ลป.บุญหัวเขา ลพ แช่มดอนยายหอม ลป .เริ่ม จุกกะเฌอลป.อินทร์กลางคลองสี่

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗

    1728785405185.jpg 1728785368938.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    showimage (12).jpeg


    พ่อท่านนวล ปริสุทโธ วัดไสหร้า

    ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ
    วัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

    ประวัติ หลวงพ่อนวล วัดไสหร้า(วัดประดิษฐาราม)

    ประวัติพ่อท่านนวล ปริสุทโธ วัดไสหร้า(วัดประดิษฐาราม)“พระครูวิสุทธิบุญดิตถ์” หรือ “หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ” หรือที่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “พ่อท่านนวล” เป็นพระสุปฏิปันโนนักปฏิบัติกัมมัฏฐาน ที่เพียบพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม และเป็นพระบริสุทธิสงฆ์ที่ยึดหลักพระธรรมวินัยตามคำสอนในพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ ไม่เว้นแม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย จนเป็นที่เลื่องลือและเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสในหมู่ชาวบ้านญาติโยมแดนปักษ์ใต้เป็นอันมาก



    พ่อท่านนวล มีนามเดิมว่า นวล เจริญรูป เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๕ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ ณ บ้านไสหร้า หมู่ ๔ ต.ทุ่งสัง (หมู่ ๑ ต.บางรูป ในปัจจุบัน) อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเกลื่อน และนิ่ม เจริญรูป มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๒ คน และมีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดา อีก ๔ คน

    “หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ”ปัจจุบันสิริอายุ ๘๓ พรรษา ๖๓ (เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) บ้านไสหร้า ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ทำให้ชาว อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ต่างมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่มีพ่อท่านนวล เป็นเนื้อนาบุญของชาวเมืองอย่างแท้จริง

    ด้านวัตถุมงคล พ่อท่านนวล ได้จัดสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลไว้หลายรุ่นด้วยกัน อาทิ วัตถุมงคลรุ่นล่าสุด สร้างปี 2552 ผ่านพิธีปลุกเสกสมบูรณ์ พร้อมเปิดให้บูชา กำลังได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา รูปเหมือนพ่อท่านนวล ขนาดบูชาเนื้อโลหะหน้าตัก 5 นิ้ว รูปหล่อลอยองค์เบ้าทุบ และเหรียญพ่อท่านนวลเจริญโภคทรัพย์ เป็นต้น


    ๏ ชีวิตปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้นของ พ่อท่านนวล ปริสุทโธ วัดไสหร้า

    ชีวิตในวัยเด็ก พ่อท่านนวลเป็นคนชอบสนุกสนาน แต่ขี้อาย มีความประพฤติเรียบร้อย สมถะ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นที่รักของครอบครัวและเพื่อนฝูง เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดมะเฟือง ต.นากะซะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๙


    ๏ การอุปสมบท

    พระครูวิสุทธิ์บุญดิตถ์ พ่อท่านนวล ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๕ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ณ พัทธสีมาวัดภูเขาหลัก (วัดหลวงพ่อแดง พระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยก่อน) ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีพระครูถาวรบุญรัตน์ วัดท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพระอุปัชฌาย์


    ๏ งานด้านการศึกษาของ พ่อท่านนวล วัดไสหร้า

    ปี พ.ศ.๒๔๙๒ พ่อท่านนวล สอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท ณ สำนักเรียนวัดประดิษฐาราม

    ปี พ.ศ.๒๔๗๓ พ่อท่านนวล เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม

    ปี พ.ศ.๒๔๙๘ เป็นกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง

    ปี พ.ศ.๒๕๐๓ หลวงพ่อนวล เป็นกรรมการศึกษาโรงเรียนวัดประดิษฐาราม

    ปี พ.ศ.๒๕๐๔ หลวงพ่อนวล รักษาการแทนสาธารณูปการ อ.ทุ่งใหญ่ และเป็นกรรมการการศึกษาประจำตำบลทุ่งสัง


    ๏ หลวงพ่อนวล กับงานด้านการอุปถัมภ์การศึกษา

    หลวงพ่อนวล ท่านได้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนวัดประดิษฐาราม เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๑ โดยได้บริจาคที่ดินของวัด ๑๒ ไร่ เป็นที่ตั้งโรงเรียน ต่อมาได้ก่อตั้งกองทุนพ่อท่านนวล ปริสุทโธ เพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนที่เรียนดี ความประพฤติเรียบร้อย แต่มีฐานะยากจน หลายกองทุน และยังนำมาเป็นทุนการศึกษาให้กับพระภิกษุสามเณร ที่ศึกษาพระธรรมในสถาบันศาสนาทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด


    ๏พระครูวิสุทธิ์บุญดิตถ์ หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ และ งานด้านการพัฒนา

    หลวงพ่อนวล ท่านได้ดำเนินการก่อสร้างและพัฒนา หลวงพ่อนวล นำความเจริญมาสู่ชุมชนตลอดมาในทุกๆ ด้าน ด้วยความเมตตาของท่าน


    ๏ ลำดับงานปกครองและสมณศักดิ์ พ่อท่านนวล วัดไสหร้า

    ปี พ.ศ.๒๔๙๒ หลวงพ่อนวล ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) ตั้งแต่บัดนั้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

    ปี พ.ศ.๒๕๐๘ พ่อท่านนวล ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งสัง

    ปี พ.ศ.๒๕๐๕ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูวิสุทธิบุญดิตถ์

    ปี พ.ศ.๒๕๑๘ หลวงพ่อนวล ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

    ปี พ.ศ.๒๕๒๖ พ่อท่านนวล ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในพระราชทินนามเดิม


    หลวงพ่อนวล ปริสุทโธ พ่อท่านนวล วัดไสหร้า

    ๏ การสร้างวัตถุมงคล พระเครื่องพ่อท่านนวล วัดไสหร้า

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ ทางวัดได้จัดสร้างวัตถุมงคล"พ่อท่านนวล"รุ่นแรกขึ้น ซึ่งเป็นรุ่นที่มีประสบการณ์ เป็นที่ยอมรับของศิษยานุศิษย์ ที่ได้นำไปบูชาอย่างกว้างขวาง และเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๘ ทางวัดได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นผูกพัทธสีมายกช่อฟ้าฝังลูกนิมิต สำหรับให้ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้สักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยรับได้เฉพาะที่วัดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น อีกทั้ง วัตถุมงคลที่โด่งดังยังมีรุ่นมหาโภคทรัพย์ ๗ รอบ เป็นต้น

    นอกจากนี้แล้ว พ่อท่านนวล วัดไสหร้า ท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์และเจ้าพิธีระดับแถวหน้า ที่ได้รับการยอมรับและคร่ำหวอดอยู่กับพิธีปลุกเสกจตุคามรามเทพอีกด้วย


    ๏ ปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงามของ หลวงพ่อนวล

    พ่อท่านนวล ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงาม ท่านค่อนข้างเงียบ พูดน้อย แต่ใจดีมีเมตตามาก คำพูดของท่านล้วนเป็นจริงตามที่ท่านพูดเสมอ จนทำให้ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาท่าน ไม่กล้าทำอะไรที่นอกลู่นอกทาง และได้ขนานนามท่านว่า “พ่อท่านนวลวาจาสิทธิ์”

    ในแต่ละวันจะมีผู้คนที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสได้เดินทางมากราบไหว้ ขอพรจากหลวงพ่อนวล ท่านไม่ขาดระยะ นอกจากนี้ท่านยังได้รับกิจนิมนต์ไปประกอบศาสนพิธีในต่างจังหวัดอยู่เสมอ รวมทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างประเทศ

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ ทางประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) ได้จัดสร้างวัตถุมงคล"พ่อท่านนวลรุ่นแรก"ขึ้น ซึ่งเป็นรุ่นที่มีประสบการณ์เป็นที่ยอมรับของศิษยานุศิษย์ ที่ได้นำไปบูชาอย่างกว้างขวาง

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๘ ทางวัดกำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่



    พ่อท่านนวล วัดไสหร้า

    ต้นเหตุแห่งหนี้ของทุกคน
    คำสอน หลวงพ่อนวล วัดไสหร้า

    พระครูวิสุทธิบุญดิตถ์ (พ่อท่านนวล ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดประดิษฐาราม (วัดไสหร้า) ต.บางรูป อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด มีจริยวัตรที่งดงาม ปฏิบัติกิจของพระสงฆ์เป็นกิจวัตรอย่างสม่ำเสมอ ไม่ละเว้นแม้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ยกเว้นในยามที่ลุกเดินไปไหนไม่ได้

    พร้อมทั้งเคร่งในระเบียบกฎเกณฑ์ในการบรรพชาอุปสมบท จะต้องเลิกดื่มสุรา เลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด แล้ว"หลวงพ่อนวล"ท่านยังให้สติว่า “คนเราเกิดมา ล้วนมีหนี้ติดมาด้วยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนี้สิน หนี้บุญคุณ และหนี้ชีวิต”

    "หลวงพ่อนวล"ท่านได้ปฏิบัติเพื่อเปลื้องหนี้ตลอดมา โดยเฉพาะหนี้ชีวิต พ่อท่านนวล จึงมีชีวิตที่สงบเพราะท่านอยู่อย่างใจสงบ กายวาจาสงบ ซึ่งปรากฏแก่เราทุกคนที่พบเห็นและสัมผัส

    แม้ว่า"พ่อท่านนวล"จะอยู่ในเพศบรรพชิตอย่างสันโดษแล้ว ท่านยังเป็นผู้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนวัดประดิษฐาราม ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๑ โดยได้รับบริจาคที่ดิน ๑๒ ไร่ จนมาถึงปัจจุบัน แล้วได้ตั้งกองทุนพ่อท่านนวลขึ้น เพื่อเป็นกองทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนโรงเรียนวัดประดิษฐารามที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย แต่มีฐานะยากจน

    พ่อท่านนวลได้อนุญาตให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวพระเครื่อง “คม ชัด ลึก” ดังนี้

    หนี้ติดตัวที่พ่อท่านพูดถึงคืออะไรครับ ?
    หนี้ที่อาตมาสอนญาติโยมมาตลอดก็จะมีอยู่ ๓ หนี้ คือ หนี้สิน หนี้บุญคุณ และหนี้ชีวิต ดังนั้นคนเราเมื่อมีชีวิตอยู่ควรรีบเปลื้องหนี้เสียตามโอกาสและความสามารถ ประเภทที่ ๑ คือ หนี้สิน ทำไมคนเราจึงต้องมีหนี้สิน เรื่องนี้หากจะประมวลที่มาของหนี้สิน ก็คงเป็นได้ ๒ อย่างคือ หนี้ชนิดที่จำเป็นอย่างหนึ่ง กับหนี้ชนิดที่ไม่จำเป็นอีกอย่างหนึ่ง หนี้ชนิดที่จำเป็นนั้นเกิดจากความยากจนบีบบังคับ เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บบ้าง สมบัติวิบัติเพราะไฟไหม้บ้าง น้ำท่วมบ้าง จึงจำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินเขามาใช้

    อีกอย่างหนึ่งเป็นหนี้ไม่จำเป็น อันเกิดจากความมักใหญ่ใฝ่สูงของตัวเอง เช่น กู้เขามาทำงานบุญ ทำงานบวชลูกบ้าง ซึ่งทุนเดิมก็มีพอที่จะทำให้สมฐานะ แต่เห็นว่าน้อยไป อยากได้ชื่อเสียง อยากมีหน้าตาถึงกับต้องจำนำเรือกสวนไร่นา ผลสุดท้ายต้องนั่งเป็นทุกข์ไปตลอดปี เพราะต้องใช้หนี้เขาอยู่ตลอดเวลา

    หนี้สินอีกอย่างเกิดจากความจน เพราะการกระทำของตัวเอง เนื่องจากเกียจคร้านทำมาหากินบ้าง ไม่เข้าใจรักษาสมบัติบ้าง คบคนชั่วเป็นมิตรบ้าง ใช้จ่ายเกินตัว คนประเภทนี้รับรองว่าตั้งตัวได้ยาก


    แล้วทำอย่างไรถึงไม่ให้เราเป็นหนี้มากมายแบบนั้นครับ ?
    หากถามว่าทำอย่างไรจึงไม่เป็นหนี้ เรื่องนี้มันต้องแก้ด้วยพุทธวิธี คือ ขั้นแรกต้องป้องกันอย่าให้ยากจน ซึ่งเริ่มด้วยการขยันทำมาหากิน ระวังเรื่องการใช้จ่าย อย่าสุรุ่ยสุร่าย อย่าเล่นการพนัน อย่าเสพสุราเมรัย เสพยาเสพติดทุกชนิด ดังนี้จะทำอะไรให้นึกถึงฐานะตัวเอง แต่ว่าในกรณี ความยากจนอาจจะเกิดขึ้นได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือจะด้วยเหตุใดก็ตาม เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องใช้แผนการขั้นที่ ๒ คือ รีบใช้หนี้สินโดยเร็ว เพราะถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้จะเป็นดินพอกหางหมู จะลำบากทีหลัง เหมือนเป็นโรคนิดๆ หน่อยๆ อย่าปล่อยทิ้งไว้ จงรีบรักษาเสียทันที หลวงพ่อนวล กล่าว


    หนี้ประเภทที่สอง เป็นอย่างไรครับ ?
    หนี้ประเภทที่สองนั้นได้แก่ หนี้บุญ นั่นหมายความว่า เมื่อผู้ใดมีบุญคุณแก่เรา จะด้วยการช่วยเหลือเลี้ยงดู หรือด้วยเหตุใดก็ตาม ผู้รับนั้นได้ชื่อว่ามีหนี้ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้หนี้นั้นเสียในโอกาสอันควร ตัวอย่าง พ่อแม่ซึ่งเป็นบุคคลที่มีบุญคุณต่อลูกมาก ท่านทั้งสองให้สิ่งที่มีค่าที่คนอื่นไม่สามารถให้ได้ นั่นคือชีวิตและร่างกาย ที่เราได้อาศัยใช้อยู่ทุกวันนี้ ชีวิตและร่างกายที่ท่านให้มานี้แหละ ที่ทำให้เรามีโอกาสได้มาชมโลกนี้กับเขา

    พร้อมทั้งมีทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง ยศศักดิ์ และความสุข ใช่แต่เท่านั้น ท่านยังได้ให้ความรักแก่ลูกอย่างไม่หวั่นไหว ซึ่งเป็นความรักพิเศษที่จะหาไม่ได้จากคนอื่น ท่านเป็นพระประจำตัวลูกในฐานะพระบิดาและพระมารดา

    ด้วยประการฉะนี้ ลูกทุกคนจึงได้ชื่อว่าเป็นหนี้ท่านอยู่ ควรหาโอกาสใช้หนี้ท่านเสีย มิฉะนั้น จะถูกหาว่าเป็นคนตระบัดหนี้ ทำให้เสียผู้เสียคนเปล่าๆ


    นอกจากการใช้หนี้บุญนี้แล้ว ยังมีการชดใช้หนี้ในลักษณะอื่นอีกไหมครับ ?
    อาตมาอยากจะบอกว่า การใช้หนี้มีหลายวิธีด้วยกัน ขอยกมาแสดงเพียงหนึ่งวิธีก็แล้วกัน คือ การเลี้ยงดูท่าน ตามหลักการที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ว่า เมื่อท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เราต้องเลี้ยงท่านตอบ การเลี้ยงนั้นต้องเลี้ยงทั้งทางกายและทางจิตใจ การบำรุงท่านด้วยข้าวปลาอาหารที่อยู่อาศัย ตลอดจนถึงการรักษาพยาบาล เมื่อยามท่านเจ็บป่วยไข้ไม่สบายนี้ เรียกว่าการเลี้ยงทางร่างกาย

    ส่วนด้านจิตใจนั้น ลูกๆ ต้องถนอมน้ำใจของท่านไว้ เมื่อท่านต้องการสิ่งใดซึ่งไม่ผิดศีลธรรมแล้ว ก็ต้องตามใจท่าน ขอให้ย้อนคิดถึงสมัยที่ท่านเลี้ยงเรามา ท่านยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อลูกอย่างสม่ำเสมอ แม้แต่ชีวิตเลือดเนื้อพ่อแม่ก็สละให้ได้ ไม่มีใครดอกในโลกนี้ที่เขาจะมานั่งเสียสละให้แก่เรา เหมือนกับพ่อแม่นั้นไม่มี


    พ่อท่านช่วยอธิบายถึงหนี้ชีวิตให้เข้าใจง่ายๆ หน่อยครับ ?
    ทุกคนได้ชื่อว่าเป็นหนี้ชีวิต เพราะเกิดมาแสนยาก ฉะนั้นตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังชื่อว่าเป็นหนี้อยู่ตราบนั้น การชำระหนี้ชีวิตที่ทุกคนต้องทำ คือ การทำชีวิตให้เป็นประโยชน์ ซึ่งมีทั้งฝ่ายนอกและฝ่ายใน กล่าวคือ ฝ่ายนอกต้องจัดระบบชีวิตร่างกายให้อยู่กินดีอยู่ดี หมายถึงที่อยู่อาศัย สะอาดเรียบร้อย เหมาะแก่การศึกษา และอาชีพอยู่ใกล้กับคนดี ส่วนกินดีนั้นหมายถึง รู้จักใช้พอเหมาะพอดี สมฐานะ เพราะสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะช่วยชุบชีวิตให้เจริญก้าวหน้า

    ส่วนฝ่ายในนั้นอันได้แก่จิตใจ ต้องบำรุงส่งเสริมด้วยศีลธรรมทางศาสนา เพราะศีลเป็นเครื่องขจัดสิ่งที่เสีย ธรรมะเป็นเครื่องเสริมสวย ในตัวเราแต่ละคนล้วนมีสิ่งเสียๆ อยู่มาก หากจะประมวลกล่าวย่อๆ สามารถจัดเป็นข้อใหญ่ๆ ได้ ๕ อย่างคือ ๑. โหดร้าย ๒. ใจอยาก ๓. มากรัก ๔. ปากชั่ว ๕. มัวเมา ซึ่งแต่ละอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้ว สามารถทำให้คนเสียคนได้ทั้งนั้น


    ๕ หัวข้อนี้เหมือนกับการถือศีล ๕ หรือเปล่าครับ ?
    ไม่แตกต่างกันหรอกโยม ๑. โหดร้าย แสดงถึงจิตใจทารุณ เหี้ยมโหดร้าย ขาดเมตตากรุณา ฆ่ากัน ทำร้ายกัน ก่อให้เกิดความเดือดร้อน ก่อความยุ่งยากให้แก่ตนเองและผู้อื่น ฉะนั้นความทารุณโหดร้าย จึงสามารถกำจัดได้ด้วยศีลข้อ ๑ เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

    ส่วนประเภทที่ ๒ ใจอยาก นี้ก็ไม่ดีอีก เพราะเป็นต้นเหตุให้มีอาชีพที่ไม่บริสุทธิ์ เช่น ลักเขากินขโมยเขากิน ก่อความเดือดร้อน ฉะนั้นจึงควรกำจัดเสียด้วยศีลข้อ ๒ เว้นจากการยึดกรรมสิทธิ์ในสมบัติของผู้อื่นที่เขาไม่อนุญาต

    ประเภทที่ ๓ มากรัก คือ มีรักมากเกินขอบเขต จนเป็นสาเหตุให้ผิดในคู่ครองของผู้อื่น ถึงขั้นประหัตประหารซึ่งกันและกัน ดังนั้น จึงควรแก้เสียด้วยศีลข้อ ๓ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

    ประเภทที่ ๔ การพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกแยกกัน พูดจาหยาบคายเหลวไหล ไร้สาระทั้งนั้น จึงต้องแก้ด้วยการรักษาศีลข้อที่ ๔ เว้นจากการพูดมุสา และ

    ประเภทที่ ๕ มัวเมา ชอบสุราเมรัยและยาเสพติด จนปราศจากสติสัมปชัญญะ ควรแก้ด้วยศีลข้อที่ ๕ เว้นจากการเสพสุราเมรัย เมื่อได้ลงมือรักษาศีลทั้ง ๕ ข้อนี้แล้ว ความเสียทั้ง ๕ อย่างก็จะหมดไป


    หากคนเรายึดมั่นในศีล ๕ แล้วจะดีแค่ไหนครับ ?
    คนเราลงได้มั่นคงอยู่ในศีลธรรมอย่างนี้แล้ว จิตใจจะสดชื่น กายวาจาก็จะทำจะพูดแต่ในทางที่ดี ผลก็คือได้รับความสุขสมประสงค์ ตรงกับที่ท่านว่าได้ว่า กายมีศีลสุขล้ำ ใจมีธรรมสุขเลิศ การปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมเช่นนี้แหละ ที่เรียกว่าได้ใช้หนี้ชีวิตอย่างแท้จริง


    พ่อท่านได้สร้างวัตถุมงคลบ่อยไหมครับ ?
    อาตมาเองไม่ได้สร้างวัตถุมงคลอะไรหรอก จะมีก็ลูกศิษย์เท่านั้นที่สร้างแล้วนำมาถวาย อาตมาก็จะปลุกเสกด้วยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ให้ก็เท่านี้แหละ เพื่อเอาไว้แจกเป็นที่ระลึกให้กับญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญกันที่วัดเท่านั้น ทางวัดไม่ได้เน้นเรื่องการสร้างวัตถุมงคลเป็นหลัก แต่จะเน้นเรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้ามากกว่า


    ปาฏิหาริย์จากพระเครื่องแท้จริงเกิดขึ้นมาเพราะอะไรครับ ?
    พระเครื่อง:ตรงนี้อาตมาอยากจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้อยู่ที่คนนำไปใช้มากกว่า คนที่อยากให้เป็นอะไรก็จะเป็นไปตามพลังศรัทธา ส่วนหลายคนอยากได้ความคงกระพันชาตรี ก็อยู่ที่นำเอาไปใช้เหมือนกัน คิดดีทำดี สิ่งเหล่านี้มันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ปาฏิหาริย์บางอย่างก็บอกไม่ได้ว่ามันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร จะว่าไปแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคนมากกว่า


    ทำไมพ่อท่านตั้งกฎเกณฑ์ผู้ที่จะเข้ามาบวชอย่างเคร่งครัดครับ ?
    อาตมาอยากให้พระสงฆ์มีจริยวัตรที่งดงาม ยึดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยผู้ที่จะเข้ามาบวชต้องมีผู้ปกครองรับรอง หรือผู้ที่ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ติดสิ่งเสพติดอื่นๆ ต้องเลิกโดยเด็ดขาด ขณะเดียวกันผู้ที่เข้ามาบวชเพื่อจำพรรษา ต้องสมัครเป็นนักบวชตามวันเวลาที่กำหนด หากพ้นกำหนดแม้วันเดียวก็ไม่ได้ และผู้ที่จะมาบวชชั่วคราวต้องสมัครเป็นนักบวชล่วงหน้าอย่างน้อย ๑๕ วัน เพื่อท่องเรียนคำขอบรรพชา


    สุดท้ายนี้พ่อท่านอยากให้ธรรมะหรือข้อคิดอะไรแก่ญาติโยมบ้างครับ ?
    ตราบใดที่ยังมีเกิด ก็จะหนีหนี้ไม่พ้น แต่ก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว เพราะทางพ้นหนี้ยังมีอยู่ นั่นคือพระนิพพาน เมื่อปฏิบัติถึงขั้นนั้นแล้วเรียกว่าหมดหนี้ทันที เลิกสร้างดี เลิกสร้างชั่ว เป็นปุญญปาปหิโน บรรดาหนี้สินก็หมดสิ้นไปในตัว สำเร็จเป็นนิพพาน ปรมํ สุญญํ คือ เป็นบรมสูญ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ โศก หนี้สิน สูญหมด จึงจัดเป็น นิพพานํ ปรมํ สุขํ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สัตว์โลกย่อมตกอยู่ในกองทุกข์ การเป็นหนี้เขาก็จัดเป็นทุกข์อย่างหนึ่ง เหตุนี้ผู้หวังพ้นทุกข์จึงต้องพยายามเปลื้องหนี้ทุกชนิดด้วยการหมั่นอบรมจิตประพฤติธรรม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลังท้าวเวสสุวรรณพ่อท่านนวลปริสุทโธวัดไสหร้า
    ให้บูชา
    220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20241013_120224.jpg IMG_20241013_120253.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2024
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1728802381024.jpg
    หลวงพ่อหมอ สุดยอดพระเกจิ เพื่อนรักของหลวงพ่อคูณ พระเกจิองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาสูบให้
    พระสงฆ์ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำยกย่องว่าเป็น
    “…เจ้าของธนาคาร…”
    ขออนุญาตยกบทความของคุณพยุงศักดิ์ เศรษฐมาตย์
    ที่ได้รวบรวมเรื่องราวของท่านไว้
    มาเผยแพร่บารมีองค์หลวงพ่อนะครับ
    : #เจ้าของธนาคาร :
    ครั้งหนึ่ง ราวปี พ.ศ 2532
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    มาร่วมงานเททองหล่อพระที่วัด
    แห่งหนึ่งใน อ.ท่าเรืองานนั้น
    หลวงพ่อหมอ ก็ไปร่วมงานด้วย
    ผู้คนที่มาในงานต่างมาห้อมล้อม
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    กันมากมายเพื่อกราบขอเมตตา
    ขอบารมีจากท่าน
    ระหว่างที่ผู้คนห้อมล้อมท่านอยู่นั้น
    หลวงพ่อฤษีลิงดำ ก็ได้ชี้ไปที่
    หลวงพ่อหมอที่นั่งอยู่คนละฝั่งกัน
    กับท่านแล้วพูดว่า
    " ผู้ใดมีบารมี ผู้ใดจะโชคดีโน้น...
    ไปขอหลวงพ่อหมอโน้น นี้แหล่ะ
    เจ้าของธนาคารตัวจริง
    ไปกราบขอท่านไป "
    เป็นคำกล่าวของครูบาอาจารย์ผู้รู้ซึ้ง ซึ่งภูมิธรรมของกันและกัน
    " ปราชญ์ย่อมรู้ในปราชญ์ ".
    หลวงพ่อประเสริฐ(หมอ) โอภาโส
    วัดโคกกระต่ายทอง ท่าเรือ อยุธยา
    พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์อภิญญา
    วาจาสิทธิ์หูทิพย์ ตาทิพย์
    วัตรปฏิบัติแปลกๆ ทำตัวแปลกๆ
    จนชาวบ้านหาว่าท่านเป็น " พระบ้า "
    คน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นับถือท่านมาก
    เรื่องโชคลาภนั้นเป็นเลิศนัก
    ผู้สร้างตำนานโรงทานอันลือลั่น
    ฝ่ามือมหาลาภ วัตถุมงคลท่านศักดิ์สิทธิ์นัก
    เรื่องหวยเรื่องเบอร์นั้นท่านโดงดังมาก
    แนวทางปฏิบัติ กิน เดิน นั่ง นอน ท่านจะภาวนาตลอดเวลา กิจสำคัญของท่านที่ขาดไม่ได้เลยคือการ ออกบิณฑบาต
    โปรดญาติโยม เรื่องราวพิสดาร
    ปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์
    อัศจรรย์พันลึก วัตรปฏิบัติแปลกๆ
    จนชาวบ้านเรียก " พระบ้า "
    ปริศนาธรรมคำคมหลวงพ่อหมอ
    * ศรัทธาตัวเดียว
    ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
    ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน *
    * ธรรมะต้องเกิดในดวงจิต
    ดวงใจถึงจะเป็นของจริง *
    * สมาธิเปรียบเหมือนต้นไม้ ศีลเหมือนพื้นดินสมาธิอาศัยศีล เหมือนต้นไม้อาศัยดิน *
    * เรากางร่มก่อน ร่มถึงจะมากางเรา
    ถ้าเรามีศีลมีธรรมแล้ว ศีลธรรมก็มารักษาเราเป็นเรื่อง ปัจจัตตัง อัตตะโน นาโถ
    (ทำเอง รู้เอง เห็นเอง) *
    เรื่องราวทั้งหลายทั้งปวง ที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้คือเรื่องราวพิสดาร ปาฏิหาริย์ ประสบการณ์ต่างๆ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง
    จากบันทึกของศิษย์และคำบอกเล่าจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน
    เรื่องราวปาฏหาริย์ พิสดารลึกลับ
    ของหลวงพ่อหมอ ยังมีอีกมากเล่ากันเจ็ดวันเจ็ดคือก็ไม่หมด เอาพอหอมปากหอมคอ
    ให้รู้ว่า พระดีๆ เก่งๆ ที่ทรงฤทธิ์อภิญญา แบบนี้ยังมีให้เราได้ค้นหากันอยู่
    " โยมไม่ทันท่าน แต่ได้พระท่านไปบูชา ก็เหมือนได้แก้ววิเศษของท่านแล้ว "
    ( หลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้กล่าวไว้ )
    ชาติภูมิ
    หลวงพ่อหมอ โอภาโส
    ถือกำเนิดในสกุล จันทรส ณ บ้านบักเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
    เกิดเดือน ๑๒ ปีมะโรง พ.ศ.๒๔๕๘
    เดิมท่านชื่อว่า เพชร แล้วเปลี่ยนมาเป็น ประเสริฐส่วนชื่อ หมอ นั้นชาวบ้านพร้อมใจกันตั้งให้ท่านเพราะกิตติศักดิ์ของท่านนั้นเอง
    หลวงพ่อหมอ ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์อีกรูปหนึ่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัตชอบ ท่านใช้ชีวิตในสมณเพศอย่างเป็นประโยชน์ยิ่ง ไม่เคยสะสมเงินทองมาเป็นของส่วนตัวมีเท่าไหร่ท่านนำไป บริจาก สร้าง แจก เพื่อก่อประโยชน์ต่อบวรพุทธศาสนา เลี้ยงเด็กกำพร้าและเด็กยากจนที่อยู่ในความอุปการะคุณของท่านทั้งหมด
    สงเคราะห์ญาติโยมผู้ตกทุกข์ได้ยาก
    จากวัตรปฎิบัติแบบแปลกๆ ของท่าน เเม้ยางคนที่ไม่เข้าใจ มองท่านอย่างผิวเผินว่าท่าน ออกจะแปลกๆ พิกลไม่เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป
    การออกธุดงค์ของทาานก็แปลก ไม่เคยมีกลดหรือมุ้งติดตัวเลย จะมีเพียงแค่จีวรห่มกาย และบาตรใบเดียวเท่านั้น
    แต่เมื่อได้สัมผัสได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ
    วัตรปฏิบัติ อุบายธรรม หลักคำสอนต่างๆ ของท่านแล้ว ความสงสัยในตัวท่านนั้น ก็จะคลายสิ้น.
    ______________________________
    : #นวโกวาทเป็นครู :
    หลวงพ่อหมอ ท่านว่าท่านเอาตำราเป็นครู
    เอานวโกวาทเป็นครู ภูมิธรรมที่เกิดขึ้นนั้นได้จากตำรา
    หลวงพ่อหมอ เคยปรึกษาหารือสนทนาธรรมกันกับ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ถึงนวโกวาท
    ซึ่งในนวโกวาทนี้เขาบอกไว้ทุกเรื่อง ทุกเหลี่ยมทุกมุม
    แต่ไม่ปฏิบัติกัน
    ท่านว่าคนที่จะบรรลุธรรมะ คือ ศรัทธาตัวเดียว ไม่ได้เรียนมามากท่านเอ่ยตามพระวินัยสนใจให้มากรักษาตามนวโกวาทให้ดีๆ
    ศรัทธาตัวเดียว ผู้ปฏิบัติต้องมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ถึงจะได้พบธรรมะเบื่องสูง ที่ไม่มีตัวตน.
    ___________________________
    : #หมอ :
    ที่มาของคำว่า หมอ
    ที่ อ.ตะพานหินคือมีญาติโยมผู้หญิงที่ตั้งท้องมากราบ หลวงพ่อหมอ แล้วถามว่าเด็กในท้องเป็นยังไง ปรากฏว่าหลวงพ่อหมอ ท่านบอกเพศ วัน เดือน ปี ที่เด็กจะเกิดไว้ ชึ่งพอถึงเวลาก็คลอดตามที่หลวงพ่อพูดตรงทั้งหมด ทำให้เป็นเรื่องที่แปลกมาก คนท้องในสมัยนั้นแห่กันมาถามหลวงพ่อจนวุ่นวาย
    เท่านั้นยังไม่พอบางคนมาขอให้ท่านแผ่บารมีรักษาอาการเจ็บป่วยให้หาย ท่านก็รักษาตามนิมิตของท่านบางท่าน หลวงพ่อหมอ ให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวสามชามก็หาย
    บางคนโดนท่านถีบ ท่านพลักก็หายหรือบางท่านโดนตบก็มีส่วนใหญ่ ญาติโยมไปหาหลวงพ่อแล้วท่านทำให้หายหมด คนตะพานหินจึงเรียกท่าน หลวงพ่อหมอ ตั้งแต่นั้นมา
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ เป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    การธุดงค์หลวงพ่อหมอ มีอัฏฐบริขารติดตัวเพียงจีวรห่มกาย และบาตรเท่านั้น กลดมุ้งไม่เคยมีแต่แปลกผิวหลวงพ่อหมอ ไม่มีรอยยุงกัดเลย.
    ______________________________
    : #พระบ้า :
    ลูกศิษย์ท่านหนึ่งชาวตะพานหิน เล่าว่ามีชาวบ้านแถวบ้านตนเอง ไปดูหลวงพ่อหมอ อยากรู้ว่าพระบ้าเป็นอย่างไร ก็ได้พบหลวงพ่อหมอ เมื่อได้สัมผัสหลวงพ่อหมอ อย่างจริงจังแล้วขนลุกรู้สึกได้ทันทีว่า
    พระองค์นี้ไม่เพียงมิใช่พระบ้า แต่เป็นพระที่ไม่ธรรมดาและเป็นพระที่เก่งมากๆ เสียด้วย นึกคิดอะไรในใจท่านรู้หมด ก่อนหวยออกไม่กี่นาที
    หลวงพ่อหมอ ท่านได้เขียนเลขเล่นๆ ไว้ 6 ตัว พอหวยออกมา รางวัลที่ 1 ออกตรงแป๊ะไม่มีคลาดเคลื่อนเลยทั้ง 6 ตัว
    แบบนี้จะเป็นพระบ้าได้อย่างไร.
    ______________________________
    : #ยาสีฟันรักษาโรคประหลาด :
    คนนครสวรรค์ผู้หนึ่ง ได้ดูถูกปรามาสว่า
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระผีบ้า
    จู่ๆได้เกิดเป็นโรคประหลาด เป็นก้อนเนื้อขึ้นตามผิวหนังของแขนทั้งสองข้าง ไปหาหมอรักษาโรงบาลไหนก็ไม่หาย รู้สึกปวดทรมานมาก
    ก็เลยนึกได้ว่าก่อนเป็นนั้น ตนเองนั้นได้ดูถูกปรามาสหลวงพ่อหมอ ว่าเป็นพระผีบ้า
    ก็เลยจะมาขมาหลวงพ่อหมอ
    เมื่อเจอหน้ากัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร
    หลวงพ่อหมอ ถามขึ้นก่อนโดยทันทีว่า
    " เป็นบ้ามั๊ย โยมคนนี้จึงตอบท่านไปว่า ไม่บ้าครับ หลวงพ่อหมอ ก็พูดขึ้นว่า เอ้อ..แก่ก็ยอมรับแล้วว่า ข้าไม่บ้า แล้วหลวงพ่อหมอ ก็บอกให้ไปซื้อยาสีฟันจากร้านที่ท่านบอก ให้เอามาทาแล้วจะหายภายใน 7 วัน "
    เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่ยาสีฟันที่หลวงพ่อหมอ
    บอก ให้ไปซื้อมาทา สามารถรักษาอาการทุกข์ทรมานจากโรคประหลาดที่เป็นอยู่นั้น หายอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่ไปรักษาจากโรงพยาบาลมาหลายแห่งแล้วไม่หาย.
    _____________________________
    : #จากตะพานหินสู่วัดโคกกระต่ายทอง :
    หลังจากที่หลวงพ่อหมอได้อยู่สร้างความเจริญทางวัตถุที่วัดพฤษะวันโชติการาม
    ควบคู่กับปลูกฝังรากแห่งความศรัทธาต่อบวรพุทธศาสนาให้เกิดขึ้นและฝังลึกในจิตใจชาวตะพานหินและละแวกใกล้เคียงเป็นเวลาหลายปี
    ร้านค้าชาวจีนหรือเหล่าศิษย์ในอ.ตะพานหิน
    จะมีรูปท่านบนหิ้งพระทุกร้าน
    พระอาจารย์ทองอยู่ แห่งวัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    ได้ยินกิตติศัพท์ชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์ของท่านได้ไปพบท่าน
    จึงขอให้ท่านนำกฐินมาทอดที่
    วัดบัวงาม ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เมื่อท่านนำกฐินมาทอดแล้ว
    ชาวบ้านท่าเรือเลื่อมใสศรัทธาท่านมากต่างปรึกษากันว่าจะหาวัดให้ท่านมาอยู่ จึงนิมนต์ให้ท่านมาอยู่ที่ วัดโคกกระต่ายทอง ซึ่งวัดนี้เป็นวัดโบราณเก่าแก่มาก เป็นวัดร้างมานานแล้ว อยู่ที่ ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา.
    ______________________________
    : #เดินข้ามแม่น้ำป่าสัก :
    ครั้งหลวงพ่อหมอ มาอยู่ วัดโคกกระต่ายทอง ท่านได้นั่งรถไฟมาลงที่ท่าเรือ แล้วเดินเท้ามายังวัดชุมแสง เพื่อที่จะข้ามท่าเรือ มายังวัดโคกกระต่ายทอง
    ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งแม่น้ำกัน
    ขณะที่หลวงพ่อหมอ มาถึงท่าวัดชุมแสงนั้น เป็นเวลาค่ำแล้วจึงไม่มีเรือข้ามฝากไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    ทันใดนั้นหลวงพ่อหมอ ได้เดินลงเหยียบบนผิวน้ำอัศจรรย์ยิ่งตัวท่านยืนอยู่เหนือผิวน้ำแล้วเดินข้ามแม่น้ำไปยังท่าวัดโคกกระต่ายทอง
    โดยที่มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ว่าเห็นพระเดินข้ามแม่น้ำ บ้างก็ว่าท่านเหยียบยืนบนฝาบาตรลอยข้ามแม่น้ำในครั้งนั้น
    จนเป็นที่กล่าวขานล่ำลือไปทั่วในเขต อ.ท่าเรือ ในสมัยนั้น
    (เรื่องราวจาก ลพ.ทอง เจ้าอาวาสวัดโคกกระต่ายทอง รูปปัจจุบัน).
    ______________________________
    : #สหมิกธรรม :
    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่
    ให้ความเคารพนับถือ ยอมรับในคุณธรรมของ
    หลวงพ่อหมอ เป็นพระองค์เดียวที่หลวงพ่อคูณ มวนและจุดยาให้สูบ เรียกว่าท่านเป็นเพื่อนชี้กันเลยทีเดียว ท่านทั้งสองต่างรู้ภูมิกัน
    อันที่จริงหลวงพ่อคูณ ท่านเคารพนับถือในองค์หลวงพ่อหมอ มาก หลวงพ่อหมอ ท่านจะอายุมากกว่า หลวงพ่อคูณ 8 ปี
    หลวงพ่อคูณ ท่านกล่าวว่า
    " หลวงพ่อหมอ เก่งกว่ากูเยอะ ".
    ____________________________
    : #เขาดีกว่ากูอีก :
    หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค นครสวรรค์
    บอกแก่ชาวบ้านช่องแค
    สมัยที่หลวงพ่อหมอ ท่านออกธุดงค์ ปฏิบัติตัวแปลกๆ ทำตัวเป็นคนสติไม่ดี ดำเนินจิตตามนิมิตรบอก
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อหมอ ได้ธุดงค์ผ่านไปแถวช่องแค อ.ตาคลี ชาวบ้านที่พบเห็นต่างโจษขานกัน กับความแปลกประหลาดในวัตรปฏิบัติแปลกๆของท่านที่ไม่เหมือนพระทั่วไป จนชาวบ้านบางส่วนมองท่านว่าเป็นพระบ้า
    ด้วยความสงสัยจึงนำเรื่องราวไปถาม
    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ว่ามีพระสติไม่ดีนุ่งจีวรเก่าๆ มาธุดงค์ปักกรด แถวช่องแค ชาวบ้านเอาภัตตาหารไปถวายบางวันไม่ฉันนั่งนิ่งทั้งวัน บางทีชาวบ้านมาพบเจอฉันภัตตาหารกลางคืน
    บางวันมีญาติโยมที่ศรัทธา มานั่งห้อมล้อมเยอะเพราะไปถามอะไรท่าน ในเรื่องที่ตนเองทุกร้อนใจ ท่านรู้ตอบถูกหมด รู้ทุกอย่างที่ชาวบ้านถาม บ้างก็มาให้ท่านทำน้ำมนต์ ให้ดูดวง บ้างก็มารักษาให้ท่านพ่นเป่า บ้างก็มาขอหวย มีทั้งคนที่นับถือ มีทั้งคนที่มาก่อกวนท่าน เพราะหาว่าท่านเป็นพระบ้า
    ชาวบ้านจึงนำเรื่องนี้ไปถามหลวงพ่อพรหม
    ว่าเป็นพระบ้า หรือ อย่างไรกันแน่
    หลวงพ่อพรหม นั่งนิ่งสักพักแล้วท่านบอกกับโยม
    ที่สงสัยในตัวหลวงพ่อหมอว่า
    " เขาดีกว่ากูอีก "
    จึงไม่มีใครกล้าไปตอแยก่อกวนหลวงพ่อหมออีกเลย.
    ______________________________
    : #ฝ่ามือมหาลาภ :
    เรื่องมหาลาภ ของหลวงพ่อหมอนั้นว่ากันว่าขลังเป็นยิ่งนัก
    ฝ่ามือมหาลาภของท่าน นับว่าเป็นของวิเศษนัก
    หลวงพ่อหมอ ท่านจะเน้นไปทางด้าน
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เงินไม่ขาดมือ
    ในวัตถุมงคลของท่านมักจะมีรูปฝ่ามือมหาลาภของท่าน วางประทับอยู่ด้านหลังวัตถุมงคลนั้นๆ
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือพระสมเด็จ
    จะมีรูปฝ่ามือมหาลาภ ของท่านประทับอยู่ข้างหลังขององค์พระเกือบทุกรุ่น
    ฝ่ามือมหาลาภที่ประทับไว้ด้านหลังวัตถุมงคลของท่านนั้นยังแฝงไว้ด้วยซึ่งปริศนาธรรรม
    ว่าฝ่ามือของท่านนั้นค่อย ช่วยเหลือ ผลักดัน
    ส่งเสริม อุปถัมภ์ค้ำชู มิให้ตกต่ำ
    วัตถุมงคลของท่านนั้นจะดีไปในทาง
    โชคลาภ โภคทรัพย์ เมตตา ค้าขาย เจริญก้าวหน้า ทำมาหากินคล่องตัว ทั้งยังคุ้มครองป้องกัน
    นักเสียงโชคและคนค้าขาย ควรหามาบูชายิ่งนัก
    วัตถุมงคลของท่านนั้นราคาไม่แพง เพราะคนไม่ค่อยรู้จักท่าน
    แต่ที่น่าแปลกคือหาไม่ค่อยได้ไม่ค่อยพบเจอ.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปกระดาษฝ่ามือมหาลาภหลวงพ่อหมอ ออกที่ จ.พิจิตร วัดเดิมของท่าน ขนาด๔×๖
    บูชา 150 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241013_015008.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1728738672556.jpg
    ผ้ายันต์พระอรหันต์แปดทิศ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี เป็นผ้ายันต์ที่หลวงพ่อแพ จัดสร้างไว้ให้ผู้ที่นับถือท่าน ได้บูชาและสวดคาถาพระอรหันต์แปดทิศ เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว
    นอกจากพระคาถาชินบัญชรอันลือชื่อของท่านแล้ว "พุทธมังคลคาถา" ถือเป็นอีกหนึ่งบทคาถาของ ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์ ที่ถือว่ามีอิทธิฤทธิ์ด้านลาภผลและมงคลทั้งปวง เพราะคำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชา "พระอรหันต์แปดทิศ" ซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่สำคัญทั้งสิ้น
    สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
    โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคะเณยเย จะ กัสสะโป
    สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลี จะ
    ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ ควัมปะติ
    โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อิสาเณปิ จะ ราหุโล
    อิเม โข มังคลาพุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
    วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
    เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน
    อิจเจวะมัจจัน ตะนะมัสสะเนยยัง
    นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
    ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
    ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย ฯ
    ทิศบูรพา
    พระอรหันต์ประจำทิศ ได้แก่ พระอัญญาโกณทัญญะ ซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นพระสงฆ์ผู้สำเร็จพระอรหันต์องค์แรก ถ้าท่านใดอยากเป็นผู้ชนะก่อนใคร โบราณถือว่าต้องบูชาพระจันทร์ก่อน เพื่อเสริมส่งให้มีเมตตามหานิยม ให้มีความสำเร็จก่อนผู้ใด ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางห้ามญาติ เป็นพระประจำวันจันทร์ (พระพุทธรูปยืน
    ปางห้ามญาติ ยกพระหัตถ์ขวาแบอยู่ระดับหน้าอก พระหัตถ์ซ้ายห้อยอยู่ข้างตัว หรือพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร ยกพระหัตถ์ทั้งสองแบอยู่ระดับอก) แล้วได้จัดให้พระปริตบทยันทุน เป็นคาถาสวดสำหรับวันจันทร์ โดยสวด 15 จบ เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความเจริญปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทกระทู้ 7 แบก สำหรับสวดภาวนาประจำวันจันทร์ คือ คาถา " อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา "
    ทิศอาคเนย์
    พระอรหันต์ประจำทิศได้แก่ พระมหากัสสป เป็นพระสาวกที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเลิศกว่าพระอื่น ถือธุดงควัตร เป็นพระสงฆ์ที่มีร่างกายเสมอเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ มีร่างกายใหญ่โตมาก พระองค์จึงได้ประทานผ้าสังฆาฎิให้กับพระมหากัสสป ถ้าท่านใดอยากได้ความเป็นใหญ่ มีผู้คนยอมรับนับหน้าถือตาก็ควรบูชาพระอังคาร ซึ่งอยู่ประจำทิศอาคเนย์
    ตามคติทางพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางไสยยาสน์ (นอน) เป็นพระประจำวันอังคาร และพระปริตบทขัด กรณียเมตตาสูตร เป็นคาถาสวดสำหรับพระอังคาร โดยสวด 8 จบบูชา พระปางไสยาสน์ เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภ และคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทเรียกฝนแสนห่า เป็นคาถาภาวนาประจำพระอังคาร คือคาถา " ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง "
    ทิศทักษิณ
    พระอรหันต์ประจำทิศ ได้แก่ พระสารีบุตร ซึ่งเป็นเอตทัคคะ ผู้เลิศทางปัญญา แม้นกำเม็ดทราย 1 กำมือ ก็สามารถนับได้ ถ้าผู้ใดอยากมีปัญญาเฉลียวฉลาด มีวาจาอ่อนหวานไพเราะ บริสุทธิ์ ก็ให้บูชาพระพุธ ซึ่งชุบมาจากคชสารตามคติทางพระพุทธศาสนา จัดให้ พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันพุธ (กลางวัน)
    และจัดให้สวดบทขัดพระปริตร บทสัพพาสี เป็นคาถาสวดประจำสำหรับวันพุธ โดยสวด 17 จบ เพื่อบูชา พระปางอุ้มบาตร เพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภคุ้มภัยอันตรายได้ และจะมีความสุขสวัสดียิ่งๆ ขึ้นไป และยังจัดให้คาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์เกลื่อนสมุทร เป็นคาถาประจำพระพุธด้วย คือ " ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท "
    ทิศหรดี
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระอุบาลี ซึ่งเป็นเอตทัคคะในด้านการทรงพระวินัย เปรียบอยู่ในกฏระเบียบ ซึ่งถ้าผู้ใดต้องการให้บุตรหลานอยู่ในระเบียบวินัยไม่หลงมัวเมาในอบายมุข ก็ควรบูชาพระเสาร์ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปนั่ง ปางนาคปรก
    และจัดคาถา ยะโตหัง เป็นคาถาบทสวดสำหรับพระเสาร์ โดยสวด 10 จบ ตามกำลังวัน บูชาพระนาคปรกเพื่อจะได้ช่วยคุ้มกันอันตรายต่างๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ จะมีความสุขความเจริญ และเกิดความสวัสดี มีมงคลตลอดกาลนานและยังให้บทสวดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์คลายจักร เป็นคาถาประจำพระเสาร์อีกด้วยคือ " โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ "
    ทิศปัจจิม
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระอานนท์ ซึ่งเป็นพุทธอุปัฐาก เลขาส่วนตัวของพระพุทธเจ้า ดูแลทุกอย่าง ตั้งแต่ก่อนตื่นนอนและหลังจำวัด แม้ว่าพระพุทธองค์ไปแสดงธรรมเทศนาที่ใด ถ้าพระอานนท์ไม่ได้ไป จะต้องกลับมาแสดงธรรมให้พระอานนท์ฟังโดยเฉพาะอีกครั้ง ผู้ใดอยากให้บุตรหลาน ฉลาด รอบรู้ หูตากว้างไกลก็ควรบูชา พระพฤหัส พระพฤหัสชุบมาจากฤาษี 19 ตน ซึ่งมีความฉลาด หลักแหลม ปัญญา ดี รอบรู้
    ตามคติของพระพุทธศาสนา จัดให้พระพุทธรูปปางสมาธิ เป็นพระพุทธรูปประจำวันพฤหัส และจัดให้สวดคาถา บทขัดพระปริตบทปุเรนตัมโพ โดยสวด 19 จบ ตามกำลังวันบูชาพระปางสมาธิ เพื่อจะช่วยคุ้มอันตรายต่างๆ และช่วยให้เกิดโชคลาภด้วย มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป และยังให้พระสวดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพ เป็นคาถาประจำวันพฤหัสบดีด้วยคือ " ภะ สัม มัม วิ สะ เท ภะ "
    ทิศพายัพ
    พระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระควัมปติ หรือ พระสิวลี ซึ่งเป็นเอตทัคคะเลิศกว่าพระภิกษุทั้งหลายในเรื่องโชคลาภ ซึ่งตรงกับนพเคราะห์คือ พระราหูซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งขุมทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง มีอำนาจบารมีเป็นที่เกรงกลัว ผู้ใดอยากให้บุตรหลานมีโชคลาภ บารมีต้องบูชา พระราหู ให้คอยปกปักรักษา
    ตามคติทางพระพุทธศาสนา ได้จัดให้พระพุทธรูป ปางป่าเลไลยก์ เป็นพระปางประจำราหู และกำหนดบทสวด บทกินนุ สัน ตะ ระมาโน วะ เป็นบทสวดประจำวันพุธกลางคืน ควรสวด 12 จบ ตามกำลังวัน เพื่อบูชาพระปางป่าเลไลยก์ เพื่อคุ้มภัยให้สิ่งร้ายกลายเป็นดีและจะมีความสุขสวัสดี และได้จัดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์พลิกแผ่นดินเป็นคาถาประจำราหู คือ " คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ "
    ทิศอุดร
    ตรงกับพระอรหันต์ประจำทิศ คือ พระโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นเอตทัคคะในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ตรงกับนพเคราะห์คือพระศุกร์ ผู้ใดอยากให้มีกิจการการค้ารุ่งเรือง ซื้อง่ายขายคล่อง พูดเป็นเงินเป็นทอง มีความสุขสบายในครอบครัวก็ควรบูชาพระศุกร์ตามคติทางพระพุทธศาสนา ได้จัดให้พระพุทธรูปยืน ปางทรงรำพึง พระหัตถ์ทั้งสองวางทับกันที่หน้าอก เป็นพระประจำ วันศุกร์
    และได้จัดคาถาบท ขัดธชัคคสูตร เป็นบทสวดประจำพระศุกร์ โดยสวด 21 จบ ตามกำลังวันเพื่อช่วยให้เกิดโชคลาภ คุ้มกันภัยอันตรายใดๆ จะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และยังได้จัดพระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทตวาดฟ้าป่าหิมพานต์เป็นคาถาประจำวันศุกร์ คือ " วา โธ โน อะ มะ มะ วา "
    ทิศอีสาน
    ตรงกับพระอรหันต์ คือ พระราหุล ซึ่งเป็นเอตทัคคะในเรื่องของการศึกษา ใคร่ต่อการศึกษาเรียนรู้ ตรงกับนพเคราะห์คือพระอาทิตย์ ซึ่งชุบมาจากราชสีห์ผู้ใดอยากให้บุตรหลานมีปัญญาเฉียบแหลม สติปัญญาเป็นเลิศ มีฤทธิ์ มียศ ชื่อเสียงก็ควรจะบูชา พระอาทิตย์
    และจัดให้พระปริตบท โมรปริต เป็นคาถาสวดสำหรับพระอาทิตย์ ควรสวด 6 จบ ตามกำลังวัน เพื่อให้เกิดโชคลาภ คุ้มภัยอันตราย จะมีความเจริญรุ่งเรืองและความสุขสวัสดีตลอดกาล และยังได้จัดเอาคาถาพระอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์แปลงรูปเป็นคาถาภาวนาสำหรับพระอาทิตย์ด้วยคือ " อะ วิ สุ นุต สา นุ ติ "
    ตรงกลาง
    มีพระเกตุอยู่ท่ามกลางจักรวาล ตรงกับ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นประธานของ พระอรหันต์ทั้ง 8 ทิศ เมื่อบูชาพระเกตุเท่ากับเสริมเดช เดชานุภาพผู้ที่ไม่ทราบวันเดือนปีเกิดของตนเองควรบูชา พระเกตุ ซึ่งมีกำลังดี และจัดให้พระพุทธรูป ปางมารวิชัย เป็นปางของพระเกตุ
    และให้สวดคาถาบท พุทโธ จะ มัชฌิโม เสฏิโฐ เป็นคาถาประจำพระเกตุโดยสวด 9 จบ เพื่อคุ้มกันเสนียดจัญไร ให้แคล้วคลาดปลอดภัยและได้จัดพระคาถานวหรคุณเป็นคาถาภาวนาประจำพระเกตุ คือ " อะ ระ หัง สุ คะ โต ภะ คะ วา "
    ซึ่งจะเห็นได้ว่าคาถาบูชาพระประจำต่างๆ นั้น ก็ถอดออกมาจากบทสวดพระพุทธคุณ 56 นั่นเอง กล่าวคือ
    อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา อะ
    ระ หัง สัม มา สัม พุท โธ วิ
    ชา จะ ระ ณะ สัม ปัน โน สุ
    คะ โต โล กะ วิ ทู อะ นุต
    ตะ โร ปุ ริ สะ ทัม มะ สา
    ระ ถิ สัต ถา เท วะ มะ นุ
    สา นัง พุท โธ ภะ คะ วา ติ
    ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘
    แถวตั้งที่ 1 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทกระทู้ 7 แบก เป็นคาถาสวดพระจันทร์ 15 จบ
    แถวตั้งที่ 2 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทเรียกฝนแสนห่าเป็นคาถาสวดพระอังคาร 8 จบ
    แถวตั้งที่ 3 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์เกลื่อนสมุทรเป็นคาถาพระพุธ 17 จบ
    แถวตั้งที่ 4 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์คลายจักรเป็นคาถาสวดพระเสาร์ 10 จบ
    แถวตั้งที่ 5 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์ขว้างจักรตรึงไตรภพเป็นคาถาสวดพระพฤหัส 19 จบ
    แถวตั้งที่ 6 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์พลิกแผ่นดิน เป็นคาถาสวดพระราหู 12 จบ
    แถวตั้งที่ 7 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ เป็นคาถาสวดพระศุกร์ 21 จบ
    แถวตั้งที่ 8 บทคาถาอิติปิโส 8 ทิศ บทนารายณ์แปลงรูป เป็นคาถาสวดพระอาทิตย์ 6 จบ
    ที่มา - เว็บ oknation.net
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 420 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20241012_192740.jpg IMG_20241012_192809.jpg IMG_20241012_192827.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2024
  5. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,924
    ค่าพลัง:
    +6,844
    -ขอจองครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1728844609984.jpg
    รูปถ่ายกระดาษหลังแผ่นทองแดงจารอักขระยันต์
    หลวงปู่คำมีวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี
    เราเคยได้เหรียญหลวงปู่คำมีมาบูชา
    แต่ก่อนที่เหรียญจะมาถึง
    โยมแม่เราฝันเห็นพระภิกษุแก่เฒ่าชรารูปหนึ่งเหาะมาลงที่บ้าน
    โยมแม่จำหน้าท่านได้ชัด
    รุ่งเช้าโยมแม่มาเล่าให้เราฟัง
    เราเลยเอารูปหลวงปู่คำมีให้ดู
    พอโยมแม่เห็นรูปก็ตกใจร้องขึ้นมาว่าองค์นี้แหละใช่เลยที่เห็นในฝันเมื่อคืน
    #เราจึงศรัทธาองค์หลวงปู่มาก
    ถ้าอภิญญาบารมีไม่มีจริงจะไม่เจออะไรแบบนี้หรอก
    #เราเชื่อว่าหลวงปู่คุ้มครองเราเสมอ
    เช่นเดียวกับครูบาอาจารย์ทุกรูป
    #บารมีของคุณพระรัตนตรัยมีจริง
    ไม่ใช่เรื่องงมงายไร้สาระ
    #และเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมอย่างดี
    พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง
    พระธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง
    พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งได้จริง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระอาจารย์ พ.ธรรมรังษี

    รูปถ่ายกระดาษหลังแผ่นจารทองแดง ขนาดรูปถ่ายประมาณ๑นิ้ว หายากไม่ค่อยพบเจอ
    ได้บูชา 470 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20241014_013527.jpg IMG_20241014_013609.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1728920457427.jpg
    เหรียญหล่อใบโพธิ์เล็กหลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดใหม่เสนานิคม
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ยกย่อง พระเครื่องหลวงปู่หลอด
    หลวงปู่คำพันธ์ท่านจับพลังพระหลวงปู่หลอดและกล่าวว่า เราไม่รู้หรอกว่าดีอย่างไง สว่างครอบไปหมด คุณธรรมเรายังไม่เท่าท่าน มีพระดีพระเก่งอยู่แถวลาดพร้าว ลูกศิษย์ก็มาเจอหลวงปู่หลอด พระเก่งพระดีที่หลวงปู่คำพันธ์บอกให้มา
    เมื่อพระดีเมืองสิงห์ยกย่องคุณธรรมหลวงปู่หลอด ปโมทิโต
    หลวงปู่บุดดา ถาวโร ท่านเป็นพระอรหันต์ที่ทั้งสายธรรมยุติและมหานิกายต่างยกย่องท่าน มีปรจิตวิชาไว ท่านเจ้าคุณนรหรืออุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม ได้รับการสอนกรรมฐานจากท่านทั้งสิ้น ท่านเป้นพระผู้รัตนกัตญญูท่านจะเทศน์ธรรมะเป็นเรื่องวิมุตติทั้งสิ้นเช่น ธรรมะคือหนังแผ่นเดี่ยว กายเดี่ยวจิตเดี่ยวเป็นต้น มีลูกศิษยืหลวงปู่บุดดาท่านหนึ่งไปถามองค์ท่านว่า หลวงปู่ พระอรหันต์ยังมีอยู่ในโลกหรือไม่ หลวงปู่บุดดาตอบกลับมาว่า ท่านพระอาจารย์หลอด ที่กรุงเทพก็ใช่ ทำให้บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่บุดดาจะมากราบหลวงปู่เสมอ เวลาหลวงปู่บุดดาเจอหลวงปู่ท่านจะกราบหรือไหว้หลวงปู่เสมอ ท่านไม่สนใจเลยว่า พรรษาท่านมากกว่า หลวงปู่ท่านก็จะกราบหลวงปู่บุดดากลับเสมอหรือกราบก่อน หลวงปู่หลอดท่านจะยกย่องหลวงปู่บุดดาตลอดทั้งในเรื่องธรรมะก็ดีเรื่องภูมิ จิตภูมิธรรม หลวงปู่หลอดจะกล่าวเสมอว่า หลวงปู่บุดดาท่านเป็นพระอรหันต์
    สื่อด้วยใจ ไม่ได้สื่อด้วยเสียง เคารพด้วยใจ เคารพในธรรม
    หลวง พ่อใหญ่กับหลวงปู่หลอด ปโมทิโต แม้ฐานขันธ์หลวงพ่อใหญ่จะไม่เอื้ออำนวนแต่ท่านก็พยายามที่จะกราบ แต่กราบไม่ได้ เพราะเป็นอัมพาต จึงนำมือทั้งสองข้างมากลุ้มมือไว้ เพื่อแสดงความเคารพ ผมน้ำตาจะไหล ครับ ตอนแรกหลวงพ่อใหญ่ไปหางาช้าง แต่อยู่ดีๆๆหลวงพ่อใหญ่กล่าวว่า จะมากราบหลวงปู่หลอด นับเป็นดำริความตั้งใจของท่าน ตอนนั้น ท่านไม่ได้กล่าวอะไรกับหลวงปู่หลอดเลย หลวงปู่หลอด ก็ไม่ได้กล่าวอะไร หลังจากที่หลวงพ่อใหญ่กลับ ศิษย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่หลอดถามว่า คุยอะไรกันบ้าง หลวงปู่หลอดท่านบอกว่า คุยกันเยอะอยู่ ผมก็งงว่าเอท่านคุยกันยังไงหว่า ผมเลยไปถามหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อใหญ่เมตตาให้คำตอบที่ผมต้องการที่สุดคือ เราคุยกับอะไรกันไม่มีใครรู้หรอก นี่แสดงถึงภูมิจิตภุมิธรรมของท่าน ไม่ต้องสื่อด้วยเสียง สื่อด้วยใจ สมแล้วที่หลวงพ่อใหญ่ประกาศต่อหน้าหมู่สงฆ์ว่า ท่านพระอาจารย์หลอดเป็นพระอรหันต์ นับเป็นความประทับใจของพร อย่างไม่รู้ลืม แม้ท่านทั้งสองจะจากไป เข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมเชื่อว่าท่านก็ยังอยู่ เพราะธรรมท่านทั้งสองอยู่ในใจผมตลอดไป
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท
    ครับ
    IMG_20241014_224135.jpg IMG_20241014_224207.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1728979174080.jpg
    หลวงปู่ชอบ วัดเขารังเสือ เป็นพระสุปฏิปัณโณในแผ่นดินรัชกาลที่๙ ของในหลวงพระภูมิพล ท่านเป็นพระสหายธรรมรุ่นพี่ที่สนิทใกล้ชิดกับองค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในรัชกาลปัจจุบัน หลวงปู่ชอบ วัดเขารังเสือ หลวงปู่เป็นพระธุดงค์ตลอดในระยะเวลา33ปี มาสิ้นสุดการธุดงค์ที่เขารังเสือ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายอัดกระจกและพระผงรูปเหมือน ลป.ชอบ
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241015_145725.jpg IMG_20241015_145750.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1729063993417.jpg

    "หลวงปู่พุฒิ สุนทโร"
    พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
    นามเดิมนั้นท่านมีชื่อว่า พุฒ นามสกุล หาญสมัย เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2453 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ปี จอ ณ บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 4 ตำบลบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม บิดาของท่านชื่อ นายขำ หาญสมัย มารดาของท่านชื่อนางปาน หาญสมัย ซึ่งท่านมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน คือ 1. นางสาวบุญรอด หาญสมัย (ถึงแก่กรรมแล้ว) 2. พระครูสุนทรวุฒิคุณ (หลวงพ่อพุฒ สุนทโร) 3. นางปุ่น นาคละมัย 4. นายปั่น หาญสมัย 5. นางบุญนาค กลั่นสนิท (ถึงแก่กรรมแล้ว)
    การศึกษาเล่าเรียนนั้น หลวงพ่อพุฒ ท่านได้ความรู้ติดตัวและได้เรียนมาจากวัด ซึ่งต่อมาหลวงพ่อพุฒได้จบการศึกษาสายสามัญ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบางพระ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ครอบครัวของท่านแต่เดิมมีอาชีพทำนา
    เมื่อท่านอายุได้ 20 ปี เข้ารับการคัดเลือกของราชการทหารให้เข้ารับราชการ หรือที่เราเรียกกันว่า “เกณฑ์ทหาร” ในที่สุดท่านก็ต้องเข้ารับใช้ชาติเป็นทหารรักษาพระองค์อยู่ถึง 2 ปี ได้กลับมาช่วยครอบครัว บิดา มารดา ของท่านทำงานอย่างขยันขันแข็งจนผู้คนในหมู่บ้าน และละแวกใกล้เคียง ชื่นชมยินดีส่งเสริมให้การทำงานอย่างจริงจังของท่าน ชีวิตความเป็นอยู่ก็อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงามจนชาวบ้านในท้องถิ่นต่างเสนอให้ทางราชการแต่งตั้งท่านเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
    ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2489 ผู้ใหญ่พุฒก็ตัดชีวิตทางโลกเข้าสู่ร่มกาสาวพัตรในรูปพระสงฆ์ ณ พัทธสีมา วัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน โดยมีเจ้าอธิการหิ่ม อินทโชโต เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลี่ยน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า สุนทโร
    เมื่อหลวงพ่อพุฒ หรือพระภิกษุพุฒในสมัยนั้น อุปสมบทใหม่ ๆ ท่านก็มีความมุ่งมั่นในการศึกษาพระธรรมวินัย และเมื่อท่านมีโอกาส ท่านก็ศึกษาตำรับตำราต่าง ๆ ซึ่งค่อนข้างจะแปลกกว่าพระรูปอื่น เพราะท่านไม่ชอบปล่อยเวลาให้ล่วงไปอย่างไร้ค่า ซึ่งตำรับตำราในสมัยนั้นก็หายากไม่มีมากมายเหมือนในสมัยปัจจุบัน หนังสือที่ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษส่วนมากก็จะเป็นหนังสือประเภทธรรมะ และตำรายาแผนโบราณ และในปีแรกนั้น พ.ศ. 2489 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ต่อมาอีก 2 ปี คือในปี พ.ศ. 2491 ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกได้มาโดยลำดับ
    หลังจากที่หลวงพ่อพุฒได้อุปสมบทและศึกษาพระธรรมวินัย ตลอดจนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ รวมทั้งได้ออกธุดงค์ได้เพียง 6 พรรษา ในปี พ.ศ. 2495 เจ้าอาวาสองค์ที่ 6 แห่ง วัดกลางบางพระได้มรณภาพลงตามสังขาร ทางคณะสงฆ์ ชาวบ้าน ตลอดจนกรรมการได้นิมนต์หลวงพ่อพุฒ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสของวัดกลางบางพระเป็นองค์ที่ 7 สืบต่อมา ได้รับนามว่า “พระอธิการพุฒ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
    นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 หลังจากที่พระอธิการพุฒ ในสมัยนั้นได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสของวัดกลางบางพระ ก็ได้ทำการพัฒนาวัด บูรณะปฏิสังขรณ์ เรื่อยมา โดยได้เริ่มมีการวางผังวัดใหม่เพื่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ซึ่งในสมัยนั้นวัดเป็นที่ลุ่มพอสมควร ต้องทำการถมดินเป็นจำนวนมาก โดยได้รับแรงศรัทธาจากชาวบ้านในสมัยนั้น ซึ่งต้องใช้แรงงานคน ชาวบ้านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต่อมาได้ทำการซ่อมแซมบูรณะพระอุโบสถขึ้นใหม่อีกครั้ง เพราะชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ซึ่งในอดีตพระอธิการดาได้ทำการบูรณะซ่อมแซมมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อบูรณะพระอุโบสถเป็นที่เรียบร้อยแล้วในปี พ.ศ. 2497 ก็ได้ดำเนินการก่อสร้างศาลาการเปรียญของวัดกลางบางพระ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 3 ปีเศษ
    ในด้านการศึกษานั้น หลวงพ่อได้รับการแต่งตั้งให้ดูงานด้านการศึกษามาโดยลำดับ คือ พ.ศ. 2496 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดกลางบางพระ เป็นกรรมการสอบธรรมสนาม หลวง พ.ศ. 2500 เป็นกรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนวัดกลางบางพระ พ.ศ. 2515 เป็นกรรมการอุปถัมภ์โรงเรียนสหศึกษาบาลี องค์พระปฐมเจดีย์ พ.ศ. 2529 เป็นประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล พ.ศ. 2530 เป็นหน่วยรับพิเศษของเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
    วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2542 หลวงพ่อมีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย จึงไปนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลห้วยพลู ต่อมาในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2542 อาการของหลวงพ่อยัง ไม่ดีขึ้นระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย เริ่มไม่มีประสิทธิภาพ รุ่งเช้าวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2542 เวลาประมาณ 08.45 น. หลวงพ่อได้จากพวกเราไปด้วยอาการอันสงบ คณะศิษยานุศิษย์ได้นำศพของหลวงพ่อกลับมายังวัดกลางบางพระและได้รับพระราชทานน้ำสรงศพ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2542 เวลา 17.00 น. อย่างสมเกียรติท่ามกลางความอาลัยของคณะศิษยานุศิษย์ สิริรวมอายุของหลวงพ่อได้ 88 ปี 2 เดือน 8 วัน
    จากคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมปฏิบัติมา จึงได้รับพระราชทานสมศักดิ์ตามลำดับ คือ
    1. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นประทวน ในนามพระครูพุฒ สุน?ทโร เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2509 อายุ 54 ปี พรรษา 20
    2. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในนามพระครูสุนทรวุฒิคุณ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2513 อายุ 58 ปี พรรษา 24
    3. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2518 อายุ 63 ปี พรรษา 29
    4. ได้รับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2534 อายุ 80 ปี พรรษา 45
    5. ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์จากสมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536 อายุ 82 ปี พรรษา 47
    วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้มีมากแต่ที่จะพอนำมากล่าวได้ก็คือ
    - เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 แจกเปิดโรงเรียนวัดกลางบางพระ เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นเหรียญรูปทรงเสมาหลวงพ่อหน้าตรงครึ่งองค์ เห็นสังฆาฏิทำด้วยสตางค์แดงผสมทองแดง และอีกชนิดหนึ่งทำด้วยทองเหลืองฝาบาตร ซึ่งเป็นพิมพ์เดียวกัน หน้าเหรียญเขียนว่า “พระอธิการพุฒ สุน?ทโร” ซึ่งในปัจจุบันหายากพอสมควร
    - เหรียญรุ่นที่สองสร้างเมื่อ พ.ศ. 2513 เมื่อครั้งรับพระราชทานเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี เป็นเหรียญเต็มองค์นั่งขัดสมาธิ เขียนใต้ฐานว่า “พระครูสุนทรวุฒิคุณ” บนเขียนว่าวัดกลางบางพระ
    - เหรียญรุ่นที่สามเป็นเหรียญเสมา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2522 เป็นเหรียญรูปหล่อหลวงพ่อครึ่งองค์ สร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
    - เหรียญรุ่นที่สี่เป็นเหรียญกลมหลวงพ่อครึ่งองค์ด้านหลังเป็นหนังสือ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2528
    - เหรียญรุ่นที่ห้าเป็นเหรียญเสมารูปหลวงพ่อเต็มองค์ นั่งถือไม้เท้า ด้านหลังเขียน “ที่ระลึกในงานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นเอก” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
    - เหรียญรุ่นที่หกเป็นเหรียญเสมาหลวงพ่อเต็มองค์นั่งทับปืนและลูกระเบิด ซึ่งเป็นเหรียญยอดนิยมที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เหรียญปืนไขว้” หรือ “เหรียญนั่งทับปืน” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
    - เหรียญรุ่นที่เจ็ดเป็นเหรียญเสมารูปหลวงพ่อครึ่งองค์ด้านหน้าเขียนว่า “หลวงพ่อพุฒ อายุ 80 ปี” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
    - เหรียญรุ่นที่แปดเป็นเหรียญรูปไข่หลวงพ่อนั่งเต็มองค์ถือไม้เท้า ด้านหลังเขียนว่า “ที่ระลึกในงานฉลองพระเกตุจุฬามณี” สร้างเมื่อ พ.ศ. 2534
    - เหรียญรุ่นที่เก้าเป็นเหรียญเสมาหล่อปืนไขว้ “นั่งทับปืน” มีทั้งเนื้อเงิน เนื้อนวะ และเนื้อทองแดง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
    - เหรียญรุ่นที่สิบเป็นเหรียญกงจักรหลวงพ่อนั่งทับปืน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2533
    - นอกจากนี้ยังมีวัวธนูบูชาและห้อยคอ ราหูอมจันทร์ แกะจากกะลาตาเดียวทั้งที่เป็นลูกและห้อยคอ พระผงรุ่นต่าง ๆ ตะกรุด สี และอื่น ๆ อีกมากที่หลวงพ่อท่านได้สร้างไว้ให้ลูกศิษย์ได้บูชา
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างส่งครับ
    ชุด ๓ องค์
    บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241016_140740.jpg IMG_20241016_142914.jpg IMG_20241016_142950.jpg IMG_20241016_143018.jpg IMG_20241016_143037.jpg IMG_20241016_143057.jpg IMG_20241016_143114.jpg IMG_20241016_143145.jpg IMG_20241016_143216.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    5dfec2e8d165f90d14938eb3_800x0xcover_e-y6wQoD (1).jpg



    Messenger_creation_E35DD430-DE1E-42B3-B4D3-D267A8050074.jpeg Messenger_creation_D883F77D-8F3A-437C-882E-CE76BCF99D99.jpeg Messenger_creation_3B280AC7-9054-4247-8D22-46AE6B7BAEFD.jpeg

    เหรียญถุงเงินโภคทรัพย์หลวงพ่อแพวัดพิกุลทองให้บูชาเหรียญละ 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ มี เหรียญ
    ปิด๑ เหรียญ เหลือ อีก เหรียญครับ

    IMG_20241025_134303.jpg IMG_20241025_134333.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2024
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1729832324598.jpg
    ประวัติ หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
    หลวงพ่อตั๋ง ปิยคุโณ
    เดิม
    ชื่อตั๋ง เต้่าสุวรรณ เกิดวันพุธที่11 ธันวาคม พ.ศ.2455 ปีชวด ที่บ้านโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรคุณพ่ออยู่ คุณแม่ใย เต้าสุวรรณ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา7คน
    1 นายพรหม เต้าสุวรรณ
    2น.ส.ลำยวง เต้าสุวรรณ
    3นางชิด อารมย์สุข
    4นายบุญช่วย เต้าสุวรรณ
    5นายตั๋ง เต้าสุวรรณ
    6น.ส.ติ้ง เต้าสุวรรณ
    7นายเชื้อ เต้าสุวรรณ(ถึงแก่กรรมทั้งหมด)
    อุปสมบท
    เมื่ออายุครบ20ปีได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์เอน ต.โพธิ์เอน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 12พฤาภาคม 2475 มีพระอธิการโป๋ เจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการก๋งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอาจารย์โกยเป็นอนุสาวนาจารย์(พระตั๋งได้รับฉายาปิยคุโณ)
    หลวงพ่อตั๋ง มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ พูดน้อยแต่แฝงด้วยความปราณี เป็นศิษย์ร่วมครูอาจารย์กับหลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน สระบุรีและหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา มีความขลังทางพุทธาคมคาถาเป็นอมตะ สร้างวัตถุมงคลเพื่อการสร้างพระศาสนาไม่หลายรุ่นนัก ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง หลวงพ่อตั๋ง นับเป็นพระเถราจารย์บริสุทธิ์ด้วยศิลและมีกฤษฏาอภินิหารอีกรูปหนึ่งแห่งลุ่มน้ำป่าสักตอนใต้ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เอนได้ศึกษาพระธรรมวินัยอันเป็นพระปริยัติกับหลวงพ่อก๋ง แต่ไม่ได้เข้าสอบธรรมสนามหลวง ท่านได้หันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและเวทมนต์คาถาโดยมีอาจารย์พ่อก๋งเป็นผู้ประสิทธิ์วิทยาคุณต่างๆ มาถึงตอนนี้ขออ้างอิงสิ่งที่น่าเชื่อถือได้สักนิด ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อก๋ง ว่ามีมากน้อยเพียงไร หลวงพ่อตั๋งเล่าว่า หลวงพ่อก๋งบรรลุฌานกสิณแก่กล้า สามารถลงไปในน้ำจับปลาเป็นๆขึันมาได้ และยังเดินบนผิวน้ำได้อีกด้วย โดยเฉพาะความขลังในการเสกเป่าน้ำ พระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงพ่อตั๋งได้รับการถ่ายทอดวิทยาตุณต่างๆ จากหลวงพ่อก๋งอย่างไม่ปิดบังอำพรางโดยเฉพาะทางสมถกรรมฐานท่านกรุณาแนะนำหลักปฏิบัติจนมีความเชี่ยวชาญ ในการเจริญภาวนา มีสมาธิจิตกล้าแข็งและว่องไว สามารถปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ให้เกิดอานุภาพนานาประการทั้งปวง เมตตามหานิยม มหาอำนาจและคงกระพันชาตรี คุณวิเศษที่กล่าวมานี้ คือผลการเจริญกรรมฐาน จนจิตเป็นสมาธิชั้นสูง ซึ่งหลวงพ่อก๋งเป็นผู้บอกพระกรรมฐาน และชี้แนะหลักปฏิบัติแต่เริ่มแรก ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ต่อมาได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อโป๋ วัดวังแดงเหนือ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเพิ่มวิทยาคุณเวทมนต์คาถา ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น หลวงพ่อโป๋ท่านกรุณาถ่ายทอดวิทยาคุณต่างๆ จนหมดสิ้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น....รออ่านตอนต่อไปพักสายตาก่อนครับ..ยังไม่ถึงตอนดุเดือด ...มาอ่านต่อ..ยิ่งกว่านั้นท่านยังแนะนำหลักปฎิบัติการเจริญภาวนา ในบทคาถาต่างๆให้เกิดความขลังยิ่งยวดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะวิชาทำน้ำมนต์เดือด ท่านปฎิบัติได้เข้มขลังยิ่งนัก ตอนผมบวชอยู่ เมื่อปี2521 ผมเห็นกับตา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก จากนั้นหลวงพ่อลงมาจำพรรษาที่วัดลอดช่องเมืองกรุงเก่า ขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแข่ม เพื่อขอเรียนวิชาเรียกสูตรสนธิการทำผงพุทธคุณต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อแช่มท่านกรุณารับไว้เป็นศิษย์ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อตั๋งมีความชำนาญอ่านเขียนหนังสือขอมอย่างดีเยี่ยม อักขระคาถาเลขยันต์ต่างๆ ท่านมีความรู้อยู่ในขั้นพระเถราจารย์ชั้นแนวหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะผงพุทธคุณที่ท่านลบและปลุกเสกมีความศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่ว่าทรงคุณวิเศษนานัปการ หลวงพ่อตั๋งคร่ำเคร่งอยู่กับวิชาไสยศาสตร์เป็นเวลานานหลายปี หลังจากนั้น ท่านจาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ทางภาคเหนือหลายแห่ง มีโอกาสเข้ากราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ พระผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองนครสวรรค์อีกด้วย มาถึงปีพ.ศ.2489 เมื่อครูอาจารย์ของหลวงพ่อถึงกาลมรณภาพลงหมด
    ช่วงนั้นวัดโพธิ์เอนว่างเจ้าอาวาสคณะสงฆ์จึแต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนสืบต่อมาจนถึง พ.ศ.2538 หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์เอนแล้ว หลวงพ่อได้ปฎิสังขรณ์และก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ ที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างเต็มสติกำลัง ตามความสามารรถ ท่านทุ่มเทกำลังกายกำลังความคิดและมีอุตสาหะวิริยะอย่างยอดเยี่ยม
    เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อุบัติขึ้นเมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 ผู้ประสบการณ์ไม่ประสงค์ออกนาม ปัจจุบันท่านอยู่ในเพศบรรชิต กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อประมาณปีพ.ศ.2525 มีอยู่วันหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืนลูกซองระยะประมาณ5วาเศษเรียกว่าระยะเผาขน ลูกปืนถูกบริเวณหน้าอกและลำคอ ความแรงของลูกปืนทำให้หงายหลังลงไปนอนแผ่หลา ด้วยอานุภาพของ........เหรียญรุ่นแรก.......ปีพ.ศ.2522........คุ้มครองแค่ผิวหนังไหม้เกรียมเป็นจุดลูกปืนเท่านั้น ท่านบอกว่าเหรียญรุ่นนี้มีคุณวิเศษในทางอยู่คงกระพัน อย่างยอดเยี่ยม ถ้าวันนั้นเหรียญหลวงพ่อตั๋งไม่คุ้มครอง ร่างคงพรุนเป็นแน่ ท่านใดที่ได้บูชาไปจากรายการช็อคโลก เก็บรักษาไว้ให้ดีนะครับ ประวัติและเกียรติคุณของหลวงพ่อตั๋ง ที่ลำดับความมาตั้งแต่ต้นจนถึงบทสุดท้ายนี้ หวังว่าคงสร้างศรัทธาต่อท่านผู้อ่านตามสมควรโดยเฉพาะวัตถุมงคลของหลวงพ่อ เคยก่ออภินิหารทุกรุ่น แต่ไม่มีผู้ใดนำความศักดิ์สิทธิ์มาเผยแพร่ให้เลื่องลือชื่อเสียง ท่านจึงเป็นเสมือนเพชรน้ำหนึ่งที่ซ่อนแสงอยู่ในเงามืดมาโดยตลอด
    #วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีประสบการณ์ทุกรุ่น
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    สมเด็จหลังยันต์เหรียญปี ๒๕๓๘ และปี ๒๕๓๘ ยกชุด
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20241025_115906.jpg IMG_20241025_120137.jpg IMG_20241025_120155.jpg IMG_20241025_120112.jpg IMG_20241025_115935.jpg IMG_20241025_120003.jpg IMG_20241025_120030.jpg IMG_20241025_120049.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2024
  12. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,924
    ค่าพลัง:
    +6,844
    -ขอจองครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1322352-5b3ef.jpg
    พระครูอุทัยสีลาจาร เชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช
    ประวัติ พระครูอุทสีลาจาร หลวงพ่อท่านจับ อุทโย อดีตจ้าอาวาสวัดท่าลิพง ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พ่อท่านจับวัดท่าลิพง ท่านเป็นพระยุคเก่าที่มีวิชาอาคมกล้าแข็งมาก แต่ท่านเป็นพระที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่โอ้อวดว่าตนเก่ง ทั้งๆที่เก่งมาก และท่านเป็นศูนย์รวมใจของคนอำเภอเชียรใหญ่ในยุคนั้น
    ชาตะ พ.ศ.๒๔๖๑ โดยประมาณ ตอนปฐมวัยมีใจรักที่จะศึกษาวิชาการตามใจชอบและเขาฝากตัวเป็นศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์เอียด วัดพัทธสีมา พ่อท่านจับ จำพรรษาที่วัดท่าลิพง เมื่อปีกุล จ.ศ.๑๒๙๗ ร.ศ.๑๕๔ เดือน ๓ ขึ้น ๑๓ ค่ำ วันพฤหัสบดี ตรงกับวันที่ ๑๓ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๘
    พ่อท่านจับ เป็นเกจิอาจารย์ที่ชาว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ให้ความนับถือศรัทธากันมากที่สุด ด้วยวิชาอาคมของท่านขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านมานับหลายครั้ง เป็นพระสงฆ์ที่ใจเย็นพูดน้อย แต่สูงด้วยเมตตาธรรมอย่างยิ่งแม้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ทางคาถาอาคมและพลังจิตแต่กลับถ่อมตนไม่แสดงตนเพื่อเป็นการโอ้อวดแม้แต่ครั้งเดียว ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านเปรียบเสมือน “คมในฝัก” เมื่อชักออกมาเป็นเห็นผลทุกครั้ง
    พ่อท่านจับท่านเป็นพระสายพัทธสีมา ลูกศิษย์เอกอีกองค์ขอองพ่อท่านชูเฒ่า และเป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ทองเฒ่าของสำนักเขาอ้อ เพราะพ่อท่านชูเฒ่าท่านส่งไปเรียนด้วย
    ท่านจึงมีวิชาที่แปลกพิสดารเช่นเดียวกับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่โด่งดัง อย่างพ่อท่านหนูจันทร์ วัดพัทธสีมา หรือพ่อท่านจันทร์ วัดทุ่งเฟื้อ วัตถุมงคลของพ่อท่านจับ มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีข้อสงสัย และเวลานี้วัตถุมงคลของท่านทุกชนิด ประสบการณ์ครอบจักวาล แต่เน้นหนักไปทางโชคลาภกับมหาอุตม์
    พ่อท่านจับมรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๗ ณ.โรงพยาบาล มหาราชนครศรีธรรมราช
    แพทย์บันทึกการมรณภาพว่าปอดวายและติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต อายุได้ ๘๒ พรรษาได้ ๖๒
    ปาฏิหาริย์ในการสร้างเหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อจับ วัดทาลิพงในปีพ.ศ.๒๕๒๐ พ่อท่านจับปลุกเสกโดยเอาเหรียญใส่ในบาตรแล้วก็ปลุกเสกพระเครื่อง เหรียญของท่านทั้งหมดได้วิ่งเกรียวกราวในบาตรตลอดเวลาจนปลุกเสกเสร็จเรียบร้อย.สร้างความอัศจรรย์ใจแด่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย แต่ท่านก็มิได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
    เหรียญรุ่นนี้คนในพื้นที่หวงแหนกันนักหนา เหรียญรุ่นแรก ออกมามีวัตถุประสงค์เพื่อแจกเป็นอนุสรณ์ในการสร้างอุโบสถวัดท่าลิพง เหรียญรุ่นนี้พ่อท่านจับปลุกเสกเดี่ยวนานนับเดือน เสร็จแล้วท่านแจกอย่างเดียวไม่มีการกำหนดค่าบูชา จะทำบุญเท่าไหร่ก็ได้ ไม่นานเหรียญได้หมดลงภายในเวลาไม่นานนัก
    เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อจับ ประสบการณ์ก็มีมากมาย คือ มีโจรบุกขึ้นปล้นบ้านชาวบ้านหลังหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช โจรต้องการฆ่าเจ้าทรัพย์เพื่อเป็นการปิดปาก จึงระดมยิงใส่เจ้าของบ้านด้วยปืนหลายกระบอก เจ้าของบ้านมีเหรียญพ่อท่านจับรุ่นแรก คล้องคอเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น แต่ไม่ถูกกระสุนปืนแม้แต่นัดเดียว เจ้าของคว้าขวานได้เล่มหนึ่งจึงไล่ฟันพวกโจรเลือดสาดแตกกระเจิงไป รุ่งขึ้นเมื่อไปแจ้งความกับตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยอมเชื่อ แต่เมื่อไปตรวจที่เกิดเหตุพบรอยกระสุนปืนทะลุฝาบ้านนับเป็นสิบ ๆ รู นอกจากนี่เรื่องแคล้วคลาดก็ยังมีข่าวออกมาบ่อยๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่น ๒ พ่อท่านจับ วัดท่าลิพง นครศรีธรรมราช
    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241025_214109.jpg IMG_20241025_214029.jpg
     
  14. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,380
    ค่าพลัง:
    +13,255
    จองชุด ลพ ตั๋ง ครับ
    สมเด็จหลังยันต์เหรียญปี ๒๕๓๘ และปี ๒๕๓๘ ยกชุด
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้จัดส่ง
    1730120827092.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1730442254177.jpg



    ประวัติโดยย่อของท่านพระครูวิจิตรวชิรธรรม (พลอง จิตฺตปุญฺโญ)
    หลวงพ่อพลองท่านเกิดเมื่อวันอังคาร ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2482 โดยบิดามารดาได้ตั้งชื่อว่าเด็กชายพลอง อ่อนศรีสุข เป็นบุคคลที่มีนิสัยเรียบร้อยรักสันโดษ และชอบศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ท่านเกิดมาในตระกูลช่าง คือบิดามีอาชีพเป็นช่างงานฝีมือในการก่อสร้าง เมื่อโตขึ้นมาได้ช่วยงานบิดาในการก่อสร้างต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของลวดลายไทยต่างๆนั้น ท่านมีความเชี่ยวชาญและชำนาญเป็นอย่างมาก จนสามารถเป็นกำลังหลักแทนบิดาได้ เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาลังจากได้ผ่านการเกณทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้วท่านจึงได้อุปสมบทเพื่อทดแทนพระคุณบิดามารดา
    ด้านการอุปสมบท
    ท่านได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ.2503 ณ วัดโคกสว่าง โดยมี
    ท่านพระครูพิศิษฎ์ภัทร ธรรม(แย้ม) เป็นพระอุปัชฌาย์
    (หลวงพ่อพลองถือว่าท่านมีพระอุปัชฌาเดียวกันกับหลวงพ่อจอย วัดโนนไทย ซึ่งที่สำคัญหลวงปู่แย้มองค์นี้เป็นศิษย์สายตรงหลวงปู่นาค วัดระฆังอีกด้วย)
    ท่านพระครูวิชิตชัยธรรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ท่านพระครูปราโมทศีลคุณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    โดยได้ฉายาว่า จิตฺตปุญฺโญ คือ ผู้มีจิตเป็นบุญ
    ด้านการศึกษานั้น
    ท่านเรียนจบ ป.4 (ในสมัยนั้น)
    จบนักธรรมชั้นเอก
    เป็นพระปาฏิโมกข์
    โดยได้จำพรรษาที่วัดเพชรภูมิสุวรรณวรารามและศึกษาคาถาอาคมกับหลวงพ่อแย้มซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้นโดยเฉพาะหลวงพ่อแย้มท่านเป็นศิษย์วัดระฆังซึ่งเคยอยูกับหลวงปู่นาคมาก่อน ได้ไปศึกษาการเขียนตะกรุตและการฝังตะกรุตกับหลวงพ่อพหรมวัดโนนระเวียง(ศิษย์เอกหลวงพ่อคง วัดถนนหักใหญ่) และหลวงพ่อผ่อง วัดสำนักตะคร้อ ได้ไปจำพรรษาอยูกับหลวงพ่อหริ่ง วัดกุดพิมาน(ศิษย์หลวงพ่อคง)ซึ่งท่านเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อหริ่งรูปนี้ท่านเก่งมากโดยเฉพาะวิชามหาอุตนี้ท่านเสกของให้ลูกศิษย์ยิงต่อหน้าจนยิงไม่ออก และได้ศึกษากับหลวงพ่อสด และได้ไปจำพรรษากับและศึกษากับหลวงพ่อคูณ(ศิษย์รุ่นพี่)ซึ่งหลวงพ่อคูณรักท่านมากเมื่อเห็นปฏิปทาอันเรียบง่ายและสนใจในการศึกษาหาความรู้ (ผู้สูงอายุแถวบ้านไร่จะรู้จักหลวงพ่อพลองเป็นอย่างดีเพราะหลวงพ่อคูณเคยบอกไว้ว่าหลวงพ่อพลองเก่งมากต่อไปเมื่อท่านไม่อยู่แล้วให้ไปหาท่านพลองนะ..โดยเฉพาะเรื่องการฝังตะกรุต)ท่านได้ศึกษากับหลวงพ่อคูณระยะหนึ่งก่อนที่หลวงพ่อคูณจะฝากธุระให้ท่านช่วยงานดูแลวัดบ้านไร่ช่วงที่หลวงพ่อคูณไปจำพรรษาที่วัดสระแก้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดเพช็ชรดอนยาง และได้เรียนวิชาเพิ่มเติมกับศิษย์พี่ท่านหนึ่งคือหลวงพ่อผลวัดหนองขนาดซึ่งเป็นลูกศิษย์สายป่าของหลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต และที่สำคัญท่านเป็นศิษย์พระอาจารย์สิงห์ ขนฺติยาคโม วัดป่าสารวัน สายตรงพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต (จะเห็นได้ว่าด้านหลังเหรียญรุ่นแรกของท่านใช้ยันต์นกยูงทองของหลวงปู่มั่นประทับไว้)
    ด้านวิปัสสนากรรมฐาน
    ท่านได้ฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9
    โดยเฉพาะด้านการฝึกจิตหลวงพ่อท่านเน้นเป็นอย่างมาก ท่านจะตื่นประมาณเที่ยงคืนหรือไม่เกินตี2ทุกวัน มาเดินจงกรม และนั้งสมาธิจนถึงช่วงเช้าทุกวัน ท่านบอกว่าเว้นไม่ได้เพราะบารมีเรามีน้อย
    ด้านการพัฒนา
    ท่านก็ได้ช่วยดูแลอยู่ระยะหนึ่งแล้วจึงเดินทางไปจำพรรษาที่วัดเพ็ชรดอนยางได้ก่อสร้างและบริจาคต่างๆ 30 กว่าล้านบาท (สมัยปี พ.ศ.2521) และได้จัดตั้งมูลนิธิวัดเพชรดอนยางเพื่อเป็นรากฐานแก่ลูกหลาน และได้มาสร้างวัดทองคำพิงบ้านเกิดและมาจำพรรษาประมาณปี2545 และซื้อที่ดินและขยายจนถึงวัดเก่าโดยท่านไม่อยากให้วัดแยกกัน และก่อสร้างถาวรวัตถุขึ้นมากมายรวมประมาณร้อยกว่าล้านบาท
    หลวงพ่อท่านเป็นทั้งนักพัฒนาและนักปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านหนึ่ง เรื่องบริจาคท่านเอาหลวงพ่อคูณเป็นแบบอย่างครับ โดยเฉพาะงานทางคณะสงฆ์หรืองานส่วนรวมท่านไปงานไหนโยมถวายมาท่านก็ถวายคืนแก่วัดนั้นๆหมด หลวงพ่อท่านจำวัดอยู่กุฏิเล็กๆประมาณ4x4เมตร ท่านอยู่แบบเรียบง่าย และเมตตาแก่สาธุชนทั้งหลายโดยในปัจจุบันได้ก่อสร้างพระมหาเจดีย์องค์ใหญ่ใช่งบประมาณประมาณเกือบ50ล้าน ก่อสร้างไปแล้วประมาณ70% จึงขอเชิญสาธุชนทั้งหลายร่วมกันสร้างพระมหาเจดีย์กับหลวงพ่อพลอง เพื่อให้แล้วเสร็จเพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญและพระผงรูปเหมือนหลวงพ่อผองวัดเพชรดอนยาง ชัยภูมิ ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241101_131017.jpg IMG_20241101_131043.jpg IMG_20241101_131141.jpg IMG_20241101_131225.jpg IMG_20241101_131109.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1730633172227.jpg


    ปัจจุบันนี้ ครูบาน้อย เตชปญฺโญ ได้สืบสานวิชาความรู้ที่พระอาจารย์ทั้ง 9 ที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการปะพรมน้ำมนต์การทำตะกรุด การทำเทียนสะเดาะเคราะห์ เทียนสืบชะตา เทียนสีวลี การปลุกเสกการดูฤกษ์ยามต่าง ๆ การปรุงยาสมุนไพรรวมทั้งสืบสานและรักษาประเพณีไทยโบราณ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จนถึงปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสิวลีจกบาตรครูบาน้อยวัดศรีดอนมูลเชียงใหม่
    ให้บูชา 160 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20241103_173733.jpg IMG_20241103_173759.jpg IMG_20241103_173833.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    1730797160129.jpg 1730797226936.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1730838664914.jpg

    หนึ่งในเกจิ ๑๖ รูปในพิธีจตุรพิธพรชัยที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง
    หลวงปู่ดู่_วัดสะแก ยกย่องท่านว่าเป็นพระอรหันต์ ในวันที่หลวงพ่อไวทย์ ท่านมรณะภาพไปแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านยังกล่าวให้ศิษย์ไปเอาน้ำที่รดน้ำศพสังขารองค์ท่าน มาอาบกิน เพื่อความเป็นสิริมงคล
    หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย บอกหลวงพ่อไวย์เสกของได้ขลังที่สุด
    หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน บอกในอยุธยา หลวงพ่อไวย์ท่านเก่งสุดๆในแทบนั้น
    หลวงพ่อไวย์ ท่านเป็นศิษย์สุดยอดเกจิอาจารย์3ทหารเสือแห่งเมืองอยุธยา
    - หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    - หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    - หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน
    หลวงพ่อไวทย์ อินทวังโส ท่านเป็นสหายกับ หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, หลวงพ่อวาสน์ วัดบ้านแพน หลวงพ่อปี วัดกระโดงทอง และหลวงพ่อกุหลาบ วัดรางจระเข้
    หลวงพ่อไวย์ ท่านยังเป็นอาจารย์ของพระเกจิอาจารย์หลายยุคจนถึงยุคปัจจุบัน อาทิ หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก,หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว,หลวงพ่ออาด วัดบุญสัมพันธ์,หลวงปู่ธูป วัดลาดน้ำขาว และอีกหลายท่าน เป็นต้น
    หลวงพ่อไวทย์ อินทวังโส "สมภาร 3 วัด "
    -วัดบางซ้ายใน,
    - วัดสุทธาโภชน์ ,
    - วัดบรมวงศ์อิศรวราราม จ.อยุธยา
    หลวงพ่อไวทย์ ท่านเป็นพระที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา ไม่เคยดุ ไม่เคยด่า ใจดี เป็นพระที่สมถะเป็นอย่างมาก ขนาดท่านเป็นถึงเจ้าคณะจังหวัด แต่กุฏิของท่านก็ยังคงเป็นเพียงกุฎิเล็ก ๆ เล็กขนาดที่ว่า คนที่สูง ๆ ยืนนี่หัวชนเพดาน หลวงพ่อไวทย์ เป็นพระเกจิมากครู มากอาจาย์
    วิชาดูดวง วิชาผูกดวงชะตา เป็นหนึ่งในวิชาที่ท่านชำนาญ สมเด็จพระสังฆราชอยู่ วัดสระเกศ ฯลฯ ท่านได้ สอนวิชาเหล่านี้ให้กับ หลวงพ่อไวทย์
    นอกจากวัตถุมงคลของท่านแล้ว ของดีอีกอย่างก็คือ "ยาไวทย์ประสิทธิ์" แต่ชาวบ้านจะเรียกว่า "ยาลมหลวงพ่อไวทย์"คล้ายยา วาสนาจินดามณี ของสายวัดกลางบางแก้ว นครปฐม ยาไวทย์ประสิทธิ์ จึงเปรียบเสมือนดั่ง ยาจินดามณี ฉบับจังหวัดอยุธยา (วัตถุมงคลเนื้อผงของท่าน ก็มียานี้ผสมอยู่)
    หลวงพ่อไวทย์ได้ตำรายาดีมาจาก หลวงพ่อชื่น วัดสระเกศ เป็นพระอาจารย์เรืองวิทยาคมสูงล้ำ และมีความเชี่ยวชาญทางด้านแพทย์แผนโบราณอย่างลึกซึ้ง พำนักอยู่คณะ 11 เช่นกัน ท่านไม่ค่อยชอบแสดงตัว จึงไม่มีใครค่อยรู้จักชื่อเสียงของท่านแต่อย่างใด หลวงพ่อชื่น มีความเมตตาต่อหลวงพ่อไวทย์มากถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้โดยไม่ปิดบัง
    ตำรายาจินดามณี ยาวาสนา น่าจะมาจากแหล่งวิชาเดียวกัน หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา กระทุ่มแบน สมุทรสาคร เรียนวิชาจากพระอาจารย์ของท่าน ที่เป็นน้องชายหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เลยได้วิชายาวาสนา
    หลวงพ่อไวทย์ อินทวังโส ท่านเป็นสหายกับ หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, หลวงพ่อวาสน์ วัดบ้านแพน หลวงพ่อปี วัดกระโดงทอง และหลวงพ่อกุหลาบ วัดรางจระเข้
    หลวงพ่อไวทย์ ท่านอยู่มาหลายวัด ท่านนอกจากเป็นพระเกจิ ก็ยังเป็นพระนักพัฒนา ไปอยู่วัดไหนก็จะไปสร้างพระพุทธรูป ไปพัฒนาวัดนั้น จนเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านแถบละแวกวัดนั้นๆ ที่ไปอยู่ อาทิ อยู่วัดสุธาโภชน์ (เสนา) ก็ไปสร้างวัด สร้างโรงเรียน ครั้งหนึ่งก็ไปอยู่ วัดบางซ้ายใน สร้างวัดจนเจริญ ชาวบ้านในแถบนั้นรักและนับถือท่านมาก
    สุดท้ายบั้นปลายของท่านก็ได้มาอยู่ วัดบรมวงศ์ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะ จังหวัดอยุธยา แต่ท่านก็ยังใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ไม่ถือตัว ใจดียิ้มแย้มกับทุกคน
    ครั้งหนึ่งเคยมีคนถาม หลวงพ่อไวยท์ ว่า พระหรือวัตถุมงคลใดดีทีสุด หลวงปู่ท่านนิ่ง แต่แม่ชีอุปฐาก(ใครทันกราบท่าน น่าจะรู้จักแม่ชี รูปนี้ดี) บอกว่าให้หา เหรียญรุ่นแรกที่แตกๆ ไว้ เพราะหลวงปู่ท่าน เสก แรงไปหน่อย โบสถ์ลั่น กล่องใส่แตก และเหรียญบางเหรียญ ร้าวเลย ให้หาเหรียญนั้นไว้นะ
    หลวงปู่ ท่านก็ยิ้มๆ แล้วพูดเชิงเย้าแหย่ จริงไม่จริงไม่รู้ บอกว่า อืม เสกแรงไปหน่อย เป็นรุ่นแรก กลัวไม่ขลัง แล้วท่านก็ยิ้ม ๆ ตามประสาของท่าน (ใครไปกราบท่าน ไม่เคยมีใครเห็นท่านทำหน้าบึ้งใส่เลย ท่านจะยิ้ม ตลอดเวลา)
    เคยมีผู้ถาม หลวงพ่อไวทย์ว่า พระอยุธยาสมัยก่อนใครเก่ง ท่านบอกเก่งหลายองค์หลวงพ่อปาน หลวงปู่กลั่น หลวงพ่อขัน ฯลฯ แต่ที่เรียนสมาธิ กรรมฐาน อยู่กับท่านนานสุด ก็หลวงพ่อจง หลวงพ่อจง ท่านเสกตะกรุดเล็กๆ ลอยน้ำ วิ่งวนรอบขัน ท่านยังให้ไว้ดอกหนึ่งเลย หลวงปุ่ไวทย์ท่านเหน็บตะกรุดหลวงพ่อจง ไว้จนมรณภาพ
    ในตอนที่หลวงพ่อไวทย์ ไปขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อจง ท่านเคยถูก หลวงพ่อจง ตำหนิ ตอนไปขอเรียนวิชาจากท่าน ท่านว่าคุณอยู่กับพระทองคำมาตั้งนาน แต่ไม่ขอเรียนอะไรมาจากท่านเลย หลวงพ่อห่วง น่ะ!!! ท่านเป็นพระอรหันต์ (หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โท เป็นศิษย์พี่ ของหลวงพ่อจง เรียนวิชามาจากอาจารย์เดียวกัน คือ หลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสคันธ์ พระอภิญญาบารมี แห่งทุ่งบางบาล สหายของหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ)
    หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ยังกล่าวชื่นชม ยกย่อง หลวงพ่อไวทย์ ว่าเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฎิบัติชอบ ท่านเป็นพระอรหันต์ ในวันที่หลวงพ่อไวทย์ ท่านมรณะภาพไปแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านยังกล่าวให้ไปเอาน้ำที่ราดศพสังขารองค์ท่าน มาอาบกิน เพื่อความเป็นสิริมงคล
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อไวทย์
    ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยครับ
    "โจรปล้นบ้าน"
    คุณลุงโอด สุผล อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.6 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา เล่าว่า "เมื่อก่อนมีฐานะยากจนมาก อาศัยชอบที่มีใจชอบทำบุญที่วัดบรมวงศ์ฯเป็นประจำ ฐานะก็ดีขึ้นตามลำดับจนสามารถส่งเสียลูกๆเรียนถึง นายแพทย์ พยาบาล และเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรหลายคน" "พอหลวงพ่อไวทย์ มาเป็นเจ้าอาวาส ก็เลื่อมใสในปฏิปทาของท่าน จึงฝากตัวเป็นศิษย์มาจนบัดนี้" ผู้เขียนถามถึงของดี คุณลุงโอดตอบโดยไม่ต้องคิดว่า "ของหลวงพ่อไวทย์ใช้ได้ดีทุกด้าน โดยเฉพาะทางเมตตาดีจริงๆ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์ทางด้านคงกระพันแคล้วคลาดสูงอีกด้วย" และกรุณาเล่าประสบการณ์ที่พบกับตนเองต่อไปว่า "เมื่อปี พ.ศ.2522 หลังจากที่ได้รับแจกเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อไวทย์ไปแล้ว ตกดึกของคืนวันนั้นมีโจรปล้นบ้าน โดยยิงปืนขู่ก่อน 2 นัด จึงตกใจกระโดดขึ้นคว้าปืนสู้ พวกโจรเลยกราดยิงเอ็ม 16 ยิงพรุนหมดทั้งฝาบ้าน เดชะบุญที่ลูกปืนไม่ถูกผู้ใดในบ้านเลยแม้แต่น้อย! นับเป็นบารมีของหลวงพ่อไวทย์ที่ช่วยให้ทุกๆคนแคล้วคลาดโดยแท้...!"
    (ขอขอบคุณข้อมูลจาก ส.สมบูรณ์ หนังสือพระเครื่องลานโพธิ์ และครอบครัว"สุผล")
    ...........
    ........ "#รถทับเด็กไม่ตาย" .........
    ..... คุณส่งเสริม สุภาเพียร อยู่บ้านเลขที่ 80 ม.4 ตลาดสวนมะเดื่อ ต.ห้วยขุนราม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ซึ่งพาครอบครัวมากราบนมัสการหลวงพ่อไวทย์เล่าว่า เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2525 วันหนึ่งที่ตนขับรถปิคอัพออกไปส่งผลไม้ตามปกติ หลานชายชื่อ ด.ช.อภิเชษฐ์ (อายุ 4 ปี) วิ่งตามมาล้มลงเข้าไปใต้ท้องรถ ตนเองออกรถแล้วรู้สึกว่า รถวิ่งข้ามอะไรสักอย่างหนึ่ง พอดีได้ยินเสียงภรรยาร้องเสียงหลงอยู่ท้ายรถจึงรู้ว่า ทับหลานชายเข้าให้แล้วรีบดับเครื่องลงจากรถแล้วพาเด็กไปส่งโรงพยาบาลเพราะเห็นว่า "รอยยางล้อทับท้องเด็ก อย่างเห็นได้ชัด" นายแพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจดูอาการแล้วยังไม่เชื่อว่าเด็กถูกรถทับ เพราะเด็กไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้นเลยแม้เเต่น้อย ภรรยาคุณส่งเสริมกล่าวยืนยันว่า "ตนเองวิ่งตามหลานออกมาเห็นล้มลงใต้ท้องรถแล้วล้อก็ทับข้ามไป" "ยังคงคิดว่าหลานชายคงตายแน่แล้ว" "แต่เด็กก็ไม่ได้ร้องสักแอะเดียว พอรถข้ามไปแล้วก็ลุกขึ้นเฉย" เมื่อคุณส่งเสริมเห็นรอยล้อบนหน้าท้อง จึงรีบพาส่งโรงพยาบาล ดังนั้น จะเป็นอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เกิดจากอนินิหาร "เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อไวทย์" ที่คุณส่งเสริมให้หลานชายไว้ห้อยคออยู่เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น ที่ช่วยให้ ด.ช.อภิเชษฐ์รอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ ขณะนั้นหลวงพ่อไวทย์ได้เล่าขึ้นว่า "มันก็ขำๆ อยู่เหมือนกัน เจ้าเสริมเขาพาหลานมาให้ฉันรับขวัญ ฉันยังกระเซ้าเด็กมันว่าทำไมรถทับไม่เป็นอะไร เด็กมันตอบว่า ...รถมันเบา..." ว่าแล้วท่านก็หัวเราะชอบใจอย่างผู้มีอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ....
    (ข้อขอบคุณข้อมูลจาก ส.สมบูรณ์ หนังสือพระเครื่องลานโพธิ์ และครอบครัว"สุภาเพียร")
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อไวย์ เหรียญ
    บูชา 420 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20241106_033615.jpg IMG_20241106_033803.jpg IMG_20241106_033846.jpg IMG_20241106_033705.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2024
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,731
    ค่าพลัง:
    +21,341
    FB_IMG_1730900856431.jpg
    ธรรมะของหลวงปู่
    หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ได้เริ่มต้นชีวิตในเพศบรรพชิต เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เมื่อท่านมีอายุได้ ๕๓ ปี แม้ท่านจะบวชเมื่ออายุมากแล้วก็ตาม ถือว่าไม่เป็นการสายในการปฏิบัติธรรม
    ประวัติและธรรมะของท่านน่าสนใจศึกษาเป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ขาดการรวบรวมเก็บบันทึกไว้ (หรืออาจจะมีก็ได้ แต่ผู้เขียนไม่มีโอกาสเสาะหา ด้วยมีเวลาจำกัดต้องเขียนให้ทันแจกในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ในวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๕)
    จากข้อมูลในหนังสือ ๘๐ พระกรรมฐาน ของนิตยสารโลกทิพย์ ได้กล่าวถึงการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่บัว ว่า
    “เป็นการปฏิบัติภาวนาขั้นอุกฤษฏ์ทั้งสิ้น เช่น อดอาหาร ๑๐ วัน ๒๐ วัน ไม่นอนหลายๆ คืน เดินจงกรมทั้งวัน นั่งสมาธิทั้งวันทั้งคืน ยืนพิจารณาอยู่กับที่โดยไม่กระดุกกระดิกตัวเลยเป็นครึ่งๆ วันก็มี...ด้วยเหตุนี้หลวงปู่บัว สิริปุณฺโณจึงต้องถูกหามกลับลงมาจากเขาก็หลายครั้งหลายหน
    ความที่หลวงปู่บัว ท่านมีจิตใจอาจหาญเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมแพ้ต่อกิเลสมาร ที่จะเข้ามารบเร้าจิตใจของท่านให้อ่อนไหวไปตามกระแสอารมณ์ ท่านได้ต่อสู้จนถึงเส้นชัย...”
    หลวงปู่บัวได้ประกอบคุณงามความดีด้วยการแสดงธรรมอบรมบ่มนิสัยให้แก่ญาติโยมในถิ่นใกล้ไกลอยู่เป็นนิจ ธรรมะที่ท่านมอบให้ปฏิบัตินั้น ท่านจะย้ำอยู่เสมอ
    “ให้พยายามรักษาสติให้ได้ เพราะสตินี้จะเป็นฐานสู่ความสงบของจิต จนเข้าสู่กระแสปัญหาได้โดยง่าย”
    เมื่อสติครบถ้วนมีกำลังแล้ว ท่านให้นักภาวนาเปลี่ยนมาดูกาย พิจารณากายอันเป็นที่ตั้งของธาตุสี่ ขันธ์ห้า อายตนะอินทรีย์ทั้งหลาย นักปฏิบัติธรรมไม่ต้องไปหาไกลอื่นธรรมะมีอยู่ในตัวทั่วพร้อมแล้ว “ขอให้พิจารณาตัวเราให้มันเห็นตามความเป็นจริงก็แล้วกัน”
    เมตตาบารมีธรรมของหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ ยังตราตรึงใจแก่ผู้ที่เคยได้กราบไหว้ และได้รู้เรื่องราวของท่านอย่างไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจได้เลย
    การรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
    เหตุการณ์ที่ควรนำมากล่าวอีกครั้งหนึ่งได้แก่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในภาคอิสาน (ผู้เขียนไม่มีเวลาที่จะสอบทาน ปี พ ศ.ได้ เพราะมีเวลาจำกัดมาก) เหตุการณ์ครั้งนั้นได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่ชาวบ้านร้านตลาดอย่างมาก ตลอดถึงชาวนาที่ตกกล้าเอาไว้ ต้องสูญเสียพืชผลและทรัพย์สินมากมายในปีนั้น
    ก่อนเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ชาวบ้านไม่รู้วี่แววอะไรมาก่อนเลย วิทยุของทางการก็มิได้ประกาศเตือนเรื่องน้ำท่วมแต่อย่างใด ช่วงนั้น นายกิมก่าย เศรษฐีใหญ่แห่งจังหวัดหนองคาย ซึ่งครูบาอาจารย์บอกว่า เป็นเศรษฐีชาติที่ ๗ ได้เดินทางมากราบหลวงปู่บัวที่วัดป่าบ้านหนองแซง
    ทันทีที่หลวงปู่เห็นหน้าท่านเศรษฐีก็พูดว่า
    “ระวังน้ำมันจะท่วมนะ ที่จังหวัดหนองคายนั่น”
    ท่านเศรษฐีได้กราบเรียนขอคำแนะนำจากหลวงปู่ว่า
    “จะให้กระผมเก็บข้าวของไหมครับ หลวงปู่”
    หลวงปู่ ท่านตอบว่า “เออ...รีบเก็บเสียเถิด”
    เศรษฐีกิมก่าย รีบกลับจังหวัดหนองคาย สั่งคนงานช่วยกันเก็บข้าวของลงเรือใหญ่ถึงแปดลำ แล้วน้ำก็ท่วมจังหวัดหนองคายจริงๆ ข้าวของของท่านไม่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว
    ตั้งแต่นั้นมา ท่านเศรษฐีกิมก่ายได้เกิดความศรัทธาเชื่อมั่นในหลวงปู่บัว สิริปุณฺโณ เป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าหลวงปู่มีญาณรู้ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ภายหลังจากหลวงปู่มรณภาพแล้ว ท่านเศรษฐีกิมก่ายได้สละทรัพย์สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของหลวงปู่ ด้วยความศรัทธาและด้วยกตัญญูที่มีต่อหลวงปู่
    ผู้ที่บันทึกและนำเสนอเรื่องราวที่หลวงปู่มีญาณรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ใน ๒ เหตุการณ์นี้ คือ คุณดำรงค์ ภู่ระย้า นักเขียนธรรมะชื่อดังแห่งนิตยสารโลกทิพย์ ได้กล่าวถึงเหตุผลที่นำมาบอกกล่าวว่า
    “เท่าที่ผู้เขียน (คุณดำรงค์) นำเรื่องราวอิทธิฤทธิ์อำนาจของท่านลงไว้สองเรื่องนี้ ก็เพื่อท่านผู้อ่านวางใจในการประพฤติปฏิบัติของท่านตามขั้นตอน และช่วยกันจดจำเหตุการณ์อันจะเป็นบันไดของนักปฏิบัติใหม่ๆ จะได้มีกำลังใจยิ่งขึ้น”

    FB_IMG_1730900862346.jpg
    ต้องส่งพระไปนิมนต์กลับ
    เมื่อข่าวลือว่าหลวงปู่บัวปฏิบัติธรรมจนมรณภาพที่ถ้ำจันทร์ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย แพร่สะพัดออกไป ท่านหลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน มีความมั่นใจว่าหลวงปู่ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าปล่อยให้ท่านอยู่ต่อไปคงต้องมรณภาพอย่างแน่นอน
    ท่านหลวงตาพระมหาบัวได้ใช้ให้พระลูกวัดชื่อพระบัว กับโยมชาวบ้านชื่อพรหม ไปนิมนต์หลวงปู่บัวให้ออกจากการภาวนาและเดินทางกลับวัด โดยเขียนหนังสือกำกับไปว่า
    “ถ้ามรณภาพแล้วให้เอาลงมา ถ้ายังไม่มรณภาพก็ให้ลงมา ใครจะขัดขวางไม่ได้”
    หลังจากได้รับคำสั่งแล้ว พระบัว กับโยมพรหมได้ทำเปลไม้ไผ่ขึ้น แล้วออกเดินทาง ปีนั้นเป็น พ.ศ. ๒๔๙๘
    เมื่อพระบัว และโยมพรหม ไปถึงถ้ำจันทร์ได้พบว่าหลวงปู่บัว“นั่งนิ่งเลย ข้าวน้ำไม่ได้ฉันมา ๑๑ วัน ๑๑ คืน” หลวงปู่นั่งนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น ไม่รู้สึกอาลัยในสังขารร่างกายเลยแม้แต่น้อย แม้กำลังวังชาจะไม่มี ป่วยก็ป่วย นั่นเป็นเรื่องของสังขาร ส่วนจิตใจนั้นท่านรู้สึกปีติอยู่ในธรรม อิ่มเอิบสว่างไสวตลอดทุกขณะจิตทีเดียว
    พระบัวเข้ากราบเรียนหลวงปู่บัวว่า “บัดนี้ท่านพระอาจารย์มmบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด ใช้ให้กระผมมานิมนต์หลวงปู่กลับบ้านหนองแซงครับกระผม”
    ท่านหลวงปู่บัว ตอบว่า “เออ...ออกก็ออก”
    พระได้นิมนต์ท่านลงเปลไม้ไผ่ หามออกมาใส่เรือ ล่องน้ำมาขึ้นฝั่งที่ท่าอำเภอโพนพิสัย แล้วขึ้นรถผ่านตัวจังหวัดหนองคาย มุ่งสู่วัดป่าบ้านหนองแซง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
    นี่เป็นตัวอย่างความมานะอดทนปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจังของครูบาอาจารย์ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ท่านยอมตายถวายชีวิตเพื่อให้ได้ธรรมตามแนวทางของพระพุทธองค์ แล้วนำมาอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาได้อย่างมั่นใจ เป็นธรรมที่ท่านแจกมาด้วยชีวิต รู้ธรรมจากการทดลองด้วยตัวเองจนเห็นประจักษ์ ไม่เพียงแต่การจดจำจากตำราหรือจากคำบอกเล่าเท่านั้น
    นับเป็นคุณานุปการแก่ลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างยิ่ง พวกเราทั้งหลายควรได้ระลึกถึงพระคุณของพระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติดีรอดตายกลับมาสอนพวกเรา เราควรแสดงความกตัญญูรู้คุณด้วยการปฏิบัติอย่างจริงจังตามควรแก่อัตภาพของแต่ละคน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับหนังสือพระกรรมฐานโลกทิพย์และเฟสบุคหลวงปู่บัว
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่บัว สิริปุณโณวัดป่าหนองแซง
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241106_204032.jpg IMG_20241106_203955.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...