ตั้งจิตคิดถึงพระพุทธเจ้า-แผ่เมตตาแล้วรู้สึกมีพลังถ่ายทอดที่ศรีษะตลอดเวลาใช่พลังจักระไหมคะ คืออะไร

โดยปกติจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่คิดเรื่องกุศล แผ่เมตตาแบบไม่จำกัด บางทีก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า คืออะไรคะ บางคนบอกว่าจักระ

 

ตั้งจิตคิดถึงพระพุทธเจ้า-แผ่เมตตาแล้วรู้สึกมีพลังถ่ายทอดที่ศรีษะตลอดเวลาใช่พลังจักระไหมคะ คืออะไร

ถ้าท่านระลึกถึงพระพุทธองค์ แล้วแผ่เมตตา แล้วจิตสัมผัสเสมือนมีพลังงานถ่ายทอดมาจากที่สูงลงมาที่กระหม่อมของท่าน แล้วแผ่กระจายออกไปจากท่านโดยรอบในขณะแผ่เมตตา อย่างนี้

มีพูดกันอยู่สองแบบในบรรดาผูปฏิบัติ แบบเจาะจงตามจิตสัมผัส คือ หนึ่ง คือได้รับบารมีจากพระพุทธองค์ หรือได้รับพระพุทธคุณอยู่ สอง ได้รับพระธรรมคุณ หรือจิตเข้าถึงธรรม ทั้งสองอย่างนี้พูดตามที่จิตคนนั้นคิด ถ้าคิดถึงพระพุทธองค์หรือระลึกถึงคุณพระพุทธองค์ ก็อย่างที่ หนึ่ง ถ้าไม่ได้คิด แต่ฝึกฝนจิตอยู่หรือเกิดความรู้แจ้งธรรมะข้อใด ๆ แล้วมีอาการ ก็เรียกอย่างที่สอง

ทั้งสองแนว พระป่าพูดง่าย ๆ ชาวบ้านๆ แบบไม่เจาะจงลงไปตามจิตสัมผัส เรียก ธรรมะลง

ถ้าจะพูดในเชิงที่พูดพุทธศาสนาแบบวิชาการแบบฝรั่งหน่อย จิตสัมผัสฝ่ายข้างสูง ฝ่ายเบื้องบน หรือฝ่ายข้างดี ก็แค่นั้น

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อย่างนี้ มีผู้กล่าวว่า บางทีมาจากเทพ พรหม (อันนี้ ตรงกับในเรื่องชาดกที่เคยอ่านมาถึงกลับกล่าวว่า พระพรหมซึ่งเป็นพระอริยะ ในพระพุทธเจ้าในอดีตกาลเคยดลใจอดีตชาติพระโพธิสัตว์ - อันนี้ ผมไม่ทราบว่า ชาดกที่เขียนนี้ เขียนยุคไหนเหมือนกัน จะเป็นดั้งเดิมหรือมีการตบแต่งเรื่องภายหลัง ก็ไม่อาจทราบได้-) อันนี้ บางคนจะพูดในเชิงว่า พระพุทธเจ้าท่านปรินิพพานแล้ว พระธรรมเป็นนามธรรม เค้าสัมผัสว่า มีเทพ พรหม หรืออะไรที่อธิษฐานจิตส่งเสริมอยู่ ในบางกลุ่มทั้งในศาสนาพุทธและนอกศาสนา กล่าวตรงกันว่า คล้าย ๆ ที่คนไทยชอบพูด แต่ละคนจะมี "องค์ของตนแตกต่างกันไป"

สุดแต่จะฟังจะเชื่อกันไป แต่สาระอยู่ที่ ตอนที่ระลึกถึงพระพุทธคุณและแผ่เมตตา จิตมีองค์ประกอบที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่คุณเคยเป็นตามปกติ เป็นจิตที่เป็นกุศลครับ เป็นจิตที่ดีงาม

อย่างไรก็ตาม อันนี้ ไม่เกี่ยวกับ จักระ คนละแบบกัน เวลาฝึกจักระ ประเภทเปิดจักรวาล หรือพลังธรรมชาติ อันนั้น มีความหยาบกว่า ไม่เกี่ยวกับกุศล อกุศล อะไร เพียงตั้งจิตให้สงบและพิจารณากระแสปราณตามปกติ แต่ถ้ากระแสปราณธรรมชาติจะลง จากธรรมชาติวิ่งลงมาที่จักรต้องมีการกำหนดจิตก่อน (ซึ่งกรณีของคนที่ฝึกฝนแผ่เมตตา มีลักษณะร่วมกับการฝึกปราณแบบ" พลังจักรวาล" คือ การแผ่เมตตา เป็นการฝึกแบบพรหม คือ เป็นหนึ่งเดียวหรือสอดคล้องกับธรรมชาติ (พลังธรรมชาติ แบบจีน เช่น ในวิชาไท้เก๊ก (เต๋า) มีการพูดกันแบบคล้ายกับปรมาตมันแบบพราหมณ์อยู่เหมือนกัน เป็นพระเจ้าที่ที่ศาสนายกสภาพใกล้เคียงกับ ธรรม หรือ กฎธรรมชาติ มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ยังมีส่วนแตกต่างจาก ธรรม ในศาสนาพุทธอยู่

แต่เคส จักระ มันฝึกฝนกันง่ายกว่า สังเกตง่ายกว่า แต่เคสทางจิต ค่อนข้าง อจินไตย คือ อาจไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจกันง่ายๆ แต่ละคนอาจสัมผัส หยั่งรุู้แตกต่างกันไป

ปล. อันนี้ เผอิญผมก็เคยสัมผัสอย่างนั้น ในหลายรูปแบบ ก็จะเห็นว่า แตกต่างกัน แต่ในหลายเคสที่ฟังมากับผู้ปฏิบัติธรรม(แนววัดป่า) ค่อนข้างหาคำตอบไม่ได้ว่า คือ อะไรกันแน่

แต่สาระ คือ ถ้าระลึกถึงพระพุทธองค์หรือพระพุทธคุณแล้วแผ่เมตตา จะสัมผัสได้ว่า จิตเราจะละเอียด อ่อนโยนแต่สรรพสัตว์ได้แบบใกล้เคียงกับการได้แผ่เมตตาในขณะทรงฌาณ ตั้งแต่ฌาณที่หนึ่ง ถึง ฌาณที่สาม (หมายถึง การระลึกพุทธคุณจะทำให้จิตเราน้อมไปทางกุศลได้เร็วขึ้นและสมาธิจิตยกระดับถึง ฌาณได้ง่าย กว่าไม่ฝึก พุทธานุสติ (พระท่านจึงสอนให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยก่อนไงครับ ถ้าใครทำจริง คือ ระลึกคุณอย่างตั้งใจจริง พอไปนั่งสมาธิสมถะกรรมฐานจิตจะเข้าสมาธิได้เร็วขึ้น))

 

ถ้าเป็น จักระ ก็แสดงว่า คุณ หมุนพลัง ในร่างกายได้
หรือ สามารถเพ่งจิต ไปตามจุดต่างๆ ในร่างกายได้
นี่แสดงว่า ไม่ใช่จักระในร่างกาย อย่างแน่นอน

แต่จะเรียกว่า พุทธานุภาพ ของ พระพุทธเจ้า
หรือ พลังเมตตาของ พระศรีอริยะเมตไตรย
คือ สามารถอัญเชิญ พลัง เข้ามาสู่ร่างกาย
น้อยสุด ก็ใช้ ทำนายทายทัก หรือ หมอดู
มากสุด ก็สามารถ รักษาโรคทางวิญญาน
หรือ ช่วยเหลือโลกวิญญานได้ เหมือนโยเร

ถ้าเป็น ฝ่ายเล่นฤทธิ์ จะเรียก ได้ นิมิตแสงสว่าง ก็ได้

 

ขอบพระคุณมากๆเลยค่ะ เข้าใจเลย

 

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

 

แสดงว่า คุณรับพลังได้เต็มที่แล้ว
โดยมีคน คอยหนุนส่งพลังมาให้
คุณไปรับปาก ทำงานอะไร กับ เบื้องสูงไว้
ก็ต้องตั้งใจ ทำให้ดี ทำให้เสร็จ
ถึงเวลาแล้ว ตั้งใจทำให้ดี

 

ส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกันครับ
พยามนึกให้กว้างที่สุดคือคลุมโลกใบนี้เลยครับ
อดีตพระมีชื่อที่ล่วงลับไปแล้ว ชื่อ ย่อ ป
แนะนำมาตอนที่ส่วนตัวกำลังทำคล้ายๆคุณ
มาก่อนนั่นหละครับ