เรื่องเด่น พระครูสิริศีลวัตร รองเจ้าคณะจังหวัด อำนาจเจริญ ผุดธรรมะสัญจร เทศนาถึงบ้าน

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 10 กันยายน 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    p-104.png


    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ — อาทิตย์ที่ 10 กันยายน 2560 00:00:24 น.

    สนธยา ทิพย์อุตร

    ช่วงนี้อยู่ในช่วงเข้าพรรษา พระภิกษุสงฆ์จะต้องอยู่จำวัดเป็นเวลา 3 เดือน เพราะในช่วงฤดูฝน พุทธศาสนิกชนทำนาปลูกข้าว เพื่อไม่ให้ไปย่ำพืชผลทางการเกษตรเสียหาย ยามนี้จึงพบเห็นพุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย เดินทางไปทำบุญทำทาน ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสามเณรจนแน่นวัด และฟังธรรมเทศนา เพื่อนำไปปฏิบัติในการดำรงชีวิตให้เกิดความสุขและเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

    วัดอำนาจ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ หนึ่งในหลายวัดที่มีพุทธศาสนิกชน ญาติโยม เดินทางเข้าไปทำบุญสร้างกุศลจำนวนมาก โดยเฉพาะการเข้าไปกราบนมัสการพระเจ้าใหญ่ลือชัย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่อด้วยอิฐถือปูน ลงรักปิดทอง ศิลปะล้านช้าง ประดิษฐานอยู่ภายในอุโบสถวัดอำนาจ อ.ลืออำนาจ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่อายุ 700 ปี และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลืออำนาจ ที่สำคัญ ด้านขวาองค์พระ ประดิษฐานมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทุกวันจึงมีพุทธศาสนิกชนเดินทางไปกราบนมัสการขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

    สำหรับวัดอำนาจ อยู่ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญ ประมาณ 21 กิโลเมตร ทางทิศใต้ ถนนสายหลักชยางกูรอำนาจ-อุบลราชธานี เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีหลวงพ่อพระครูบัณฑิตกับจหมื่นชาโนชิตเป็นผู้นำในการก่อสร้างครั้งแรก มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนแล้ว 16 รูป เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูสิริศีลวัตร อายุ 55 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ ฝ่ายมหานิกาย ดูแลพระสงฆ์ 20 รูป สามเณร 15 รูป ไม่มีแม่ชี มัคนายก 2 คน

    ภายในพื้นที่ 50 ไร่ของวัดอำนาจ จัดเป็นที่ตั้งแหล่งเรียนรู้ สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาวัฒนธรรมหลากหลายอย่าง ทั้งลานปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกรมก็มีให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปทำกิจกรรมทางศาสนาอย่างเต็มที่ ไม่เฉพาะเจาะจงในวันสำคัญทางศาสนาเท่านั้น ในวันธรรมดาก็มีพุทธศาสนิกชนผู้สนใจเข้าไปปฏิบัติธรรม ฟังธรรมเทศนากับพระครูสิริศีลวัตรเป็นประจำทุกวัน

    เนื่องจาก ภายในวัดอำนาจใกล้กับอุโบสถยังเป็นที่ตั้งศูนย์พิพิธภัณฑ์โบราณ มีวัตถุโบราณเก่าแก่จำนวนมาก จัดเป็นหมวดหมู่ไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้ชม ซึ่งวัตถุโบราณบางสิ่งบางอย่างหาดูไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะใบลานสำหรับพระสงฆ์เทศนา มีทั้งแบบภาษาไทยและภาษาลาว ก็เก็บไว้อย่างดี เพื่อรอรับการมาเที่ยวชมจากพุทธศาสนิกชนตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.ทุกวันแบบฟรีๆ

    สำหรับ พุทธศาสนิกชนนักช็อปปิ้งทั้งหลาย ใกล้กันก็จัดให้เป็นศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน มีสินค้าดีเด่นประจำตำบลหลากหลายชนิดคอยบริการให้เลือกซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกอย่างถูกใจ แบ่งเป็น ประเภทสมุนไพร เสื้อผ้า อาหาร เครื่องประดับ และอื่นๆ ในราคาเริ่มตั้งแต่ 20 บาทไปถึง 2,000 บาท สำหรับผู้นิยมสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นรับรองได้เลือกซื้อจุใจแน่นอน

    จากนั้น ไม่ไกลนักควรเข้าไปกราบขอพรศาลพ่อปู่ลือชัย เป็นลักษณะหลักเมือง ครอบด้วยอาคาร คสล.อย่างดี ว่ากันว่า ชาวบ้านที่ศรัทธามักจะมาบนบานขอให้ท่านช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งการงาน การศึกษา ซึ่งก็สมหวังไปทุกราย และเชื่อว่าพ่อปู่ลือชัยชอบดูการแสดงหมอลำ หากบนสำเร็จ ได้ดั่งใจ ก็จะจ้างคณะหมอลำไปแสดงให้พ่อปู่ลือชัยดู เฉลี่ยเดือนละ 10 คณะ

    สำหรับหลวงพ่อทันจิต พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวทั้งองค์ ประดิษฐานอยู่ริมสระน้ำ เขตอภัยทาน ส่วนพระพุทธรูปทันใจก็ประดิษฐานอยู่บนแท่นบัวหงายบัวคว่ำ บริเวณลานกว้าง ทางเข้าวัดด้านทิศตะวันตก

    เมื่อพุทธศาสนิกชนเดินชมเดินช็อปเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินทางกลับควรแวะกราบขอพรและฟังธรรมเทศนากับพระครูสิริศีลวัตร รองเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อเป็นสิริมงคล และนำไปปฏิบัติให้เกิดความสุขแก่ตนเองและครอบครัว

    พระครูสิริศีลวัตรกล่าวว่า ที่ผ่านมาอาตมามีพันธกิจดังนี้ สร้างจิตสำนึกในความเป็นภิกษุสามเณรและศาสนบุคคลที่ดีมีคุณภาพ, ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการศาสนศึกษาทุกระดับ, จัดระบบและรูปแบบการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีประสิทธิภาพ, จัดและส่งเสริมการศึกษาสงเคราะห์อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ, บูรณะ พัฒนาและสร้างศาสนวัตถุอย่างเหมาะสมตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา, บำเพ็ญกิจกรรมส่วนรวมและประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยใช้หลักพุทธวิถีนำวิถีชีวิต

    หลักเกณฑ์ยุทธศาสตร์ กล่าวคือ เน้นฝึกอบรมพระกรรมฐาน ทั้งกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน, สร้างโอกาสทางการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต, ยกระดับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน, พัฒนาการศึกษาสงเคราะห์ตามแนวพุทธวิถี, พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์รวมทางจิตใจและแหล่งปัญญาธรรม คารวธรรมและสามัคคีธรรม, เสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์แก่สังคม ชุมชน ปัจเจกชน และสถาบันทางสังคมทุกภาคส่วน

    ที่ผ่านมา พระภิกษุสามเณรและศาสนบุคคลได้รับการฝึกอบรมที่ดีมีคุณภาพอย่างทั่วถึง, พระภิกษุสามเณรได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามฐานานุรูป, ศาสนบุคคลได้รับการศึกษาหลักธรรมตามสมควรแก่อัตภาพ, สถานศึกษาของวัดจัดการศึกษาได้มาตรฐาน, การเผยแผ่พระพุทธศาสนามีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

    สำหรับกิจกรรมดีเด่นมีดังนี้ ศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ปี 2542, สำนักปฏิบัติธรรมดีเด่น ปี 2553, วัดวิถีพุทธเฉลิมพระเกียรติฯ ปี 2553, วัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่น ปี 2553, หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ปี 2553, สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดอำนาจเจริญแห่งที่ 11 ปี 53, โครงการลานธรรม ลานวิถีไทย ปี 57 และเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน ปี 57

    และพระครูสิริศีลวัตรเทศนาตอนหนึ่งว่า การบวชหน้าไฟ หรือชาวอีสานเรียกว่า บวชจูงศพ หมายถึง ให้ลูกหลานบวชในเวลาสั้นๆ ระหว่างที่พ่อแม่หรือญาติพี่น้องเสียชีวิต เพราะเชื่อว่าผู้บวชจะจูง (พา) ผู้เสียชีวิตขึ้นสวรรค์ ก็เป็นสิ่งที่ดี ถ้าผู้บวชมีความพร้อม จิตใจบริสุทธิ์ ต้องการบวชอย่างจริงใจ ผู้ตายจะได้กุศลบุญเต็มที่ แต่ว่าที่ผ่านมามักจะนำลูกหลานที่กำลังดื่มสุรา บางคนยังไม่สร่างเมา ตายังแดงอยู่เลย ก็นำมาบวชหน้าไฟหรือบวชจูง ซึ่งไม่เหมาะสม แทนที่จะพาขึ้นสวรรค์ กลับพาไปลงนรกเสีย เพราะผู้จะบวชไม่มีความพร้อม ยังทำผิดศีลอยู่ คือ ดื่ม-เมาสุราบวช อย่างนี้ไม่ควรเลย ไม่เกรงใจพระสงฆ์เลย คงเข้าใจว่าเผาศพเสร็จก็สึกแล้ว ซึ่งนี่ก็ไม่ถูก เพราะศีลยังไม่จับตัวเลยก็สึกแล้ว ควรจะอยู่วัดสัก 7 วัน ศีลพอจะจับตัวบ้าง จะได้มีบุญบ้าง แต่ไม่ใช่ เผาศพเสร็จก็รีบสึกเลย ญาติโยมควรคิดใหม่ ก่อนจะนำลูกหลานบวชหน้าไฟ หรือบวชจูงศพ ผู้บวชต้องมีความพร้อมทั้งกายและใจ ไม่ใช่ว่าบังคับให้บวชแบบไม่สมัครใจ แบบนี้ไม่ดีเลย

    และขอให้ญาติโยมช่วยกันสอดส่องดูแลปกป้องพุทธศาสนา เพราะทุกวันนี้คนอาศัยผ้าเหลืองหากินมาก พวกนี้คือพวกเปรต เข้ามาทำลายศาสนา พุทธศาสนิกชน ญาติโยม จึงต้องช่วยกันกำจัดพวกนี้ออกไป ถ้าพระไม่ดี ปฏิบัติไม่ถูกตามคำสอนพระพุทธเจ้า จะต้องเอาออกไป อย่าให้ทำลายวงการสงฆ์ไปมากกว่านี้ ซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายวัดไม่ค่อยมีญาติโยมเข้าไปทำบุญเพราะเสื่อมศรัทธา อาตมาจึงได้มีการไปเทศนาถึงบ้านญาติโยมในวันพระช่วงเข้าพรรษา เพราะบางคนแก่ชราอายุมาก เดินทางไปวัดยากลำบาก จึงต้องจัดทำเป็น ธรรมะสัญจร เทศนาให้ฟังถึงบ้านเลย ทั้งนี้วันไปเทศนาจะมีสมาชิกธรรมะสัญจรร่วมเดินทางไปด้วยครั้งละ 30-50 คน ทำแบบนี้มา 10 พรรษาแล้ว ก็ได้ผลดีมาก จึงต้องจัดกิจกรรม ธรรมะสัญจรต่อไป…


    ADVERTISEMENT


    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.ryt9.com/s/tpd/2707129
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กันยายน 2017

แชร์หน้านี้

Loading...