พระมหากรุณาธิคุณมากล้นรำพัน ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ในห้อง 'ข่าวในพระราชสำนัก' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 12 สิงหาคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    พระมหากรุณาธิคุณมากล้นรำพัน ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

    [​IMG]

    ที่ทรงมีต่อพสกนิกรไทย ซึง่พระองค์ทรงบำเพ็ญด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์...

    จากพระราชกรณียกิจที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ ทรงบำเพ็ญด้วยพระวิริยะอุตสาหะอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการศึกษา สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้น ที่ทรงรักประชาชนและรักประเทศชาติมาตลอดเวลายาวนานจนถึงปัจจุบัน

    [​IMG]

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆตามรอยพระยุคลบาท พร้อมตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทรงเยี่ยมราษฎรตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ เป็นเวลากว่า 50 ปี และแม้ทุกวันนี้ จะว่างเว้นจากการเสด็จเยี่ยมประชาชนตามถิ่นห่างไกลความเจริญ อันเนื่องด้วยพระชนมาชีพที่มากขึ้น ทว่าความทุกข์สุขของพสกนิกร ก็ยังอยู่ในพระเนตรพระกรรณเสมอมา

    ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริโครงการช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องน้ำ ดิน พืชและสัตว์เลี้ยง สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงแบ่งเบาพระราชภารกิจทรงดูแลผู้หญิงและเด็กเป็นหลัก โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา สุขภาพอนามัย รวมทั้งพระราชทานอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้แก่ชาวไร่ชาวนา และบุคคลยากไร้ ดังที่ทรงมีพระราชเสาวนีย์ว่า

    [​IMG]

    "ข้าพเจ้าได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงนำของพระราชทานไปช่วยเหลือราษฎร มักจะเป็นเครื่องอุปโภคบริโภค แล้วก็รับสั่งกับข้าพเจ้าว่า การช่วยเหลือแบบนี้เป็นการช่วยเหลือเฉพาะ หน้า ซึ่งช่วยเขาไม่ได้จริงๆ ไม่ เพียงพอ ทรงคิดว่า ทำอย่างไรจึงจะช่วยเหลือชาวบ้านเป็นระยะยาว คือทำให้เขามีหวังที่จะอยู่ดีกินดี ขึ้น ข้าพเจ้าจึงเริ่มคิดหาอาชีพเสริมแก่ครอบครัวชาวนาชาวไร่ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงหาแหล่งน้ำให้การทำไร่ทำนาของเขาเป็นผลต่อประเทศชาติ ต่อบ้านเมือง ทรงพระราช-ดำเนินไปดูตามไร่ของเขา ทรงคิดว่านี่เป็นการให้กำลังใจ และที่ทรงให้ข้าพเจ้าดูแลครอบครัว ก็เลยเป็นที่เกิดมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ"

    [​IMG]

    น้ำพระราชหฤทัยอันเหลือล้น ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย ได้รับการถ่ายทอดจากเหล่าข้าราชบริพาร ที่ถวายงานรับใช้อย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา

    รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ "ท่านผู้หญิงสุภรเพ็ญ หลวงเทพ" ซึ่งถวายงานด้านโรงฝึกศิลปาชีพ นานถึง 36 ปี ถ่ายทอดความทรงจำ ที่มีต่อพระองค์ท่านว่า...

    [​IMG]

    "น้ำพระทัยพระองค์ท่านมากเหลือเกิน มีมากเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน หลั่งไหลไม่เคยหยุด มักจะรับสั่งว่า วันนี้เราอ่านหนังสือพิมพ์เห็นคนนั้นคนนี้เดือดร้อน พอรุ่งขึ้นก็จะทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงช่วยเหลือทุกคนช่วยไม่มีจำกัด เดือดร้อนอะไรมา พระองค์ท่านก็ช่วยหมด ช่วยเพื่อให้ราษฎรของพระองค์ทำมาหากินได้ ถ้าเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานได้ ครอบครัวก็เดือดร้อน ฉะนั้นต้องช่วยรักษาให้หาย จะได้มีกำลังกายกำลังใจทำงานเลี้ยงครอบครัวต่อไปและเป็นกำลังของประเทศชาติ

    [​IMG]

    ...พระองค์ท่านยังทรงห่วงใยเด็กที่ไม่มีการศึกษา พ่อแม่ยากจน โดยรับสั่งว่า เด็กพวกนี้ถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ได้รับการศึกษา ประเทศเราก็จะแย่ เหมือนเด็กในโรงฝึกศิลปาชีพ พ่อแม่ยากจน ไม่สามารถส่งเสียให้เรียนได้ พระองค์ท่านก็เอามาฝึกงานศิลปะ เพื่อให้มีวิชาช่างติด ตัวเลี้ยงชีพต่อไปได้ สำหรับพระองค์ท่านประชาชนทุกคนมีค่าอยู่ในน้ำพระทัยเสมอ สมควรได้รับความช่วยเหลือเท่ากันหมด ทรงห่วงที่สุดก็คือประเทศชาติ ห่วงว่าเมืองไทยจะต้องอยู่ได้เพื่อลูกหลานต่อไป และเมืองไทยจะต้องอยู่ได้ อย่างมีศักดิ์มีศรี สง่าผ่าเผย ไม่ให้ ใครมาดูถูกเราได้ เราต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ต้องรักสามัคคีและยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเอง"

    ตลอดเวลาที่ได้ถวายงาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ "ท่านผู้หญิงสุภร-เพ็ญ" สรรเสริญพระองค์ท่านว่าเป็นแบบอย่างอันดีงามในทุกๆด้าน... "พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างในทุกๆ ด้าน ทรงเป็นแม่ของปวงชนชาวไทยทุกคน ทรงดูแลอบรม สั่งสอนด้วยความรักและเมตตา...ทรงเป็น ต้นแบบของกุลสตรีไทยที่งดงามเพียบพร้อม...ทรงอนุรักษ์ทุกอย่างที่เป็นสมบัติของชาติ ไม่ ว่าจะเป็นวรรณคดี อาหาร ขนบ– ธรรมเนียมประเพณี หรือแม้ แต่ผ้าไทยและงานฝีมือต่างๆ ก็ทรงริเริ่มอนุรักษ์ฟื้นฟู เมื่อ 34-35 ปีที่แล้ว สมัยก่อนผ้าไทยไม่เกิดเลย แต่พระองค์ ท่านก็ทรงผ้าไทยที่ราษฎรทอ เพราะอยากให้ชาวบ้านมีกำลังใจ และรับสั่งเสมอว่า อย่าไปสั่งจะเอาแบบโน้นแบบนี้ ให้ดึงออกมาจากหัวชาวบ้าน คนไทยมีความสามารถมาก ถ้าใช้ในทางที่ถูกที่ควรพระองค์ท่านยังทรง มีความละเอียดอ่อนมาก ทรงสอนเสมอว่า เวลาเราจะดูคนว่ามีความทุกข์หรือไม่ ให้ดูจากตา อย่าไปดูจากเครื่องแต่งกาย แล้วค่อยเข้าไปพูดคุย หาทางช่วยเหลือพวกเขา"

    [​IMG]

    ด้าน "คุณสหัส บุญญาวิวัฒน์" ที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง ซึ่งถวายงานดูแลโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริมาต่อเนื่อง คืออีกหนึ่งข้าราชบริพาร ที่ได้สัมผัสถึงน้ำพระทัยที่โปรยปรายแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากทั่วประเทศ... "โครงการฟาร์มตัวอย่างใน พระราชดำริฯ มีจุดเริ่มต้นจากที่สมเด็จพระนาง เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2540 แล้วชาวเขามารับเสด็จ แล้วของานพระองค์ท่านทำ เขาบอกว่าเขาเลิกยาเสพติดแล้ว แต่ไม่มีงานทำ พระองค์ ท่านจึงทรงให้จัดหาพื้นที่สร้างงานให้ชาวบ้าน เพื่อที่จะได้มี รายได้เลี้ยงครอบครัว โดยจ้างเขาเป็นแรงงาน อีกทั้งเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดสารพิษและเป็นแหล่งเรียนรู้แบบวิธี Learning by doing ที่ชาวบ้านมาทำงานแล้วสามารถนำความรู้ไปใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ จากจุดนี้เอง เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯอีสานชาวบ้านของานพระองค์ท่านทำอีก เพราะทำนาไม่ได้ ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาหางานทำตอนหมดหน้านา ความอบอุ่นในครอบครัวไม่มี พระองค์ท่านจึงทรงมีพระราชดำริให้จัดโครงการฟาร์มตัวอย่างที่ภาคอีสานด้วย

    ...จนปัจจุบันโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ มีจำนวน 54 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เน้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกว่า 20 แห่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ทรงเห็นว่าชาวบ้านไม่กล้าออกไปทำมาหากิน จนเดือดร้อนไม่มีรายได้ จึงรับสั่งให้นำโครงการนี้เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน อย่างที่จังหวัดนราธิวาสมี 9 แห่ง จังหวัดปัตตานีมี 9 แห่ง และจังหวัดยะลา มี 3 แห่ง ในภาคกลางเมื่อครั้งที่จังหวัดอ่างทองเกิดน้ำท่วมใหญ่ในปี 2549 พระองค์ท่านก็รับสั่งให้นำโครงการไปช่วยเหลือประชาชน"

    สำหรับ "ท่านผู้หญิงภรณี มหานนท์" รองราชเลขานุการในองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เล่าถึงน้ำพระราชหฤทัยในฐานะแม่แห่งแผ่นดิน ที่ทรงห่วงใยในปากท้องของประชาชนชาวไทย ซึ่งต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ว่า... "พระองค์ท่านทรงเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย มีภาวะตกต่ำน่าเป็นห่วง จึงทรงมีพระราชเสาวนีย์ ไม่อยากให้รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาในปีนี้ อย่างฟุ่มเฟือยฟู่ฟ่า โดย ไม่จำเป็น แต่ถ้าจะทำขอให้ทำประโยชน์แก่ประชาชนน่าจะดีกว่า ทรงเป็นห่วงความเป็นอยู่ของประชาชน ทรงห่วงใยเรื่องคนตกงาน นับตั้งแต่เกิดวิกฤติในครั้งที่แล้ว ได้ทรงมีพระราชดำริให้สภาสังคมสงเคราะห์ แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดโครงการน้ำพระทัยพระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่คนที่ตกงานและผู้ทุกข์ยาก

    ...จากที่ได้ถวายงานมานาน ทำให้ได้รู้ซึ้งถึงน้ำพระราชหฤทัยอันกว้างขวาง ทรงห่วงใย ประชาชนตลอดเวลาและทรงงานทุกวันไม่ได้ หยุด แม้ไม่ได้เสด็จออกงาน ก็ทรงทราบว่าภาคไหนมีปัญหา ไม่ว่าจะภาคเหนือ หรือภาคใต้ จะทรงมีรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปหาข้อมูลและนำโครงการต่างๆ อย่างเช่น โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริฯ และหมู่บ้านพอเพียง เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ทรงทำงานอยู่ข้างหลัง ทรงหาข้อมูลและทรงตัดสินพระทัยเอง จะเห็นว่ามีโครงการในพระราชดำริฯ ขยายเพิ่มมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะทรงมีประสบการณ์ มากมายสามารถทรงงานโดยไม่จำเป็นต้องเสด็จออกงานเอง"

    ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยมากล้นรำพันในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม เวียนมาบรรจบ ข้าพระพุทธเจ้า ทีมข่าวหน้าสตรี หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขอทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน สถิตเป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ.

    -----
    ไทยรัฐออนไลน์
    พระมหากรุณาธิคุณมากล้นรำพัน ของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

แชร์หน้านี้

Loading...