เรื่องเด่น "นางไม้" แอบหลอก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร้องไห้คร่ำครวญในกุฏิร้าง มีแต่"เสาตกน้ำมัน" หลวงพ่อจงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าตลอด แม้จะพักอยู่ในกุฏิ!!!

"นางไม้" แอบหลอก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ร้องไห้คร่ำครวญในกุฏิร้าง มีแต่"เสาตกน้ำมัน" หลวงพ่อจงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าตลอด แม้จะพักอยู่ในกุฏิ!!!





" ผีนางไม้ เรื่องนี้เล่าโดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

จะเล่าเรื่องของหลวงพ่อจงต่อไป อีกคราวหนึ่งทางวัดไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย อยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี เขาจะฝังลูกนิมิตโบสถ์ คราวนั้นอาตมาก็รับนิมนต์ไปด้วย หลวงพ่อจงท่านก็ไป อาตมาไปในฐานะลูกศิษย์ของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อจงไปในฐานะของท่าน ที่นี้เวลารับแขก รับแขกกันที่ศาลาการเปรียญ หลวงพ่อจงท่านเป็นคนลง “นะหน้าทอง” นะ อะไรต่ออะไรก็ตาม อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือคุย เพราะว่าอาตมามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือคุย เพราะว่ามีคนมาหาหลวงพ่อจงเต็มศาลาการเปรียญทั้งวัน ท่านก็ลงนะหน้าทองให้ สำหรับบาตรทางวัดก็ตั้งไว้ได้เงินเท่าไรก็เป็นเรื่องของวัด ข้างตัวท่านเองท่านไม่มีราคา และหากว่าว่างก็ไม่รังเกียจ ทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ทีนี้ตกเวลากลางคืน ถึงเวลาพักผ่อนก็เป็นเวลาที่มหรสพเลิกแล้วเป็นเวลาสักหกทุ่ม เขาก็จัดกุฏิให้พักหลังหนึ่งเป็นกุฏิ ๒ ชั้น อาตมากับหลวงพ่อจงพักอยู่ด้วยกัน ทีนี้เวลาประมาณตี ๒ อาตมาไม่รู้ว่าฉันอะไรเข้าไปอยากจะไปส้วม ไอ้ส้วมวัดนั้นก็อยู่ไกลกันเหลือเกินเป็นส้วมสมัยเก่า ต้องเดินจากกุฏิไปในป่าช้า ก็ไป ในเมื่อมันปวดท้องส้วมนี่ก็ทนไม่ไหว ถ้าขืนทนมันก็จะเกิดการขายหน้าขึ้นมา ก็ไปส้วมกลับมา แล้วก็งานวัดขนาดนั้นไฟฟ้าก็สว่างเต็มวัด

ตานี้พอเดินผ่านกุฏิหลังหนึ่ง ปรากฏว่าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องครวญคราง แสดงถึงความเจ็บปวดก็เดินหันกลับเข้าไปดูคิดว่าผู้หญิงป่วย หรือมีคนมานอนป่วยในกุฏิหลังนี้ ก็ปรากฏว่ากุฏิหลังนี้ใส่กุญแจเรียบร้อย พอเข้าไปในกุฏิหลังนั้น เสียงครวญครางก็เงียบหายไปแล้วเดินอ้อมไปดูทางด้านหลังหน้าต่างปิด ไปเคาะประตูเรียกก็ไม่ปรากฏมีคน เดินกลับออกมาอีกห่างประมาณ ๔-๕ วา ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้นร้องครวญครางอีก แสดงถึงความเจ็บปวดอีกวาระหนึ่ง ก็กลับเข้าไปดูใหม่

อีคราวนี้เข้าไปดันประตูก็ดันไม่เข้า ขึ้นไปเปิดหน้าต่างบานใดบานหนึ่งก็เปิดไม่ออก ก็กลับถอยออกมา พอถอยออกมาสัก ๓-๔วา ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางอีก คราวนี้เอาใหม่เข้าไปดูหน้าต่างบานหนึ่งรู้สึกว่าจะอ่อนแอมาก เลยเอาไม้กระทุ้งเสียกลอนหัก เปิดเข้าไปเดินเข้าไปดูในกุฏิหลังนั้น ปรากกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย มืดไปหมด เอาไฟฉายฉายดู จะหาคนหรือสัตว์หรือแมวสักตัวก็ไม่มี ก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงที่ร้องนี้เป็นเสียงของผี




เรื่องผีนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่อาตมาพบมามากแล้วไม่รู้สึกหนักใจ เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องของผีก็เลยเดินกลับเสียงร้องก็หายไป พอกลับมาถึงกุฏิชั้นบนที่พักอยู่กับหลวงพ่อจง เมื่อขณะที่ไปปรากฏว่าหลวงพ่อจงจำวัด เมื่อกลับขึ้นมาปรากกว่าหลวงพ่อจงลุกขึ้นนั่ง อาตมาขึ้นไปท่านก็ยิ้มกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ก็นอนอยู่คนละมุมคนละด้าน

ท่านถามว่าเจอะนักเลงโตเข้าเรอะ ก็ถามว่าอะไรล่ะขอรับหลวงพ่อ ท่านก็ว่าเมื่อกี้เธอไปส้วมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านว่าใช่ ท่านก็เลยบอกว่าไม่ใช่คนหรอก นางไม้ ถามว่าหลวงพ่อทราบได้อย่างไรขอรับ เพราะกุฏิหลังนั้นอยู่ห่างไปถึง ๒๐ วา แล้วเสียงร้องครวญครางก็ไม่ดังนัก หลวงพ่อท่านก็บอกว่าฉันรู้ รู้ตั้งแต่เธอเดินไปแล้วว่าขากลับเขาจะแกล้งร้อง

ถามว่าเขาร้องทำไม บอกเขาแกล้งร้องหลอกเธอน่ะซิ แล้วถามถึงความประสงค์ ท่านบอกไม่ใช่อะไรหรอกเพราะเขารู้ว่าเธอไม่กลัวผี ก็เลยถามว่าผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นอะไร ท่านก็เลยบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นเขาอยู่ที่กุฏินั้น ฉันดูแล้วเพราะเห็นเสาตกน้ำมัน เสาด้านทิศตะวันออกมุมด้านทิศเหนือนั่นละนะแต่อยู่แถบตะวันออกเป็นเสาตกน้ำมัน เมื่อทราบแล้วก็มานอนกัน ต่างคนต่างนอน ตอนเช้าถึงเวลาฉันเช้า ถามเจ้าอาวาสว่ากุฏิหลังนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า ท่านก็ตอบว่าไม่มีใครอยู่ได้หรอกขอรับ ทั้งนี้ก็เพราะกุกิหลังนี้มีเสาตกน้ำมัน ใครอยู่ไม่ได้ พระองค์ไหนก็อยู่ไม่ได้ ถูกหลอกเสียจนอยู่ไม่ได้





ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทฟัง ก็เพื่อจะได้ทราบว่าความรู้ในพระพุทธศาสนาน่ะ ที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัทเรียนกัน ศึกษากันในด้านเจริญพระกรรมฐาน ถ้าหากว่าจิตเข้าถึงอภิญญาคือทรงกสิณ ๑๐ แล้ว ฝึกอภิญญาจนคล่องก็จะได้อย่างหลวงพ่อจงนี้แหละ หลวงพ่อจงเป็นพระอภิญญานะ เรียกว่าเป็นพระอภิญญาจริงๆ แต่สำหรับตัวท่านไม่สนใจงานก่อสร้าง ก็หมายความว่างานสร้างเป็นหน้าที่ของน้องชาย

ตัวท่านมีหน้าที่อย่างเดียวคือรับใช้ประชาชน ในเมื่อประชาชนจะไปใช้ท่านละก็ไม่ต้องห่วง เวลาไหนก็ได้ จะทำน้ำมนต์หรือตะกรุด หรือจะทำอะไรต่ออะไรก็ได้ทุกอย่าง ทำได้ทุกเวลา ไปถึงดึกดื่นเที่ยงคืนอย่างไรก็ตาม ถ้าปรากฏว่าหลวงพ่อจงตื่นขึ้นมาแล้ว ก็เป็นว่าท่านทำให้ทันที เคยถามเรื่องนี้กับท่านว่า หลวงพ่อทำไมทำอย่างนี้ครับ ท่านก็เหนื่อยแย่ซิครับควรจะมีเวลาแน่นอน

ท่านบอกว่าไม่เป็นไรหรอกคุณเราใช้หนี้เขาเสียให้หมด เราใช้เสียชาตินี้ชาติเดียวชาติหน้าจะได้ไม่มีเจ้าหนี้มาคอยทวงเรา นี่แสดงว่าท่านเป็นพระไม่ต้องการการเกิดต่อไปนะบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท สังฆัง นะมามิ



ขอขออบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาข้อมูล www.facebook.com/Legendknowledge888

ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม


เรียบเรียงโดย

ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์
-----------------------
http://www.tnews.co.th/contents/329377

 

สาธุๆๆ ขอรับ

 

สาธุครับ วัดอยู่ไม่ไกลบ้านด้วยครับ

 

ไม่มีอะไรครับ เป็นการเรียกร้องความสนใจวิธีหนึ่ง
นอกจากมาเดินให้เห็น ลอยให้เห็น หรือมาทำให้เห็น
หรือมาแอบมอง นั่งมอง..ถ้าหลอกจะไม่ใช่แบบนี้
มักจะเจอในภูมิจิตที่ยึด วัตถุก่อนเสียชีวิต
กรณีนี้ยึดต้นไม้นั่นหละครับ
แปลกอย่างหนึ่ง มักจะเป็นภูมิจิตที่เป็น ญ
ถ้าเป็น ช มักจะเฉยๆไม่ค่อยอะไร..
และถ้า ร้องไห้ กรณีหนึ่งคือ
ดวงจิตนั้นไม่สามารถเข้ามาใกล้ท่านได้นั่นเองครับ
แต่ถ้าเป็น คนทั่วไป มีศีลหน่อย รับรองมีเฮ
ถ้าเค้าเกิดชอบขึ้นมานะครับ...

 

อึ๋ย ท่านอ นพหมายความว่าไงคะ มีเฮ เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ

 

อาจโดนผีสาวสวยลวนลามนั่นหละ ๕๕๕

 

ใน กทม. ยิ่งเยอะ
พวกนี้สังเกตุง่ายๆ
จะรูปร่างผอม ได้สัดส่วนทั้งตัว ผมเส้นเล็กตรงยาว
ชุดคลุ่มสีขาวยาว คล้ายๆชุดคลุมอาบน้ำ
หน้าคมๆ..ผมแทรกกลาง
ไม่ใช่หน้าออกมีแก้ม
แต่ดูมีเหลี่ยมผมดูหนาเหมือนพวก นางไม้ห่มสไบนะ...
และผิวขาวจั๊ว
ที่สำคัญ ตรงตาดำเค้าจะสีเขียว....
บอกไว้ เผื่อมีคุณหมอที่ทำงานเจอ
จะได้บอกแกว่าไม่ต้องตื่นเต้น ๕๕๕

แต่ถ้าผิวไม่ขาว ดูเหมือนนักกีฬา
ผิวออกเขียวอ่อนๆปนคล้ำ ไม่ใส
ผมยาวแต่ว่าหยักศก ชุดขาวหลวม
หน้าตาดูออกเข็มๆ จริงจัง
เหมือนขุดคลุมอาบน้ำ พวกนี้
คือตายมานานแล้ว สวยเหมือนกัน
หน้าออกกลมๆดูใหญ่ ที่สำคัญหน้าฝากแคบ...
มักพบเจอได้ตามต่างจังหวัดทั้งหลาย

ยังมีหน้ากลมๆ ตัวเล็ก ผมเส้นเล็กยาว ผิวออก
สีเขียวอ่อนแต่ไม่ใส
พวกนี้อยู่มานานแบบเป็นประมาณหมู่บ้าน
ที่มีผู้ดูแล....มักเจอตามอดีตจังหวัด
ที่เคยเป็นเมืองหลวงมาก่อน

ยังมีพวกที่แต่งตัวเหมือนนางไม้
คือใส่สไบ เห็นใกล้ต้นไม้อย่าไปคิด
ว่าเป็นนางไม้นะ...อาจจะเป็น
พวกที่เสียชีวิตมาตั้งแต่ยุคต้นรัชกาล
พวกนี้สังเกตุง่าย ถ้าเรามองหน้า
เค้าจะดูเหมือนๆคน หน้าตา
ดูไม่มีพิษไม่มีภัย....
อาจจะเจอได้ที่ข้างบ้านคุณเอง ๕๕๕

ปล.เล่าแล้วจบ พอฮาๆเน้อ...

 

ว้าววว ท่านอ เจอมาเยอะเลยดีนะที่ไม่ใจอ่อน
ทําให้นึกถึงท่านพ่อลีกับหลวงปู่แหวนเลยค่ะ

 

สามารถเจอได้ทุกคนไม่แปลก
แค่เริ่มถือศีล ๕ ได้บ้าง
อย่างจริงๆจัง ก็เจอแล้ว...
ไม่ต้องฝึกสมาทง สมาธิอะไรหรอก
หรือมีสัมผง สัมผัส อะไรก็
เจอได้หมดแระ...
พวกนี้ เค้าจะรู้ว่า ดวงจิต
นั้นๆคิดอย่างไรกับผู้หญิงทั่วไป...
ถ้าปกติคิดดี ไม่อกุศลกับสตรีทั่วไป
ก็มีโอกาศได้เจอทุกคน...

แต่ดวงจิต ที่ชอบอ้าง ชอบยก ชอบอวด
อดีตอ้างว่า เคยเป็นโน้นนี่นั่น
หรือพวกขี้โม้ ชอบสร้างภาพโชว์ ญ
เพื่อหวังฟิตเจอริ่งสาวๆ
อย่าหวังว่า พวกนี้เค้าจะเข้ามาหา
ในชาตินี้.....เพราะพวกนี้
เค้าอ่านใจคนได้...

ปล. เล่าให้ฟัง เล่าแล้วจบ...

 

ไม่เคยเจอเลยและไม่อยากเจอด้วยค่ะแต่ก็รู้ว่าเราก็เป็นมาเยอะแล้ว รอฟังท่านอ นพเล่าดีกว่า แล้วท่านอแผ่เมตตาให้เขาไปแล้วเขาเปลี่ยน"สี"ไหมคะ

 

เรื่องที่เล่ามาก่อนหน้า
ส่วนมากเจอตั้งแต่สมัยไม่รู้จัก
การแผ่เมตตา....คือเจอ
แต่ว่ารู้สึกเฉยๆ แล้วก็ลืม
เพราะว่าเคยเจอมาตั้งแต่เด็กเลยชิน..
คือเรื่องที่เล่าตั้งแต่ สมัยละอ่อน มาเรียน กทม...

ถ้าถามเกี่ยวกับ เรื่องว่าเค้าเปลี่ยนสีไหม
แสดงว่า คงได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านมาเนาะ...


ปกติถ้าเราแผ่เมตตาได้ตอนที่เราเจอเลยนะ...
พอแผ่ไปแล้วเราจะมองไม่เห็นว่าเค้าเป็นอย่างไร
ที่เห็นกันได้ เพราะเค้ามาให้เห็นทีหลัง...

เพราะกำลังบุญที่ไป ปกตินะ มันจะเป็นเหมือนลูกโป่ง
ที่เป่าจากน้ำสบู่ แล้วลอยไปถึงดวงจิตนั้นๆ
พอได้รับแล้ว ดวงจิตนั้นๆจะกะจายตัวก่อน
หรือไม่ก็แตกตัวก่อน และจะหายยกระดับลอย
ขึ้นไปข้างบนก่อน หรือไม่ก็ถ้าได้แล้วก็หายไปเลย...

ที่เห็นเปลี่ยนสี ชุดสวยขึ้น หล่อขึ้น
คือเป็นลำดับขั้นต่อมา มาทำให้เราเห็น
ตามสัญญาการเปลี่ยนไปล่าสุดของดวงจิตนั้นๆ

บุญไม่ได้ว่า เค้าไปซึมแล้วเปลี่ยนสีเลยนะ
คือเค้าไปรวม แล้วแตกหรือแยกตัวออกก่อน
ที่มารวมเป็นสีสันสวยงาม อะไรต่างๆ
มาจากหลังจากขั้นตอนนี้...

คล้ายการหยดน้ำธรรมดา
ลงกระทะร้อนๆเปล่าๆนั่นหละ..
ประมาณนั้น
เพียงแต่ว่า การแยกตัว กระจายตัว
อาจจะดูเป็นประกาย
และดูสวยงามหน่อย..

 

คอมเม้นท์คุณ nopphakan อ่านเพลินค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

ตาก็ไม่อยากเจอเหมือนกันค่ะพี่ต้อย แหง่ม!

 

สาเหตุหนึ่งที่ดวงจิตระดับนี้ไม่สามารถ
เข้าถึงท่านได้ เพราะว่าเกี่ยวกับเรื่องบารมี
ซึ่งเป็นเรื่องของเฉพาะดวงจิตครับ
เนื่องจากกำลังบุญเค้ายังไมพอที่จะเข้ามาได้
จะติดในความยำเกรงในบารมีครับ
ยกเว้นว่าได้รับบารมี จะทำให้เค้าเข้าใกล้ได้
แต่ระดับนี้หากได้รับบารมีแล้ว
โดยมากมักจะติดในเรื่องการไป
ท่องเที่ยวนอกจากบริเวณสถานที่ๆ
ตนเองสถิตย์อยู่ครับ

 

ผีมีเลสเบี้ยนด้วยเหรอคะ
หนู เจอ คล้ายๆแบบนั้นล่ะ ชีตาเยิ้มเลย
เลยรีบบอกหนูเป็นผู้หญิงนะ กรี้ดดด อุทิศบุญไปด่วนๆ
แต่ถ้าเป้นผู้ชาย เขาจะโอเคนะคะ เขาจะขรึมๆ ก็ไม่ได้ยินดียินร้าย
บอกเป็นรุกขเทวดาบ้าง อะไรบ้าง ก็ไม่เท่าไร แต่ว่าตอนนี้ ที่มานี้ เป็น ผู้ชายใส่
ชุดขาวแบบไปถือบวชน่ะคะ ตัดผมรองทรง อันนี้เปิดกล้องคุยกะเพื่อนหรือพี่ที่เมืองไทยเขาก็เจอ
เขาชอบมานั่งสมาธิ สวดมนต์ด้วย ประจำมาเป็นระยะแล้วค่ะ แต่ไม่ฝันนะคะ
บางทีมานั่งข้างเตียง มานั่งมองหน้า มายิ้ม เหยยยอ ทีแรกนึกว่าอุปทานค่ะ
แต่หลังๆคิดว่า จะเป็นสมาชิกคนนึงเสียละ มาก็มา ไปก็ไป ... พิมพ์ อยู่ตอนนี้ ก็ แบบขนลุกๆ
แบบไม่ได้อยู่คนเดียว พยายามจะคุย ก็ คุยไม่รู้เรื่อง พอเราพูดมากๆถามมากๆ เดินผ่านประตูไปเลยมั้งล่ะ ออกนอกกำแพงหรือหน้าต่างไปมั้งล่ะ สรุป หนูคงไม่มีบุญได้คุยกะเขาใช่ไหมคะ เพราะคุยอะไร เขายิ้มอย่างเดียว เลยคิดเอาเอง เทวดามารักษาเรามั้ง แต่ มาแบบให้รู้ ..

ก็ไม่กล้าไล่เขาน่ะ รู้สึกแสงจากตัวเขาเยอะจังจนมองไม่เห็นหน้า ชุดชาวโอโม่ และถ้าหนูขี้เกียจสวดมนต์ ก็ จะโดนกระชากผมมั้ง จับข้อเท้ามั้ง ดึงผ้าห่มมั้ง หรือไม่ก็ ถอนหายใจดังๆใกล้หูให้สะดุ้งตื่น ..... เง้อ

 

รอฟังต่อค่ะ คงเจอมาเยอะ

 

สวัสดีค่ะ ไม่เจอมาเยอะหรอกค่ะ แต่ ชิน จนไม่ตื่นเต้น เท่านั้นเอง 555

กุมาร นี้ตัวดีเลย คือไปพำนักอาศัยบ้านคนที่เขาเลี้ยงไว้ไง ดีดลูกแก้วบ้างล่ะ ดึงผมบ้างล่ะ เคยกลับจากทำงานแล้ว มนขี้เกียจอาบน้ำ กระชากผ้าห่ม แล้วจะได้ยินเสียงหัวเราะ ..

เร็วๆนี้ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับวิญญาณเด็กๆดีกว่าเนาะ เผอิญ น้องคนที่ทำงานคนนึง เขาแท้งลูกเอง คือเขายังเด็กและตั้งท้องไม่รู้ตัว เราอยู่บ้านพักเดียวกันน่ะ จนเขาว่าเขาท้อง ก็ทำงานไป. มนจะสวดมนต์ประจำ ... ธรรมดาสวดมนต์จะไม่ฝัน ทีนี้ กึ่งหลับกึ่งตื่น ก็เห็นเด็กผู้หญิงห้าขวบ ยืนมองตาแป๋ว จะร้องไห้ที่ประตูห้อง ... เจ้ากุมารพี่ชายกับน้องชาย ที่เป็นแบบ มาเที่ยวอเมริกาเป็นครั้งคราว สองหล่อ ก็ บอกไปๆ พี่เค้าจะพักผ่อน ไปๆ

เด็กก็ร้องไห้ น่าสงสาร แล้วผู้ชายที่ใส่ชุดขาวแบบจะไปนั่งปฏิบัติธรรมตามวัดนั้นล่ะคนที่ชอบนั่งจ้องมนนั้นน่ะ คือจ้องกัน จน มนไม่กลัวละ โอเค เฮียจะอยู่กะมน เชิญ 55
เฮียแก ก็เดินมาจูงเด็กคนนั้นบอกไปเล่นข้างบน ไม่ร้องไห้นะ (ห้องมนอยู่ใต้ดินค่ะ) เด็กก็ตามเขาไป....

มนก็เลยแผ่เมตตาให้ วันต่อมา น้องมันบอกว่า แท้ง ละพี่ จะลางาน ไปรพ น่ะ แท้งแบบหลุดมาเอง น่ะ คือน้องมันดันตั้งท้อง ช่วงก่อนที่ แฟนจะกลับไทยไปบวชได้ เดือนเดียว
เจ้าทิดสึกกลับมา ทำหน้าไม่ถูก แต่ทั้งคู่ก็อายุเด็กอยู่นะ ....

บางวันลูกน้องคนนั้นก็พาเด็ก หรือ กุมารเรา วิ่งเล่น พาพวกวิญญาณมาที่ร้านบ้าง ที่บ้านบ้าง ... ร้านก็ขายดี แต่ ซน พวกคนงานยันเจ้าของก็ฝัน ... น้องมันก็เลยบอกว่าถ้ามีบุญมาเกิดใหม่นะ ขอโชคลาภ ก็ถูกหวยอเมริกากันพอหอมปากหอมคอ แต่มนไม่เล่นหวยแต่ได้อานิสงส์ของกินแทนเพราะพอเขาถูกหวย เขาก็เลี้ยงอาหารกัน ครึกครื้นกันไป ...

กุมารสองพระหน่อจากไทยแลนด์ คือ อยู่ไทยเขาตามพี่ชายมาน่ะตอนพี่ชายไปทำบุญ น้องไห้แงๆขอมาอยู่ด้วย ก็ถ้ามีอะไรพิเรนทร์ๆ พี่ชายมนก็จะส่งมาดู มาอยู่น่ะ ปกติค่ะ ทีนี้ ชักติดใจไง มาบ่อย เพราะขนมนมเนยและสนามเด็กเล่นเยอะแถวนี้น่ะ เหอๆ จริงๆส่วนตัวสงสารพวกกุมาร วิญญาณเหล่านี้มากๆเหมือนโดนจับกักขัง เขากลัวท้าวเวสสุวรรณมาก เวลาจะมาที จะมาบอก “พี่มน เก็บท้าวเวสสุวรรณหน่อย พวกหนูกลัว หนูจะไม่ดื้อ”
ฮะ นี้ซ่อนของ แกล้ง ขนาดเอามือถือ ไป ทิ้งในถังขยะ ตอนมน บ่น “โอ้ยย อยากได้มือถือใหม่” รุ่งเช้า จะหาโฟน นู้น เป็นบ้าหาแทบตาย ไปอยู่ในถังขยะ.... เจอมน ตีตูด ไปร้องไห้กลับไปหาพี่ชายจนเขาขำกลิ้ง...

ยังไม่เร้าใจ .....ลูกเจ้าน้องที่แท้ง ก็วิ่งไง เสียงเด็กวิ่ง พ่อแม่มันเองยังกลัว มันว่า พี่มนน่ะ ไปอนุญาต เขาก็เข้ามาได้... ก็สงสารแต่ยังไงนะพอโดนดุ ก็นั่น โดนยืนทำโทษอยู่หน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ ... มนก็ สวดมนต์ แผ่ให้ ใช้บารมีหลวงปู่ ปรับภพภูมิ ..แต่เขาจะไม่ค่อยกล้าเข้าห้องมนนะ จะนั่งหน้าห้อง
เขากลัวอาเฮียชุดขาวนั้นน่ะ

จนวันนึง วิญญาณเด็กผู้หญิงคนนั่น หน้าตาอิ่มเอิบ มน เดาว่าคงได้รับบารมีจากหลวงปู่และกุศลที่มนพยายามตั้งใจทำและแผ่เมตตาให้ ไปๆมาๆ บอกว่า “ พี่จ๋า ขอบคุณ
พี่จ๋า หนูอยากเกิดเป็นลูกพี่ หนูจะได้มีบุญบ้าง” 5555555 สะดุ้งตื่นเลย
ห่านนน แค่ตัวเองยังเอาไม่รอด แก่แล้ววว
พอเหอะ รีบบอกเลย ไปเข้าท้องนู้นเลย เมียเจ้าของร้านนั้น เขาอยากได้ลูกสาว อย่ามามีกรรมเป็นลูกสาวพี่เล้ยย หาพ่อดีๆมันยังยาก
น้องอย่าคิดลำบากมาเกิดกะพี่เลยนะ อีกอย่าง พี่ไม่ใช่พระแม่มารี อยู่ๆจะมาจุติ แบบไม่ได้ฟีเจอริ่งกะใคร ก็คงไม่ได้ ...

ร้อยเหตุผล แทนที่จะไป เจือกมาฝันเดิมๆ
ช่วงนั้น จะหวาดกลัวตัวผู้ที่เข้ามาใกล้มาก 5555 ยิ่งฝันเลอะเทอะ ขนาดคาถายันทุนยังไม่อยู่ ฝันถึงขนาดคลอดลูก ตั้งท้อง เลี้ยงเขา อยู่กะพ่อของลูก ที่มนไม่เห็นหน้าพ่อเด็ก คือ มโนของวิญญาณ มาอะไรในฝันชั้นวะนี้ สยึมกึ๋ยมั้ยคะ ถ้าฝันอยู่กะหนุ่มในสเปคแล้วแต่งงานมีลูกก็อีกเรื่อง ดันข้ามฉอต ว่า ท้องเลย อุ้มลูก มีสามีเลย สามีเป็นใครก็ไม่รู้ ? คิดแล้วหัวเราะ วิญญาณอยากได้บุญเลยมาขอเป็นลูกจริงๆ ตอนนี้ น้องไม่อยู่ละ นัยๆว่าเขามาลาไปเกิดกะครอบครัวแถวนี้ล่ะ แถวบ้านมน...


จบพอกลับแกล้ม ค่ะ อมยิ้มกันไปนะ
เล่าสู่กันฟังค่ะ ขำขำ ไม่เครียดนะ

 

เอ่อๆๆ ไม่เคยเจอผีเลสเบี้ยน หรือผีตุ๊ด ผีกระเทย เลยนะ ๕๕

เคยเจอแต่ผีหน้าเหมือนกระเทย พวกที่ทำงานแบบสายกลางคืน

เหมือนๆที่พัทยา หรือ สายอโคจร ทั้งหลายนั่นหละ

เหมือนๆพวกนี้เค้าจะมีความมั่นหน้าอยู่ในตัวเองนะ.....


ถ้าปกติคนคุยกันสองคนถ้ายิ่งเปิดกล้องคุยและคุยเรื่อง

เกี่ยวกับการปฏิบัติด้วยแล้วนะ ระดับที่อาศัยอยู่

ระดับเดียวกันกับเราจะชอบมาฟัง มาแอบดู เป็นเรื่องปกตินะ

หรือบางทีมีใครแสดงอะไรพิเศษ ยิ่งจะดูกันใหญ่ ประมาณว่า ทำไร้แว๊.....

ถ้าใครตาดีก็จะพอมองเห็นได้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งเค้าก็จะมาตอนนี้หละ

เพราะว่า ถ้าเป็นตอนที่เรากำลังนั่งสมาธิ เค้าจะเข้ามาดูยาก

ยิ่งถ้าฝึกกรรมฐานพิเศษ จะดูไม่ได้เลย เพราะว่ามันมีผลกระทบ

ต่อจิตเค้า(ถ้าเป็นคนก็คือจะแสบตา)

...ดังนั้นมักจะสัมผัสก่อนที่เราจะฝึกสมาธิอย่างเป็นทางการนี่หละ

ถามว่า ทำไมต้องให้เรารู้ ก็จะได้อานิสงค์จากการปฏิบัติเรา

ได้แล้วเอาไปทำอะไร ถ้ายังไม่ถึงวาระเปลี่ยนภพภูมิ ก็จะทำให้เค้า

ไปไหนมาไหนได้ไกลขึ้นนั้นเอง เพราะปกติทั่วๆไป แค่ออกไปพ้น

บริเวณที่ตนเองยึดสถิตย์ไว้ ไม่กี่เมตรเค้าก็จะหมดแรง ข้าวเหนียวหมูปิ้งแล้ว...


ส่วนเรื่องการคุยไม่เกี่ยวกับมีบุญไม่มีบุญ หรือว่าจะต้องมีความเทห์ หรือเป็น

คนที่ดีประเสริฐอะไรนะ มันเป็นลักษณะทีเป็นไปตามเนื้อหาเดิมของจิตนั้นๆ

ว่าเคยสะสม เคยฝึกมาทางด้านการสื่อสารหรือเปล่า

ถ้าพวกที่อ้างๆว่า คุยโน้นนี่ได้ (ส่วนมากร้อยละ ๙๙ จะเป็นร่างทรงแสดงก้ามตูด)

เพราะผีคุยกับผีรู้เรื่องไง มีแค่ส่วนน้อย ที่มีแบ๊ก ส่งผ่านแบ๊ก

ที่อยู่ใกล้ๆตน (เรียกว่า ส่วนที่ดี แต่น้อยมาก) ส่วนถ้าคนปกติมนุษย์ ทั่วไป

บางคน ก็คุยได้เลย โดยไม่ต้องอะไรมาก็มี


แต่สำหรับคนที่เคยฝึกมาแล้ว การจะมีความสามารถในการคุยได้

แบบเราคุยกับคนทั่วไปนั้น หรือเรียกว่า ระดับใช้งานได้

จะต้องผ่านกิริยาต่างๆทางด้านเสียงมาก่อน ไม่ว่าเสียงจากภายในกาย

เสียงที่มาจากภายนอก จนถึงในระดับ ได้ยินผีคุยกัน เหมือนเราได้ยิน

คุนคุยกันปกตินั่นหละ ถึงจะใช้งาน จะบอกว่า คุยได้หรือไม่ได้

อย่าไปสนใจเลย ถือว่า หนุกหนานไป วันๆพอ

เพราะแม้ว่า จะได้ยินเสียงระดับสูงสุด ถึงร่างสุด

ได้ยินเสียงปลีกแมลงชัดเหมือนฝูงผึ้งบิน

หรือแม้จะเข้าใจ ว่ามดมันคุยอะไรกันได้

ก็ยังไม่มีว่า เป็นความสามารถในระดับใช้งาน

เกี่ยวกับทางเรื่องของเสียง พอนึกภาพออกไหม.....


แต่มีทริคอย่างหนึ่งก็คือ การที่เค้าจะคุยกับเราได้นั้น

มันต้องอาศัยกำลังเหมือนกัน

เพราะฉนั้น ควรอุทิศบุญให้ไปก่อน และบอกด้วยว่า

ให้ใช้กำลังบุญนี้ เพื่อแปลงเป็นการสื่อสารระหว่าง

ตัวเค้ากับตัวเรา วิธีนี้ก็มีโอกาสที่จะคุยได้

เพื่อว่า จะถามเรื่อง ผู้บ่าว เห้ย !! ไม่ใช่ เรื่องหวย เห้ย ! บ่ แม่น

ก็แล้วแต่ว่า อยากจะรู้เรื่องอะไรนั่นหละ......


ปล.เอาว่าถ้าเป็นมิตรก็ไม่มีอะไรหรอก ทำบุญให้บ่อยๆ

ในระดับป้องกัน คุ้มครองเรา โดยมากเราจะเห็นได้ยากอยู่

ทั่วๆไปไม่มีอะไร พอขำๆเด้อ...

 

ขอบคุณค่ะ

หนูมนขอบคุณค่ะ เพราะชอบคุยกับนก กับแมลง หมาแมว คุยรู้เรื่องคือจ้องตาไปที่เขาตั้งสมาธิ จิตเป็นเมตตา กับ ผี ไม่เคยขนาดนั้น คิดว่าอุปทานมากกว่าค่ะ

หนูมนบุญไม่ถึงฝันเห็นเทพเทวา ก็ฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่อง.... อันนี้ ขำขำ นะ อย่าเพิ่งด่ากัน
คือ ฝันว่า มากอดเรา คือ พรอดรัก พูดอะไรวะฟังไม่เข้าใจ เลยสวดมนต์นะในฝัน กอดเราแน่นแบบจะจากกัน ฝันอยู่ไม่กี่ครั้งค่ะ แต่ช่วงนั้นสวดมนต สามสี่ชั่วโมงนะทำบุญเยอะ
แปลกใจไม่น่าจะเลอะเทอะ แต่ก็เก็บเอาไว้ แค่นั้นน่ะ ไม่ได้จริงจังว่าเราเคยเป็นอะไร จะเป็นอะไรหรอกนะคะ... ฝันก็คือฝัน มันไม่มีวันเป็นจริง ความจริงคือ ตื่นมาทำมาหากินไง


แต่ที่สนุกสนาน คือ หนูมน ออกจากบ้านทีไร จะมีนกอินทรีย มาบินวน เรียกก้อมา ขับรถไปไกลๆ จะบินนำหน้ารถเสมอ เหมือนผีเสื้อ จะบินมา ตอม ทีเเรกคิดว่าน้ำหอมที่ใส่ หลังๆ ตอมทั้งผีเสื้อกลางวันและผีเสื้อกลางคืน ก้อยังดีกว่า แมงสี่ แมงวันอะนะ 555 คือ ไปเจองู เจอกวาง เจอเต่า เจอกระรอก ก้อชอบนั่งคุย
เขาก็รู้เรื่องนะ มีความสุข กว่าคุยกัคน

ก้อคงงด สุงสิงกะคนแล้วล่ะ ปล่อยฟุ้งซ่านกระแสกิเลสกะคน ไปเยอะ พอ จริตไม่ตรงก้อด่าเรา. แต่สื่อสารกะวิญญาณ เขา น่าสงสาร อาจเพราะเรากำพร้าพ่อแม่ เราเลยเข้าใจพวกกุมารมั้ง เด็กมันรู้ว่าหน้าดุแต่ใจดี

แต่ที่ได้ผล คือ ยุง แมลงสาบ ยุงป่า หนูมน บอกเขาว่า ให้กัดได้ทีเดียว จะไม่ฆ่านะ สงสาร จงนำบุญที่เราทำแล้วปรับภพภูมิต่อไปไม่ต้องเกิดมาเป็นเดรัจฉานอีก นะ ..
แมงสาบหายไปหมดเลย ..... เคยคุยกะมด จนมดหยุดเดิน เพื่อนๆ ก้อ อเมซิ่ง ว่า ไอ้นี้บ้า
คุยจน มดทั้งขบวน หยุดเดิน แล้วตาย... เอ้า

สุดท้าย ดีใจ ที่มีคนเข้าใจค่ะ

“ให้มีสติกับคืนวัน และอยู่กับปัจจุบันอย่างตื่นรู้”

ขออนุโมทนากับบทความของคุณทุกบทความ
สมกับเป็นผู้ที่เจริญแล้ว ถ้อยคำภาษา คือผู้มีจิตที่ขัดเกลา สำรวมและเจริญสติ

สวัสดิรักษา ค่ะ

 

อยากรู้ว่าสัตว์คุยอะไร ให้ฟังตอนที่มันเอาอวัยวะกระทบกัน จริงๆมันคุยกันซ้ำๆเป็นประโยคสั้นเดิมๆ อยากคุยกับสัตว์เดี่ยวๆ
ต้องเข้าไปผลักจิตมันให้ขยายราบอบนออกไป ที่ขึ้นมากลางที่ขยายราบแล้วผุดมากลางใจเราคือสิ่งที่มันคิด
ไม่ได้แนะนำ ไม่ได้สอน แค่เล่าให้ฟัง ๕๕๕