เรื่องเด่น ตำนาน"๕ คุรุผู้วิเศษ" อายุยาวนานหาประมาณมิได้ หากใครได้ร่ำเรียนวิชากับท่านผู้นั้นจะเป็น ผู้วิเศษ มีอภิญญา !

ตำนาน"๕ คุรุผู้วิเศษ" อายุยาวนานหาประมาณมิได้ หากใครได้ร่ำเรียนวิชากับท่านผู้นั้นจะเป็น ผู้วิเศษ มีอภิญญา !



ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเริ่มเขียนเรื่องนี้ได้มีพี่ท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่า คุรุหรือครูผู้วิเศษในโลกเรานี้มี ๕ ท่านคือ ๑ หลวงปู่เทพโลกอุดร ๒ บรมครูพู่พู่อ่อง ๓ มหาอวตารบาบาจี ๔ สำเร็จลุน ๕ หลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน หากใครได้พบหนึ่งในสี่ท่านนี้และได้ร่ำเรียนวิชากับท่านบุคคลผู้นั้นจะเป็น ผู้วิเศษ มีอภิญญาเป็นอมตะไม่มีวันตาย เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังดังนั้นแล้วก็ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จนทราบว่าแท้จริงแล้วคุรุผู้วิเศษของโลกนั้นมีมากกว่า ๕ ท่าน อย่างในจีนนั้นจะมีเรื่องราวของเซียนทั้ง ๘ ที่ถือว่าเป็นยอดบรมครู เซียนทั้ง ๘ มักนิยมแปลงร่างเป็นกระยาจกเข็ญใจ มีพฤติกรรมเที่ยวขอทาน หากพบใครใจบุญมีวาสนาถึงจะสั่งสอนให้ได้รับความเป็นเซียน ผู้สำเร็จเป็นเซียนก็มีฤทธิ์และมีอายุยืนนานผิดคนธรรมดาสามัญ





( มหาคุรุบาบาจี )

ในอินเดียมีโยคีมากมาย แต่ที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลกคือ มหาคุรุบาบาจี ซึ่งจะกล่าวไว้ในบทนึงโดยเฉพาะ เรื่องของ “บาบาจี” ก็เหมือนกับ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” และเซียนฝ่ายจีนเช่นกันคือถือเป็น “บุคคลอมตะไม่มีวันตาย” คงความเป็นหนุ่มตลอดกาล ไปมาไร้ร่องรอย หากพบผู้ใดมีวาสนาก็จะรับไว้เป็นศิษย์ถ่ายทอดโยคะวิถีที่ทำให้หลุดพ้นจาก ทุกข์ทั้งปวงแก่คนผู้นั้น มีตัวอย่างมาแล้วเช่นคุรุลาหิริมหาสัย ท่านก็พบคุรุบาบาจีจนได้รับการถ่ายทอด “กิริยาโยคะ” จนสำเร็จธรรมชั้นสูงกลายมาเป็นมหาคุรุผู้มื่อเสียงโด่งดังของอินเดียปัจจุบัน แม้ท่านจะละสังขารแต่ก็มีผู้นับถือท่านทั่วโลกและพบปาฏิหาริย์ของท่านอยู่เสมอ



ถ้าศึกษาเข้าไปทางฝ่ายพม่าและมอญเขาก็มีผู้วิเศษเรียกว่า “ผู่ผู่อ่อง” สำหรับบุคคลท่านนี้เป็นผู้สำเร็จปรอทกายสิทธิ์มีอายุยาวนานได้เป็นกัปล์ ล่องหนหายตัวเหาะเหิรเดินฟ้าไปป่าหิมพานต์ได้ตามปรารถนาทุกประการ “ผู่ผู่อ่อง” เป็นบรมครูใหญ่และยังมีผู้วิเศษที่สำเร็จปรอทกายสิทธิ์อีกหลายท่านดังนี้คือ อาจารย์ผู่ดออี อาจารย์ผู่ดอบิว ผู่ดอป๋วย ผู่ดอห่าง อาจารย์อุเมี๊ยะขิ่น อาจารย์โพมินอ่อง เหล่านี้ล้วนเป็นผู้วิเศษทรงฤทธิ์มีอายุยาวนานหาประมาณมิได้ ปัจจุบันก็เชื่อกันว่าท่านยังอยู่และคอยหาสานุศิษย์ที่มีปัญญามีวาสนารับวิชาของท่านได้อยู่เสมอ



ในเขมรก็มีตำนานของ “หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูญ” อันว่าหลวงปู่สรวงท่านนี้ต่อมาเข้ามาในไทยอยู่ที่ทุ่งละลม จ.ศรีษะเกษ มีปาฏิหาริย์มากมายเกี่ยวกับองค์ท่าน มีวัตรในการอยู่ป่าและไม่สะสม มีอายุยาวนานหาประมาณมิได้ ความเป็นมาลี้ลับยากหยั่งรู้

ทางด้านประเทศลาวก็มีตำนานแห่งสำเร็จลุน แห่งนครจำปาศักดิ์ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์องค์สำคัญ มีลูกศิษย์มากมายที่มีชื่อเสียงเช่น “ญาครูสีทัตต์” แห่งพระพุทธบาทท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นที่ร่ำลือกันว่าใครได้พบท่านนับเป็นวาสนาหากได้ร่ำเรียนวิชาธาตุสำเร็จจากท่านแล้วจะทำให้มีฤทธิ์เหนือปุถุชนคนธรรมดา



มาถึงไทยเราก็มีตำนาน “หลวงปู่โลกอุดร” ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมีการนำเอาเรื่องราวของสำเร็จลุนบ้าง “ผู่ผู่อ่อง” บ้าง “บาบาจี” บ้าง มาปะปนจนบางคนก็บอกว่าทั้งหมดคือท่านเดียวกัน บางคนก็เชื่อว่า “บาบาจี” เป็นอาจารย์ของ “หลวงปู่โลกอุดร” บางคนก็กล่าวว่า “หลวงปู่โลกอุดร” เป็นอาจารย์ของ “ผู่ผู่อ่อง” และบางคนก็เชื่อว่าหลวงปู่โลกอุดรกับ “สำเร็จลุน” คือคนๆ เดียวกัน แต่จากการศึกษาแล้วจากคำครูบาอาจารย์ทั้งหมดคือคนละองค์กัน อาจมีสายสัมพันธ์ และข่ายญาณเกี่ยวโยงกันบ้าง แต่ยืนยันได้ชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นคนละองค์อย่างแน่นอน



โดย ทิพยจักร

จินต์จุฑา สำนักข่าวทีนิวส์ รายงาน

ที่มา : หนังสือ บารมีเหนือโลก หลวงปู่เทพโลกอุดร




----------------------
ที่มา
http://www.tnews.co.th/contents/218125

 

นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา.
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา.

กราบ กราบ กราบ

 

ยังขาด ท่าน ทะไลลามะแห่งธิเบต ทะไลลามะท่านนี้ เดิมทีถือเป็นผู้วิเศษ
มีฤทธิ์มีเดช และมีวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ จะกลับชาตมาเกิดใหม่ เมื่อทะไลลามะองค์เก่าสิ้นชีพ
ชาวธิเบตจะมีประเพณีที่ตามหาเด็กที่คาดว่าน่าจะเป็นทะไลลามะกลับชาติมาเกิด
มีกระบวน กรรมวิธีต่างๆในการพิสูจน์ จนแน่ใจว่า เด็กคนนั้น คือวิญญาณของ ทะไลลามะ
กลับชาติมาเกิดจริง ก็จะให้บวช และศึกษาในพระพุทธศาสนาในธิเบต
สุดท้ายคือ การสถาปนาขึ้นเป็นองค์ทะไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณและผู้ปกครองอ่ณาจักรธิเบต

 

ดาไลลามะ องค์ปัจจุบัน ก็คือ เด็กที่ผ่านกระบวนการคัดกรองมาแล้ว
จนเชื่อว่า คือวิญญาณของดาไลลามะองค์ก่อน กลับชาติมาเกิด
ดังนั้น จึงได้รับการสถาปนาเป็น ดาไลลามะ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดิมของท่าน
แต่แปลกตรงที่ ดาไลลามะองค์ใหม่นี้ กลับไม่มีอภินิหารเหมือนกับดาไลลามะองค์ก่อน
กลับกลายเป็นพระนักเผยแพร่ธรรมแนวปรัชญาแทน

 

สาธุ ^/\^

 

ถ้าเด่นๆไปทาง ว่านยา เขียนยันต์กลางอากาศ วิชาทอง ลงอักขระ
ปรอท เล่นแร่แปรธาตุต่างๆจะเป็นท่านที่ไม่ใช่อยู่บ้านเราครับ...
ส่วนท่านในดงมีหลายท่าน มีวิชาเดินธาตุเป็นฐานท่านหนึ่ง
มีทางรักษาคนอีกท่านหนึ่ง มีทางตำรายาอีกท่านครับ....
ปล.ถ้าได้เรียนจะเรียนทางจิตล้วนๆครับ.
แต่ไม่ใช่อยู่ดีๆท่านจะมาสอนนะครับ
ต้องมีวาระแห่งจิต ณ เวลานั้นๆด้วยครับ..
.และแต่ละท่านสามารถพบเห็นได้ด้วยตาเนื้อครับ.
แม้ว่าท่านจะละสังขารไปแล้วก็ตาม.
ซึ่งแล้วแต่สัมพันธ์ของแต่ละดวงจิตครับ..
ซึ่งจะแปรผันตามความสามารถทางจิต
ของบุคคลนั้นๆร่วมด้วยครับ...

 

ฝึกอานาปานถ้าชำนาญน้อมไปเพื่ออภิญญาจะได้ไหมครับอาจารย์ นพ

 

ไม่ต้องเรียกอาจารย์ครับ...
ระบบหายใจของอาปาฯ เป็นพื้นฐานของทุกกรรมฐานครับ
ดังนั้นจึงควรฝึกให้เกิดมีเป็นปกติครับ...

ส่วนน้อมในที่นี้สำหรับช่วงที่ยังใช้งานกรรมฐานอะไรให้ได้
ให้เปลี่ยนเป็นอฐิษฐานจิตเพื่อฝึก
กรรมฐานกองใดกองหนึ่งย้ำว่าทีละกองเท่านั้น
และตั้งเป้าสำหรับใช้งาน
ในทางธรรมและประโยชน์แห่งผู้อื่นเท่านั้น...
พอใช้ได้แล้ว ให้ใช้งานไปซักพักแล้ววางมันซะ..

ส่วนความสามารถทางจิต มีแบบภายในและภายนอก
ภายในคือรู้เองเฉพาะตน ภายนอกคือทำให้บุคคลอื่นๆ
รับรู้ได้เหมือนตน จะยังไงก็ได้ เพราะมันไปคู่กัน...

จะเกิดได้ มี
๑.ฝึกจิตให้มีกำลังจิต เช่น
ปั่นปฏิภาคนิมิตกรรมฐานที่ขึ้นด้วยภาพในกำลังสมาธิระดับสูง
๒.ฝึกให้มีแบบภายใน คือกรรมฐาน ๔๐ ที่ไม่ขึ้นด้วยภาพ
หรือกรรมฐานพิเศษ คงทราบนะครับ..
๓.เดินปัญญา จนจิตคลายตัวได้เองโดยธรรมชาติ
ในระหว่างวัน โดยไม่ใช้วิธีการใดๆไปบังคับ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรพิเศษให้เฉยๆ และวาง
จะพัฒนาได้ ก็ต่อเมื่อใช้งานทางธรรมและผู้อื่นๆ
๔.ทิ้งทุกกรรมฐาน ปล่อยวาง ไม่ยึดมันถือมัน
จนจิตคลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ความสามารถ
ที่จิตเคยทำได้มาก่อนจะค่อยๆขึ้นมาได้เองตามลำดับ
ย้ำว่า จิตต้องคลายตัวเองได้ โดยธรรมชาติ
โดยไม่ใช้วิธีการใดๆไปบังคับ ไม่ว่า สมาธิ สติ ปัญญา
ตบะ ญาน ฌาน กำลังจิต คับ....
๕.หาคนที่ค้นความสามารถเราให้ขึ้นมาให้ได้
และรักษามันไว้ให้คงอยู่และใช้งานได้...

เหตุให้เกิดเท่าที่มีประสบการณ์
ประมาณที่เล่าให้ฟังคับ

 

ออยเตียนสรูล ออยเพิ่มพูล บายตึ๊กเจีย

 

เป็นความรู้อย่างยิ่งขอบคุรอาจารย์นพมากครับ

 

เอาจริงๆ กระทู้นี้ ส่วนตัวไม่กล้าจะพูดอะไรมากครับ...
ที่พูดๆให้ฟังเป็นแค่ผิวเผินองค์ความรู้ส่วนตัวน้อยมากถึงน้อยมากๆครับ
และเพราะเคารพลูกศิษย์สายตรงของท่านครูบาร์อาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้น
ที่เจ้าของกระทู้ได้นำมาลงครับ...
เพียงแต่ลูกศิษย์สายตรงท่านไม่ได้มาโพสอะไรในนี้
แต่ได้แชร์ไปแล้วครับ..
ปล.อวบๆขาวๆหน้าตาดี...ไม่โพสเวบนี้...
ถ้าท่านสายตรงเข้ามาอ่านเจออีก...
ก็จะบอกให้ทราบว่า ผมยังเคารพท่านเหมือนเดิมครับ...

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

 

ประมาณเดือนที่แล้วผมได้คุยอะไรบางอย่างกับคนทีหลวงปู่ใช้ร่าง เพื่อช่วยโปรดผู้ที่นิยมศรัทธาในตัวท่าน ผมเริ่มด้วยการถามเรื่องสมาธิแต่จะไม่นำมากล่าวในที่นี้ จนถึงตอนที่ผมถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ครับ มีชายคนหนึ่ง อาศัยอยู่เชิงเขาพนมกุเลน อ้างว่าเคยรับใช้หลวงปู่ เขาชื่อxxx มีคนชื่อนี้ รับใช้หลวงปู่จริงมั้ยครับ ท่านรับว่าจริง ตาเคยอาศัยเค้า เค้าปลูกกะต๊อบให้ตาได้อาศัยบังเเดดฝน (คำว่าตา ท่านใช้เรียกแทนตัวท่าน) ผมถามต่อ แล้วที่เขาอ้างว่าหลวงปู่ มีร่างใหม่แล้ว จริงมั้ยครับ ท่านตอบว่า ใหนเขาเห็น เขารู้จักตาตอนใหนแต่เอนะ ถ้างั้น ถ้าเขารู้จักจริง ให้เขาไปชี้ตัวซิ ว่าเขาชี้ถูกหรือเปล่า ผมถามต่อ งั้นก็แสดงว่าจริงน่ะสิครับที่ว่าหลวงปู่ได้ร่างใหม่แล้ว ตอบ ไม่รู้สิ หึหึ ก็ปู่อยู่มาแล้วหลายตอ(หมายถึงหลายร่าง)เด็กก็มี แก่ก็มี ถ้าเขารู้จักจริง ให้เขาไปดูสิที่ ศาลาxxxx ถ้ำxxxx (ขอไม่บอกที่ครับจนกว่าผมจะไปพิสูจน์) ที่ผมเขียนมานี่ ก็เพื่อคนที่ศรัทธาหลวงปู่รู้ว่ามีโอกาสได้กราบท่านอีก ท่านยังไม่ได้ไปใหนจากเราครับ ผมไม่กล้าบอกสถานที่เพราะเกรงจะมีคนไปรบกวนท่านจนท่านไปที่อื่นก่อน เท่าที่ผมเล่ามาคงทราบนะครับว่าผมพูดถึงหลวงปู่องค์ใหน

 

ย่อ ส. ร่างปัจจุบัน หนุ่มๆ...