เรื่องเด่น ปรัชญาพุทธ .. ในโครงการพระราชดำริ การก้าวข้ามกับดักของโลก!!

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 8 กันยายน 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    พระ อ-อารยวังโส-พลังจิต.jpg



    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ศุกร์ที่ 8 กันยายน 2560 00:00:54 น.

    โดย.. พระ อ.อารยวังโส

    เจริญพรสาธุชนผู้มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา… ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับบัณฑิตบุคคลท่านหนึ่ง ที่กำลังทำงานเพื่อความสงบสุขของมนุษยชาติ ภายใต้แนวทางตามรอยบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ที่พระราชทานมรดกแห่งภูมิปัญญาธรรมอันล้ำค่าไว้ให้กับชาวไทยและประชาคมโลก ที่ปรากฏอยู่ในโครงการพระราชดำริมากกว่า ๔๐๐ โครงการ ยิ่งมีความสุขใจอย่างยิ่ง ด้วยเชื่อมั่นว่า ภาวะจิตวิญญาณอันสูงค่าประเสริฐยิ่งในโครงการพระราชดำริที่เปี่ยมล้นด้วย พระเมตตากรุณา อย่างไม่มีประมาณ จะได้ดำเนินการสืบต่อไป เพื่อประโยชน์ของมหาชน เพื่อสร้างสันติภาพและความสุขให้กับโลกใบนี้ ที่รกรุงรังไปด้วยสีสันของกิเลสและปัญหาที่ท้าทายสติปัญญา ความเพียร ของสัตว์โลก

    ยิ่งได้รับทราบว่า “ได้มีแนวคิดที่จะวิจัยสรุปหาแนววิธีการทรงงานตามหลักธัมมปฏิบัติออกมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านนิติธรรม หรือการพัฒนาในโครงการตามแนวพระราชดำริ ยิ่งทำให้เกิดความสุขใจต่อแนวคิดอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องดังกล่าว “..ซึ่งนั่นหมายถึง มรดกธรรมทางพระปัญญาอันล้ำค่าของในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะได้รับการอัญเชิญให้ดำเนินต่อไป เพื่อประโยชน์ของมหาชน ซึ่งอาตมาเคยมีความคิดว่า “แนวทางการพัฒนาสังคมตามโครงการพระราชดำริ เป็นการสร้างดุลยภาพให้เกิดขึ้นในสังคมระหว่าง บุคคล สัตว์ สิ่งแวดล้อม และทรัพยากร อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ วิธีการทางธรรมชาติศึกษา ภายใต้กฎธรรมนิยาม (หลักความเป็นธรรมดา) เป็นเครื่องมือในการดำเนินการจัดการ.. ซึ่งเป็นไปในแนววิถีพุทธปฏิบัติ เพื่อการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ให้ก้าวสู่อารยธรรม .. ถึงความเป็นสัตบุรุษหรืออริยบุคคล ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการมีดุลยภาพ อันสามารถดำเนินอยู่ในทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ได้อย่างมีความสงบสุข ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของโลกธรรม-วัตถุธรรม จนเสียผู้เสียคน .. สูญเสียความเป็นสัตว์ประเสริฐอย่างที่เห็นเป็นส่วนใหญ่ในโลกปัจจุบันนี้

    อาตมาได้มีดำริกับบัณฑิตบุคคลที่สนทนาด้วย ในฐานะเป็นกัลยาณมิตรว่า.. “น่าจะมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ปรากฏอยู่อย่างเป็นรูปธรรมในโครงการพระราชดำริ.. และควรอัญเชิญมาเป็นปรัชญาการศึกษา เพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติ.. เพื่อการบรรลุถึงสันติสุขของชาวโลก…”

    จากดำริดังกล่าว จึงได้รับทราบว่า “บัดนี้ สถาบันการยุติธรรมแห่งประเทศไทย กำลังเปิดหลักสูตรด้านRule of Law and Development….” ..โดยสถาบันดังกล่าวกำลังระดมบุคลากรที่มีคุณภาพ ทำงานวิเคราะห์วิจัยเพื่อสกัดกลั่นกรองวิธีทรงงาน โดยใช้หลัก Rule of Law และวิธีการพัฒนา (Development) ในโครงการพระราชดำริแต่ละโครงการออกมา จะได้อัญเชิญไปเป็นแนวปฏิบัติเพื่อประโยชน์สืบต่อไป ที่ประชาคมโลกควรจะได้รับใน ยุคปัญหาไร้พรมแดน .. ที่วันนี้มันต่อสายเชื่อมโยงในทุกเรื่องราวของสังคมโลก.. ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ไหนมุมไหนของโลก เราก็จักได้รับผลกระทบไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวด้านบวกหรือด้านลบ ยกตัวอย่างเช่น กรณีชาวโรฮีนจาในรัฐยะไข่ ที่ชาวโลกได้รับรู้ถึงพฤติกรรมโหดเหี้ยมของการแก้ไขปัญหาของกลุ่มผู้มีอำนาจในพม่า โดยเฉพาะจากภาพข่าวการฆ่าชาวโรฮีนจาไปเป็นจำนวนมาก ทั้งการตัดหัวหรือสุมไฟเผา ฯลฯ ซึ่งกล่าวว่า นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาก ดังที่ มูลนิธิฟอร์ติฟายไรท์ องค์กรเอกชนที่ทำงานในพื้นที่ได้เปิดเผย….

    ..และมิใช่เฉพาะกรณี ชาวโรฮีนจา เพียงเท่านั้น แม้แต่สงครามในซีเรียหรือกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ขยายตัวอยู่ในขณะนี้ ก็ยิ่งเลวร้ายหนักเข้าไปอีก เมื่อได้เห็นภาพการระดมอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิด ระดมเข้าไปใช้เพื่อทำลายซึ่งกันและกัน อย่างขาดความสำนึกที่ประเสริฐ อย่างไม่คำนึงถึงชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งผู้ที่ล้มหายตายจากในภัยสงครามเหล่านี้ก็หนีไม่พ้นประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะ เด็ก คนชรา และผู้หญิง.. ซึ่งตกเป็นเหยื่อของสงคราม อันเกิดจากความไร้สำนึกของมนุษย์ด้วยกัน

    การแก้ไขปัญหาด้วยการทำลาย .. การประหัตประหารกัน ซึ่งเคยรุนแรงด้วยวิธีการถ่อยเถื่อน เมื่อพันสองพันปีที่ผ่านมา กลับมิได้หมดสิ้นไปในยุคเจริญรุ่งเรืองทางด้านเทคโนโลยีในสังคมโลกปัจจุบัน มิหนำซ้ำยังเห็นความถ่อยเถื่อนอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ในสังคมโลกปัจจุบัน อะไรทำให้เป็นไปเช่นนี้! .. ทำไมต้องเป็นอย่างนี้!ชาวโลกจะร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร เพื่อยุติการเผยแพร่ยุทธวิธีการทำร้าย .. การก่อการร้าย .. การทำลายกันอย่างไร้ความเป็นสัตว์ประเสริฐ จึงเป็นเรื่องที่ทุกคน ทุกองค์กร ทุกสังคมประเทศชาติ จะต้องร่วมกันศึกษา ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์กรทางด้านจิตวิญญาณในทางศาสนาหรือลัทธิต่างๆ ก็จักต้องออกมาช่วยกันคิดอ่านร่วมพูดคุยกัน เพื่อค้นหาหนทาง .. วิธีการ และเครื่องมือในการนำประชาคมโลกก้าวข้ามปัญหาดังกล่าวไปให้ได้

    การสรุปตัวโจทย์ปัญหาให้ตรงจุด .. การกำหนดเป้าหมายของการศึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงเรื่อง .. และการค้นคว้าหาวิธีการปฏิบัติและเครื่องมือที่จะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหา จนก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ในสังคมโลกปัจจุบัน ที่มีประสิทธิภาพ .. คุณภาพ และสมรรถภาพ ที่สามารถนำไปใช้ได้ผลจริงอย่างเป็นรูปธรรม.. จึงเริ่มเกิดขึ้นในกลุ่มองค์กรต่างๆ จากแต่ละส่วนของสังคมโลก ดังที่ได้มีการจัดประชุมของผู้นำทางจิตวิญญาณจากแต่ละศาสนา .. จากแต่ละประเทศ เพื่อร่วมพูดคุยปรึกษาหารือด้วยการสรุปหาแนวทาง ธรรมปฏิบัติ จากในแต่ละศาสนา ที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงต่อมนุษยชาติ.. ในการที่จะสามารถก้าวข้ามหรือหลีกเลี่ยงปัญหาหรือความขัดแย้งดังกล่าวไปได้.. ไม่ติดอยู่กับปัญหาจนสร้างปัญหาทับซ้อนในปัญหา ให้ยากที่จะแก้ไขและกลับถอยหลังไปติดกับวิธีการประหัตประหารทำลายซึ่งกันและกัน ด้วยการแบ่งฝ่ายแบ่งพวกตามแนวความคิด .. หลักความเชื่อ และจุดประสงค์ความต้องการที่ต่างกัน ฯลฯ…

    แต่ไม่ว่าเราจะได้สรุปคิดค้นจนได้สูตรสำเร็จในวิธีการปฏิบัติ เพื่อการสามารถบังคับใช้หลักนิติธรรม และเพื่อการพัฒนาชีวิตของมนุษยชาติไปในทิศทาง ความสำนึกที่สร้างสรรค์ ได้อย่างไร ประการสำคัญอย่างยิ่งที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวหรือความสำเร็จของโครงการพัฒนาต่างๆ นั้น แท้จริงอยู่ที่การเตรียมทรัพยากรมนุษย์ให้มีความสำนึกพร้อมในกุศลธรรม คือ มีความสำนึกสมดังฐานะความเป็นสัตว์ที่มีจิตใจประเสริฐ ซึ่งเรื่องดังกล่าว หากไม่สามารถดำเนินการได้ในแต่ละกลุ่มชน.. ในแต่ละสังคมประเทศชาติ.. ก็ยากยิ่งต่อการพัฒนาและยากยิ่งที่จะสร้างกระบวนการความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้ในสังคม.. ดังปรากฏเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคมโลกปัจจุบัน.. ที่สะท้อนให้เห็นการไร้ความยุติธรรม.. การที่สัตว์มนุษย์ยังจมอยู่ในความถ่อยเถื่อน ดุจ ยุคอนารยธรรม (Barbarism) หรือยุคความต่ำช้า ความป่าเถื่อน ความเหี้ยมโหด หรือความไม่มีวัฒนธรรมของมนุษย์ ก็เพราะความล้มเหลวในการ พัฒนาจิตสำนึกของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละสังคมประเทศ.. เรื่องของเรื่องจึงต้องเห็น ความก้าวหน้าอย่างอนาถา ของชาวโลกในยุคความเจริญ .. แห่ง อนารยธรรม (Barbarism)!!.

    เจริญพร dhamma_araya@hotmail.com

    ขอขอบคุณที่มา
    http://www.ryt9.com/s/tpd/2706421
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กันยายน 2017

แชร์หน้านี้

Loading...