ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิจัยพบแบคทีเรียในไมโครเวฟ ทนร้อน ทนแห้ง แรงแค่ไหนก็รอด
    .
    แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่แบคทีเรียมีอยู่แทบทุกที่และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นงานวิจัยล่าสุด จากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสัญชาติสเปน ดาร์วิน ไบโอโพรสเปคติง เอ็กเซลเลนซ์ เอส แอล (Darwin Bioprospecting Excellence SL) ที่เผยว่า ภายในไมโครเวฟมีแบคทีเรียซ่อนอยู่ และแบคทีเรียเหล่านี้ ได้ปรับตัวในสภาวะที่รุนแรงของไมโครเวฟ เช่น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รังสี และความแห้ง เพื่อให้พวกมันมีชีวิตอยู่รอด

    วิธีการศึกษาวิจัย
    นักวิจัยได้รวบรวมตัวอย่างแบคทีเรียจากไมโครเวฟ 30 เครื่องจาก 3 แหล่งที่แตกต่างกัน คือ
    - เครื่องไมโครเวฟที่ใช้ตามบ้านเรือน 10 เครื่อง
    - เครื่องไมโครเวฟจากพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เช่น ออฟฟิศหรือโรงอาหาร 10 เครื่อง
    - เครื่องไมโครเวฟจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ 10 เครื่อง

    โดยทีมวิจัยได้ใช้วิธีการศึกษา 2 วิธี คือ
    1. การจัดลำดับพันธุกรรมขั้นสูง วิธีนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ DNA ของแบคทีเรียได้โดยตรงจากสภาพแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องเพาะเลี้ยงพวกมันในห้องปฏิบัติการ
    2. การเพาะเลี้ยงแบบดั้งเดิม เป็นการเพาะเลี้ยงเชื้อด้วยสารอาหารในห้องทดลอง ซึ่งในการทดลองนี้ นักวิจัยได้เพาะเลี้ยงแบคทีเรียทั้งหมด 101 สายพันธุ์ (Strains) โดยแต่ละสายพันธุ์ ได้รับสารอาหาร 5 ประเภท

    พบแบคทีเรียในแต่ละกลุ่ม มีความทนทานแตกต่างกัน
    ผลการทดลองพบแบคทีเรียที่แตกต่างกันทั้งหมด 747 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่พบมากที่สุด ได้แก่
    - เฟอร์มิคิวเทส (Firmicutes)
    - แอคติโนแบคทีเรีย (Actinobacteria)
    -โพรทีโอแบคทีเรีย (Proteobacteria)
    ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มถือเป็นแบคทีเรียกลุ่มใหญ่ที่พบได้ทั่วไปบนโลก

    แดเนียล ทอร์เรนต์ (Daniel Torrent) ผู้นำการวิจัยกล่าวว่า แบคทีเรียที่พบในไมโครเวฟที่ใช้ตามครัวเรือนและที่ใช้ร่วมกัน จะมีลักษณะคล้ายแบคทีเรียที่พบทั่วไปในห้องครัว โดยกลุ่มของแบคทีเรียของไมโครเวฟที่ใช้ในครัวเรือนจะมีความหลากหลายน้อยที่สุด รองลงมาคือกลุ่มของแบคทีเรียในไมโครเวฟที่ใช้ร่วมกัน ส่วนแบคทีเรียที่พบในไมโครเวฟห้องปฏิบัติการณ์นั้นมีความหลากหลายมากที่สุด และสามารถต้านทานรังสีได้ดีที่สุดด้วย

    ทอเรนต์กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวอย่างของสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่พบในไมโครเวฟในบ้าน เช่น
    - เคล็บซีเอลลา (Klebsiella)
    - เอนเทอโรคอคคัส (Enterococcus)
    - แอโรโมนาส (Aeromonas)
    ที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ได้ แต่สายพันธุ์เหล่านี้พบทั่วไปในห้องครัว และไม่ได้มีอันตรายเพิ่มขึ้น

    วิธีกำจัดแบคทีเรียในไมโครเวฟ
    สำหรับการกำจัดแบคทีเรียไมโครเวฟเพื่อสุขอนามัย ทอเรนต์แนะนำว่า ให้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยสารละลายน้ำยาฟอกขาวเจือจาง หรือสเปรย์ฆ่าเชื้อที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเป็นประจำ ทั้งสำหรับไมโครเวฟที่ใช้ในบ้านเรือน และที่ใช้ในห้องปฏิบัติการณ์ รวมถึงหลังจากการใช้งานทุกครั้ง ควรใช้ผ้าชื้นเช็ดพื้นผิวภายในไมโครเวฟเพื่อขจัดคราบตกค้าง หรือถ้าหากมีคราบที่เกิดจากอาหารหกก็ต้องทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย

    มีประเด็นที่น่าสนใจอีกประการ คือ แบคทีเรียที่พบในไมโครเวฟ มีความคล้ายคลึงกับแบคทีเรียที่พบในแผงโซลาร์เซลล์ จึงทำให้นักวิจัยตั้งสมมติฐานว่าสภาวะที่รุนแรงในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ทำให้แบคทีเรียที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง พัฒนาเติบโตขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของเทคโนโลยี เนื่องจากแบคทีเรียที่สามารถวิวัฒนาการมาเพื่อให้ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ อาจเป็นความหวังสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพในอนาคต โดยนักวิจัยเสนอว่าแบคทีเรียที่มีความยืดหยุ่น อาจสามารถพัฒนาไปใช้ในกระบวนการทางอุตสาหกรรม ที่จำเป็นต้องใช้แบคทีเรียที่สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้

    สำหรับการศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Microbiology ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2024
    สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ https://www.frontiersin.org/journals/microbiology/articles/10.3389/fmicb.2024.1395751/full

    ที่มาข้อมูล https://www.tnnthailand.com/news/tech/173569/
    ที่มารูปภาพ Reuters

    #Microwave #ไมโครเวฟ #แบคทีเรีย #จุลชีพ #Bacteria #สเปน #TNNTechreports #Techreports #TNNONLINE #TNNThailand #TNNช่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
    ————
    อัปเดตข่าวเทคโนโลยีที่น่าสนใจบน Instagram กับ TNN Tech คลิก https://www.instagram.com/tnn_tech
    และติดตาม TNN Tech ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    • Youtube : https://bit.ly/TNNTechYoutube
    • TikTok : https://bit.ly/TNNTechTikTok
    • Website : https://bit.ly/TNNTechWebsite
    • Line OA : https://page.line.me/tnntech
    • Threads : https://threads.net/@tnn_tech
    • X : https://twitter.com/TnnTech

    https://www.facebook.com/share/PNvdqg3sNgh9Zagy/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1723887128910.jpg
    #วิธีประเมินมูลค่าหุ้น: เครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุน แชร์เก็บไว้ได้เลย

    การประเมินมูลค่าหุ้นเป็นทักษะสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีวิธีการประเมินหลายรูปแบบที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    1) มูลค่าสินทรัพย์

    วิธีนี้พิจารณาจากสิ่งที่บริษัทเป็นเจ้าของเทียบกับสิ่งที่เป็นหนี้ โดยคำนวณจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิตามราคาตลาด หักด้วยหนี้สิน เพื่อประเมินมูลค่าขั้นต่ำของบริษัท

    2) มูลค่าเชิงเปรียบเทียบ

    ใช้อัตราส่วนทางการเงินเพื่อเปรียบเทียบมูลค่าของบริษัทกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น

    - P/E Ratio (ราคาต่อกำไร): เปรียบเทียบราคาหุ้นกับกำไรสุทธิต่อหุ้น
    - P/S Ratio (ราคาต่อยอดขาย): เปรียบเทียบมูลค่าบริษัทกับยอดขาย
    - EV/EBITDA: เปรียบเทียบมูลค่าองค์กรกับกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย

    3) มูลค่าที่แท้จริง

    วิธีนี้พิจารณาจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตของบริษัท โดยใช้การคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) เพื่อหามูลค่าปัจจุบันของกิจการ หรือ จากภาพที่แสดง เราสามารถเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีประเมินมูลค่าหุ้นได้ดังนี้:

    การใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้นที่หลากหลายจะช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่รอบด้านในการวิเคราะห์หุ้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น แนวโน้มอุตสาหกรรม สภาพเศรษฐกิจ และกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อการตัดสินใจลงทุนที่รอบคอบและมีประสิทธิภาพ

    #TraderKP

    https://www.facebook.com/share/p/W5FCfn8MPUHnePqP/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้ช่วยทรงอิทธิพลรายหนึ่งของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ออกมาระบุวานนี้ (16 ส.ค.) ว่ากลุ่มชาติตะวันตกและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่สหรัฐฯ เป็นหัวโจกมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ และช่วยวางแผนให้ยูเครนบุกโจมตีแคว้นคูสก์ (Kursk) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่สหรัฐฯ ปฏิเสธเสียงแข็ง
    .
    ปฏิบัติการโจมตีแบบสายฟ้าแลบซึ่งถือเป็นการรุกรานดินแดนรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 6 ส.ค. โดยทหารยูเครนหลายพันนายพร้อมรถถังและยานเกราะได้บุกข้ามพรมแดนเข้าไปยังแคว้นคูสก์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความอับอายขายหน้าให้กับกองทัพของ ปูติน อย่างมาก
    .
    รัฐบาลยูเครนระบุว่า ปฏิบัติการบุกแดนหมีขาวครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อบีบให้รัสเซียยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจายุติสงคราม “แบบแฟร์ๆ” หลังจากที่ส่งทหารรุกรานและยึดดินแดนยูเครนบางส่วนเอาไว้ตั้งแต่เดือน ก.พ. ปี 2022
    .
    สหรัฐฯ และมหาอำนาจตะวันตกซึ่งยังเกรงที่จะต้องเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซียยืนยันว่า “ไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้า” จากรัฐบาลยูเครน ขณะที่วอชิงตันย้ำว่า “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” แม้จะปรากฏหลักฐานว่าอาวุธที่อังกฤษและสหรัฐฯ ส่งให้ยูเครนถูกนำไปใช้โจมตีดินแดนรัสเซียก็ตาม
    .
    นิโคไล พาทรูเชฟ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียซึ่งปัจจุบันถูกย้ายไปกำกับดูแลหน่วยงานด้านนโยบายทางทะเล ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Izvestia ว่าคำกล่าวอ้างของตะวันตกนั้นเชื่อถือไม่ได้
    .
    “ปฏิบัติการที่แคว้นคูสก์มีนาโตและหน่วยรบพิเศษของตะวันตกเข้ามามีส่วนร่วมวางแผนด้วย” พาทรูเชฟ ให้สัมภาษณ์โดยไม่แสดงหลักฐานยืนยัน
    .
    “หากปราศจากการมีส่วนร่วมและความช่วยเหลือโดยตรง (ของตะวันตก) เคียฟไม่มีทางกล้าบุกเข้ามาในดินแดนรัสเซีย”
    .
    เจ้าหน้าที่รายนี้ยังบอกด้วยว่า “การกระทำของสหรัฐฯ กำลังสร้างเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะทำให้ยูเครนต้องสูญเสียอธิปไตยและดินแดนบางส่วนไป”
    .
    ยูเครนประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (15) ว่าได้ตั้ง “ศูนย์บัญชาการทางทหาร” ขึ้นภายในดินแดนแคว้นคูสก์ส่วนที่ควบคุมไว้ได้แล้ว แม้รัสเซียจะยกระดับปฏิบัติการโจมตีพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนก็ตาม
    .
    ประธานาธิบดี ปูติน ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งรวมถึง พาทรูเชฟ ด้วย พร้อมสั่งให้ทุกฝ่ายหา “แนวทางแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคใหม่” เพื่อนำมาใช้ในปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซีย
    .
    กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงวานนี้ (16) ว่า ยูเครนใช้จรวดของตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะเป็นระบบขีปนาวุธหลายลำกล้อง HIMARS ของสหรัฐฯ ในการโจมตีสะพานแห่งหนึ่งที่ทอดข้ามแม่น้ำเซย์ม (Seym River) มีแคว้นคูสก์ จนเป็นเหตุให้กลุ่มอาสาสมัครที่ช่วยอพยพพลเรือนเสียชีวิต
    .
    “นี่เป็นครั้งแรกที่แคว้นคูสก์ถูกยิงโจมตีด้วยเครื่องยิงจรวดที่ผลิตโดยตะวันตก ซึ่งอาจจะเป็นขีปนาวุธ HIMARS ของสหรัฐฯ” มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย โพสต์ข้อความผ่านเทเลแกรมเมื่อค่ำวานนี้ (16)
    .
    แม้การจู่โจมข้ามแดนของยูเครนจะชี้ให้เห็น “จุดอ่อน” ด้านการป้องกันของรัสเซียและทำให้มุมมองที่สาธารณชนมีต่อสงครามเปลี่ยนไปบ้าง แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียยืนยันว่า “ปฏิบัติการรุกรานก่อการร้าย” ของยูเครนไม่สามารถทำให้สงครามเปลี่ยนทิศได้
    .
    ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียยังคงเป็นฝ่ายรุกคืบต่อเนื่องตลอดพื้นที่แนวหน้าซึ่งกินระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร และมีความได้เปรียบยูเครนในหลายด้าน รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ารัสเซียยึดดินแดนยูเครนอยู่ถึง 18%
    .
    ทางด้านยูเครนสามารถบุกเข้าไปยึดพื้นที่แคว้นคูสก์ได้ราวๆ 450 ตารางกิโลเมตรในช่วง 10 วันที่ผ่านมา หรือไม่ถึง 0.003% ของดินแดนรัสเซียทั้งหมด ทว่าในมุมของ ปูติน สิ่งที่เคียฟทำก็ถือว่าเป็นการ “ล้ำเส้น” อย่างมากแล้ว
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/R5c2y3ixoqGkfGSB/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: รู้จักโรคหลงตัวเอง (NPD) ที่ใจดีนอกบ้าน แต่ใจร้ายกับคนใกล้ชิด
    .
    เคยสงสัยว่าทำไมบางคนถึงดูเพอร์เฟกต์เกินไป ทั้งบุคลิกภาพ หน้าตา การแต่งตัว และการใช้ชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าบางทีพวกเขาอาจกำลังเผชิญกับโรคบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง หรือ Narcissistic Personality Disorder (NPD) โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
    .
    คนที่เป็น NPD ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมากๆ (ซึ่งบางครั้งมันก็เกินจริง) บางคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงลิ่ว ต้องการถูกเยินยอชื่นชมตลอดเวลา แต่ที่น่าสนใจคือคนกลุ่มนี้มักจะแสดงออกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนภายนอกกับคนใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น บางคนเมื่ออยู่ในสังคมนอกบ้าน พวกเขาอาจเป็นหัวหน้าที่ดูโอบอ้อมอารี ทำงานเก่ง มีวิสัยทัศน์ และเป็นที่รักของลูกน้องสุดๆ ใครขอความช่วยเหลือก็ทุ่มเทช่วยอย่างเต็มที่ แต่เมื่อกลับบ้านเขาเป็นอีกคนที่สร้างความเหนื่อยหน่ายให้กับภรรยา ยึดตัวเองเป็นใหญ่ คิดหรือทำอะไรตามใจตัวเอง คิดว่าตัวเองย่อมถูกเสมอ ไม่มีใครตักเตือนหรือห้ามปรามได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?
    .
    คำตอบคือ ผู้ป่วย NPD มักจะต้องการการยอมรับจากสังคม พวกเขาจึงพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในที่สาธารณะ แต่ในขณะเดียวกันคนที่เป็นโรค NPD ลึกๆ แล้วก็ขาดความเห็นอกเห็นใจ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนใกล้ชิด และมองว่าตัวเองเหนือกว่า คนใกล้ชิดต้องยอมตามใจตลอด
    .
    แล้วจะรับมือกับคนที่มีลักษณะเช่นนี้อย่างไร? เริ่มจากการเรียนรู้และเข้าใจโรค NPD ให้มากขึ้น จากนั้นให้ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนในการปฏิสัมพันธ์ ที่สำคัญคือไม่ควรคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากพวกเขา เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากตัวผู้ป่วยเอง และอย่าลืมดูแลตัวเอง ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตัวเองด้วย หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวอาจมีอาการของ NPD ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
    .
    อ้างอิง:
    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK556001/
    https://camhsprofessionals.co.uk
    https://my.clevelandclinic.org
    .
    #โรคหลงตัวเอง
    #THESTANDARDLIFE #TheUrbanGuidetoWellbeing

    https://www.facebook.com/share/p/DZSFEy52NH4E9KpX/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    UPDATE: รู้จักโรคหลงตัวเอง (NPD) ที่ใจดีนอกบ้าน แต่ใจร้ายกับคนใกล้ชิด
    .
    เคยสงสัยว่าทำไมบางคนถึงดูเพอร์เฟกต์เกินไป ทั้งบุคลิกภาพ หน้าตา การแต่งตัว และการใช้ชีวิต แต่รู้หรือไม่ว่าบางทีพวกเขาอาจกำลังเผชิญกับโรคบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง หรือ Narcissistic Personality Disorder (NPD) โดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
    .
    คนที่เป็น NPD ถือว่าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมากๆ (ซึ่งบางครั้งมันก็เกินจริง) บางคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงลิ่ว ต้องการถูกเยินยอชื่นชมตลอดเวลา แต่ที่น่าสนใจคือคนกลุ่มนี้มักจะแสดงออกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างคนภายนอกกับคนใกล้ชิด ยกตัวอย่างเช่น บางคนเมื่ออยู่ในสังคมนอกบ้าน พวกเขาอาจเป็นหัวหน้าที่ดูโอบอ้อมอารี ทำงานเก่ง มีวิสัยทัศน์ และเป็นที่รักของลูกน้องสุดๆ ใครขอความช่วยเหลือก็ทุ่มเทช่วยอย่างเต็มที่ แต่เมื่อกลับบ้านเขาเป็นอีกคนที่สร้างความเหนื่อยหน่ายให้กับภรรยา ยึดตัวเองเป็นใหญ่ คิดหรือทำอะไรตามใจตัวเอง คิดว่าตัวเองย่อมถูกเสมอ ไม่มีใครตักเตือนหรือห้ามปรามได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?
    .
    คำตอบคือ ผู้ป่วย NPD มักจะต้องการการยอมรับจากสังคม พวกเขาจึงพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในที่สาธารณะ แต่ในขณะเดียวกันคนที่เป็นโรค NPD ลึกๆ แล้วก็ขาดความเห็นอกเห็นใจ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนใกล้ชิด และมองว่าตัวเองเหนือกว่า คนใกล้ชิดต้องยอมตามใจตลอด
    .
    แล้วจะรับมือกับคนที่มีลักษณะเช่นนี้อย่างไร? เริ่มจากการเรียนรู้และเข้าใจโรค NPD ให้มากขึ้น จากนั้นให้ตั้งขอบเขตที่ชัดเจนในการปฏิสัมพันธ์ ที่สำคัญคือไม่ควรคาดหวังการเปลี่ยนแปลงจากพวกเขา เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดจากตัวผู้ป่วยเอง และอย่าลืมดูแลตัวเอง ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตัวเองด้วย หากคุณสงสัยว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวอาจมีอาการของ NPD ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
    .
    อ้างอิง:
    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK556001/
    https://camhsprofessionals.co.uk
    https://my.clevelandclinic.org
    .
    #โรคหลงตัวเอง
    #THESTANDARDLIFE #TheUrbanGuidetoWellbeing

    https://www.facebook.com/share/p/DZSFEy52NH4E9KpX/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คนลาออกเพราะ 'หัวหน้า' มากที่สุด อาจเกิดจากวัฒนธรรมองค์กรไม่ดีจนกระทบการทำงาน
    .
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดงานทุกวันนี้มีความผันผวนสูง ด้วยเทคโนโลยี AI เข้ามาดิสรัปต์อย่างรวดเร็ว แรงงานปรับตัวไม่ทัน บวกกับสภาวะสังคมสูงวัย ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนแรงงานรุนแรง นายจ้างต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมัยนี้หาคนทำงานยากมาก
    .
    ผู้เชี่ยวชาญแนะ หากอยากแก้ไขเรื่องนี้ องค์กรต้องไม่มองข้าม Employer Branding
    .
    สำหรับ Employer Branding ก็คือการสร้างแบรนด์นายจ้าง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสอดคล้องกับคุณค่าที่องค์กรยึดถือ สามารถเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้สมัครงานที่มีความสามารถ (Talent) ให้อยากเข้ามาร่วมงานด้วย
    .
    ข้อมูลจาก HRnote asia อ้างถึงผลวิจัยของบริษัท Universum แสดงให้เห็นได้ว่า บริษัทที่มี Employer Branding ที่ดี จะช่วยทำให้คนสนใจสมัครงานกับบริษัทนั้นๆ เพิ่มเป็นสองเท่า
    .
    ขณะที่รายงานจาก LinkedIn ก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า Employer Branding ที่ดี จะช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงาน (Turnover rate) ได้ถึง 28% ทั้งยังส่งผลให้เกิดการประหยัดต้นทุนในการจ้าง หรือ Save Cost Per Hire ได้ถึง 50%
    .
    ด้าน วิชญา กำจรกิตติ ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กรจาก Brightside People เปิดเผยผ่านเวทีเสวนาจาก Jobsdb ว่า การดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ย่อมต้องการผลประกอบการที่ดี ซึ่งการจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ส่วนหนึ่งมาจากองค์กรมีพนักงานที่มีศักยภาพ-มีประสิทธิภาพสูง แต่การจะได้คนเก่งๆ มาร่วมงานสมัยนี้เป็นเรื่องยาก องค์กรหลายแห่งจึงใช้การทำ Employer Branding เข้ามาช่วยหาผู้สมัครงานที่บริษัทต้องการ
    .
    “Employer Branding เป็นการสื่อสารกับแคนดิเดตหรือผู้สมัครงานว่า ถ้าอยากเข้ามาทำงานในองค์กรของเรา เขาจะได้รับการดูแลอย่างไรบ้าง องค์กรต้องสื่อสารกับทั้งคนนอกองค์กรและคนในองค์กร ซึ่งหากทำ Employer Branding ได้ดี นอกจากจะทำให้ได้แรงงานตรงตามความต้องการของบริษัทแล้ว ก็จะช่วยซัพพอร์ตภาพลักษณ์องค์กรให้ดียิ่งขึ้นด้วย” วิชญา กล่าว
    .
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บอกอีกว่า จากประสบการณ์ส่วนตัว 10 กว่าปีที่ผ่านมาพบว่า พนักงานลาออกจากปัญหาหัวหน้างานมากที่สุด มากกว่าปัญหาเพื่อนร่วมงานและปัญหาเรื่องเงินเดือน สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากวัฒนธรรมองค์กรย่ำแย่ ส่งผลให้เกิดปัญหาการทำงานระหว่างลำดับสายงาน หรืออาจเกิดจากการสื่อสารภาพลักษณ์ขององค์กรในตอนแรกที่รับสมัครงาน ไม่ตรงกับสิ่งที่พนักงานพบเจอจริงๆ ในบริษัท เป็นต้น
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1140622?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจWorklife #กรุงเทพธุรกิจ

    https://www.facebook.com/share/p/7sLXNMavhVuh1Fa6/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ชี้ประเทศไทยมี ‘โอกาส’ เสมอ แต่ถ้า “มักง่าย-ไม่คิดพลิกฟื้น” อาจจะง่อยถอยสู่โลกที่3
    .
    ศักยภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน มีแนวโน้มถดถอยลงอย่างน่าใจหาย ทั้งจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหากำลังการผลิต ขีดความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง และปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่รุมเร้าเศรษฐกิจต่อเนื่องนานนับ 20 ปี
    .
    ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เคยอยู่ในระดับกำลังพัฒนาด้วยกัน ดูเหมือนว่าประเทศไทยจะตามหลังห่างไกลออกไปทุกที ทั้งในแง่อัตราการเติบโต รายได้ต่อหัว และตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ด้านการแข่งขัน
    .
    ‘ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์’ ประธานกรรมการแพลตฟอร์ม Youth in Charge อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้สัมภาษณ์ไทยพับลิก้า โดยฉายภาพว่า เวลามองตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ คงจะต้องมองใน 2 มิติสำคัญ คือมิติทางด้านเศรษฐกิจ กับมิติทางด้านการเมืองควบคู่กัน
    .
    ปัจจุบันประเทศที่ใกล้ตัวเราในอาเซียนหรือเอเชีย อาทิเช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ขึ้นไปอยู่โลกที่หนึ่งหมดแล้ว คือการเมืองดี แข็งแรง เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เศรษฐกิจไม่ต้องพูด ส่วนจีนกับอินเดีย ที่แต่เดิมค่อนข้างยากจน มีประชากรเยอะ เมื่อก่อนอยู่โลกที่สอง วันนี้ก็หนีขึ้นไปโลกที่หนึ่งหมดแล้ว แม้แต่เวียดนามเอง ก็ทะยานออกมาจากโลกที่ 3 สู่โลกที่ 2 และมีศักยภาพที่จะก้าวสู่โลกที่1 หากไม่มีอะไรสะดุด
    .
    ประเทศไทยยังอยู่ที่เก่า ยังย่ำอยู่โลกที่สอง เราอาจจะหลุดจากโลกที่สามมาอยู่โลกที่สองได้ แต่ไม่สามารถขึ้นชั้นสู่โลกที่หนึ่ง เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่าห้วงเวลาที่ผ่านมา หลายประเทศก้าวขึ้นไปอยู่โลกที่หนึ่ง เรายังอยู่โลกที่สองอยู่เลย
    ประเด็นสำคัญก็คือ ปัญหาของเรา เป็นปัญหาทั้งเศรษฐกิจด้วย ทั้งการเมืองด้วย เมื่อก่อนเราจะมองการเมืองมีปัญหา แต่เศรษฐกิจเราแข็งแรง แต่ตอนนี้มันเริ่มไม่ใช่ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ก่อให้เกิดความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ นี่คือตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ณ เวลานี้
    .
    ระหว่างที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ มีการแข่งขันในเรื่องการดึงดูดการลงทุน มีอะไรเยอะแยะเลย เรากลับไม่เคยคิดจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ โครงสร้างอุตสาหกรรมเลย ไทยยังเอนจอยอยู่กับการเป็นผู้ผลิต OEM
    .
    นอกจากนี้ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงและเรื้อรัง ตั้งแต่เสื้อเหลือง เสื้อแดง พัฒนามาสู่การทะเลาะกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ มาสู่การมีแนวคิดจัดตั้งนีโอคอนเซอร์เวทีฟ เพื่อจะมาต่อสู้กับเสรีประชาธิปไตย คือเราง่วนอยู่กับเรื่องตบตีกัน การเอาชนะคะคานกัน เรื่องของความขัดแย้งที่รุนแรง เป็นระยะเวลาที่นานเกินไปโดยไม่รู้จบ
    .
    ขณะเดียวกัน ประเทศไทยเผชิญกับภาวะที่ถูกบีบบนบีบล่างที่เรียกว่า “nutcracker” นั่นคือ เราไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่ใช้แรงงานราคาถูก หรือใช้ทรัพยากรเยอะๆ ได้อีกแล้ว เราต้องไต่เพดานการแข่งขันไปสู้เรื่องดีไซน์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี ทิศทางมันชี้ชัดอยู่แล้วว่าเราต้องไปที่ตรงนั้น
    .
    ดร.สุวิทย์ สรุปว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่เราทำลายศักยภาพ เมื่อเราสูญเสียศักยภาพ บ้านเมืองก็อ่อนแอลง เราก็มีขีดความสามารถในการช่วงชิงโอกาสที่มาจากข้างนอกต่ำลง โอกาสไม่รอคอย มันลดระดับลงไปเรื่อยๆตามเวลา เรากำลังอยู่ที่จุดนั้นต่างหาก
    .
    โอกาสมีมาเสมอ แต่ศักยภาพเรามาถึงจุดหนึ่ง ถ้าไม่คิดที่จะพลิกฟื้น เราก็จะเป็นง่อย ถึงจุดนั้นอาจจะลำบากแล้ว เพราะว่าศักยภาพมันเตี้ยติดดินไปแล้ว
    .
    รับฟังบทสัมภาษณ์

    .
    #ศักยภาพเศรษฐกิจไทย #ยุทธศาสตร์ไทย #ปฏิรูปเชิงโครงสร้าง #สุวิทย์เมษินทรีย์ #ไทยพับลิก้า #Thaipublica
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1723888115187.jpg

    “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ชี้เศรษฐกิจไทยเผชิญ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ขาดโมเมนตัม - หลักนิติธรรมตกต่ำ
    .
    | เกาะกระแส | “ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ประธานกรรมการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นต่อเรื่องที่ประเทศไทยไม่สามารถหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ว่าปัจจุบันการเติบโตเศรษฐกิจไทยเผชิญกับ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ไม่ใช่แค่วัฏจักรทางเศรษฐกิจ (economic cycle) เนื่องจากจีดีพีไทยคงการเติบโตที่ 2-3% ประกอบกับสถานการณ์หลังโควิด-19 ที่เศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า
    .
    “วัฏจักรตกแล้วจะขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องโครงสร้าง เหมือนโครงสร้างบ้าน ห้องนี้จุได้ 20 คน แต่เราอัด 40 หรือ 50 คนก็เกิดผลข้างเคียง แม้เราดำเนินนโยบายการเงินการคลังแบบเป็นกลาง แต่มันไม่ได้ไปมากกว่านั้น”
    .
    ดร.ประสาร ยกตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อหัว (per capita income) ในปี 2566 ว่า คนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ 7,629.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี จัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางระดับบน (upper middle income country) แต่หากจะก้าวเป็นประเทศรายได้สูง (hign income country) ต้องมีรายได้สูงกว่า 12,535 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี
    .
    “จีดีพีโต 2% ยากมาก (ที่จะเป็นประเทศรายได้สูง) ถ้าจะขยับมากกว่า 12,000 เหรียญ เศรษฐกิจต้องโต 5% เป็นเวลา 20 ปี … คำว่า 5% มาจากยุทธศาสตร์ 20 ปี พยายามคำนวณแล้วก็หนีไม่พ้นตัวเลขนี้ ตอนนั้น per capita income ของคนไทยอยู่ที่ 6,000 เหรียญ ถ้าจะเป็น 12,000 เหรียญ คือสองเท่าหรือ 100% ถ้าเอา 20 ปีหารจะได้ 5 แสดงว่าต้องโตให้ได้ปีละ 5% เป็นเวลา 20 ปี รายได้ต่อหัวถึงจะกระโดดจาก 6,000 เหรียญ เป็น 12,000 เหรียญ”
    .
    ThaiPublica ชวนอ่าน 4 ปัจจัย ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย การบริโภค-แรงงาน-เทคโนโลยี-FDI และนโยบายรัฐ ชี้ “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ที่มากกว่าวัฏจักรทางเศรษฐกิจ โดย “ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล“ ประธานกรรมการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
    .
    คลิก https://thaipublica.org/2024/04/pra...t-the-thai-economy-faces-structural-problems/
    .
    #4ปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจไทย #วิกฤติเศรษฐกิจ #หลักนิติธรรม #ประสารไตรรัตน์วรกุล #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/Dv3snrLkqMojrAUT/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 17, 2024 ซึมทั้งปี! ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยซึมยาวถึงสิ้นปี 67 ยอดขาย 27 จังหวัดตกต่ำในครึ่งปีแรก กำลังซื้ออยู่จริงอ่อนปวกเปียก แบงก์ปไม่ผ่านทำคนซื้อเสียมั่น คนรวยรัดเข็มขัดฉุดยอดโอนคอนโด 10 ล้านขึ้นทรุดกว่า 33% มาตรการแอลทีวีของแบงก์ชาติฉุดซื้อเพื่อลงทุน ยอดสินเชื่อบ้านหดหายเหลือกว่า 6.5 แสนล้าน

    นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยว่า ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2567 ชะลอตัวมากกว่าช่วง COVID-19 ลุ้นครึ่งปีหลังดึงให้ภาพทั้งปีติดลบน้อยกว่าร้อยละ 5 ภาพรวมด้านอุปสงค์ในครึ่งปีแรก 2567 นับได้ว่าเป็นการชะลอตัวที่แรงกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    แม้กระทั่งในช่วง COVID-19 ในปี 2563-2564 โดยพบว่า ในครึ่งปีแรก 2567 มีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเพียง 159,952 หน่วย และ 452,136 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ -9.0 และ -9.4 ตามลำดับ และมีจำนวนเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ เพียง 265,644 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.2 เมื่อเที่ยบกับครึ่งปีแรกของปี 2566 ปริมาณหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สะสม 2 ไตรมาสแรก หรือ รอบครึ่งแรก ปี 2567 ของบ้านใหม่ ลดลงร้อยละ -12.4 และบ้านมือสอง ลดลงร้อยละ -6.9 โดยราคากลุ่มของบ้านใหม่การโอนกรรมสิทธิ์ในระดับราคา 1.01-1.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในขณะที่บ้านมือสองกลุ่มระดับราคา 5.01-7.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เป็นที่น่าสังเกตว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านแนวราบ ลดลงร้อยละ -14.2

    ขณะที่ อาคารชุดโดยภาพรวมมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ทั้งนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นของอาคารชุดมือสองร้อยละ 11.8 ในขณะที่อาคารชุดใหม่ลดลงร้อยละ -1.5 โดยเป็นการลดลงในกลุ่มระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไปมากที่สุดถึงร้อยละ -33.5 ขณะที่อาคารชุดใหม่มีการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นในกลุ่มราคา 2.01-3.00 ล้านบาทมากที่สุดถึงร้อยละ 15.8 รองลงมาคือระดับราคา 1.51-2.00 ร้อยละ 14.2 และระดับราคา 1.01-1.50 ร้อยละ 4.6

    นอกจากนี้ REIC ยังพบว่า ภาพรวมยอดขายที่อยู่อาศัยได้ใหม่ใน 27 จังหวัดของครึ่งแรกของปี 2567 มีการชะลอตัวลงด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้สะท้อนให้เห็นถึงได้ว่า กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยยังคงอ่อนแอจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและภาระหนี้สินต่าง ๆ ของครัวเรือน และเมื่อเกิดภาวะการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ก็ทำให้ผู้ซื้อบ้านเกิดความไม่มั่นใจในการซื้อและกู้ ทำให้บางส่วนเปลี่ยนใจในการชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไป

    ส่วนกลุ่มที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ก็ชะลอการลงทุน เพราะไม่ต้องการนำเงินส่วนตัวมาลงประมาณร้อยละ 20 ของราคาที่อยู่อาศัยตามเกณฑ์ LTV และไม่อยากสร้างหนี้ระยะยาวในช่วงนี้ แต่นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่มีผลตอบแทนดี (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) อย่างไรก็ตาม REIC ประเมินทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยปี 2567 โดยได้มีการปรับประมาณการจากข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในช่วงครึ่งปีแรก ประกอบด้วยอัตราขยายตัว GDP อัตราดอกเบี้ย MRR เฉลี่ย 6 ธนาคาร อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อัตราดูดซับ รวมถึงผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

    โดย REIC คาดการณ์ภาพของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 ว่าจะมีการปรับตัวลงของทั้งอุปสงค์และอุปทานในตลาด โดยจะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจำนวนประมาณ 350,545 หน่วย ลดลงร้อยละ -4.4 และมีช่วงการขยายตัวระหว่าง ร้อยละ -14.0 ถึง ร้อยละ 5.1 โดยมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบประมาณ 243,088 หน่วย ลดลงร้อยละ -6.0 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -15.4 ถึง ร้อยละ 3.3 และคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยอาคารชุดประมาณ 107,456 หน่วย ลดลงร้อยละ -0.6 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -10.5 ถึง ร้อยละ 9.4

    ด้านมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,012,760 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -3.3 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -12.9 ถึง ร้อยละ 6.4 ประกอบด้วยมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบประมาณ 717,052 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -3.4 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -13.1 ถึง ร้อยละ 6.3 มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดประมาณ 295,707 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -2.9 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -12.6 ถึง ร้อยละ 6.8

    ขณะที่คาดการณ์ว่า ปี 2567 จะมีมูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศจำนวน 651,317 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ -4.0 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -11.7 ถึง ร้อยละ 5.6

    ด้านอุปทานคาดการณ์ว่าปี 2567 จะมีการออกใบอนุญาตจัดสรรทั่วประเทศจำนวน 89,420 หน่วย ลดลง ร้อยละ -6.4 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -15.8 ถึง ร้อยละ 3.0 ปี 2567 รวมทั้งคาดว่าจะมีจำนวนพื้นที่การออกใบอนุญาตก่อสร้างทั่วประเทศประมาณ 36,102,795 ตร.ม. ลดลง ร้อยละ -8.9 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -18.0 ถึง ร้อยละ 2.5 โดยมีจำนวนพื้นที่การออกใบอนุญาตก่อสร้างแนวราบทั่วประเทศประมาณ 32,816,529 ตร.ม. ลดลง ร้อยละ -9.5 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -18.5 ถึง ร้อยละ 1.4 และมีจำนวนพื้นที่การออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดทั่วประเทศประมาณ 3,286,266 ตร.ม. ลดลง ร้อยละ -3.0 และมีช่วงการขยายตัวระหว่างร้อยละ -12.7 ถึง ร้อยละ 8.7

    #คอนโดมิเนียม #คอนโด #บ้านเดี่ยว #อสังหาริมทรัพย์ #ยอดขาย #ยอดโอน #ยอดซื้อ #อาคารชุด #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/qZ44CERfjiFus9ee/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 17, 2024 ศึกแอร์จีน! แบรนด์แอร์จีนไฮเออร์(Haier) ทุ่ม 10,000 ล้านขึ้นโรงงานที่ชลบุรี ผลิตเดือนละ 5 แสนเครื่อง รวมปีละ 6 ล้านเครื่อง ดันเป็นฐานผลิตแอร์ใหญ่สุดอาเซียน จ้างงานกว่า 3,000 คน

    นายโจว หยุนเจี๋ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่แห่งใหม่และเป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน ด้วยศักยภาพเชิงพื้นที่ที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งไฮเออร์ยังคงเป็นผู้นำในตลาดโดยมีส่วนแบ่งกว่า 13% เป็นยอดขายอันดับ 1 ในแง่ของจำนวนในช่องทางออฟไลน์

    สำหรับโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 324,000 ตร.ม. ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด 3 จ.ชลบุรี ภายใต้งบการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท รองรับกำลังการผลิตเครื่องปรับอากาศสูงสุดถึง 6 ล้านเครื่องต่อปี โดยพื้นที่ดังกล่าวนับเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของประเทศไทย เพราะห่างจากท่าเรือแหลมฉบังใน จ.ชลบุรี 49 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 131 กิโลเมตร รวมถึงสามารถเชื่อมต่อด้านคมนาคมได้หลายเส้นทาง

    นายโจว หยุนเจี๋ย กล่าวต่อไปว่า โรงงานดังกล่าวมีแผนการดำเนินการก่อสร้างแบ่งเป็น 3 เฟส และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งเฟสแรกจะเปิดในส่วนของการผลิต 3 ล้านเครื่องในเดือนกันยายน 2568 เฟสที่สองและเฟสสามจะเสร็จสิ้นพร้อมเปิดดำเนินการในปี 2569 และ 2570 ตามลำดับ ทั้งนี้หลังจากดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศของไฮเออร์

    ปัจจุบัน ไฮเออร์เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยครองแชมป์เครื่องใช้ภายในบ้านอันดับ 1 ของโลก ติดต่อกัน 15 ปี ตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2566 (เป็นการจัดอันดับของสถาบันยูโรมอนิเตอร์อินเตอร์เนชั่นแนล) และในปี พ.ศ. 2562 ไฮเออร์ได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการเป็นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าสู่ความเป็น Internet of Things (IoT) มากขึ้น

    #แอร์ #เครื่องปรับอากาศ #จีน #ไทย #ไฮเออร์ #ชลบุรี #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/R8iecUwfiBh14RFu/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 17, 2024 เสียงแตกถี่! กสิกรไทยมั่นใจกรรมการเสียงแตกครั้งที่ 4 ประชุมส่อตึงดอกเบี้ยระยะสั้น 2.50% ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ดอกเบี้ยแบงก์ชาติแพงในรอบ 10 ปี จ่อค้างฟ้าถึง 9 เดือน

    ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. ธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ส.ค. 2567 นี้ คาดว่า กนง. ยังมีมติไม่เป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ต่อเนื่อง โดยคงให้ปัจจัยสนับสนุนดังต่อไปนี้

    กนง. ส่งสัญญาณในการประชุมรอบที่แล้วว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ปรับดีขึ้น รวมทั้งเอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว อีกทั้งสามารถรองรับความเสี่ยงด้านบวกและด้านลบได้ในระดับหนึ่ง

    เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าเป็นผลจากปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ การสูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน การเข้าสู่สังคมสูงอายุและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งนโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพขยายตัวต่ำลง

    ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงให้น้ำหนักว่า กนง. จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ไปตลอดทั้งปีนี้ แต่ก็มองความเป็นไปได้ที่ กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในไตรมาส 4/2567 มีสูงขึ้น เนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายมากกว่าที่เคยคาดไว้ โดยล่าสุดตลาดมองว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยถึง 100 basis points ในปีนี้ หลังตัวเลขตลาดแรงงานและเงินเฟ้อออกมาอ่อนแรงลง ซึ่งคงส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันให้มีแนวโน้มอ่อนค่า และค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า

    เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงที่มากขึ้นจากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง สะท้อนจากดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (PCI) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังปรับลดลงต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ แรงกดดันเงินเฟ้อมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มกลับเข้าสู่เป้าหมายของ ธปท. 1-3% ในไตรมาส 4/2567 โดยส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2567 อยู่ที่ราว 0.8%

    ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติตึงดอกเบี้ยมาทั้งหมด 4 ครั้งต่อเนื่อง โดยมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ตึงดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งจากการประชุมใน 4 ครั้งย้อนหลังไปจากครั้งล่าสุด มีดังนี้

    ปี 2567:
    7 กุมภาพันธ์ เสียงแตก 5:2 ตึงดอกเบี้ย
    10 เมษายน เสียงแตก 5:2 ตึงดอกเบี้ย
    12 มิถุนายน เสียงแตก 6:1 ตึงดอกเบี้ย

    ปี 2566: วันที่ 29 พฤศจิกายน เสียงเอกฉันท์ตึงดอกเบี้ย วันที่ 27 กันยายน เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2.5% วันที่
    2 สิงหาคม เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2.25% วันที่ 31 พฤษภาคม เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2.00% วันที่ 29 มีนาคม เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.75% และวันที่ 25 มกราคม เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.50%

    ปี 2565 วันที่ 30 พฤศจิกายน เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.25% วันที่ 28 กันยายน เสียงเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1.00% วันที่ 10 สิงหาคม เสียงแตก 6:1 ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75% วันที่ 8 มิถุนายน เสียงแตก 4:3 ตึงดอกเบี้ยเป็น 0.25%

    #ดอกเบี้ย #แบงก์ชาติ #ธปท #เงินเฟ้อ #ธนาคารแห่งประเทศไทย #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/QNeQzgpHQ5kp2j6Y/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    มาไทยแน่! ร้านค้าปลีกทั่วโลกหลบไป KK Group จากจีน กินรวบ!
    .
    เรียกว่าทยอยมาสารพัดทุกรูปแบบสำหรับทุนจีนยุคใหม่ เข้ามาจนล้นทะลัก ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้การควบคุม จนประเทศไทยจะกลายเป็น "มณฑลไท่กั๋ว" ของจีนไปแล้ว
    .
    ก่อนหน้านอกจากจะมีแบรนด์ไอศกรีมและชาผลไม้ Mixue, Ai-Cha และ WEDRINK ยังมีแบรนด์ไก่ทอด Zhengxin Chicken Steak ขายเริ่มต้น 15 บาท ไม่นับรวมธุรกิจอื่นๆ อีกสารพัด หมาล่า เหล็ก ถ้วยเซรามิก รถทัวร์ แทบทุกอุตสาหกรรม ขายราคาถูก จนหลายๆ ธุรกิจของไทยแทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว
    .
    ไม่พอแค่นี้ ยังมีอีกแบรนด์เตรียมเปิดสาขาแรกในไทยเร็วๆ นี้ คือ ร้านขายของไลฟ์สไตล์สารพัด KKV ในเครือ KK Group Company Holdings Limited จากกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่กำลังยื่น IPO ในฮ่องกง เป็นครั้งที่ 4 มูลค่า 100,000 ล้าน มีข่าวมาแว่วๆ ว่าจะเปิดสาขาแรกที่ The Mall Lifestore บางกะปิ
    .
    KK Group เป็นสตาร์ทอัพค้าปลีกจีนแนวใหม่ ยูนิคอร์นม้ามืดประจำปี 2563 ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 ขายสินค้าทางออนไลน์อย่างเดียว ต่อมาเป็นเจ้าของร้านค้าปลีก 4 แบรนด์ คือ KKV (ร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์สารพัด), The Colorist (ร้านค้าปลีกความงามระดับโลก มีทั้งแบรนด์จีน เอเชีย ยุโรป ตะวันตก), X11 (ร้านค้าปลีกของเล่นแนวป๊อปสมัยใหม่ระดับโลก) และ KK Guan (ร้านค้าปลีกไลฟ์สไตล์มินิมาร์ท)
    .
    ปัจจุบันร้านค้าทุกแบรนด์ในเครือ KK Group มีสาขารวมกันราวๆ 800 แห่งในเมืองสำคัญกว่า 200 เมืองใน 31 มณฑลทั่วจีน อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น หางโจว เฉิงตู ซูโจว เทียนจิน อู่ฮั่น ฉงชิ่ง รวมถึง ในอินโดนีเซีย และมาเลเซียอีกต่างหาก ทำเลเปิดร้านส่วนใหญ่เป็นย่านธุรกิจและห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศ
    .
    โดยสิ้นปี 2566 ร้านแบรนด์ KKV มีจำนวน 458 แห่ง ร้านแบรนด์ The Colorist จำนวน 243 แห่ง ร้านแบรนด์ X11 จำนวน 64 แห่ง และร้านแบรนด์ KK Guan จำนวน 35 แห่ง
    .
    รูปแบบของร้าน KKV มีทั้งโมเดลเปิดในห้าง และ Standalone ขนาดตั้งแต่ 300-35,000 ตารางเมตร ส่วนใหญ่จะเปิดในห้างขนาดใหญ่ เมื่อปี 2563 ร้านค้า KKV เปิดสาขาที่เซ็นทรัลพาร์ค ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ห้างชื่อดังในอินโดนีเซีย และได้รับกระแสตอบรับดีมาก
    .
    ร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ KKV ขายสินค้าหลากหลาย 11 หมวด เช่น ของใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร เครื่องเขียน สกินแคร์ครบวงจร และเครื่องสำอางแฟชั่น ในพื้นที่ขนาดกว่า 300 - 3,500 ตารางเมตร มีจำนวนสินค้ากว่า 20,000 SKU มีทั้งแบรนด์นำเข้าที่กำลังมาแรงและแบรนด์ในจีน KKV เป็นร้านค้าปลีกสไตล์เดียวกับ MINISO นั่นแหละ ขายสินค้าแบบเดียวกันสารพัดอย่าง ทั้ง 2 แบรนด์ยังเป็นคู่แข่งกันในจีนอีกด้วย
    .
    กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ KK Group เป็น GEN Z ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 14 - 35 ปี ดังนั้น KK Group จึงใช้กลยุทธ์ 2 ทาง "สุนทรียศาสตร์ + เทคโนโลยี" เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่มีรูปลักษณ์และล้ำสมัยสูง เพื่อสนองความต้องการมีวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ดีขึ้น
    .
    สำหรับในประเทศไทยร้านค้าสารพัด KKV น่าจะอยู่ภายใต้การบริหารของมีบริษัท เคเควี ซัพพลาย เชน จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2567 ทุนจดทะเบียน 190 ล้านบาท โดยมีนายชิน กวานกุ้ย และนางสาวธิตานันท์ ซุน มีรายชื่อเป็นกรรมการ คาดว่าเตรียมจะเปิดสาขาแรกในไทยไม่ช้าก็เร็วๆ นี้ ต้องติดตามดูต่อไป
    .
    สุดท้าย ไม่ว่าเราจะมองไปทางไหน ก็เจอแต่ธุรกิจที่เป็นทุนจีนไปหมด ถ้าผู้บริโภคคนไทยเห็นแก่ของถูกจากต่างประเทศ พอเข้าใจในยามเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ แต่ในวันข้างหน้าเชื่อว่าสินค้าและธุรกิจของคนไทยอาจไม่เหลืออะไรเลย คาดว่าอาจซึมยาว ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีด้วย ได้ผลกระทบไปทั่วทุกพื้นที่ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวให้เร็วเพื่ออยู่รอดไปก่อน
    .
    อ้างอิง
    https://www.kkgroup.cn/kkv
    https://www.facebook.com/urbanlifeth
    https://www.ditp.go.th/post/142183
    https://bit.ly/3M4F1cR
    .
    .
    ที่มา : https://bit.ly/3yHiEHg
    .
    #KKGroup #ร้านค้าปลีก #ร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ #สตาร์ทอัพค้าปลีกจีน #KKV

    https://www.facebook.com/share/KpvCtMNy7WSXE4ak/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 22, 2024 ขาลงชัด! ราคาน้ำมันดิบโลกยังปิดร่วงกว่า 1 ดอลลาร์ ปิดหลุด 72 ดอลลาร์ ถูกสุดในกว่า 2 สัปดาห์ เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวชัดเจน เจรจาหยุดยิงในตะวันออกกลาง น้ำมันในไทยถูกสุดใน 7 เดือนต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดกัน

    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.69% ส่งผลราคาปิดลง 4 วันติดกันรวม -5.36 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.99% ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.49% ส่งผลราคาปิดลง 4 วันติดกันรวม -4.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.29% ส่งผลราคาปิดต่ำสุดใน 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง

    สาเหตุจากกระทรวงแรงงาน สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนสหรัฐในช่วงระหว่างเมษายน 2023 ถึงมีนาคม 2024 ลดต่ำลงมากถึง 818,000 คน ถึงแม้จะเป็นการปรับลดลงเพียง 0.5% แต่นั่นหมายถึงเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นต์การจ้างงานลดลงราว 0.6% จากคาดการณ์เดิม ยอดการจ้างงานรายเดือนในช่วงเวลา 1 ปีดังกล่าวนั้น มีเพิ่มขึ้นเพียงเฉลี่ยเดือนละ 174,000 คน ซึ่งลดต่ำลงจากเดิมที่เฉลี่ยเดือนละ 242,000 คน สร้างความกังวลต่อนักลงทุนที่ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีความต้องการบริโภคน้ำมันดิบลดต่ำลง

    นายกรัฐมนตรีประเทศกาตาร์เรียกร้องให้อิหร่านทำการหยุดยิงในช่วงการเริ่มต้นเจรจาการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสติดอาวุธ การเจรจาดังกล่าวมีขึ้นที่โดฮา เศรษฐกิจจีนยังคงชะลอตัวต่อเนื่องหลังจากประกาศตัวเลขราคาขายบ้านใหม่เดือนกรกฎาคม พบว่า มีราคาดำดิ่งเร็วสุดในรอบ 9 ปี ในทางตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังขยายตัวได้ดี

    ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ปิดสวนทาง -0.25% และ +0.03% ตามลำดับ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง เพิ่มขึ้น +6.98% และ +3.43% สิ้นสุดมิถุนายนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น +5.9% ส่งผลตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงสิ้นสุดไตรมาสที่ 2 ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ และเบร็นท์ อังกฤษ ปิดเพิ่มขึ้น +13.8% และ +12.1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งในเดือนกรกฎาคมปิดสุทธิร่วงลง -4% และ -7% ตามลำดับ

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2022 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน และในปี 2022 ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

    ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันทุกรายในประเทศไทยปรับราคาขายน้ำมันมีผลวันที่ 20 สิงหาคม 2567 โดยลดราคากลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง -40 สตางค์/ลิตร นับเป็นการลดราคาน้ำมันครั้งแรกใน 12 วันผ่านมา และเป็นการลดราคาครั้งที่ 7 ต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม หรือใน 1 เดือน 1 สัปดาห์กว่า รวมลดลงสะสม -2.50 บาท/ลิตร ส่งผลให้เป็นราคาน้ำมันที่ถูกที่สุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมผ่านมา

    #น้ำมันดิบ #สหรัฐ #อังกฤษ #เศรษฐกิจ #ราคาน้ำมันวันนี้ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/UosaCbSbeh9fgacC/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 22, 2024 แบรนด์ดังปลด! เครือข่ายร้านขายเครื่องสำอาง เซโฟรา(Sephora)สุดดังจากฝรั่งเศส ปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 10% ส่งผลตกงานกว่า 400 คนในจีน ขาดทุนรวมยับเยินกว่า 1,600 ล้าน

    เซโฟรา(Sephora) แบรนด์เครือข่ายร้านขายปลีกเครื่องสำอางชื่อดังโลกจากประเทศฝรั่งเศส และอยู่ในเครือกลุ่มบริษัทแอลวีเอ็มเอช(LVMH) ของมหาเศรษฐี ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่ 10% หรือมากกว่า 400 คนจากพนักงานทั้งหมดกว่า 4,000 คนในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังจากผลการดำเนินงานขาดทุนย่ำแย่ถึง 330 ล้านหยวน หรือกว่า 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,610 ล้านบาทในช่วง 2 ปีติดต่อกัน หรือตั้งแต่ปี 2022-2023 ผ่านมา

    สำหรับพนักงานที่ถูกปลดออกจะเป็นทั้งพนักงานประจำที่สำนักงาน และพนักงานตามร้านสาขาของเซโฟราที่กระจายในเมืองสำคัญของประเทศจีน ท่ามกลางความพยายามของบริษัทดังกล่าวที่โน้มน้าว และจูงใจให้ลาออก นอกจากนี้ พนักงานบริหารระดับอาวุโส ซึ่งรวมถึงผู้จัดการประจำประเทศจีน สำหรับสายงานขายปลีก และสายงานขายอีคอมเมิร์ซ ได้ลาออกจากเซโฟราไปก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน

    สาเหตุจากเซโฟราเผชิญภาวะขายปลีกเครื่องสำอางในตลาดประเทศจีนที่ซบเซา แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ร้านขายเครื่องสำอางที่ถูกมองว่าเป็นอีกสายธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในภาพรวมมาเป็นอันดับ 2 ให้กับกลุ่มบริษัทแอลวีเอ็มเอช ซึ่งรายได้อันดับ 1 มาจากธุรกิจเครื่องหนังหรูหราที่มีชื่อว่า หลุยส์ วิตตองในปี 2022 ในปี 2023 ผ่านมา แบรนด์เครือข่ายร้านเครื่องสำอางเซโฟรา ได้ยุติและถอนธุรกิจแบรนด์เซโฟราออกจากไต้หวัน และถอนธุรกิจในเกาหลีใต้ออกเมื่อปีผ่านมา อย่างไรก็ตาม เครือข่ายร้านเซโฟราประสบความสำเร็จในตลาดสหรัฐอเมริกา ยุโรป และตะวันออกกลาง

    ด้านผลประกอบการ พบว่า เซโฟรามีผลการดำเนินงานขาดทุนรวม 330 ล้านหยวน หรือราว 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,610 ล้านบาทในช่วงปี 2022-2023 ในประเทศจีน นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ร้านระดับหรูหรานี้ ซึ่งมักจะใช้แบรนด์เครื่องสำอางราคาสูง กลับพบว่าผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงเหล่านี้ กลับตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการซื้อสินค้ามีราคาถูกลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแข่งขันของแบรนด์เครื่องสำอางภายในประเทศที่มีราคาถูกกว่าของร้านเซโฟรา ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นต่อเนื่อง โดยพบว่า ผู้ผลิตเครื่องสำอางในประเทศจีนสามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 50% ของตลาดเครื่องสำอางทั้งหมดในประเทศจีนในปี 2023

    ที่สำคัญ ในตลาดร้านขายเครื่องสำอางในโลกตะวันตก จะพบว่า เซโฟรา สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้ภาพลักษณ์ของร้านเครื่องสำอางเซโฟร่าสะท้อนถึง สินค้าที่มีคุณภาพสูง และบริการการขายที่มีคุณภาพสูงด้วย อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์แบบนี้ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่กลับ ไม่ได้ผล เนื่องจากช่องทางการทำตลาดออนไลน์ในประเทศจีนมีอิทธิพลและเป็นที่นิยมสูงมาก

    ทั้งนี้ ปัจจุบัน เซโฟรามีร้านสาขามากกว่า 300 แห่งนับตั้งแต่ร้านเซโฟราเข้ามาบุกเบิกในจีนเมื่อปี 2005 เป็นต้นมา

    #เซโฟรา #แอลวีเอ็มเอช #ขายปลีก #เครื่องสำอาง #จีน #ฝรั่งเศส #ขาดทุน #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/J3Sb2zKjAigjHQL8/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ..นุ้ยหมูแดดเดียวเกมส์แล้วครับ

    เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ส.ค. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 สั่งการ พ.ต.ท.พรชัย สุขเจริญ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 และจนท.กรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานพื้นที่ 3 ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.แอ๊ด อายุ 29 ปี สัญชาติลาว ในข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้และไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบ

    โดยพฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนการจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้รับแจ้งจากพลเมืองดีผ่านสายด่วน 1178 ให้ตรวจสอบบุคคลสัญชาติลาว ใช้ชื่อ “นุ้ย อินเตอร์” โพสต์และไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก ขายหมูแดดเดียว รวมถึงยังมีการเปิดคอร์สสอนทำหมูแดดเดียวอีกด้วย

    เจ้าหน้าที่ กก.สืบสวน บก.ตม.1 จึงได้กันร่วมบูรณาการ กรมการจัดหางาน ไปตรวจสอบบริเวณบ้านหลังหนึ่งภายในซอยอ่อนนุช 66 แยก 7 แขวงและเขตประเวศ กทม. พบ น.ส.แอ๊ด อยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.แอ๊ด เป็นบุคคลคนเดียวที่โพสต์ขายของจริงตามคลิปไลฟ์สดและตามที่ถูกร้องเรียนจริง
    ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.แอ๊ด รับสารภาพว่าเป็นคนไลฟ์สด โพสต์ขายหมูแดดเดียว และเปิดคอร์สสอนทำหมูแดดเดียวจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ถูกจับกุมว่า ต้องหาว่าเป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้และไม่แจ้งให้นายทะเบียนทราบ

    เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

    https://www.facebook.com/share/ENG3mYFCSWnmTjEh/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลาวในไทยเตรียมซวย! รัฐจ่อเก็บภาษีข้ามประเทศ ไม่จ่ายตามเก็บถึงบ้าน
    .
    กำลังเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากเมื่อทางด้านของ รัฐบาลลาวได้เตรียมประกาศเก็บภาษีข้ามประเทศ ไม่จ่ายตามเก็บถึงบ้าน
    .
    #ลาว
    #สปป
    #ภาษีลาว
    #ทำงานนอกประเทศ
    #หางาน
    #คนงานต่างชาติ
    #ทำงานต่างประเทศ
    #หางานต่างประเทศ
    #สมัครงาน
    #ทัวร์ลง
    #ทัวร์ลง1

    https://www.facebook.com/share/v/hB8BfTQvxFLazNaK/?mibextid=oFDknk

    Screenshot_2024-08-22-07-47-41-64_a23b203fd3aafc6dcb84e438dda678b6.jpg
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนลุยจับคอลเซ็นเตอร์สามเหลี่ยมทองคำ 771 คน
    .
    .
    MGR Online - ตำรวจจีนไม่รอเส้นตายที่ตำรวจลาวเคยขีดไว้ให้ถึง 25 สิงหาคม สนธิกำลัง 205 นาย บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสามเหลี่ยมทองคำ ได้ผู้ต้องหาอีก 771 คน 15 สัญชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชียกับแอฟริกา
    .
    วานนี้ (20 ส.ค.) หนังสือพิมพ์ "ความสะหงบ" สื่อในสังกัดกระทรวงความสะหงบ (กระทรวงมหาดไทย) ของลาว มีรายงานการบุกจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอีกครั้ง ได้ผู้ต้องหาเป็นจำนวนมาก และหลากหลายสัญชาติ มีทั้งชาวเอเชีย แอฟริกา อเมริกาใต้ และยุโรปตะวันออก
    .
    ปฏิบัติการบุกจับกุมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจจีนและลาว ซึ่งสนธิกำลังเจ้าหน้าที่รวม 205 นาย บุกจู่โจมฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 จุด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ได้ผู้ต้องหารวม 771 คน เป็นเพศหญิง 282 คน แยกเป็นคนสัญชาติต่างๆ รวม 15 สัญชาติ ประกอบด้วย ลาว 275 คน พม่า 231 คน จีน 106 คน ฟิลิปปินส์ 73 คน อินเดีย 29 คน อินโดนิเซีย 20 คน โมซัมบิก 6 คน เอธิโอเปีย 11 คน ยูกันดา 6 คน เวียดนาม 5 คน ตูนิเซีย 4 คน รวันดา 2 คน โคลัมเบีย 1 คน จอร์เจีย 1 คน และบุรุนดีอีก 1 คน
    .
    นอกจา.กนี้ ยังสามารถยึดของกลางที่กลุ่มคนเหล่านี้ใช้ในการประกอบอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ได้อีกหลายรายการ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 709 ชุด โน้ตบุ๊ก 28 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1,896 เครื่อง ไอแพด 2 เครื่อง และยูเอสบี 10 ชิ้น
    .
    ตามรายงานของ "ความสะหงบ" ผู้ต้องหาที่เป็นชาวลาวได้ถูกนำตัวไปทำบทบันทึก อบรม ว่ากล่าวตักเตือน และให้ญาติมาเซ็นชื่อรับประกันพฤติกรรม ก่อนส่งตัวกลับภูมิลำเนา ส่วนผู้ต้องหาคนจีนได้ถูกส่งตัวกลับไปดำเนินคดีและรับโทษในจีนเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านด่านชายแดนบ่อเต็น-บ่อหาน ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นคนสัญชาติอื่น ได้มอบให้เจ้าหน้าที่สถานทูตของแต่ละประเทศนำตัวกลับไปยังประเทศของตน
    .
    การบุกจู่โจมจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนเส้นตายที่กระทรวงความสะหงบของลาวเคยขีดไว้ว่าจะให้เวลาองค์กรที่มีพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านี้โดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 25 สิงหาคม 2567
    .
    เส้นตายดังกล่าวถูกระบุไว้โดย พลจัตวาวันทอน สุลิสัก รองหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสะหงบ ซึ่งกล่าวไว้ในการประชุมวาระพิเศษเรื่อง "การกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคม (Call Center) ข้ามชาติภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ" เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ซึ่งมีนายทองจัน มะนีไซ เจ้าแขวงบ่อแก้ว คนใหม่ และนายเจ้าเหว่ย ประธานคณะกรรมการบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ร่วมเป็นประธาน
    .
    ในการประชุมครั้งนั้น พลจัตวาวันทอน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันความสะหงบจะเป็นเจ้าภาพประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเพื่อกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปจากเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่า
    .
    1.ตั้งแต่วันที่ 9-25 สิงหาคม 2567 ทุกกิจการภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำที่มีพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องหยุดพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่จะเข้ายึดและรื้อถอนอุปกรณ์ที่ใช้ก่ออาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมออกจากอาคารที่ถูกใช้เป็นสำนักงานทั้งหมด
    .
    2.เจ้าของกิจการทุกแห่งมีภาระที่ต้องรับผิดชอบในการจ่ายเงินค่าแรงให้ลูกจ้างที่ถูกนำมาทำหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ รวมถึงอำนวยความสะดวกและออกค่าใช้จ่ายให้ลูกจ้างเหล่านั้นได้เดินทางกลับประเทศของแต่ละคน โดยเจ้าหน้าที่จะเฝ้าติดตามพฤติกรรมของเจ้าของกิจการทุกรายอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการหลบหนี
    .
    3.หลังจากวันที่ 25 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป จะตั้งคณะเฉพาะกิจประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันความสะหงบและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ตรวจตราและจับกุมกิจการซึ่งยังฝ่าฝืนทำพฤติกรรมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
    .
    แต่หลังจากผ่านการประชุมวาระพิเศษดังกล่าวไปเพียง 3 วัน เจ้าหน้าที่จีนและลาวได้เปิดปฏิบัติการจู่โจมจับกุมจนได้ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถึง 771 คน ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567.

    https://www.facebook.com/share/p/aaNTzCiVYmrbsjCt/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกของยูเครน อาจจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยการมอบอาวุธแก่เคียฟที่สามารถใช้โจมตีเป้าหมายต่างๆในแผ่นดินรัสเซีย จากคำเตือนของ มัตเตโอ ซัลวินี รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี เมื่อช่วงกลางสัปดาห์

    พวกเจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างว่ากองทัพยูเครนใช้อาวุธที่ได้รับมอบจากตะวันตก ในปฏิบัติการรุกรานเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ ขณะเดียวกันสื่อมวลชนตะวันตกหลายสำนัก ได้เผยแพร่บทความกล่าวอ้างคล้ายๆกัน นอกจากนี้แล้วบรรดาผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งของเคียฟ ก็ไฟเขียวอย่างเปิดเผย ให้ยูเครนใช้อาวุธที่พวกเขามอบให้ โจมตีใส่ดินแดนของรัสเซีย

    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนท้องถิ่นในวันพุธ(21ส.ค.) ซัลวินี ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีโครงสร้างพื้นฐานและคมนาคม รวมเป็นถึงเป็นแกนนำพรรคลีดานอร์ด กล่าวว่า "การส่งมอบอาวุธให้โจมตีและสังหารผู้คนในดินแดนรัสเซีย จะเป็นหายนะ อาจก่อความขัดแย้งระดับโลกอันน่าตกตะลึง"

    รองนายกรัฐมนตรีรายนี้บอกว่าพรรคฝ่ายขวาของเขา ไม่ได้คัดค้านการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหารแก่ยูเครน ตราบใดที่มันเป็นการป้องกันตนเอง

    ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งรัฐสภายุโรปเมื่อเดือนมิถุนายน ซัลวินีเคยเรียกร้องให้ชาวอิตาลี อย่าปล่อยให้พวกพรรคฝ่ายซ้ายได้รับชัยชนะ โดยชี้ว่าพวกพรรคฝ่ายซ้ายอิตาลีกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส จะทำให้แนวโน้มความอันตรายของสงครามโลกครั้งที่ 3 กลายเป็นจริง

    "ผมเรียกร้องอย่างแข็งขัน ให้โหวตคัดค้านสงคราม โดดเดี่ยวพวกมือระเบิดอันตรายอย่างมาครง" เขากล่าวในตอนนั้น นอกจากนี้แล้ว ซัลวินี ยังชื่นชมรัฐบาลอิตาลี สำหรับจุดยืนที่หนักแน่นคัดค้านพวกผู้คนในยุโรป ที่ส่งเสียงเรียกร้องความเป็นไปได้ที่จะส่งทหารตะวันตกเข้าไปยังยูเครน และสำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ในความเคลื่อนไหวดังกล่าว

    รองนายกรัฐมนตรีรายนี้ยังเคยเน้นย้ำเมื่อเดือนมิถุนายนว่า "เราจะไม่อนุมัติส่งมอบอาวุธต่างๆให้แก่ยูเครนอีกต่อไป จนกว่าเราจะแน่ใจว่าอาวุธเหล่านี้จะไม่ถูกใช้โจมตีและสังหารผู้คนในแผ่นดินรัสเซีย" เขากล่าวในตอนนั้น "มันจะเป็นเหตุการณ์ที่พาเรามุ่งตรงเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3"

    ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม กุยโด โครเซ็ตโต รัฐมนตรีกลาโหม อ้างรัฐธรรมนูญของอิตาลี เน้นย้ำว่าอาวุธที่อิตาลีจัดหาให้แก่ยูเครน สามารถใช้ได้เฉพาะภายในดินแดนของยูเครนเท่านั้น ขณะที่ อันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีต่างประเทศเสริมว่า "เราไม่ได้สู้รบกับรัสเซีย เรากำลังปกป้องยูเครน มันไม่เหมือนกัน"

    ซัลวินี เคยเรียก เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ว่าเป็นบุคคลอันตราย หลังเขาเสนอให้ไฟเขียวเคียฟ โจมตีเป้าหมายต่างๆที่อยู่ลึกในดินแดนรัสเซีย ด้วยอาวุธของตะวันตก ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ก็รู้สึกตกตะลึงกับความเห็นดังกล่าวเช่นกัน และตั้งคำถามว่าทำไม สโตลเทนเบิร์ก ถึงพูดเช่นนั้น

    (ที่มา:อาร์ทีนิวส์)

    https://www.facebook.com/share/p/rZMqUfQAsiZutmve/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,698
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "รัฐบาลเมียนมา" บังคับใช้กฎให้แรงงานข้ามชาติ ต้องส่งเงิน 25% กลับประเทศ
    .
    | สู่อาเซียน | ASEAN Roundup - เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงแรงงานของรัฐบาลทหารเมียนมา เริ่มบังคับใช้กฎการโอนเงิน ซึ่งประกาศเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เพื่อบังคับให้แรงงานเมียนมาที่ทำงานในประเทศไทย ส่งรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศกลับประเทศ
    .
    กระทรวงฯ กล่าวว่า แรงงานเมียนมาที่ทำงานภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างรัฐบาลเมียนมากับรัฐบาลไทย จะต้องส่งเงินอย่างน้อย 25% ของรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศกลับประเทศเป็นเวลาสามเดือน ผ่านระบบธนาคารของประเทศ หากพวกเขาต้องการต่ออายุใบอนุญาตทำงานหลังจากสัญญาสี่ปีเดิมสิ้นสุด
    .
    โดยกระทรวงฯ ระบุว่าจะไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน และไม่อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทยได้อีก 2 ปีภายใต้ระบบที่เรียกว่า “MoU U-turn” เว้นแต่ได้โอนเงิน 6,000 บาท (25% ของเงินเดือนพื้นฐานเป็นเวลาสามเดือน ไปยังธนาคารในเมียนมา
    .
    ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ผู้ที่ยื่นขอต่ออายุใบอนุญาตทำงานที่สำนักงานรัฐบาลทหารสองแห่งในเมืองชายแดนเมียวดีในรัฐกะเหรี่ยงและเกาะสองในเขตตะนาวศรี จะต้องแสดงเอกสารที่พิสูจน์ว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนแล้ว หรือบัญชีธนาคารของญาติในเมียนมา
    .
    เจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์การจ้างงานในต่างประเทศของเมียนมา (Myanmar Overseas Employment Agencies Federation :MOEAF) กล่าวว่า “กระทรวงจะไม่ต่ออายุใบอนุญาตทำงาน หากพวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาได้ส่งเงิน 25% ของรายได้ไปแล้ว ในกรณีที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ แรงงานข้ามชาติจะไม่สามารถทำงานได้อีกสองปี คำสั่งดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม และมีผลในวันที่ 1 สิงหาคม”
    .
    จากข้อมูลจากรัฐบาลไทย ในบรรดาแรงงานชาวเมียนมา ที่ถูกกฎหมายในประเทศไทยประมาณ 4 ล้านคน มีประมาณ 1.5 ล้านคนเป็นแรงงานตาม MoU
    .
    อ่านรายละเอียด และหลากหลายประเด็นน่าสนใจใน ASEAN Roundup ประจำวันที่ 11-17 ส.ค. 2567 คลิก https://thaipublica.org/2024/08/asean-weekly-roundup-263/
    .
    #เมียนมา #แรงงานเมียนมา #สู่อาเซียน #ASEANRoundup #ไทยพับลิก้า #Thaipublica

    https://www.facebook.com/share/p/k9vwHMZ3sSVcKTNn/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...