ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQAbaWNVaZNZYrac&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs3.reutersmedia.jpg
    (Jan 23) รายงาน: เสียงเตือนจาก 'ดาวอส'" : กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ลดประมาณการเติบโตทั่วโลกเมื่อวันจันทร์ และผลสำรวจจากพีดับเบิลยูซี ชี้ว่า ซีอีโอบริษัทต่าง ๆ มีมุมมองในด้านลบมากขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าและความไม่แน่นอนตั้งเค้าเหนือการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีของมหาอำนาจและคนรวยที่ใหญ่สุดของโลก

    ประมาณการอันหดหู่ของไอเอ็มเอฟที่เปิดเผยก่อนการประชุมสภาเศรษฐกิจโลกที่ดาวอสย้ำให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายกำลังเผชิญกับความท้าทายในขณะที่กำลังจัดการกับวิกฤติที่เกิดขึ้นจริงและที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น ตั้งแต่เรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจนถึง Brexit

    คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟกล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมาสองปี เศรษฐกิจโลกกำลังโตช้ากว่าที่คาดมากขึ้นและความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่ากำลังจะเกิดภาวะถดถอย เพียงแต่มีความเสี่ยงมากขึ้นอย่างแน่นอนที่การเติบโตทั่วโลกจะลดลงอย่างรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายเตรียมรับมือกับ “การชะลอตัวลงอย่างรุนแรง”

    ลอร่า ชา ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง กล่าวว่า มีตัวแปรและความไม่แน่นอนหลายอย่างทั่วโลก ตั้งแต่ความตึงเครียดทางการค้าจนถึงการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์การเมือง ดังนั้นจึงไม่สามารถควบคุมกิจกรรมและความเชื่อมั่นในตลาดได้

    การลดเกรดของไอเอ็มเอฟส่วนใหญ่สะท้อนถึงสัญญาณของความอ่อนแอในยุโรป โดยเยอรมนีซึ่งเป็นมหาอำนาจในการส่งออกได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรฐานค่าก๊าซไอเสียใหม่แก่รถยนต์ และอิตาลีได้รับแรงกดดันในตลาดเนื่องจากมีความขัดแย้งเรื่องงบประมาณระหว่างรัฐบาลโรมกับสหภาพยุโรป

    ธนาคารระดับโลกยังได้อ้างว่า การชะลอตัวมากกว่าคาดของเศรษฐกิจจีนและความเป็นไปได้ที่อังกฤษจะออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง เป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มและอาจทำให้ความวุ่นวายในตลาดเลวร้ายมากขึ้น

    ผลการสำรวจของบริษัทพีดับเบิลยูซี ต่อผู้บริหารเกือบ 1,400 คน พบว่า 29% เชื่อว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะลดลงในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 และในขณะที่ผู้นำธุรกิจในสหรัฐมีการเปลี่ยนแปลงเด่นชัดที่สุด ซีอีโอที่คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากทั่วทุกภูมิภาค

    บ็อบ มอริตซ์ ประธานคณะกรรมการบริหารทั่วโลกของพีดับเบิลยูซี กล่าวว่า ผลสำรวจนี้ค่อนข้างสวนทางจากปีที่ผ่านมาและมีอารมณ์ขุ่นมัวมากขึ้นในทุกที่ทั่วโลก โดยความตึงเครียดทางการค้าและลัทธิปกป้องการค้าเป็นเหตุผลที่ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง

    ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทั่วโลกได้เขย่าตลาดและบีบให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสัญญาณที่อ่อนแอมากขึ้นในจีนและวิกฤติที่เกิดจากความขัดแย้งทางการค้าของจีนและสหรัฐ

    ข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนเย็นลงในช่วงไตรมาสสี่เนื่องจากดีมานด์ในประเทศลดลงและบอบช้ำจากภาษีสหรัฐซึ่งฉุดการเติบโตในปี 2561 ให้ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ

    ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ก็มองว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้รับแรงกดดันที่จะต้องคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไว้ต่อไป

    ไอเอ็มเอฟลดการเติบโตของยูโรโซนและประเทศกำลังพัฒนา แต่ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ นอกจากนี้ยังได้คงประมาณการเติบโตของจีนเหลือ 6.2% ทั้งในปีนี้และปีหน้า แต่กล่าวว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจไม่เป็นไปตามที่คาด หากยังคงมีความตึงเครียดทางการค้าต่อไปแม้ว่ารัฐบาลจีนพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายด้านการคลังและการปล่อยกู้ของธนาคาร

    ไอเอ็มเอฟ เตือนว่า ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเศรษฐกิจจีน อาจทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดการเงินและตลาดโภคภัณฑ์อย่างกะทันหันและในวงกว้างเหมือนอย่างที่เราได้เห็นในปี 2558-2559 ซึ่งจะทำให้หุ้นส่วนการค้า ผู้ส่งออกโภคภัณฑ์ และตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ได้รับแรงกดดัน

    การเคลื่อนไหวของไอเอ็มเอฟ ผลสำรวจของพีดับเบิลยูซี และรอยเตอร์ และความเห็นของธนาคารระดับโลกในการประชุมที่ดาวอส เป็นการย้ำเตือนว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ไม่น่าจะสดใสอย่างที่ตั้งตารอเสียแล้ว

    Source: ข่าวหุ้น

    - IMF, CEOs sound warnings as leaders gather in Davos
    https://www.reuters.com/article/us-...n8UZOypL4QDEbn6RwK0tfCydanciNhkAwkjK7-oZy_-44
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    rces%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F01%2F16%2F105680550-1547601432729gettyimages-903712852.1910x1000.jpg
    (Jan 23) เผย10ชาติแหล่งเพาะมหาเศรษฐีโลกอีก5ปีข้างหน้า : เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจอย่างสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น มีสัดส่วนมหาเศรษฐีโลกสูงที่สุด แต่หากพูดถึงโอกาสสร้างเศรษฐีใหม่ ประเทศที่จะมีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากใน 5 ปีข้างหน้า กลับกลายเป็นม้ามืดที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง

    เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานอ้างข้อมูลจาก “High Net Worth Handbook 2019" ของบริษัทวิจัยความมั่งคั่ง “เวลธ์เอ็กซ์” ศึกษาบุคคลที่มีสินทรัพย์สุทธิสูง (1-30 ล้านดอลลาร์) กว่า 540,000 คน เพื่อคาดการณ์แนวโน้มความมั่งคั่งโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า วัดจากระดับความมั่งคั่งในปัจจุบัน คาดการณ์จำนวนประชากร และโอกาสการลงทุนในอนาคต

    ผลการศึกษาพบว่า ประเทศที่มีประชากรมั่งคั่งขึ้นมากที่สุด เป็นประเทศตลาดเกิดใหม่ในแอฟริกา เอเชีย และยุโรปไม่กี่ประเทศ โดยไนจีเรียจากแอฟริกาตะวันตกครองแชมป์ ระหว่างนี้ถึงปี 2566 จะมีประชากรมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดปีละ 16.3% รองลงมาคืออียิปต์ 12.5% และบังกลาเทศ 11.4%

    ประเทศร่ำรวยอยู่แล้วอย่างสหรัฐและจีน ที่มีมหาเศรษฐี 8.7 ล้านคน และ 1.9 ล้านคนตามลำดับยากที่จะทำได้แบบเดียวกัน แม้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตมากก็ตาม

    นอกจากนี้ รายงานค้นพบข้อมูลแปลกๆ ที่น่าสนใจบางอย่าง เช่น โปแลนด์และเคนยา ถือเป็นเคสที่น่าประหลาดใจ เพราะที่ผ่านมาสองประเทศไม่เคยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ชั้นนำเหมือนกับบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ที่เรียกกันว่า “บริกส์” หรือ เม็กซิโก อินโดนีเซีย ไนจีเรีย และตุรกี ในนามกลุ่ม “มินต์”

    รายงานตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การจัดอันดับประเทศท็อปเท็นที่มีประชากรมั่งคั่งสูงเพิ่มจำนวนขึ้นเร็วที่สุดมีความหลากหลาย “หากวัดจากเศรษฐกิจเราคาดว่าประเทศที่ร่ำรวยน้อยจะมีคนมั่งคั่งน้อย แต่โปแลนด์กับเคนยาพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เช่นนั้น”

    หากพิจารณาจากแหล่งที่มีความมั่งคั่งของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ประเทศที่ร่ำรวยสินค้าโภคภัณฑ์อย่างไนจีเรียและอียิปต์ สามารถสั่งสมความมั่งคั่งจากการส่งออกพลังงานขณะที่บังกลาเทศ ที่มีประชากรร่ำรวยสุดๆ (สินทรัพย์สุทธิมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์) โตเร็วมากที่สุดในโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว และเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    เวียดนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเคนยา ก็เป็นประเทศที่ได้รับผลจากการลงทุนเชิงโครงสร้างเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ยูเครนและโปแลนด์ได้ประโยชน์จากการเติบโตของภาคเทคโนโลยีช่วยหนุนเศรษฐกิจ

    ส่วนจีน ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะเศรษฐีใหม่ยังได้ประโยชน์ต่อไป จากนโยบายเศรษฐกิจแห่งชาติอย่างครอบคลุมของรัฐบาลคาดกันว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าเมืองมั่งคั่งสุทธิสูง 40 เมืองทั่วโลกจะอยู่ในจีนถึง 32 เมือง

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824934

    - These countries are set to see their millionaire populations skyrocket in the next 5 years:
    https://www.cnbc.com/2019/01/16/cou...jp_OizWZ5nZ1Fjf0ENLWqt7qj1nb0JGWMlTCEGyeKNnD8
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    82&url=https%3A%2F%2Fwww.dailynews.co.th%2Fadmin%2Fupload%2F20190123%2Fnews_lWYgHgabOE164812_533.jpg
    (Jan 23) ศก.โลกดิ่งคาดกดส่งออกโตต่ำ 3.8%: ธปท.ประเมินเศรษฐกิจโลกชะลอทิศทางเดียวกับไอเอ็มเอฟ ปรับคาดการณ์ส่งออก 3.8% ต่ำกว่ากระทรวงพาณิชย์

    นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกรอบล่าสุดของไอเอ็มเอฟในภาพรวมเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ ธปท. ประเมินไว้ ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะชะลอลงจากปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยหลักจากเครื่องชี้เศรษฐกิจที่มีทิศทางชะลอลงแรงในช่วงท้ายปีที่แล้ว ประกอบกับความชัดเจนขึ้นของผลกระทบของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และแนวโน้มความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป

    "การชะลอลงของเศรษฐกิจโลกเป็นสาเหตุหลักที่ ธปท. ปรับลดประมาณการการส่งออกสินค้า และอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งในปีที่แล้วและปีนี้ลง โดยในปีนี้ ธปท. มองอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่ 3.8% ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่าไอเอ็มเอฟคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 63 ไว้ที่ 3.6% ซึ่งสูงกว่า 3.5% ในปีนี้เล็กน้อย ชี้ว่าไอเอ็มเอฟไม่ได้มองว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงต่อเนื่อง"

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์

    ข่าวไอเอ็มเอฟ
    - ไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจโลกปีนี้เติบโตเหลือ 3.5%
    https://www.voathai.com/a/world-eco...3QKfD-_ElwyWsXylmR8pWocdh5MZ1Q0ZybxfsWBnXPh5w
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    -fdxzp_NOvCRhb1qKtiWLMNfvqa3j-h-rr6MZWpc6OHdWpSPa6Pedhlofy6D9QsBJ57Z1sxWA&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 23) กกต. ประกาศให้ '24 มี.ค.62' เป็นวันเลือกตั้ง: กกต. เคาะแล้ว "24 มี.ค.62" เป็นวันเลือกตั้ง เตรียมส่งรัฐบาลประกาศในราชกิจจานุเบกษา รับสมัคร ส.ส.4-8 ก.พ. ประกาศรายชื่อผู้สมัคร 15 กพ. ลงคะแนนนอกราช 4 -16 มี.ค. ลงคะแนนนอกเขต 17 มี.ค.

    เมื่อวันที่ 23 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ล่าสุด กกต. เคาะแล้ว "24 มีนาคม 2562" เป็นวันเลือกตั้ง เตรียมส่งรัฐบาลประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกำหนดวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร์ วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ ประกาศรายชื่อผู้สมัคร 15 กุมภาพันธ์ ลงคะแนนนอกราชอาณาจักร 4 - 16 มีนาคม และลงคะแนนนอกเขต 17 มีนาคม

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/825013
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    LBH1Ch0qGWEt1hA5PBwx-tHWCBr4nEDTBSByBiYmYmx9Tpv9l31S32JFo7_ZJhlE9HLThY9bw&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 23) ธปท. ชี้สงครามการค้าส่งผลต่อการค้าโลกโดยรวม แนะผู้ส่งออกประกันความเสี่ยง: นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินภูมิภาค อันเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สรอ. จากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐเป็นสำคัญ (ภาพประกอบ) ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุนของโลกโดยรวม

    มองไปข้างหน้า ในภาวะที่ปัจจัยภายนอกยังมีคาวมไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงของค่าเงิน ซึ่งอาจทำได้หลายวิธี อาทิ การทำ forward และ option เพื่อประกันความเสี่ยง การฝากเงินเข้าบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) หรือการเลือกกำหนดราคาสินค้า (invoice) ในสกุลเงินท้องถิ่นแทนการใช้เงินดอลลาร์ สรอ. เป็นหลัก

    ช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ประกอบการไทยจะได้ใช้ประโยชน์จากช่วงจังหวะนี้ นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อยกระดับผลิตภาพ (productivity) ลดต้นทุน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทย และจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยมีอำนาจในการกำหนดราคา (pricing power) ได้ดีขึ้น

    Source: BOT
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    2562%2001%2023%20%20global%2001.jpg

    2562%2001%2023%20%20global%2002.jpg

    (Jan 23) จดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการนโยบายการเงิน: เรียนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก่อนอื่นกระผมขอแสดงความชื่นชมท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธาน กนง.

    รวมถึงผู้บริหารระดับสูงทุกท่าน ที่ได้เชิญกระผมเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) และให้เกียรติเป็นประธานการประชุมและตอบคำถามด้วยตนเอง

    เนื้อหาสำคัญของการประชุมครั้งนี้ อยู่ในช่วงถามตอบ โดยกระผมได้มีโอกาสเรียนถามท่านผู้ว่าฯ และผู้บริหาร โดยคำถามสำคัญที่กระผมใคร่ขอเรียน กนง. ในจดหมายนี้คือ

    1. มองระยะยาว เงินเฟ้อเราต่ำกว่าเป้าหมายมาตลอด 4 ปี ดัชนีค่าเงินบาทที่เปรียบกับเงินสกุลคู่ค้าและคู่แข่ง (NEER) แข็งค่าต่อเนื่อง 16% ในรอบ 5 ปี ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง 7 ปี ติดกัน GDP ไทยโตต่ำสุดในอาเซียน บ่งชี้ว่านโยบายการเงินเราตึงตัวเกินไปหรือไม่และ

    2.ประเด็นเสถียรภาพการเงินที่ทาง ธปท. เป็นห่วงไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนของบริษัทขนาดใหญ่ และการปล่อยกู้ของสหกรณ์นั้น มีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเท่ากับช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งไหม

    ท่านผู้ว่าฯ ได้กรุณาตอบคำถามของกระผม โดยแบ่งเป็นประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

    1.เรื่องเงินเฟ้อไทยที่ต่ำกว่าเป้าหมายมาตลอดนั้น มาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างเป็นหลัก เช่น เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลง และเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ถูกลง ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลหากเงินเฟ้อจะต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งเป็นการกล่าวเป็นนัยว่าเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าเป้าไม่ได้มาจากนโยบายการเงินที่ตึงเกินไป

    2.ในประเด็นดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ที่แข็งค่าต่อเนื่องในรอบ 5 ปี ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องนั้น ทาง ธปท. เชื่อว่าหากการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในระยะต่อไปเกินดุลลดลง ซึ่งจะลดแรงกดดันเงินบาทที่แข็งค่าในระยะต่อไปได้

    3.ประเด็นที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียนนั้นธปท. เห็นว่าปัญหาหลักมาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ไม่สามารถแก้ได้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว

    ด้วยความเคารพ กระผมเห็นว่า มุมมองเช่นนั้นเป็นการมองแต่ละปัญหาแยกจากกัน ไม่ได้มองเป็นองค์รวม เปรียบเสมือนการมองต้นไม้ทีละต้น ทำให้ไม่เห็นป่าทั้งป่า โดยกระผมมองว่าสภาวะ 4 ประการ อันได้แก่ (1) เงินบาทแข็งค่าเกินไป (2) ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลต่อเนื่อง (3) เงินเฟ้อต่ำกว่าเป้า และ (4) การลงทุนในประะเทศที่ต่ำต่อเนื่อง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง

    ปัญหาเหล่านั้นเกิดจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวเกินไป อันได้แก่ (1) ดอกเบี้ยที่สูงจนเกินไป และ (2) ค่าเงินที่แข็งค่าจนเกินไป โดยนับตั้้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ประเทศไทยเริ่มเกินดุลการค้าต่อเนื่อง เดือนละประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกและท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และจากเศรษฐกิจที่ชะลอลงจนทำให้การนำเข้าลดลง ทำให้ในปัจจุบันเกินดุลสะสมถึงปัจจุบันถึงประมาณ 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณเกือบ 35% ของ GDP เลยทีเดียว)

    การเกินดุลระดับสูงเช่นนี้ควร Offset ด้วยเงินทุนไหลออกจากดุลเงินทุนเคลื่อนย้าย (เพื่อให้ดุลการชำระเงินสมดุล) แต่ดอกเบี้ยที่สูงเกินไปก็ทำให้เงินในประเทศไม่ไหลออกอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลให้เงินไหลเข้าสุทธิ เงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง โดย NEER ของไทยที่แข็งกว่า 16% เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ดี และหากพิจารณาค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในช่วงดังกล่าว จะเห็นว่าบาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าไปประมาณ 4% แต่ค่าเงินภูมิภาค เช่น จีน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น หรืออินโดนิเซีย อ่อนลงในระดับ 5-52% ทำให้ไทยเสียเปรียบความสามารถในการแข่งขันอย่างรุนแรง

    เงินบาทที่แข็งเกินไป ทำให้รายได้ผู้ส่งออกในรูปเงินบาทต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้กำไรมีแนวโน้มลดลง ผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันกับต่างประเทศจึงกดค่าจ้างเพื่อให้ผลกำไรยังแข่งขันได้ ขณะเดียวกัน รายได้ของผู้ส่งออกสินค้าเกษตรที่ได้เป็นเงินบาทก็ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้รายได้ของลูกจ้างและเกษตรกรอยู่ในระดับต่ำ

    เมื่อรายได้ของประชาชนในประเทศน้อย การใช้จ่ายก็น้อยลงตาม เป็นผลให้ตลาดในประเทศซึมเซา ซึ่งเมื่อรวมกับผลจากภาวะสังคมสูงวัย (Aging Society) ก็ยิ่งทำให้ศักยภาพของตลาดในประเทศต่ำลง ผู้ผลิตก็ไม่อยากที่จะลงทุนเพิ่ม ทำให้การลงทุนไทยต่ำที่สุดในอาเซียน โดยในช่วง 7 ปีที่่ผ่านมา การลงทุนรวมของไทยขยายตัวเพียง 11.1% ต่ำกว่าประเทศในเอเชียที่การลงทุนขยายตัวที่ 13.6%-101.4% ในช่วงดังกล่าว

    กนง. ทุกท่านคงทราบดีว่าการลงทุนเป็นเมล็ดพันธุ์ของการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต การลงทุนที่ต่ำก็ย่อมหมายถึงอนาคตของเศรษฐกิจไทยที่มืดมนเช่นกัน

    การแก้ไขปัญหานี้จะต้องผลักดันให้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น โดยการทำให้ (1) เงินบาทอ่อนค่า (อย่างน้อยให้อยู่ในระดับเดียวกับภูมิภาค) และทำให้ (2) ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินถูกลง ผู้ผลิตกู้ยืมเงินง่ายขึ้น ช่วยลดอุปสรรคด้านการลงทุนบ้าง

    ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า จะทำให้รายได้ผู้ส่งออกในรูปเงินบาทมากขึ้น ผู้ส่งออกก็มีเงินมาจ่ายค่าจ้างมากขึ้น รวมถึงเกษตรกรผู้ส่งออกก็จะมีรายได้มากขึ้น การใช้จ่ายในประเทศก็จะมากขึ้น ตลาดในประเทศก็จะเริ่มกระเตื้องขึ้น ผู้ผลิตก็จะหันกลับมาลงทุนในประเทศมากขึ้น การลงทุนก็จะสูงขึ้น ศักยภาพเศรษฐกิจในประเทศก็จะกระเตื้องขึ้น

    กระผมมองว่า สาเหตุที่ ธปท. ดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว (ค่าเงินแข็ง/ ดอกเบี้ยสูง) เป็นเพราะว่ากังวลเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ กระผมจึงมีคำถามว่า ธปท. ได้มีการพิจารณาข้อดีข้อเสีย (Trade-off) ระหว่างการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่ลดลงต่อเนื่องหรือไม่อย่างไร

    ท้ายที่สุด ผมขอเรียน กนง. ทุกท่านว่า สิ่งที่อยู่ในมือของท่านข้างหนึ่งคือเสถียรภาพของระบบการเงินไทยที่ยังไม่เป็นความเสี่่ยงมากนัก แต่อีกข้างหนึ่งคืออนาคตของลูกหลานคนไทยที่กำลังหล่นหายไปในกระแสการแข่งขันของโลกอันเชี่ยวกราก ขณะที่ท่านมีเครื่องมือที่จะช่วยลูกหลานไทยในอนาคตได้

    ท่านจะเลือกข้างใด โปรดพิจารณาให้รอบคอบ เพราะเดิมพันนี้สูงยิ่งนัก

    จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

    ด้วยความเคารพอย่างสูง

    ปิยศักดิ์ มานะสันต์

    [บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่]

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646415
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    %2F%2Fcdn.cnn.com%2Fcnnnext%2Fdam%2Fassets%2F181225105000-01-trump-xi-handshake-file-super-tease.jpg
    (Jan 23) ที่ปรึกษาศก.ทำเนียบขาวออกโรงปฏิเสธข่าวสหรัฐยกเลิกเจรจาการค้ากับจีนสัปดาห์นี้ : นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวของสหรัฐ ได้ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธแผนการจัดการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา โดยนายคุดโลว์กล่าวว่า รายงานข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง

    นายคุดโลว์เปิดเผยว่า การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีขอบเขตที่กว้าง และลึกซึ้งกว่าที่เคยผ่านการหารือกันมา แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะขึ้นอยู่กับการตรวจสอบข้อตกลงของจีนด้วย

    นายคุดโลว์ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยย้ำว่า การดำเนินการให้เกิดผลมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของการเจรจาการค้านี้ และ การให้คำมั่นถือเป็นสิ่งที่ดี แต่การผลักดันให้ทุกสิ่งเกิดความก้าวหน้า เป็นสิ่งที่เราต้องการ เช่น การกำหนดเส้นตาย การกำหนดกรอบเวลา และประเด็นเชิงโครงสร้างหลากหลายที่ครอบคลุมเต็มรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถเสร็จสิ้นภายในช่วงสิ้นเดือนนี้ได้หรือไม่ เขาไม่อาจคาดเคาได้

    นอกจากนี้ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวยอมรับถึงระดับของความยากลำบาก และกล่าวด้วยว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะสามารถยอมรับได้หรือไม่

    ทั้งนี้ คณะผู้แทนเจรจาการค้าของจีน นำโดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดพบหารือกับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ ระหว่างวันที่ 30 - 31 มกราคมนี้ ซึ่งนายคุดโลว์ย้ำว่า การประชุมดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งและจะเป็นการประชุมที่ตัดสินชี้ขาดถึงอนาคตของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ตรีสิริ เซะวิเศษ/รัตนา

    - White House's Kudlow says 'no cancellation' of US-China trade meeting
    https://edition.cnn.com/2019/01/22/...98k3iQDXk6G6EgiMuUQoAe5BqgI_7GgiP160RELTm1kAc
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    bYdWGNxQrH2X8-20gOrv9-EnMgDh5D-VIC3oWDe_UF3LjAnvSEaJXUVyFJtpUX2e4z9sObOBQ&_nc_ht=scontent-sin2-1.png

    (Jan 23) แผนที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกปี62 :ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจและธุรกิจ(อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีบี ประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ในปี 2562 มาจากปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ 1.สงครามการค้า 2.ภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวเกินคาด และ 3.ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศทั่วโลก

    โดยความเสี่ยงสงครามการค้ายังเป็นประเด็นต่อเนื่องจากปี 2561 ที่ทั่วโลกยังจับตา ความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน และภาษีนำเข้าในหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน

    ส่วนความเสี่ยงจากภาวะการเงินโลกตึงตัวขึ้นต่อเนื่อง นำโดยการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งทำให้ต้นทุน การระดมทุนเพิ่มขึ้น และสภาพคล่อง ที่เคยล้นจะทยอยลดลงต่อเนื่องจากแนวโน้ม การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้าสู่ภาวะปกติของธนาคารกลางหลักหลายประเทศ

    ขณะที่ปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ต้องจับตา เรื่องเบร็กซิท และประเด็นการประท้วง รวมทั้งปัญหาการเมืองในยูโรโซน ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองของสหภาพยุโรป รวมไปถึงการเลือกตั้งเปลี่ยนผู้นำในหลายภูมิภาคทั่วโลก จะยังคง สร้างความเสี่ยงต่อความผันผวนในตลาดการเงินโลกในระยะต่อไป

    คอลัมน์ Big Data Analysis:
    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ส.ส.ฟิลิปปินส์หนุนร่างกฎหมายให้เด็กอายุต่ำสุด12ขวบมีสิทธิ์รับโทษจำคุก เผยแพร่: 23 ม.ค. 2562 23:31 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000842001.jpg

    ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต
    เอเอฟพี - เด็กอายุต่ำสุด 12 ขวบมีสิทธิ์ถูกจองจำภายใต้ร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่พวกสมาชิกรัฐสภาฟิลิปปินส์ยกมือสนับสนุนเมื่อวันพุธ(23ม.ค.) ความเคลื่อนไหวที่ถูกประณามโดยสหประชาชาติและองค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนต่างๆ

    ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นหนึ่งมาตรการต่างๆที่เสาะหาโดยประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต เพื่อขยายขอบเขตเพิ่มเติมในปฏิบัติการปรามปรามยาเสพติดและอาชญากรรมนองเลือดของเขา ซึ่งเข่นฆ่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันศพนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016

    เดิมทีเหล่าพันธมิตรของดูเตอร์เตถึงขั้นลดอายุของผู้ต้องรับความผิดทางอาญาเหลือเพียง 9 ขวบ แต่หลังจากมีเสียงโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงเพิ่มอายุเป็น 12 ขวบและผ่านร่างกฎหมายนี้ในการพิจารณาวาระที่ 2

    ปัจจุบันอายุของเด็กที่ต้องรับความผิดทางอาญาในฟิลิปปินส์คือ 15 ขวบ และหากวุฒิสภาเห็นชอบมัน ก็จะทำให้ฟิลิปปินส์เป็นเหมือนประเทศอย่างอัฟกานิสถาน ซึ่งมีบทลงโทษต่อเด็ก 12 ขวบต่อการกระทำผิดทางอาญาใดๆ

    คาร์ลอส คอนเด นักเคลื่อนไหวของกลุ่มสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอตช์ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีในวันพุธ(23ม.ค.) ว่า "เราคิดว่าเด็กอายุ 12 ขวบนั้นยังอ่อนวัยเกินไปที่จะต้องรับผิดชอบทางอาญา คณะกรรมาธิการยูเอ็นด้านสิทธิเด็กเคยย้ำว่าอายุที่ต้องรับผิดทางอาญานั้นควรเป็นอย่างน้อยๆ 14 ขวบ และไม่มีกรณีแวดล้อมใดๆที่ควรลดต่ำกว่านั้น"

    ร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรได้ให้อาณัติคุมขังที่ศูนย์ดูแลเยาวชนพิเศษ สำหรับเด็กที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอย่างเช่นฆาตกรรม, ข่มขืนและวางเพลิง แต่ในนั้นยังรวมถึงขโมยรถยนต์ด้วย

    แต่หากศาลสรุปว่าเด็กที่กระทำผิดเหล่านั้นไม่ปรับปรุงตัวตอนที่อยู่ในศูนย์คุมขังเยาวชน พวกเขาก็อาจถูกนำตัวไปยังเรือนจำสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งทั้งแออัดและอันตราย เมื่อตอนที่มีอายุครบ 18 ปี

    ดูเตอร์เตอ้างเมื่อวันอังคาร(22ม.ค.) แก๊งค้ายาเสพติดฉวยประโยชน์จากกฎหมายปัจจุบันด้วยการใช้เด็กเป็นคนส่งยา "พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้ส่งยาแก่ลูกค้า และพวกเขาก็ยังทำหน้าที่คอยเก็บเงินด้วย" ประธานาธิบดีกล่าว

    อย่างไรก็ตามกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำฟิลิปปินส์ โต้แย้งว่าร่างกฎหมายดังกล่าวสวนทางกับเนื้อหาและจิตวิญญาณแห่งสิทธิเด็ก

    https://mgronline.com/around/detail/9620000008145
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    InPics&Clip:“ไอร์แลนด์เหนือ” ขวัญผวา หลังคาร์บอมบ์วันเสาร์เชื่อม “IRAใหม่” อังกฤษยัน ไม่รื้อข้อตกลงสันติภาพกู๊ดฟรายเดย์ปี 1998 เผยแพร่: 23 ม.ค. 2562 23:46 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000839801.jpg
    เอเอฟพี - ท่ามกลางปัญหา BREXIT และพรมแดนไอร์แลนด์เหนือ ล่าสุดเมื่อวานนี้(22 ม.ค) ประชาชนชาวไอร์แลนด์เหนือออกมาแสดงความวิตกต่อเหตุคาร์บอมบ์เมื่อคืนวันเสาร์(19 ม.ค)เมืองลอนดอนเดอร์รี(Londonderry ) และมือปืนปิดหน้าปล้นชิงรถขึ้นในวันถัดมา ทางตำรวจแถลง คาร์บอมบ์เป็นฝีมือขบวนการแบ่งแยกดินแดน IRAใหม่ แต่เชื่อ ไม่โยงวิกฤต BREXIT ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศไอร์แลนด์ระบุ “อังกฤษยืนยัน ไม่เปลี่ยนแปลงข้อตกลงสันติภาพกู๊ดฟรายเดย์ปี 1998

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวานนี้(22 ม.ค)ว่า เอมอน มีลาฟ(Eamon Melaugh) วัย 86 ปี ชาวเมืองลอนดอนเดอร์รี (Londonderry) ไอร์แลนด์เหนือ ส่วนหนึ่งของอังกฤษ เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ติดพรมแดนไอร์แลนด์ ได้ให้ความเห็นกับเอเอฟพีในวันอังคาร(22)ว่า

    “ประเด็น BREXIT ปัญหาอาจเกิดวิกฤตพรมแดนถูกกั้นถาวร (Hard Border) ซึ่งหากว่ามันเกิดขึ้น มันจะเป็นประเด็นทำให้พวกกลุ่มติดอาวุธได้ข้ออ้างจากในสิ่งที่พวกเขาในเวลานี้ไม่มี” และเสริมต่อว่า “มันจะเป็นภูมิคุ้มกันให้คนเหล่านี้ ที่จะทำให้เกิดประเด็นปัญหาพรมแดนรอบใหม่”

    ทั้งนี้ในวันจันทร์(21) เอเอฟพีรายงานว่า ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาย 4 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีคาร์บอมบ์ในเมืองนี้ โดยผู้ต้องสงสัย 2 คนอยู่ในวัยราว 20 ปี ถูกจับกุมในเช้าวันอาทิตย์(20) ส่วนอีก 2 คนเหลืออยู่ในวัย 34 ปี และ 42 ปีตามลำดับ ถูกจับในช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น อ้างอิงจากแถลงการณ์ของตำรวจไอร์แลนด์เหนือ

    พบว่ารถที่ถูกใช้เป็นคาร์บอมบ์เป็นรถที่ถูกขโมยมา ได้เกิดระเบิดขึ้นในเวลา 20.10 น.ของวันเสาร์(19) ซึ่งตำรวจพื้นที่ได้ทำการอพยพคนในบริเวณนั้นออกไปหลังได้รับคำเตือนทางโทรศัพท์ว่า มีระเบิดซุกซ่อนในบริเวณศาลเมืองลอนเดอร์รี เอเอฟพีชี้ว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้

    ทั้งนี้พบว่ามีมือลึกลับได้โทรศัทพ์แจ้งเตือนเหตุคาร์บอมบ์เมืองลอนดอนเดอร์รีผ่านทางสายด่วนการกุศลของอังกฤษ และสายได้ถูกส่งต่อให้ไปยังตำรวจไอร์แลนด์เหนือ

    ด้านผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจไอร์แลนด์เหนือ มาร์ค แฮมิลตัน ( Mark Hamilton)กล่าวยอมรับว่า “ประเด็นการสอบสวนหลักพุ่งเป้าไปที่ขบวนการ IRA ใหม่”

    เอเอฟพีรายงานว่า "เมืองลอนดอนเดอร์รี" ถือเป็นจุดแดงในสงครามศาสนาบนเกาะไอร์แลนด์ยาวนานร่วม 30 ปี ที่มีทั้งลอบสังหาร และเกิดการโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ ของการทำสงครามระหว่างกลุ่มรีพับลิกันส์ (republicans) และกลุ่มยูเนียนนิสต์ส (unionists) ซึ่งความขัดแย้งสามารถสงบลงได้ในปี 1998 จากข้อตกลงกู๊ดฟรายเดย์

    หลังจากนั้น ตามข้อตกลง ขบวนการ IRA หรือในชื่อเป็นทางการคือ "กองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์" (Irish Republican Army) ยอมวางอาวุธลงในปี 2005 และหันหน้าเข้าสู่การเมือง แต่ทว่ายังคงมีสมาชิกของกลุ่มที่ไม่ยอมรับในหลักการ และยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในทั้ง 2ฝั่ง

    ทั้งนี้ขบวนการ IRAมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแบ่งแยก “ไอร์แลนด์เหนือ” ออกจาก “อังกฤษ” ที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ เพื่อไปรวมกับประเทศไอร์แลนด์

    เอเอฟพีชี้ว่า บรรยากาศเก่าๆได้หวนกลับมาอีกครั้งสำหรับตัวมีลาฟวัย 86 ปี

    ชายชราอาศัยอยู่ตรงกันข้ามกับศาล มีลาฟได้ยินเสียงระเบิดเมื่อคาร์บอมบ์ได้เกิดระเบิดขึ้น และวิตกไปถึงลูกชายที่เพิ่งออกไป 3 นาทีก่อนหน้า

    เอเอฟพีชี้ว่า ในวันถัดมาไอร์แลนด์เหนือยังคงไม่สงบอีกครั้ง เพราะมีการปล้นชิงรถเกิดขึ้นในวันถัดมา

    โดยในเวลา 11:30 น. วันจันทร์(21) มีกลุ่มชายลึกลับ 3 คนปิดหน้าออกปล้นชิงรถตู้ขนส่งสินค้าก่อนที่จะจอดทิ้งไว้ ทางตำรวจไอร์แลนด์เหนือประสบความสำเร็จสามารถนำระเบิดออกไปจากตัวรถได้

    และเหตุปล้นชิงรถเกิดขึ้นอีกครั้งเวลา 13.45 น.วันเดียวกัน เมื่อตำรวจไอร์แลนด์เหนือได้รับรายงานว่า คนขนขับรถตู้ส่งสินค้าถูกปล้นจากชายปิดหน้า4คนพร้อมอาวุธปืน

    ทางตำรวจชี้ว่า เจ้าของรถตู้ 2 คนได้รับคำสั่งให้ขับออกไปที่ถนนเส้นหนึ่ง และจอดรถทิ้งไว้ที่นั่น

    ในวันอังคาร(22) ถนนด้านนอกศาลเมืองที่เกิดเหตุยังคงมีร่องรอยเขม่าสีดำของระเบิดหลงเหลือให้ได้เห็น

    มีลาฟประกาศฟันธงว่า “นี่เป็นการเตือน นี่ถือเป็นการเตือนอย่างชัดเจน” และเขาเสริมต่อว่า “นักการเมืองในอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคคอนเซอร์เวตีฟ สมควรที่ต้องพิจารณามองเหตุการณ์นี้ว่า เป็นคำเตือนล่วงหน้า แต่ทว่าพวกเขากลับยังคงยุ่งอยู่กับ BREXIT และไม่มีเวลา”

    “ประชาชนต่างพากันวิตกมากด้วยความเกรงว่าพวกเราจะต้องกลับไปอยู่กับวันเก่าๆอีกครั้ง” มีลาฟเปรย

    ในขณะที่ ฟินนูลา แม็คโมนาเกิล ( Finnula McMonagle) วัย 54 ปี เจ้าของร้านทำเสริมสวยบนถนนอยู่ห่างออกไปจากศาลเมืองที่เกิดเหตุให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า

    “ผู้คนต่างไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด และวิตกว่าความเลวร้ายจะเริ่มต้นกลับมาอีกครั้ง” ซึ่งในความเห็นของแม็คโมานาเกิล เธอเชื่อว่า ความไม่สงบน่าจะเกิดมาจากปัญหา BREXIT แต่ทางตำรวจไอร์แลนด์เหนือกลับแถลงเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้อง

    เอเอฟพีรายงานว่า วันจันทร์(21)ก่อนหน้า รัฐมนตรีต่างประเทศไอร์แลนด์ ไซมอน โคฟนี ( Simon Coveney) แถลงว่า เขาได้รับการยืนยันจากทางอังกฤษว่า ***จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆในข้อตกลงกู๊ดฟรายเดย์ปี 1998*** หลังจากที่ทางไอร์แลนดได้รับรายงานว่า ลอนดอนอาจจะต้องการให้มีการแก้ไขเพื่อทำการปลดล็อก BREXIT

    โคฟนีย์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในกรุงบรัสเซลส์ระหว่างการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกอียูว่า

    “ข้อตกลงกู๊ดฟรายเดย์ถือเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อกระบวนการสันติภาพ และดังนั้นผมจึงไม่คิดว่า เราสมควรที่ต้องพูดไปถึงการแก้ไขข้อตกลงกู๊ดฟรายเดย์ในความพยายามที่จะปลดล็อกปัญหาทางการเมือง”

    ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เจรามีย์ ฮันต์ (Jeramy Hunt) ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในการหารือร่วมกับโคฟนีย์ เขาได้ย้ำอย่างหนักแน่นว่า ทางอังกฤษนั้นผูกพันอย่างมั่นคงต่อข้อตกลงกู๊ดฟรายเดย์เบลฟาสต์( Belfast Good Friday Agreement)

    https://mgronline.com/around/detail/9620000008146
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รายงานยุทธศาสตร์ข่าวกรองมะกันชี้ เทคโนโลยีจีนจี้ติดอเมริกา หวั่นภัยจากอริดั้งเดิม-สงครามไซเบอร์
    เผยแพร่: 23 ม.ค. 2562 22:28 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
    562000000842701.jpg

    แดน โคตส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐฯ ขณะไปให้ปากคำที่รัฐสภาสหรัฐฯ (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2017) ทั้งนี้ในรายงาน “ยุทธศาสตร์ข่าวกรองแห่งชาติ” ฉบับล่าสุดซึ่งเปิดตัวในวันอังคาร (22 ม.ค.) โคตส์ชี้ว่า หน่วยงานต่างๆ ของอเมริกาต้องปรับตัวเพื่อรับมือสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและระส่ำระสาย
    เอเจนซีส์ – ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ออกรายงานชิ้นสำคัญเมื่อวันอังคาร (22 ม.ค.) ระบุจีนมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างมากและจี้ติดอเมริกาเข้ามาทุกที ขณะเดียวกันภัยคุกคามที่แดนอินทรีเผชิญอยู่ตอนนี้ยังรวมถึงความพยายามแผ่ขยายอิทธิพลของรัสเซีย การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และศักยภาพด้านไซเบอร์ที่เพิ่มพูนของศัตรู

    รายงาน “ยุทธศาสตร์ข่าวกรองแห่งชาติ” (National Intelligence Strategy) ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุก 4 ปี ได้มีการเปิดตัวฉบับล่าสุดประจำปี 2019 เมื่อวันอังคาร (22) โดยที่มุ่งตั้งข้อสังเกตว่า อเมริกากำลังเผชิญโลกที่ซับซ้อนและไม่แน่นอนมากขึ้น เต็มไปด้วยภัยคุกคามหลากหลายและเชื่อมโยงกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    ขณะที่ แดน โคตส์ ผู้อำนวยการของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ระบุในจดหมายที่แนบมากับรายงานฉบับนี้ว่า หน่วยงานต่างๆ ของอเมริกาต้องปรับตัวเพื่อรับมือสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนและระส่ำระสาย

    โคตส์สำทับว่า หน่วยงานด้านข่าวกรองต้องปรับปรุงความร่วมมือระหว่างกัน ยกระดับความโปร่งใสเพื่อเพิ่มความไว้วางใจของสาธารณชน และส่งเสริมนวัตกรรม

    รายงานฉบับนี้ไม่ได้จัดอันดับภัยคุกคาม แต่ส่วนแรกสุดเน้นหนักภัยคุกคามจากศัตรูดั้งเดิมที่พยายามแสวงหาความได้เปรียบจากการที่ระเบียบโลกช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังอ่อนแอลง และแนวโน้มการโดดเดี่ยวตัวเองที่ชัดเจนขึ้นในตะวันตก รวมทั้งการผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารของจีน และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น

    ในรายงานระบุว่า รัสเซียมีแนวโน้มเดินหน้าขยายอิทธิพลและอำนาจ ซึ่งอาจขัดแย้งกับเป้าหมายและลำดับความสำคัญของอเมริกาในหลายภูมิภาค และสำทับว่าทั้งรัสเซียและจีนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอาวุธต่อต้านดาวเทียมเพื่อบ่อนทำลายกองทัพและความมั่นคงของอเมริกา

    562000000842702.jpg


    รายงานยังกล่าวถึงการที่จีนปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและพยายามแผ่ขยายอำนาจครอบงำย่านแปซิฟิก

    เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งในหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ชี้ว่า ปักกิ่งกำลังกอบโกยผลประโยชน์จากการส่งนักศึกษาและนักวิจัยหลายหมื่นคนไปยังอเมริกา รวมทั้งนโยบายซื้อและขโมยเทคโนโลยีจากอเมริกา เพื่อลดทอนกรอบเวลาในการไล่ตามสหรัฐฯ และตอนนี้เทคโนโลยีจีนมีศักยภาพโดดเด่นมาก

    นอกจากประเทศที่เป็นภัยคุกคาม อย่างจีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ และรัสเซียแล้ว ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศ อย่างเช่นกลุ่มญิหาด องค์กรอาชญากรรม ฯลฯ ที่กำลังเพิ่มเขี้ยวเล็บด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าเป็นห่วงคือ การที่ตัวละครเหล่านี้เล็งเห็นผลประโยชน์ร่วมกันและตกลงร่วมมือกัน

    สำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและการเงิน รวมทั้งความปลอดภัยในการเลือกตั้งที่เคยเป็นประเด็นรองๆ ในรายงานฉบับก่อนหน้านี้ กลับกลายมาเป็นประเด็นเด่นในรายงานฉบับปัจจุบันโดยได้รับการตอกย้ำจากการโจมตีทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องจากรัสเซียและจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    เจ้าหน้าที่หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ ชี้ว่า การสร้างภูมิคุ้มกันพื้นฐานด้านไซเบอร์เป็นองค์ประกอบ 90% ของปัญหาในการเผชิญหน้าความท้าทายเหล่านี้

    ส่วนอื่นๆ ที่สร้างความกังวลอย่างลึกซึ้งให้หน่วยงานข่าวกรองของอเมริกาคือ การที่อเมริกาเสียตำแหน่งผู้นำในด้านอวกาศหลังจากผูกขาดมานาน

    จีนและรัสเซียเป็นสองประเทศที่ต้องการพัฒนาตัวเองด้านอวกาศให้ทัดเทียมสหรัฐฯ นอกจากนั้น เทคโนโลยีและการทำให้เป็นธุรกิจยังทำให้หลายประเทศ รวมถึงตัวละครที่ไม่ใช่รัฐจำนวนมากมีศักยภาพด้านอวกาศมากขึ้น

    https://mgronline.com/around/detail/9620000008124
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Syrian news reloaded

    ds.aa.com.tr%2Fuploads%2FContents%2F2019%2F01%2F24%2Fthumbs_b_c_19569800cc450d637489516431e80a21.jpg

    Erdogan กล่าวว่า“ พี่ชาย Maduro จงภาคภูมิใจ ตุรกียืนอยู่กับคุณ Erdogan บอกกับประธานาธิบดี Nicolas Maduro ทางโทรศัพท์” โฆษกของประธานาธิบดี Ibrahim Kalin โฆษกของตุรกีบน Twitter กล่าว

    https://www.aa.com.tr/en/americas/e...Y-DeGRt2jCkZWbIYZ04FRPwQ1omwOGHjuSNIq-GFZ6b9U
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Syrian news reloaded

    รัฐประหารจัดขึ้นในเวเนซุเอลาเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดีNicolás Maduro

    zVAqQPsqNzWuVI6__GcLh-VmMwC8qONJGtrf5I_BWXTnSHGrtSSgmtRSjJPoLLyENTRLCo7Aw&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg
    #YankeeGoHome
    #WeAreMADURO

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Impacto noticias
    2O2j3BzEfRJgDz8KE4TPtMKX9hRU50IjI2PQsR7o6v9aZ2E3gzl25V0Dp2XulRaX-TzZpbU_g&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg
    แม่น้ำ irtysh ในรัสเซียแข็งตัวและกลายเป็นใบหน้าที่หายาก

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    La nueva era de la tierra - respaldo

    #URGENTE

    จนถึงตอนนี้ มีผู้เสียฃีวิต 13 ราย ในการจลาจล ในเวเนซูเอล่าใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา

    oOaLiaCONvo3Z3efXKdy3zDsTEh2h296axHP51GLDBVb9FbrlAizSjAu6ea1yWA5jy169MeDA&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg

    U-ks4ruJUyFCO1Rmaiw5Hq_bT8F8y5pso6112KwtHcX3uMIILIig9we94hPLCULM-AT7JEMiA&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg

    pH2bk_vVjGFhcB3GUOTBKX1p658CJWpCURch08XLkg81BCTg3O6xtJ1DzGtERgKsXt1lqM3eg&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg

    RdBrAZ6FOSdc1V6MTVqjoAkqhwg2X-Yvj79NWpZyhsyQlqKhPYaFHZBdy_-fH-jHm2XgehB0g&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐไม่ยอมย้ายนักการทูตออกจากเวเนซุเอลา คงคิดจะเผด็จศึกแล้ว (นักการทูตพวกนี้ ตอนนี้คงกลายเป็นผู้สนับสนุนการรัฐประหารในเวเนซุเอลาไปแล้ว) ต้องติดตามว่าภายใน 72 ชั่วโมงนี้ จะสามารถโค่นล้ม มาดูโลได้หรือไม่ และถ้าเกินไปกว่านี้ กองทัพเวเนซุเอลาจะเข้าไปจับกุมนักการทูตของสหรัฐ หรือไม่ และถ้าเข้าไปจับกุม สหรัฐจะส่งกองทัพบุกเวเนซุเอลาหรือไม่ และถ้าทำเช่นนั้น รัสเซีย ซึ่งยืนยันว่าจะสนับสนุนมาดูโล จะทำยังไงต่อไป น่าลุ้นน่ะครับ

    La nueva era de la tierra - respaldo

    #VENEZUELA .....
    UXnW6Cofq6vBcZ6g8RJvJ8Fk6YulMTdly1eY1UIvQXQkjNzQE0oLoWqF5n4nt3JUi-s21vb2Q&_nc_ht=scontent-sin2-1.jpg
    สหรัฐอเมริกาออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับพลเมืองของสหรัฐอเมริกาที่อาศัยอยู่ในเวเนซุเอลา

    รัฐบาลปาเลสไตน์กล่าวโทษรัฐประหารที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าในเวเนซุเอลา และ สนับสนึน Nicolás Maduro

    เดนมาร์กสนับวนุน Juan Guaido ในฐานะประธานของเวเนซุเอลา

    ในช่วงเวลาเหล่านี้มีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจในคารากัสเวเนซุเอลา

    วอชิงตันกล่าวว่านักการทูตของเขาจะไม่ออกเดินจากเวเนซุเอลา

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การรัฐประหารครั้งนี้ ถือเป็นการโค่นล้มอำนาจ โดยสหรัฐ อเมริกา ที่ชัดเจนที่สุด ไม่ได้แอบลงมือลับหลัง แต่เปิดหน้า แล้วลงมือเลย ก็คงเพราะการบุกโจมตีซีเรีย ในตะวันออกกลางพลาดท่า รัสเซียไปแล้ว จึงต้องยึดเวเนซุเอลา เพื่อยึดครองบ่อน้ำมันจำนวนมหาศาลของเวเนซุเอลาให้ได้

    La nueva era de la tierra - respaldo




    #ULTIMA #HORA

    ฮวนไกด์ได้รับการประกาศว่าเป็นประธานของเวเนซูเอที่ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกาในขณะที่ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนผ่านถนน
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำเวเนซุเอล่าประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ มกราคม 24, 2019
    1C9B87C5-9259-4C2E-8FB7-A778F61E40FC_w650_r1_s.jpg
    FILE - Venezuela's President Nicolas Maduro holds a copy of the National Constitution while he speaks during a news conference at Miraflores Palace in Caracas, Venezuela, Jan. 9, 2019.
    ประธานาธิบดีเวเนซุเอล่า นิโคลาส์ มาดูโร่ ประกาศยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลสหรัฐฯ และให้เวลาเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกันเพียง 72 ชม.ในการออกจากเวเนซุเอล่า

    คำประกาศของ ปธน.มาดูโร มีขึ้นในวันพุธ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศอย่างเป็นทางการว่ายอมรับผู้นำฝ่ายค้านของเวเนซุเอล่า นายฮวน กัวอิโด้ (Juan Guaido) เป็นรักษาการณ์ประธานาธิบดีเวเนซุเอล่า พร้อมมีคำเตือนไปถึงประธานาธิบดีมาดูโร่ ให้เข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตยอย่างสันติ

    26883CDE-0C1E-41F1-8C26-50891C98B699_w650_r0_s.jpg
    Juan Guaido, head of Venezuela's opposition-run congress, declares himself interim president of Venezuela, during a rally demanding President Nicolas Maduro's resignation in Caracas, Venezuela, Jan. 23, 2019.
    คำประกาศของ ปธน.ทรัมป์ มีขึ้นหลังจากที่นายกัวอิโด้ได้ประกาศสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธาธิบดีคนใหม่ของเวเนซุเอล่า ระหว่างการเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านนายมาดูโร่

    นักวิเคราะห์คาดว่า การที่สหรัฐฯ ยอมรับนายกัวอิโด้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ จะมีผลให้สหรัฐฯ ใช้มาตรการลงโทษที่รุนแรงขึ้นต่อเวเนซุเอล่าได้


    https://www.voathai.com/a/trump-rec...VLzdi7va8QpFirUW746Y8TFfoIC-A6RpTrLrxv1xm_n7Y
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Apocalipsis Mundial

    นั่นคือสิ่งที่คุณไม่เห็นทุกวัน หิมะตกบนต้นปาล์ม เจนัว, อิตาลี
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐอเมริกาปฏิเสธที่จะถอนนักการทูตจากเวเนซุเอลา และสาบานว่า 'จะกระทำการที่เหมาะสม' หากพวกเขาได้รับอันตราย
    เวลาเผยแพร่: 24 ม.ค. 2019 00:45
    เวลาแก้ไข: 24 ม.ค. 2019 01:29

    [​IMG]

    © Facebook / สถานทูตสหรัฐอเมริกา - คารากัส

    รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา Mike Pompeo ได้ปฏิเสธที่จะถอนนักการทูตจากคารากัส โดยอ้างว่ารัฐบาลที่ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐนั้น ไม่ถูกกฎหมาย และคุกคาม 'และจะมีการกระทำที่เหมาะสม' หากมีใครตกอยู่ในอันตราย

    “ เราขอเรียกร้องให้กองทัพเวเนซุเอลา และกองกำลังความมั่นคงดำเนินการเพื่อปกป้องสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวเวเนซุเอลา ตลอดจนสหรัฐอเมริกาและพลเมืองต่างชาติอื่น ๆ ในเวเนซุเอลา” นายปอมโปกล่าวในแถลงการณ์เมื่อเย็นวันพุธว่า ดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อจัดการทุกคนที่รับผิดชอบต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของภารกิจและบุคลากรของเรา”

    สหรัฐฯจะดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับ #Venezuela ผ่านทางรัฐบาลของประธานาธิบดี Guaido ชั่วคราว สหรัฐอเมริกา ไม่รู้จักระบอบการปกครอง #Maduro สหรัฐฯไม่ได้พิจารณาอดีตประธานาธิบดีมาดูโรว่ามีอำนาจทางกฎหมายในการทำลายความสัมพันธ์ทางการทูต https://go.usa.gov/xEBU3

    ประธานาธิบดี Nicolas Maduro ของเวเนซุเอลาประกาศให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯทุกคนในวันพุธ หลังจากวอชิงตันได้รับการยอมรับผู้นำฝ่ายค้าน Juan Guaido เป็นประธานาธิบดีของประเทศ อย่างไรก็ตาม Guaido กล่าวว่าเขาต้องการให้นักการทูตสหรัฐฯ อยู่ต่อไปเพื่อกำหนดเวทีสำหรับเหตุการณ์ทางการทูตที่อาจเกิดขึ้น


    https://www.rt.com/news/449555-pomp...PGxsbvs-eIKU0lSKcIw5kVnAZ3qjPDzScWfXQL7hoy7cA
     

แชร์หน้านี้

Loading...