'พระดัง คิวยาว'

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 25 ตุลาคม 2010.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    'พระดัง คิวยาว'

    โลกนี้ไม่สิ้นกลิ่นธรรม

    โดย ศิษย์อาจารย์เสฐียรพงษ์ วรรณปก - พิสุทธิ์ เกรียงบูรพา



    เรื่องของเรื่อง คือเพื่อนฝูงบางคน มาบ่นให้ฟัง มีญาติป่วย แฟนทุกข์ใจ อยากจะหาโอกาสได้กราบพระดังๆ บางรูป ได้คิวก็จริง แต่ยาวเป็นหางว่าวเลย คิวของเพื่อนผมคนนี้ ต้องรอถึง ๓ เดือนข้างหน้า จึงจะได้กราบ ได้เสวนา!

    อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเรื่องทุกข์ใจของคนๆ นั้น มันกลัดหนอง จนอัดแน่นเต็มอกแล้ว พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็น สติวิปลาส หรือคิดสั้นไปฆ่าตัวตาย ฯลฯ ให้รอ ๓ เดือน จะไหวไหมเนี่ย? ทำไมต้องรอ? จำเป็นต้องเป็นพระรูปนี้หรือ?

    อีกใจหนึ่ง ก็จินตนาการถึงวิถีพุทธสมัยก่อน ที่วัดเป็นศูนย์กลางของสังคมไทย ทั้งเรื่องการศึกษา ประเพณี วัฒนธรรม มีกิจกรรมอะไรก็มาร่วมกันทำที่วัดวาอาราม นึกถึงคนยาก "ทุกข์กาย" ไม่มีข้าวกิน ก็เดินเข้าไปขอข้าวก้นบาตรพระกิน ให้ได้รอดชีวิตไปอีกวัน แล้วหาหนทางทำมาหากินต่อ, ไปกระทั่งถึงประดาคน "ทุกข์ใจ" มีปัญหาวิกฤตชีวิต พวกเขาก็แค่เดินดุ่ยๆ เข้าไปในวัด ขอเมตตาจากพระสงฆ์ท่าน ขอโอกาสได้ปรึกษาหารือวิกฤตชีวิต ก็สามารถจะทำได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีนัดหมาย, ไม่จำเป็นต้องมีเงินทำบุญ หรือแจ้งว่าจะบริจาคเท่าไหร่ และไม่จำเป็นต้องรอถึง ๓ เดือน

    ผมสงสารคนที่เขากำลังทุกข์ใจ กลัดกลุ้มจนไม่เป็นอันกินอันนอน อาจเพราะ " ธรรมะ" ยังเข้าไม่ถึงใจเขา หรือ บางคนอาจจะพอมี " ปัญญา" บ้างแล้ว แต่ "สติ" มันมาไม่ทัน สับสนไปหมด ลืมแม้กระทั่งคำสั่งสอนของพระ พุทธเจ้า...มันก็เป็นไปได้นะครับ เพราะเราๆ ท่านๆ ก็ยังเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา จึงมีโอกาสผิดพลาด พลั้งเผลอ ติดกับดักกิเลสมารไปบ้าง

    ดีที่พวกเขายังมีสัมมาทิฏฐิ ดังนั้น เวลา "ทุกข์ใจ" พวกเขาจึงนึกถึง ตัวแทน ผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ผู้เป็นสงฆ์สาวกแห่งพระพุทธเจ้า เพื่อให้พวกท่านเหล่านั้น ช่วยปลอบประโลมใจ สอนให้เห็นถึงความเป็นเช่นนั้นเองของชีวิต กระทั่งชี้ทางสว่างให้ผู้ทุกข์ใจเหล่านั้นได้ทันท่วงที

    หากแต่ใครต้องรอถึง ๓ เดือนแล้วไซร้ เกรงว่าบางกรณีอาจสายเกินการณ์!

    ใครที่เคยไปสวนโมกข์ ใครที่เคยพบ เคยกราบ เคยฟังธรรม เคยสนทนา กับท่านอาจารย์พุทธทาส จะรู้เรื่องนี้ดี ท่านพุทธทาสภิกขุไม่เคยมีคิว ไม่แบ่งชั้นวรรณะของผู้มาพบ ไม่แบ่งแยกศาสนา ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย นั่งบนอาสนะม้าหิน ที่แสนจะธรรมดา นั่งเขียนหนังสือ วิจัยธรรมไปเรื่อย เมื่อมีใครมาพบ เดินตรงเข้าไปหาท่าน ก็จะเข้าถึงท่านได้ทันที

    "มาสวนโมกข์ทำไม?" ส่วนใหญ่ ท่านจะเริ่มด้วยคำถามประมาณนี้

    ถ้าใครตอบว่า "มาเที่ยว"

    ท่านก็จะชี้ และแนะให้ไปดูโรงมหรสพทางวิญญาณ

    ถ้าใครตอบว่า "มาทำบุญ ทำบริจาค"

    ท่านก็จะชี้ไปที่ประชาสัมพันธ์ จะมีพระที่ทำหน้าที่มอบหนังสือธรรมะให้ เหมาะสมกับลักษณะของผู้ที่มา และจำนวนเงินบริจาค

    แต่ถ้าใครตอบว่า "มาเพื่อสนทนาธรรม"

    ท่านอาจารย์พุทธทาส จะหยุดกิจกรรมทุกอย่าง ถ้าท่านกำลังเขียนหนังสืออยู่ ท่านก็จะวางปากกา สมุด ลงอย่างสงบเย็น แล้วหันมาทางผู้ตอบอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แล้วพูดว่า

    "เอ้า...วันนี้ จะคุยธรรมะข้อไหนกันดี?"

    ท่านจะสละเวลาให้อย่างไม่อั้น สนทนาธรรมจนกว่าคู่สนทนา หรือผู้ปรารถนาในรสพระธรรม จะหมดข้อกังขา ไป...ไม่ว่าคนผู้นี้ จะเป็นคนรวยหรือคนจน, ชายหรือหญิง (ถ้าเป็นสตรี ท่านมักให้มาด้วยกันอย่างน้อย ๒ คน), มามากคนหรือมาคนเดียว, นัดไว้หรือจู่โจม, ไม่ว่าจะเป็น somebody หรือ nobody, ไม่ว่าจะมีกล้องทีวี นักข่าวมาถ่ายทำ หรือไม่มี ท่านพุทธทาสภิกขุไม่เคยใส่ใจ, สิ่งที่ท่านทำเสมอคือท่านจะ "สนทนาธรรม" ด้วยความตั้งใจ เมตตา กรุณาต่อพวกเขาเหล่า นั้นทุกคน เช่นนี้เรื่อยไป ตลอดจนอ่อนกำลัง และสิ้นอายุขัยท่านเลย

    อย่างนี้ โยมผู้ทุกข์ใจ จึงได้ "ธรรมะโอสถ" จากท่านไปใช้ได้ทันท่วงที ทุกกรณีไป ไม่เห็นจะต้องรอ ๓ เดือน ๔ เดือนเลย

    "พระอาจารย์เล็ก" ศิษย์ท่านพุทธทาส รุ่นพระกรรมกรสร้างโรงมหรสพทางวิญญาณ ก็เป็นพระอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเจริญรอยตามอาจารย์ของท่าน ใครก็เข้ากราบ เข้าพบท่านง่ายมาก ส่วนตัวผมเอง ผมว่า จะไปพบท่านนั้น ง่ายกว่านัดพบเพื่อนสนิทสมัยเรียน ม.ปลาย เสียอีก ปัจจุบันหลวงตาเล็ก จำวัดอยู่ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี นี่เอง

    เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าไปกราบท่าน ก็เพียงเดินเข้าไปอย่างสำรวม ถอดรองเท้าหน้าบันได คลานเข้าไปหน้าประตู จะเห็นป้ายเขียนว่า "เคาะแล้วจะเปิด" ผมก็เพียงเคาะประตู ๒ ก๊อกเท่านั้น ท่านก็จะตะโกนออกมาว่า

    "รอเดี๋ยว"

    เดี๋ยวของท่าน ไม่ต้องรอถึง ๓ เดือนหรอกครับ เพียง ๑๐ นาทีเท่านั้น ท่านก็เปิดประตู ออกมานั่งบนอาสนะ พร้อมให้เรากราบและเริ่มสนทนาได้เลย

    จนบัดนี้ นอกจากผมยังแวะเวียนไปมาหาสู่ กราบกรานท่านเสมอ ง่ายๆ ไม่ต้องนัด เพราะท่านไม่มีโทรศัพท์ ไม่รับกิจนิมนต์ ไม่มีเลขาฯ แม้จะมีโรคหลายอย่างในกายท่าน เพราะอายุเกือบ ๘๐ แต่ท่านก็ปฏิเสธไม่รับ พระหรือโยมอุปัฏฐากเลย, แล้วผมเขียนหนังสือถวายท่าน ๒ เล่มไปแล้ว ชื่อเรื่อง "สนเฒ่าแสดงธรรม" ซึ่งเล่มที่ ๒ จะออกในงานสัปดาห์หนังสือที่จะถึงนี้ครับ

    จึงอยากจะแนะให้เพื่อนธรรมทั้งหลาย ที่ไม่อยากรอคิวนาน ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นในพระดัง แต่มีเรื่องทุกข์ใจจริงๆ หรือต้องการสนทนาธรรมจริงๆ แล้วละก็ ไปกราบหลวงตาเล็กสิครับ คิดวันนี้ แล้วขับรถไปพรุ่งนี้ ยังได้เลย, อยากพบท่าน เร็วหรือช้า อยู่ที่ท่านเอง ไม่ได้อยู่ที่พระอาจารย์แต่อย่างใด เพราะท่านก็นั่ง อย่างว่างเย็นรอโปรดสัตว์ ให้รู้จัก "สุญญตา" อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    ทิ้งท้ายด้วยกลอน สบายๆ ละกัน

    ... สาธุ ...



    "พระดัง" คิวยาว น่าเป็นห่วง

    ฆราวาส ชอบยึดหน่วง ยึดมั่นไว้

    ยิ่งคิวยาว ยิ่งปรารถนา ปักหลักไซร้

    โธ่ ทำเป็น ร้านอาหารได้ ยิ่ง (คิว) ยาวยิ่งดี!



    รสธรรมะ คงอร่อย กว่า (พระ) คิวสั้น

    ท่านคงขลัง หวังได้กราบ เป็นศักดิ์ศรี

    กราบแล้วคุย ได้ทั่วราช ประกาศบารมี

    ว่ากูนี้ ดีได้กราบ พระท่านดัง



    ธรรมของจริง นั่งนิ่ง อยู่ในกุฏ

    ไม่สะดุด หูชาวโลก ดังที่หวัง

    กลับสะดุด หูผู้มี ปัญญาฟัง

    ธรรมแสนสั้น กลับขลัง เปี่ยมพลัง



    คิวไม่ยาว คลานไปเคาะ ก็จะเปิด

    ธรรมประเสริฐ เปิดใจศิษย์ ไม่บิดผัน

    ไม่เลือกชั้น วรรณะ ไม่คอยนาน

    ๑๐ นาที เท่านั้น ธรรมถึงใจฯ


    &#039
     
  2. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    <TABLE id=post3393 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3393 class=alt1><CENTER>คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง
    </CENTER>
    อะหัง สุขิโต โหมิ<O:p
    ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข<O:p
    อะหัง นิททุกโข โหมิ<O:p
    ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์<O:p
    อะหัง อเวโร โหมิ<O:p
    ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากเวร<O:p
    อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ<O:p
    ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความลำบาก<O:p
    อะหัง อะนีโฆ โหมิ<O:p
    ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากอุปสรรค<O:p
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ<O:p
    จงรักษาตนให้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ<O:p
    <O:p
    คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น<O:p
    สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์<O:p
    เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น<O:p
    <O:p></O:p>
    อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย<O:p
    <O:p></O:p>
    อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียน<O:p
    ซึ่งกันและกันเลย<O:p
    <O:p
    อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีความ<O:p
    ทุกข์กายทุกข์ใจเลย<O:p
    <O:p></O:p>
    สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ<O:p
    รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยสิ้นเถิด<O:p></O:p><!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...