น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

เครื่องมือที่จะนำไปใช้พิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่แล้ว พระองค์ทรงสอนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรเตวิชโช หลักสูตรฉฬภิญโญ หรือหลักสูตรปฏิสัมภิทัปปัตโต<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

***พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจ ๔***<o></o>
***ความทุกข์คือ ตัวอุปาทานในขันธ์ทั้ง ๕ ว่าเป็นตัวเรา-ของเรา***<o></o>
***สาเหตุของความทุกข์ก็คือ อวิชชา หรือความโง่ที่เข้าใจผิดว่ามีตัวเรา ที่ปรุงแต่งผลักดันให้เกิดอุปาทานขึ้นมา***<o></o>
****ความดับทุกข์ก็คือ ดับอวิชชาเสียได้ ความทุกข์ก็ดับ นิพพานก็ปรากฏ(ความไม่มีทุกข์)*/**<o></o>
***วิธีการดับทุกข์ก็คือ ต้องเอาปัญญา(ความเข้าใจว่าแท้จริงมันไม่มีเรา) มาเพ่งพิจารณาอย่างแรงกล้า(คือให้เกิดสมาธิ) เข้าไปในจิตใจของเราเองโดยมีศีลเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว***<o></o>
***ถ้าปฏิบัติได้ชั่วคราว ทุกข์ก็จะดับเพียงชั่วคราว แต่ถ้าปฏิบัติได้ถาวร ทุกข์ก็จะดับลงอย่างถาวร(คือตลอดชีวิต)***<o></o>
***นี่คือวิธีดับทุกข์ตามหลักอริยสัจ ๔ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถปฏิบัติได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ฤทธิ์ ใช้เดช หรือใช้สมาธิสูงๆอะไรเลย และอยู่ในวิสัยที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้***<o></o>
***ส่วนเรื่องนอกนั้น อย่าไปสนใจ เป็นเรื่องที่ไม่ควรสนใจ ***<o></o>
****ถ้าดับทุกข์ในปัจจุบันได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว***<o></o>
***ถ้าชาติหน้ามี เราก็ไม่กลัวเพราะเรามีวิธีการดับทุกข์ที่ใช้ได้ผลอย่างแน่นอนที่เราพิสูจน์ได้อยู่แล้ว***<o></o>
***ถ้าจะค้านก็ขอให้ค้านในเรื่องคำสอนที่ผิด ไม่ใช่ค้านเรื่องไม่เชื่อพระไตรปิฎก ***<o></o>
***ซึ่งอาตมาก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วว่า.... อย่าเชื่อจากตำรา***<o></o>
***ถ้าอาตมาไปเชื่อตำรา ก็เท่ากับอาตมาไม่เชื่อพระพุทธเจ้า***<o></o>
***ดังนั้นถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้า เราจะต้องไม่เชื่อพระองค์ ไม่เชื่อตำรา ไม่เชื่อแม้แต่ตัวของเราเอง***<o></o>
***อันนี้ลึกซึ้งเกินไปหรือเปล่า?***<o></o>

 

ถ้าจะค้านก็ขอให้ค้านในเรื่องคำสอนที่ผิด ไม่ใช่ค้านเรื่องไม่เชื่อพระไตรปิฎก
-----------------------------------------------------------------------------------------------------

ในเรื่องส่วนตัวที่ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ ไม่เชื่อพระไตรปิฏกหรือเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดนั้น เป็นสิทธิของท่านที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมไม่ต้องการจะเข้าไปยุ่งเรื่องนั้นเลย
ประเด็นหลักๆ ที่ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่กระทู้นี่คือ
ท่านไปสอนเยาวชนและผู้อื่นให้มีความเข้าใจเหมือนท่านด้วย (นั่นคือการสอนให้ปฏิเสธพระไตรปิฏก ไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ) แค่นี้เองครับที่ผมไม่เห็นด้วย
ยิ่งท่านเป็นพระสงฆ์ด้วยแล้วยิ่งมีผลใหญ่
อยากให้ท่านเตชปัญโญ เข้าใจในส่วนนี้ด้วยครับ

 

ผมท้าเลยนะ
ลูกคุณเสียคนแน่ ไม่ได้แช่งนะครับ
เสียใจแทนลูกคุณจริงๆ ที่มีพ่ออย่างคุณ

คุณเตชปัญโญ
ก็ไม่ยอมตอบอะไรตรงไปตรงมาสักที
ไม่รู้จะบิดเบือนไปถึงไหน

หรือว่ากลัวคนอื่นเค้าจะรู้ว่าคุณเป็นใครแน่
แน่จริงมาลงรูปให้เห็นหน้า บอกที่อยู่มา เราจะได้ไปเคลียร์กัน
ดีมั้ย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรือมาพิมพ์อยู่ให้เสียเวลา

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ผมขอพูดจากใจเลยนะครับท่าน เตชปัญโญ ภิกขุ
้ผมอยากท่านเชื่อไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไรนะครับ (ท่านจะหาว่าผมงมงายหรืออะไรก็ตามเถอะ ผมมีเจตนาดีครับ)
อัตราเสี่ยงท่านมีสูงมากเลยครับ เกิดถึงเวลานั้นจริงๆขึ้นมา เราไม่ลงไปจะดีกว่านะครับ กันไว้ดีกว่าแก้นะครับท่าน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

***เท่าที่สนทนามา ก็ดูว่ามีคุณโยม manson810<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_939987", true); </SCRIPT> นี่แหละที่พอจะพูดกันรู้เรื่องบ้าง***<o></o>
****ก็ขอขอบคุณอย่างยิ่งที่เป็นห่วง***<o></o>
***จริงอยู่ที่อัตราเสี่ยงของอาตมามันสูงมาก***<o></o>
*** ๑ ต่อ ๑๐๐ เลยก็ว่าได้ที่จะเสีย***
***มองหนทางชนะไม่มีเลย***<o></o>
****แต่อาตมาปรารถนาจะนำหลักธรรมที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าให้กลับคืนมาสู่มวลมนุษย์***<o></o>
***ถึงจะถูกเอาไปประหารตัดหัวเสียบประจานก็ยอม ถ้าทำแล้วเกิดผลดีแก่ประเทศชาติและศาสนา***<o></o>

<o> </o>
แหม.. ท่านเตชปัญโญ นรกนะครับไม่ใช่สวนสยาม คิดจะไปก็นั่งรถนั่งเครื่องบินไปก็ถึง มันไม่ใช่ครับท่าน
เรื่องพวกนี้เป็นผลพลอยได้การจากปฏิบัติสมาธิแค่นั้นเองครับ<o></o>
<o> </o>

****เมื่อก่อน อาตมาเคยตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า....***<o></o>
****ถ้าเราเป็น ผี เราจะไปหลอกคนที่ทำชั่วให้มันกลัว มันจะได้ไม่ทำชั่ว***<o></o>
***หรือถ้าเราเป็นเทวดา เราจะไปดลใจพวกทำชั่วให้เลิกทำชั่ว***<o></o>
***หรือไปแสดงอะไรให้พวกฝรั่งมานับถือพุทธศาสนา โลกจะได้มีสันติภาพอย่าง่ายดาย***<o></o>
****แต่ก็สงสัยว่า..... เอ...ทำไมพระพุทธเจ้าไม่ใช้วิธีนี้ ***<o></o>
****ถ้าพระพุทธจ้าแสดงฤทธิ์ได้จริง ป่านนี้ทั้งโลกคงมานับถือพุทธศาสนากันหมดแล้ว***<o></o>
**** www.whatami123.com ***<o></o>

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ในบางส่วนที่เราไม่รู้ผมว่าก็ไม่ควรปฏิเสธว่าผิดว่าไม่น่าเชื่อถือและนำมาสอนถ่ายถอดตามความเข้าใจของตัวเองนะครับ เพราะนั่นมันอาจเป็นเพราะกำลังสติปัญญาและการปฏิบัติของเรายังไม่ถึงในส่วนนั้นเองหรือเปล่า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
**ยิ่งถ้าเราโง่ เรายิ่งต้องไม่เชื่อใคร เพราะเราอาจถูกหลอกได้ง่ายๆ จริงไหม?***<o></o>

<o> </o>
แต่เมื่อใดที่ท่านนำคติความเชื่อส่วนตัวของท่านแบบนี้มาถ่ายทอดหรือ นำมาสอนนั่นแหละครับมันจะกลายเป็นสิ่งที่อันตรายเสียแล้ว<o></o>
****อยากจะถามว่า หลักการของอาตมามันอันตรายตรงไหน?****<o></o>

ก็เพราะเหล่าพระเถระ และ ครูบาอาจารย์ในพระพุทธศาสนาผู้เชี่ยวชาญ พระไตรปิฎก ทั้งหลาย ท่านได้มีการตรวจสอบคัมภีร์ด้วย "หลักกาลามสูตร" อย่างละเอียดมาแล้ว น่ะสิครับ ท่านถึงได้มีการเผยแพร่สืบ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ครูบาอาจารย์ที่เชี่ยวชาญคัมภีร์ท่านได้มีการตรวจสอบแล้วและเห็นความสำคัญแล้วก่อนที่จะรับเอามาพระเผยแพร่ไปสู่รุ่นต่อ ๆ ไป<o></o>

****อย่าเชื่อจากที่เห็นว่าท่านผู้นี้เป็นครูอาจารย์ของเรา***<o></o>
****พระพุทธเจ้าก็สอนอยู่ตรงๆ แต่เรากลับบ่ายเบี่ยงที่จะปฏิบัติตาม****<o></o>
****....

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

หากท่านย้อนไปดูที่ผมได้ตั้งคำถามกับท่านเกี่ยวกับประเด็นที่ท่านสอนไม่ให้เชื่อว่า นรกมี สวรรค์มี เทวดามี พรหมมี นิพพานมี และผมได้ขอให้ท่านพิสูจน์ว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องดังกล่าวมีจริงหรือไม่ ท่านสอนไว้จริงหรือไม่ โดยใช้หลักสูตรของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องมือพิสูจน์
--------------------------------------------------------------------------------------------<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
***สิ่งที่ไม่มี ถึงพิสูจน์อย่างไรก็ไม่มีทางพบ ***<o></o>
***ส่วนสิ่งที่ ถึงแม้จะมี แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรา และเราไม่สามารถสัมผัสกับมันได้ มันก็มีค่าเท่ากับ ไม่มีสำหรับเรา***<o></o>
***สิ่งที่คุณโยมถามมานั้น มันมีความสำคัญอะไรกับเราในปัจจุบัน?***<o></o>
***คุณโยมกำลังโอ้อวดว่า มีฌานสมาบัติ มีตาทิพย์ หูทิพย์ กายทิพย์ อะไรทำนองนั้นใช่หรือไม่?***<o></o>
***ขออภัย อาตมาไม่สามารถพูดเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะวินัยบังคับ***<o></o>
***คุณโยมเคยบวชมาบ้างหรือยัง?***<o></o>
***ถ้าภิกษุอวดอุตริมนุษยธรรมที่ไม่มีในตัวเอง ต้องปาราชิก**<o></o>
***ถึงมีจริงก็ไม่ให้อวด ผิดวินัยอีกตามเคย***<o></o>
***การโอ้อวดเป็นเรื่องของพวกมหาโจร ที่ปล้นนิพพานของชาวบ้าน***<o></o>
*** แต่นี่คือสิ่งที่ใครๆก็สามารถพิสูจน์ได้ เรื่องนรก สวรรค์**<o></o>

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ผมเชื่อว่า หากท่านได้ตั้งใจที่จะลองพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าตามหลักกาลามสูตรที่ท่านชอบยกมาอ้างอิงเสมอๆ นั้น ท่านจะได้พบคำตอบที่ต่างไปจากสิ่งที่ท่านตีความตามอำเภอใจ ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งปฏิเสธที่จะลองพิสูจน์เสียก่อนเท่านั้น อาจใช้เวลาบ้างก็ไม่เป็นไร ผมรอได้ และผมเชื่อว่า สิ่งที่ท่านได้ค้นพบจากการพิสูจน์โดยอาศัยเครื่องมือที่พระพุทธเจ้าทรงวางหลักสูตรไว้ จะก่อให้เกิดสิ่งดีๆ แก่ตัวท่านตามมาและส่งผลดีไปถึงบุคคลที่ท่านเคยสอนเขาเหล่านั้นมาด้วย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
**พิสูจน์ด้วยการ นั่งหลับในแล้วฝันเห็นนั่นเห็นนี่น่ะหรือ?***<o></o>
***ถ้าไม่เห็นก็ต้องบอกว่าเห็น เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเราโง่ เราไม่มีบุญบารมีใช่ใหม?**<o></o>
***แม้แต่ตัวของเราเองยังไม่มี แล้วเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้าจะมีมาจากไหน?**<o></o>
***คุณโยมลองค้นหาตัวเองให้เจอก่อน แล้วถึงไปค้นหาสิ่งอื่นจะมิดีหรือ?**<o></o>

<o> </o>
ประเด็นหลักๆ ที่ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่กระทู้นี่คือ
ท่านไปสอนเยาวชนและผู้อื่นให้มีความเข้าใจเหมือนท่านด้วย (นั่นคือการสอนให้ปฏิเสธพระไตรปิฏก ไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ) แค่นี้เองครับที่ผมไม่เห็นด้วย
ยิ่งท่านเป็นพระสงฆ์ด้วยแล้วยิ่งมีผลใหญ่<o></o>

***หลักกาลามสูตรก็มาจากพระไตรปิฎก ***<o></o>
***เอาไว้ตรวจสอบความผิดพลาดของพระไตรปิฎกอีกที***<o></o>
**เหมือนโปรแกรมแอนตี้ไวรัส ที่เอาไว้คอยดักจัดไวรัสคอมพิวเตอร์***<o></o>
***สงสัยเครื่องคอมฯของคุณโยมคงมีแต่ไวรัสเต็มไปหมดแล้วกระมัง**<o></o>
***มันแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลของคุณโยมหมดแล้วประมัง?***<o></o>
***อาตมาสอนให้เยาวชนฉลาด ไม่เชื่ออะไรง่ายๆเหมือนคนไร้ความคิด***<o></o>
***เขายิ่งพูดกันอยู่ว่า เด็กไทยคิดไม่เป็น***<o></o>
**พอจะคิดเป็นขึ้นมาบ้างพวกหัวเก่าก็มาค้าน กลัวสูญเสียผลประโยชน์แบบการเมือง***<o></o>

 

ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

ผมท้าเลยนะ
ลูกคุณเสียคนแน่ ไม่ได้แช่งนะครับ
เสียใจแทนลูกคุณจริงๆ ที่มีพ่ออย่างคุณ

คุณเตชปัญโญ
ก็ไม่ยอมตอบอะไรตรงไปตรงมาสักที
ไม่รู้จะบิดเบือนไปถึงไหน

หรือว่ากลัวคนอื่นเค้าจะรู้ว่าคุณเป็นใครแน่
แน่จริงมาลงรูปให้เห็นหน้า บอกที่อยู่มา เราจะได้ไปเคลียร์กัน
ดีมั้ย ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ หรือมาพิมพ์อยู่ให้เสียเวลา
-------------------
***THE END***

 

พระไตรปิฎกมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะมีรายละเอียดมากนะครับ ส่วนมากคนเห็นแค่เนื้อหาก็ท้อไม่อยากอ่านกันแล้ว ถ้าจะให้ยึดหลักกาลามสูตร(ซึ่งเป็นพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก) เป็นหลักก็ต้องอ่านพระไตรปิฎกให้ละเอียด รวมถึงค่อยๆไล่ปฏิบัติตามวิธีการที่มีสอนเอาไว้ให้ถูกต้องตามหลักการนั้นๆเสียก่อน แล้วก็ดูผลว่าเป็นจริงตามที่ในพระไตรปิฎกได้ระบุไว้หรือไม่

ถ้าผลออกมาตรงก็ค่อยเชื่อ แต่ถ้าไม่ลงมืออ่านพระไตรปิฎกให้ละเอียดและนำเอาหลักการต่างๆทั้งหมดมาปฏิบัติตาม(เนื้อหาในพระไตรปิฎก)ให้เห็นผลสักที ก็คงไม่อาจพิสูจน์ คำสอนตามหลักการของกาลามสูตร(ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก) ได้สักทีน่ะครับ (-_-)

ปล.การมาย้ำแต่ไม่ให้เชื่อๆ ต้องพิสูจน์ก่อน แต่ไม่เริ่มลงมือทำสักที จะแตกต่างอะไรกันล่ะครับ

 

เฮ้อ....ไม่ทราบว่าถึงปัจจุบันนี้ท่านอาจารย์เตชปัญโญยังมีแนวคิดแบบเดิมนี้อยู่หรือเปล่าครับ ถ้ายังมีแนวความคิดแบบนี้อยู่ก็เข้าข่าย มิจฉาทิฏฐิ แล้วละครับ หลบหลู่แม้กระทั่งพระพุทธเจ้า

กรณีพระไตรปิฎกที่ท่านอาจารย์เตชปัญโญบอกอย่าเชื่อและให้ใช้หลักกาลามสูตรไปตรวจสอบนั้น ไม่ทราบว่าผู้ที่จะไปตรวจสอบนั้นจะใช้สติปัญญาญาณหรือคุณธรรมระดับไหนไปตรวจสอบครับ ก็ในเมื่อพระไตรปิฎกเกิดขึ้นมาจากพระมหาสาวกและเหล่าพระอรหันต์ผู้ทรงจตุปฏิสัมภิทาญาณจำนวนถึง 500 รูปเชียวนะครับ แล้วเราจะใช้สติปัญญาแบบโลก ๆ ของเรานี้ไปตรวจสอบไปตัดสินได้อย่างไรกัน ในเมื่อผู้ตรวจสอบเองก็ยังไม่ได้แม้แต่ฌาณหรือวิปัสนาญาณเบื้องต้นเลย มันจะไม่เท่ากับเป็นการเอาเด็กระดับประถมไปตรวจสอบดอกเตอร์เหรอ ท่านไม่ได้บอกให้ไปตรวจสอบพระไตรปิฎกเลยนะครับ


หลักกาลามสูตรนั้นท่านไม่ได้สอนให้ อย่าเชื่อ เสียทีเดียวโดยไม่มีเหตุผลนะครับ ไปตีความว่า อย่าเชื่อ เสียแต่แรกอย่างนั้นมันเป็นการทำลายศรัทธา ทำให้เกิดอกุศลจิตคิดหลบหลู่ พระไตรปิฎก พระรัตนตรัยรวมทั้งเหล่าครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้นะทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทดลองลงปฏิบัติตามแนวทางที่ท่านสอนดูเลยนะครับ ที่ถูกท่านบอกว่า อย่า-เพิ่ง-เชื่อ และให้เราได้ทดลองปฏิบัติตามดูที่ท่านสอนจนประจักษ์แก่ใจตนเองเสียก่อนต่างหากครับ หากแม้อะไร ๆ ก็สอนบอกว่า อย่าเชื่อ ๆ เลยทีเดียวแบบนี้ มันเท่ากับเป็นการปิดกั้นศรัทธากันเสียแต่แรกแล้วนะครับ เมื่อไม่มีศรัทธา ในการศึกษาเล่าเรียนหรือการปฏิบัติตามเพื่อที่จะน้อมนำสิ่งที่ท่านสอนเข้ามาสู่จิตใจให้บังเกิดผลนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรกันครับ


...หรือว่าท่านอาจาย์เตชปัญโญ ได้ปฏิบัติจนรู้แจ้งแทงตลอดในพระไตรปิฎกแล้วครับ จึงกล้ากล่าวตู่พระไตรปิฎกได้ดังนั้น

 

บทความนี้</O
<Oไม่ได้รับการยอมรับเกี่ยวกับ ความเป็นกลาง</O
<Oโปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน<O</O
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2:%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87

...................................................................................................

 

พระธรรมโกษาจารย์ (เงื่อม อินทปัญโญ)<O</O
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA<O</O

...................................................................................

 

พระธรรมโกษาจารย์ (เงื่อม อินทปัญโญ) หรือรู้จักในนาม พุทธทาสภิกขุ (27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) เป็นชาวอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2449 เริ่มบวชเรียนเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้เข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค แต่แล้วท่านพุทธทาสภิกขุก็พบว่าสังคมพระพุทธศาสนาแบบที่เป็นอยู่ในขณะนั้นแปดเปื้อนเบือนบิดไปมาก และไม่อาจทำให้เข้าถึงหัวใจของพระพุทธศาสนาได้เลย ท่านจึงตัดสินใจหันหลังกลับมาปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของท่านอีกครั้ง พร้อมปวารณาตนเองเป็น พุทธทาส เนื่องจากต้องการถวายตัวรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด

<O</Oตลอดเวลาที่ดำรงสมณเพศ ท่านพุทธทาสภิกขุตั้งใจศึกษาพระปริยัติอย่างแน่วแน่ พร้อมตั้งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด และวัตรเหล่านี้เองที่ทำให้ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกิจทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระอย่างยากยิ่งที่จะหาพระภิกษุรูปใดเสมอเหมือน

<O</Oท่านพุทธทาสภิกขุเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งสวนโมกขพลาราม เพื่อให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและสถานที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุยังมีปรากฏอยู่มากมายทั้งในรูปพระธรรมเทศนา และในรูปงานเขียน

<O</Oโดยท่านพุทธทาสภิกขุตั้งใจทำการถ่ายทอดพระพุทธศาสนาให้อยู่ในฐานะที่เป็น พุทธะ ศาสนา อย่างแท้จริง

<O</Oนั่นคือเป็นศาสนาแห่งความรู้ ความตื่น ความเบิกบาน ไม่เจือปนไปด้วยความหลงผิดที่เข้าแทรกมากมายจนกลายเป็นเนื้อร้ายที่คอยกัดกิน ทั้งเรื่องพุทธพาณิชย์ เรื่องไสยศาสตร์ เรื่องลัทธิพราหมณ์ เรื่องความยึดมั่นถือมั่นในบุญบาป เรื่องความหลงใหลในยศลาภของพระสงฆ์ และเรื่องปลีกย่อยอื่นๆ อีกมากมาย ท่านพุทธทาสภิกขุมุ่งชี้ให้ชาวพุทธทั้งหลายเห็นถึงมิจฉาทิฐิและสีลัพพตปรามาสเหล่านี้เสมอมา ทำให้หลายคนขนานนามท่านพุทธทาสภิกขุว่าเป็น พระผู้ปฏิรูป แต่แท้จริงแล้ว คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่าความจริงอันสูงสุดที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบเลย เพียงแต่ระยะเวลาอันยาวนานได้ทำให้ความเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเปลี่ยนแปรหรือถูกเบี่ยงเบนไป

<O</Oท่านพุทธทาสภิกขุจึงทำหน้าที่เสมือนผู้กลั่นให้พระพุทธศาสนากลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง

<O</Oคำสอนจำนวนมากจากท่านพุทธทาสภิกขุเป็นธรรมะระดับโลกุตระ อันมีนิโรธเป็นรส และมีนิพพานเป็นอารมณ์ ซึ่งพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นธรรมะขั้นสูง และไม่เหมาะกับฆราวาสผู้ยังเวียนว่ายอยู่ในวังวนแห่งโลกียะ แต่ท่านพุทธทาสภิกขุตระหนักว่าธรรมะเหล่านี้คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และพุทธมามกะไม่ว่าจะระดับชั้นใดก็ควรจะได้รับรู้ ได้รับปฏิบัติ และได้รับผลจากธรรมะเหล่านี้ ซึ่งถึงแม้จะเป็นธรรมะที่ละเอียดลึกซึ้ง แต่ท่านพุทธทาสภิกขุก็ได้ถ่ายทอดให้อยู่ในรูปแบบที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงและเข้าใจ โดยยังคงเนื้อหาสำคัญไว้ได้อย่างครบถ้วน คำสอนทั้งหลายของท่านพุทธทาสภิกขุ แท้จริงแล้วก็คือการสกัดพระสูตรให้ออกมาเป็นภาษาพูด และพระอภิธรรมให้ออกมาเป็นภาษาชาวบ้านนั่นเอง โดยข้อธรรมที่ท่านพุทธทาสภิกขุเน้นย้ำมากที่สุดคือเรื่องสุญญตา<O</O

จนทำให้ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาหลายคนเรียกท่านว่า นักรบเพื่อความว่าง

<O</Oแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุยังรวมไปถึงเรื่องพื้นฐาน เช่น เรื่องการทำงาน และเรื่องการศึกษา ซึ่งคนทั่วไปสามารถนำธรรมะเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที

<O</Oนอกจากพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทแล้ว ท่านพุทธทาสภิกขุยังมีใจเปิดกว้างทำการศึกษาคำสอนของต่างศาสนาและต่างนิกาย ด้วยความคิดว่าศาสนาทั้งหลายล้วนมุ่งหมายในสิ่งเดียวกัน ในสมัยที่ท่านพุทธทาสภิกขุจำพรรษาอยู่ที่สวนโมกขพลาราม นอกจากสาธุชนคนไทยผู้สนใจในธรรมะทั้งหลายจะแวะเวียนมาสนทนา และฟังเทศน์ฟังธรรมจากท่านพุทธทาสภิกขุอย่างไม่ขาดสายแล้ว ยังมีชาวต่างชาติผู้ต้องการเรียนรู้พระพุทธศาสนา นักศึกษาและอาจารย์ทางด้านศาสนศาสตร์จากต่างประเทศ รวมถึงประมุขของศาสนจักรต่างๆ แวะเวียนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติความคิดเห็น รวมทั้งสนทนาธรรมกับท่านเป็นอันมาก

<O</Oทำให้สวนโมกขพลารามเปรียบเสมือนตักศิลาสำหรับผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และทำให้วงการพระพุทธศาสนากลับมาตื่นตัวอีกครั้ง

<O</Oปณิธานในชีวิต
<O</O
ปณิธานในชีวิตไว้ 3 ข้อ คือ
<O</O
ให้พุทธศาสนิกชนหรือศาสนิกแห่งศาสนาใดก็ตามเข้าถึงความหมายอันลึกซึ้งที่สุดแห่งศาสนาของตน
<O</O
ทำความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนา
<O</O
ดึงเพื่อนมนุษย์ให้ออกมาเสียจากวัตถุนิยม

....................................................................................................

 

เกียรติคุณ

สมณศักดิ์<O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับสมณศักดิ์ตามลำดับ ดังนี้<O</O
พ.ศ. 2469 พระเงื่อม<O</O
พ.ศ. 2473 พระมหาเงื่อม<O</O
พ.ศ. 2489 พระครูอินทปัญญาจารย์<O</O
พ.ศ. 2493 พระอริยนันทมุนี พระราชาคณะชั้นสามัญ<O</O
พ.ศ. 2500 พระราชชัยกวี พระราชาคณะชั้นราช<O</O
พ.ศ. 2514 พระเทพวิสุทธิเมธี พระราชาคณะชั้นเทพ<O</O
พ.ศ. 2530 พระธรรมโกศาจารย์ พระราชาคณะชั้นธรรม

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์<O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์<O</O
ในสาขาต่างๆ จากสถาบันต่างๆ ดังนี้

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522<O</O
พุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528<O</O
อักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาปรัชญาและศาสนา จากมหาวิทยาลัยศิลปากร

<O</O3 ธันวาคม พ.ศ. 2528<O</O
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

<O</O1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 <O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530<O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาปรัชญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

<O</O9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533<O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

<O</O29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536<O</O
ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

<O</Oอื่น ๆ<O</O
นอกจากสมณศักดิ์ และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แล้ว <O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุ ยังได้รับการยกย่องจาก องค์กรต่าง ๆ ดังนี้

พ.ศ. 2508 หนังสือแก่นพุทธศาสตร์
ได้รับรางวัลชนะเลิศ หนังสือดีประจำปี พ.ศ. 2508 จากองค์การยูเนสโก

พ.ศ. 2527 ได้รับคัดเลือกเป็นบุคคลทำประโยชน์ฝ่ายบรรพชิต
เนื่องในโอกาสสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี
ได้รับรางวัลเป็นสัญลักษณ์เสาอโศก และเงินสดจำนวน 10,000 บาท

พ.ศ. 2537 คุรุสภาประกาศยกย่องเชิดชู ว่า เป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อการศึกษาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ

20 ตุลาคม พ.ศ. 2548
องค์การยูเนสโก ประกาศยกย่องให้ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ความสัมพันธ์ และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์

<O</Oพ.ศ. 2549<O</O
รัฐบาลไทย รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมทางธรรมะ<O</O
เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 100 ปี ชาตกาล ท่านพุทธทาสภิกขุ

ผลงาน<O</O
ท่านพุทธทาสมีผลงานที่เรียบเรียงเป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น (เรียงลำดับตามตัวอักษร)

แก่นพุทธศาสน์<O</O
คู่มือมนุษย์<O</O
ตัวกูของกู ฉบับย่อความ<O</O
ธรรมโฆษณ์<O</O
ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์<O</O
พระพุทธเจ้าสอนอะไร<O</O
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์<O</O
ภาษาคน-ภาษาธรรม<O</O
อิทัปปัจจยตา (100 หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน)

บุคคลสำคัญของโลกชาวไทย โดย องค์การยูเนสโก<O</O
รายชื่อ (เรียงตามปี)<O</O
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ &middot; <O</O
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
สุนทรภู่ &middot; <O</O
พระยาอนุมานราชธน &middot; <O</O
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส &middot; <O</O
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ &middot; <O</O
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช &middot; <O</O
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี &middot; <O</O
ปรีดี พนมยงค์ &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
กุหลาบ สายประดิษฐ์ &middot; <O</O
พุทธทาสภิกขุ &middot; <O</O
พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท

...................................................................................................

 

เกียรติคุณ

สมณศักดิ์<O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับสมณศักดิ์ตามลำดับ ดังนี้<O</O
พ.ศ. 2469 พระเงื่อม<O</O
พ.ศ. 2473 พระมหาเงื่อม<O</O
พ.ศ. 2489 พระครูอินทปัญญาจารย์<O</O
พ.ศ. 2493 พระอริยนันทมุนี พระราชาคณะชั้นสามัญ<O</O
พ.ศ. 2500 พระราชชัยกวี พระราชาคณะชั้นราช<O</O
พ.ศ. 2514 พระเทพวิสุทธิเมธี พระราชาคณะชั้นเทพ<O</O
พ.ศ. 2530 พระธรรมโกศาจารย์ พระราชาคณะชั้นธรรม

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์<O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุได้รับการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์<O</O
ในสาขาต่างๆ จากสถาบันต่างๆ ดังนี้

8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522<O</O
พุทธศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

<O</O8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528<O</O
อักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาปรัชญาและศาสนา จากมหาวิทยาลัยศิลปากร

3 ธันวาคม พ.ศ. 2528<O</O
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

<O</O1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530<O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530<O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาปรัชญา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

<O</O9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2533<O</O
ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

<O</O29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2536<O</O
ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

อื่น ๆ<O</O
นอกจากสมณศักดิ์ และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แล้ว<O</O
ท่านพุทธทาสภิกขุ ยังได้รับการยกย่องจาก องค์กรต่าง ๆ ดังนี้

พ.ศ. 2508 หนังสือแก่นพุทธศาสตร์<O</O
ได้รับรางวัลชนะเลิศ หนังสือดีประจำปี พ.ศ. 2508 จากองค์การยูเนสโก

พ.ศ. 2527 ได้รับคัดเลือกเป็นบุคคลทำประโยชน์ฝ่ายบรรพชิต<O</O
เนื่องในโอกาสสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี <O</O
ได้รับรางวัลเป็นสัญลักษณ์เสาอโศก และเงินสดจำนวน 10,000 บาท

พ.ศ. 2537 คุรุสภาประกาศยกย่องเชิดชู ว่า เป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อการศึกษาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ

<O</O20 ตุลาคม พ.ศ. 2548<O</O
องค์การยูเนสโก ประกาศยกย่องให้ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นบุคคลสำคัญของโลก

ด้านส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ความสัมพันธ์ และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์

<O</Oพ.ศ. 2549<O</O
รัฐบาลไทย รวมทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมทางธรรมะ<O</O
เนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 100 ปี ชาตกาล ท่านพุทธทาสภิกขุ

ผลงาน<O</O
ท่านพุทธทาสมีผลงานที่เรียบเรียงเป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น (เรียงลำดับตามตัวอักษร)

แก่นพุทธศาสน์<O</O
คู่มือมนุษย์<O</O
ตัวกูของกู ฉบับย่อความ<O</O
ธรรมโฆษณ์<O</O
ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์<O</O
พระพุทธเจ้าสอนอะไร<O</O
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์<O</O
ภาษาคน-ภาษาธรรม<O</O
อิทัปปัจจยตา (100 หนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน)

บุคคลสำคัญของโลกชาวไทย โดย องค์การยูเนสโก<O</O
รายชื่อ (เรียงตามปี) <O</O
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ &middot; <O</O
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
สุนทรภู่ &middot; <O</O
พระยาอนุมานราชธน &middot; <O</O
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส &middot; <O</O
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ &middot; <O</O
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช &middot; <O</O
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี &middot; <O</O
ปรีดี พนมยงค์ &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล &middot; <O</O
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว &middot; <O</O
กุหลาบ สายประดิษฐ์ &middot; <O</O
พุทธทาสภิกขุ &middot; <O</O
พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท

...................................................................................................