนๆของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ไหลลงมาเป็นสายจนถึงปลายเล็บเท้าอันงามของเธอ ทางอัสคัสเองก็กำลังเตรียมอาวุธ โล่ห์ป้องกัน ด้วยความเป็นห่วงลูก จึงต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่าง เขาได้เดินไปที่เตียงของตนเองแล้วก้มลงเอาแขนของเขาสอดเข้าไปใต้เตียงนอน เขาดึงหีบใบหนึ่งออกมาจากใต้เตียงนั้น หีบใบนั้นดูสวยงาม มีกรอบที่ประดับด้วยทองคำแท้ อัสคัสเอามือขวาของเขาลูบที่หีบนั้นอย่างเบาๆ

    “กลับมาหาข้าเถอะนะ”อัสคัสพูดเบาๆกับหีบใบนั้น
     
  8. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 7/10


    ระหว่างที่ฮันนาร์กำลังอาบน้ำอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน ก็มีหนุ่มจากข้างบ้านมาด้อมๆมองๆเธอ ด้วยความที่เธอเป็นหญิงแกร่งมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เธอจึงรู้ด้วยความรู้สึกว่ามีคนกำลังแอบมองเธออยู่ ฮันนาร์แอ่นบั้นท้ายอันงามงอนไปข้างหลัง ชายหนุ่มที่แอบดูอยู่ได้เห็นเรือนร่างอันอรชรของเธอก็ทนไม่ไหว เสียงหายใจจึงแรงขึ้นจนฮันนาร์ที่ยืนล่อดักฟังอยู่รู้ว่าอยู่ตรงไหน เธอจับทางเสียงของลมหายใจได้ จึงหันหน้าไปมองอย่างรวดเร็ว

    “เจ้าลามก! ออกมาเดี๋ยวนี้ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น”ฮันนาร์พูดเสียงแข็ง แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็ไม่ยอมออกมา เธอจึงยิ้มให้แล้วเดินไปหยิบขวานที่ปักไว้กับตอไม้มา แล้วขว้างไปปักตรงรั้วบ้านพอดี ชายหนุ่มคนนั้นสะดุ้งกระโดดหลบออกมาปรากฎแก่สายตาของฮันนาร์

    “มาแอบดูข้าอาบน้ำทำไมเจ้าลามก!!”ฮันนาร์เดินไปหาชายหนุ่มคนนั้นแล้วพูดขึ้น

    “ผะ..ผมขอโทษ ผมแค่ผ่านมาเท่านั้นเอง”ชายคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงประหม่า

    “เจ้ายังมีหน้ามาอายอีกหรือ!? มันแก้ตัวไม่ขึ้นหรอกนะ ข้าเป็นผู้หญิง บุรุษควรให้เกียรติสตรีบ้าง”ฮันนาร์กล่าว

    “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว..ผมไม่เคยเห็นสาวๆที่สวยขนาดคุณมาก่อนเลย เลยห้ามใจไม่ไหว!!”ชายคนนั้นยังคงเขิลอาย

    “หึ! คราวนี้ข้าจะยกโทษให้ ถ้ามีครั้งที่สองล่ะก็ จะร้องไห้ฟ้องแม่ไม่ได้นะ”ฮันนาร์หัวเราะเบาๆแล้วบอกให้ชายหนุ่มคนนั้นไป ชายคนนั้นลุกขึ้นรีบวิ่งไปเอามือปิดหน้าปิดตาด้วยความอาย เมื่อชายคนนั้นหายวับไปกับดวงตาของฮันนาร์แล้ว เธอได้เดินกลับขึ้นบันไดบ้านมาข้างบน เข้าไปในห้องของเธอ นางค่อยๆถอดผ้าที่ห่มร่างอยู่ออกจนเรือนร่างทั้งหมดของเธอนั้นโจ่งแจ้ง ก้นของนางเด้งงอนเป็นรูปหัวใจ หน้าอกกลมสวยนูนได้รูป เธอหยิบชุดมาใส่ พร้อมกับอาวุธเล็กๆอย่างมีดมาด้วย ฮันนาร์ถักเปียผมสีแดงของเธอเพื่อให้คล่องแคล่วสำหรับการลงไปล่าจระเข้ ก่อนจะออกจากห้องเธอได้นั่งลงอยู่ที่เตียงนอนของเธอ นางหลับตาตั้งสมาธิอย่างสงบนิ่ง

    “สิ่งที่ตัวข้าจะกระทำต่อไปนี้ มันเสี่ยงต่อชีวิตของข้ามากนัก หากวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของข้า ก็ขอให้ข้าได้ทำในสิ่งที่ฮอร์ดผู้เป็นเสมือนสหายข้าทำได้สำเร็จด้วย ขอข้าพิสูจน์ว่าตัวข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าบุรุษ มิได้ด้อยไปกว่าอีเลียด ฮอร์ด!!!”ฮันนาร์นั่งหลับตาและนึกขึ้นมาในใจของเธอเอง สายลมอ่อนๆพัดปลิวเข้ามาทางหน้าต่างกระทบแก้มอันขาวอมชมภูของนาง เธอค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นช้าๆ เดินเปิดประตูออกจากห้องไป ฮันนาร์เดินออกมาก็ไม่เห็นอัสคัสพ่อของเธอ นางจึงได้เดินมานั่งรอตรงเก้าอี้ที่วางอยู่ริมบ้านไว้สำหรับชมวิวทิวทัศน์ ฮันนาร์มองดูภูเขามากมายที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก ซึ่งถ้าเมื่อผ่านภูเขาลูกนั้นไปจะเป็นเขตเมืองบูส เธอสูดเอาอากาศอันบริสุทธิ์นี้เข้าไปเต็มปอดของตน จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูจากในตัวบ้านดังขึ้น ฮันนาร์รีบหันหน้าไป อัสคัสพ่อของเธอได้ค่อยๆเดินออกมาอย่างองอาจ ฮันนาร์เมื่อได้เห็นอัสคัสในตอนนี้ก็ตาโตรู้สึกอึ้งขึ้นมากับสิ่งที่เห็น เกล็ดจระเข้ที่ส่วนหางถูกประดับด้วยทองเล็กน้อยพอระยิบระยับ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ห่มร่างของอัสคัสอยู่ ชุดเกราะนักรบแห่งกาเลียอัส
     
  9. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 8/10


    “พ่อ!!! ทำไมหนูไม่เคยรู้เลยว่าพ่อก็เป็น…”ฮันนาร์รู้สึกตกใจ

    “พ่อขอโทษนะ ที่พ่อไม่เคยบอกลูกเรื่องนี้เลย”อัสคัสเดินเข้าไปหาฮันนาร์

    “พ่อหนูเท่ห์มากๆเลย!!!”ฮันนาร์พูดด้วยอาการดีใจ

    “ไม่ได้ใส่ซะนาน ตั้งแต่พ่อแต่งงานกับแม่ลูก รู้สึกเขิลๆหน่อยๆแฮะ”อัสคัสยิ้ม

    “หนูว่าลงไดบันไดบ้านไป ต้องมีเฮแน่เลยค่ะพ่อ”ฮันนาร์หัวเราะ อัสคัสเชิดอกขึ้นแล้วเดินนำฮันนาร์ลงบันไดบ้านไป เมื่อลงบันไดมาฮันนาร์ได้วิ่งไปหยิบขวานที่ปักอยู่ตรงรั้วบ้านออกมา

    “ขวานมันไปปักอยู่ตรงนั้นได้ไงน่ะลูก!?”อัสคัสสงสัย

    “อ้ออ..พอดีลมมันพัดแรงอ่ะค่ะตอนหนูอาบน้ำ”ฮันนาร์กล่าว

    “คงจะแรงจริงๆสินะ”อัสคัสหัวเราะขณะพูด ฮันนาร์ก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งมาหาอัสคัสเอาขวานเหน็บพาดไว้ที่หลังกับสายยึด ทั้งสองคนเดินออกมาจากบ้านของตนเข้าสู่หมู่บ้าน เป็นธรรมดาพวกชาวบ้านทั้งหลายได้เห็นอัสคัสห่มชุดจระเข้ที่ปลายหางของมันถูกประดับด้วยทองคำ ก็รู้สึกฮือฮากัน ต่างพากันกระซิบแล้วชี้ไปที่อัสคัสกัน แน่นอนว่าฮันนาร์กับอัสคัสต้องรู้สึกเขิลอาย แต่ทั้งสองยังคงก้าวเดินอย่างองอาจและสง่าผ่าเผย

    “นักรบ..นี่หรือนักรบ!!”เด็กหนุ่มน้อยคนหนึ่งยืนพูดอยู่คนเดียวขณะกำลังยืนมองอัสคัสในชุดนักรบกาเลียอัสนั้น เสียงกรี๊ดจากสาวๆที่โปรยมาตามทาง เด็กน้อยที่พากันมาเดินข้างๆอัสคัสต่างพากันดีใจ

    “สงสัยจะลืมอีเลียด ฮอร์ดกันซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย!!!?”อัสคัสพูดขึ้นเบาๆ

    “ฮัดชิ้ว!!!”ฮอร์ดจามเสียงดังขณะกำลังเดินทางมุ่งสู่ความฝัน

    “เป็นหวัดรึไงเจ้าหนุ่ม!!?”ลุงกลอมถาม

    “เปล่าหรอกลุง..อยู่ดีๆมันก็จามขึ้นมาเสียอย่างนั้น”ฮอร์ดหัวเราะ “ฮะ..ฮัดชิ้วว”ฮอร์ดจามอีกรอบ

    “สงสัยจะมีคนบ่นถึงมั้งนะ”ลุงกลอมกล่าว

    “ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าแต่เจ้าเบิร์กนี่ มันไปกรอกน้ำใส่กระบอกนานไปแล้วนะครับลุงว่าไหม!!?”ฮอร์ดถามลุงกลอมด้วยความเหน็ดเหนื่อย

    “หวังว่ามันจะไม่ไปตีกับใครเขาอีกนะ ข่าวลือของปีศาจฮัมรินยังไม่มาถึงหูของคนที่นี่ เจ้าเบิร์กเอ้ย..อย่าก่อเรื่องนะ”ลุงกลอมบ่นเบาๆ

    เสียงกำปั้นทุบดินดังสะเทือนจนเศษหินเล็กๆสะดุ้งกระโดดลอยขึ้นมา เบิร์กกำลังนั่งจ้องหน้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งก็กำลังจะกรอกน้ำใส่กระบอกเก็บไว้ดื่มกินกันอยู่

    “ข้ามาก่อนนะ รู้จักมารยาทบ้างสิ”เบิร์กกล่าวขึ้น

    “ข้ากระหายน้ำ ข้าไม่ไหวแล้ว ขอก่อนเถอะนะ?”ชายคนนั้นพูดอ้อนวอน

    “หน้าตาไม่น่าเชื่อถือเลย ให้ตายเถอะ!! ข้ากรอกแปปเดียวและ ไม่นานหรอกหน่า”เบิร์กจะกรอกน้ำให้ได้

    “พูดไม่รู้เรื่องหรอพ่อหนุ่ม..ว่าข้าขอก่อนน่ะ!!”ชายคนนั้นเริ่มใส่อารมณ์แล้วเอามือปัดกระบอกน้ำของเบิร์กหล่นจากมือ

    “ข้าไม่อยากมีเรื่องนะ เห็นหน้าข้าไหม ยิ่งบวมๆอยู่ อย่ามายุให้โมโหจะดีกว่านะ”เบิร์กเริ่มไม่พอใจ

    “แถวนี้อย่ามาทำเป็นเก่ง-หนู”ชายคนนั้นพูด

    “ถ้างั้นอย่ามาหาว่าผมไม่เตือนก็อล้วกันนะพี่ชาย!!”เบิร์กทำหน้าแสยะยิ้มแล้วจ้องด้วยสายตาที่ดุดัน
     
  10. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 9/10


    ทางอัสคัสกับฮันนาร์ได้พากันเดินทางมาถึงหน้าชายป่าชาร์คเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อัสคัสดูมุ่งมั่นจริงจังมากในเวลานี้ เพราะเมื่อเขาพาฮันนาร์ลูกสาวก้าวเข้าไปในป่าเมื่อไหร่ นั่นคืออันตรายที่กำลังรออยู่

    “พร้อมนะลูก..”อัสคัสเอ่ยขึ้น

    “หนูพร้อมแล้วค่ะพ่อ!”ฮันนาร์พูดอย่างกล้าหาญ อัสคัสเมื่อได้ยินฮันนาร์พูดเช่นนั้นก็รู้สึกใจคอไม่ดี

    “ที่พ่อยอมพาลูกมา ใช่ว่าพ่อจะยอมให้ลูกไปตายนะ แต่พ่ออยากให้ลูกได้เห็นถึงป่าที่ลูกไม่เคยเข้าไปถึงใจกลางของมัน”อัสคัสพูดจบก็เดินนำหน้าฮันนาร์เข้าสู่ป่าชาร์คอันหนาทึบ สองพ่อลูกเดินเข้าไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง มีรอยเท้าของเสืออยู่ข้างหน้า อัสคัสหยิบขวานของเขาขึ้นมาจากข้างหลัง แล้วกำอย่างมั่นคง กลับกันฮันนาร์นั้นมีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติของป่าไม้ เธอเป็นคนรักสวยรักงาม พอเห็นดอกไม้งามๆตามริมทางเธอจะชอบมันเป็นอย่างยิ่ง

    “อย่าได้หลงมายาของป่าฮันนาร์..ความสวยงามเหล่านั้นทำให้คนที่หลงมันตายมาหลายคนแล้ว!”อัสคัสกล่าวเรียกสติฮันนาร์เพื่อให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า

    “หนูเดินป่ามาหลายขุนเขานัก แต่ป่าบ้านเกิดหนูที่นี่กลับสวยงามที่สุดเลย”ฮันนาร์ยิ้ม

    “ดูจากลูกในตอนนี้แล้วนี่ พ่อสงสัยจริงๆว่าลูกรอดมาได้ยังไง เวลาเข้าป่าน่ะเราต้องระวังตัวเป็นที่สุดนะรู้มั้ย!! เพราะบางทีอาจจะมีสายตาคู่หนึ่งมองเราอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว สายตาของมัจจุราช..”อัสคัสท่าทางจริงจัง

    “พ่อจะเข้มไปไหนคะ? ทำตัวสบายๆก็ได้ พวกลิงที่อยู่บนต้นไม้ก็ยังไม่ส่งเสียงที่แสดงถึงอันตรายใดๆเลย”ฮันนาร์ว่า อัสคัสทำหน้าเหมือนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วใส่ฮันนาร์ จากนั้นเขาก็เดินนำหน้าไปตามทางเรื่อยๆ พอเดินไปได้ยินเสียงพุ่มไม้ขยับอัสคัสก็ถือขวานตั้งท่าาพร้อมสู้ แต่สิ่งที่อยู่หลังพุ่มไม้นั้นเป็นลูกกวาง อัสคัสถอนหายใจ ฮันนาร์เห็นบิดายองเธอดูเคร่งขรึมมาก ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องจริงจังขนาดนั้น

    “เราใกล้จะถึงแม่น้ำแล้ว เตรียมพร้อมไว้ล่ะ!”อัสคัสพูดแล้วมองไปรอบๆเพื่อดูว่ามีอันตรายหรือไม่ เมื่อมั่นใจแล้วเขาก็นำฮันนาร์ไปตามทางข้างหน้าต่อ เสียงของน้ำที่ไหลเชี่ยวดังมาถึงตัวอัสคัสกับฮันนาร์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อฮันนาร์ได้ยินเสียงน้ำไหลแรงก็รู้สึกได้ทันทีว่าใกล้ถึงแล้ว เธอยืดอกสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนในที่สุด เขาทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำที่เต็มไปด้วยจระเข้มากมาย

    “ตัวมันใหญ่เหลือเกิน!..”ฮันนาร์ตะลึงในสิ่งที่เห็น

    “เป็นไงล่ะลูก!? ยังอยากจะลงไปฟัดกับมันอยู่อีกไหม?”อัสคัสถาม ฮันนาร์ยืนนิ่งอยู่สักครู่ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    “หนูขอขึ้นไปดูเชิงตรงกิ่งไม้ที่ทอดก้านยาวไปกลางแม่น้ำนั่นนะคะพ่อ!?”ฮันนาร์เอ่ยขึ้น

    “ว่าไงนะลูก!! นี่ยังไม่ใกล้พออีกหรอ!?”อัสคัสตกใจกับการตัดสินใจของฮันนาร์

    “หนูจะต้องทำได้ค่ะพ่อ”ฮันนาร์กล่าว

    “นี่ฮันนาร์..อย่าเลยลูก”อัสคัสพูดเบาๆพร้อมเอามือแตะไหล่ฮันนาร์เล็กน้อย

    “อย่าห่วงเลยค่ะพ่อ..พ่อคอยช่วยเหลือหนูยามวิกฤติก็พอค่ะ!!”ฮันนาร์พูดเสียงแข็งแล้วรีบวิ่งขึ้นไปปีนต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านทอดยาวไปยังกลางแม่น้ำ อัสคัสยืนนิ่งสงบ เขามองฮันนาร์อย่างไม่คลาดสายตาเพื่อความปลอดภัยของลูก เขาเตรียมตัวที่จะช่วยฮันนาร์ทันทีที่เกิดความผิดพลาด ฮันนาร์ปีนขึ้นไปบนก้านของต้นไม้ใหญ่ เธอค่อยๆเดินไปทีละก้าวอย่างช้าๆ ใต้เท้าของเธอในขณะนี้คือจระเข้นับสิบตัวที่ว่ายวนอยู่ เมื่อถึงตรงปลายของกิ่งนั้น เธอนั่งลงช้าๆ ส่องสายตาไปรอบๆบริเวณนั้น เพื่อหาจระเข้สักตัวหนึ่งที่พอจะลงมือจัดการได้ หัวใจของเธอเต้นดังสนั่นเป็นกลองศึกอยู่ที่อกข้างซ้าย ฮันนาร์นั่งมองไปอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็สังเกตุเห็นว่าใต้เท้าของเธอตอนนี้มีจระเข้ตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่งโผล่หัวพ้นน้ำมา เธอมองดูรอบๆอย่างแน่ใจแล้วว่า จระเข้ตัวอื่นได้ว่ายไปยังตรงจุดอื่นแล้ว เธอต้องรีบลงมือก่อนที่จระเข้จะมีมามากกว่าหนึ่งตัว
     
  11. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ 2 10/10


    อัสคัสได้เห็นฮันนาร์ทำท่าทางจะกระโจนเขาก็ได้เตรียมตัววิ่งลงไปตรงเนินดินข้างล่างที่รากต้นไม้ใหญ่นั้นโผล่ขึ้นมา เพื่อคอยช่วยเหลือลูกสาวของตน เมื่อฮันนาร์จับจังหวะได้ก็กระโดดพุ่งจับขวานของเธอด้วยแขนอันแข็งแรง ฟาดกระแทกไปตรงศีรษะของจระเข้ยักษ์ตัวนั้น ด้วยแรงจากการตกจากที่สุดและพละกำลังของฮันนาร์เอง ทำให้การลงขวานในครั้งนี้สามารถเจาะกะโหลกของจระเข้ตัวนั้นแหลกเละจนสิ้นชีวิต ฮันนาร์นั่งค่อมบนหลังของมันก่อนที่มันจะจมพร้อมทำท่าทางน่ารักให้อัสคัสพ่อของเขาเห็น อัสคัสถอนหายใจอย่างแรงและโบกมือส่งกลับมาให้ด้วยรอยยิ้ม ในระหว่างที่ฮันนาร์กำลังภูมิใจในความสามารถของตนอยู่นั้น ได้มีจระเข้ยักษ์อีกตัวโปล่กระโจนขึ้นมาจากทางขวาของเธอ ด้วยความตกใจเธอรีบหลบอย่างเร็ว ทำให้ตัวของเธอจมน้ำไปพร้อมกับจระเข้ที่ตายแล้วตัวนั้น เธอสำลักน้ำด้วยความตกใจ หางของจระเข้ขนาดใหญ่ได้มาโดนขาอันสวยงามของเธอ จนฮันนาร์รู้สึกกระวนกระวาย เมื่ออัสคัสเห็นดังนั้นเขาวิ่งมาดูเพื่อที่จะช่วยลูก

    “ฮันนาร์!! ฮันนาร์!!”อัสคัสตะโกนอย่างห่วงหา จนฮันนาร์โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ แต่เธอไม่ได้โผล่มาแบบธรรมดา เธอโผล่มาพร้อมกับจระเข้ยักษ์ในลักษณะเอาแขนเอาขากอดรัดปากของจระเข้ตัวนั้นไว้เพื่อไม่ให้มันอ้าปาก ฮันนาร์ยังไม่ทันจะได้สูดเอาอากาศหายใจเข้าปอดเลยก็ถูกจระเข้ตัวนั้นพามุดลงไปใต้น้ำอีก อัสคัสเห็นจระเข้ตัวอื่นเริ่มแห่กันมาตรงนี้แล้ว ด้วยไหวพริบเขาวิ่งไปตรงจุดที่ฮันนาร์จมแล้วสังเกตุระลอกคลื่นของน้ำ เมื่อผิวน้ำที่อยู่ใกล้ๆกันนั้นเกิดปฏิกิริยาบางอย่างอัสคัสตั้งท่าเตรียมพร้อม เขามั่นใจแน่ว่าจะต้องมีอะไรโผล่มาจากตรงนี้แน่นอน ไม่นานผิวน้ำบริเวณนั้นก็พุ่งกระจายปรากฎฮันนาร์ดับจระเข้ตัวนั้นอยู่ในลักษณะเดิม เหมือนจระเข้พยายามจะสลัดฮันนาร์ให้หลุด อัสคัสใช้จังหวะนี้กระโดดเอียงข้างเอาขวานคู่ใจฟันเฉือนไปที่คอของมันจนเลือดกระฉูด อัสคัสตกลงไปในน้ำ จากแม่น้ำที่ใสๆกลายเป็นสีแดงตรงบริเวณนั้น ฮันนาร์โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำก่อนพร้อมกับจระเข้ที่ถูกอัสคัสสังหาร เธอมองหาบิดาของเธออย่างกระวนกระวายแต่สุดท้ายอัสคัสก็โผล่ขึ้นมาแต่ด้วยกระแสน้ำที่เชี่ยวแรงทำให้เขาอยู่ไกลจากฮันนาร์มาก ตอนนี้เขาทั้งสองตกอยู่ในอันตรายกันทั้งคู่ ขวานก็หลุดมือจมลงสู่ก้นแม่น้ำแล้ว

    “รีบว่ายขึ้นฝั่งเร็ว!!!”อัสคัสตะโกนบอกมาซึ่งฮันนาร์ก็ทำตามอย่าวไม่ขัดขืน เธอรีบว่ายขึ้นฝั่งอย่างสุดชีวิต ด้วยกระแสน้ำเชี่ยวทำให้เธอว่ายได้ช้า อัสคัสนั้นก็รีบว่ายไม่แพ้กันทว่าด้วยชุดจระเข้ของเขากับกระแสน้ำแรงนั้นทำให้อัสคัสว่ายน้ำแทบไม่ไปเลย อัสคัสเห็นฮันนาร์ลูกสาวของเธอถึงฝั่งแล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ฮันนาร์ตะเกียกตะกายขึ้นบกอย่างรันทด นางหอบเหนื่อยจนแทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงจนเมื่อเธอหันไปมองดูพ่อของเธอก็เกิดตกใจ

    “พ่อ!!! จระเข้มันมาแล้วรีบว่ายเร็วเข้า!!”ฮันนาร์เห็นฝูงจระเข้มากมายกำลังพุ่งเป้าหมายไปยังอัสคัส ทางตัวของอัสคัสเองก็รู้ดีว่าตนเองไม่สามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งทันแล้วจึงได้ตะโกนเสียงดังมาว่า....


    โปรดติดตามได้ในหนังสือนวนิยาย สามสายเลือด : อีเลียด ฮอร์ด

    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.gameth.status.AOWNWFCBZSLDFLIJF
     

แชร์หน้านี้

Loading...