ตั้งกก.สอบเพลิงไหม้สุวรรณภูมิ คนติดลิฟต์เสียชีวิตบาดเจ็บ3

เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องครัวการบินไทยสนามบินสุวรรณภูมิ ณ อาคาร 4 ชั้นที่สร้างเสร็จไปแล้วร้อย 90 มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ล่าสุดคนที่ติดลิฟต์เสียชีวิตแล้ว หลังจากนำส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันวันนี้เกิดรันเวย์ร้าว 800 ตารางเมตร

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 18 ม.ค.2549 โดยเจ้าหน้าที่วิทยุ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุมีเพลิงไหม้ ที่อาคาร 4 ชั้นภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ประกอบอาหารของครัวการบินไทย
หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ ตามลำดับชั้น พร้อมทั้งวิทยุให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้ง และเจ้าหน้าที่พระนคร ให้เดินทางไปช่วยระงับเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึง พบกลุ่มควันไฟกำลังลุกไหม้พวงพุ่งออกมาจากอาคารหลังดังกล่าว เบื้องต้นทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ของสนามบินติดอยู่ภายในอาคารหลังดังกล่าว ขณะนี้ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บแล้ว 1 ราย และได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ เนื่องจากกระโดดหนีไฟ ซึ่งมีรดดับเพลิงจากส่วนราชการทั้งหมด 30 คันดับเพลิงอยู่ โดยไม่อนุญาตให้รถดับเพลิงเอกชนเข้าไป
หลังจากที่รถดับเพลิงเดินทางไปถึง จึงได้ระดมฉีดน้ำเข้าสกัดกั้นเพลิงที่กำลังลุกไหม้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังได้วิทยุขอรถดับเพลิงเพิ่มเติมอีกหลายคัน จากเทศบาลใกล้เคียงของ จ.สมุทรปราการ

มีผู้บาดเจ็บ3รายติดลิฟ1ราย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อเดินทางมาถึง ทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย โดยทั้ง 3 รายนั้น ได้กระโดดลงมาจากอาคาร 4 ชั้น เพื่อหนีเอาตัวรอด ขณะนี้ได้ถูกนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลลาดกระบัง กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ติดอยู่ภายในลิฟ 1 คน ชื่อนายเจษฎา ไม่ทราบนามสกุล อยู่ที่ห้องแอลชั้น 15 ซึ่งการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในอาคารเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีกลุ่มควันไฟหนาแน่น ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อเดินทางเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อทำการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในอาคาร แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังค้นหาไม่พบ
สำหรับเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ เบื้องต้นทราบว่า ต้นเพลิงเกิดจากบริเวณชั้นที่ 2 ของอาคาร จากนั้นเพลิงจึงได้ลุกไหม้ขึ้นไปยังชั้นที่ 3 อย่างรวดเร็ว

เป็นอาคารสร้างเสร็จแล้วร้อยละ90
นายสมิตร พิรุณศาล ผอ.ฝ่ายสนับสนุนโครงการครับสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า เกิดเหตุที่ชั้น 3 ของอาคาร 4 ชั้น โดยมีคนงานอยู่ประมาณ 500 คน ขณะนี้ได้อพยพออกหมดแล้ว โดยมีผู้บาดเจ็บ 3 ราย โดยอาคารดังกล่าวเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยสร้างได้เสร็จไปแล้วร้อยละ 90 เหลือเพียงติดตั้งอุปกรณ์เท่านั้น
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า วันนี้ (18ม.ค.) ได้เกิดรายร้าวของรันเวย์กว้างประมาณ 800 ตารางเมตร เจ้าหน้าที่สนามบินจึงมีการตรวจสอบและยังไม่มีการส่งมอบงาน

นายกฯทักษิณรับรายงานแล้ว
ที่วัดบ้านเหล่า ต.หนองบัว อ.อาจสามารถจ.ร้อยเอ็ด เมื่อเวลา 17.30 น.ของวันนี้ น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริเดช เลขาธิการนายกมนตรี ได้รับแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น ได้กล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์จากนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคมแล้ว และกำลังให้ รมว.ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง หากใครอยากทราบรายละเอียดให้สอบถาม รมว.คมนาคมดีกว่า เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ ร่วมถึงเหตุการณ์เครื่องบินฝึกบินกำแพงแสนตกที่ จ.สุพรรณบุรีด้วย
คนงานรับเหมาวิ่งหนีตายจ้าละหวั่น
รถดับเพลิงของตำบลเทพารักษ์ ประมาณ 10 กว่าคัน รถพยาบาลเคลื่อนที่ของ รพ.กรุงเทพ 1 คัน ,รถพยาบาลของมูลนิธิร่วมกตัญญู 1 คัน ,รถพยาบาลของ กู้ชีพพิรุณ 1 คัน,รถพยาบาลของรพ.สมิติเวช และชุดอุปกรณ์ช่วยเหลือภายในอาคารของสำนักงานเขตบางเขน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิต่าง ๆจำนวนมาก
จากการสอบถาม นายอ๊อด พุ่มทา อายุ 29 ปี พนักงานขับรถรับส่งคนงานในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนยืนอยู่ข้างนอกเพื่อที่จะรอรับคนงานไปส่งตามที่หมาย จากนั้นตนได้เห็นควันพวยพุ่งออกมาจากทางด้านหลังอาคารแพทเทอริง ซึ่งเป็นตึก 4 ชั้นรวมชั้นใต้ดินด้วยเป็น 5 ชั้น
"ผมรีบวิ่งออกไปดู ทางด้านหลังอาคาร ตอนนั้นผมเห็นชายคนหนึ่งกระโดดลงมาจากอาคารดังกล่าว ไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้ว" นายอ๊อดกล่าว
ด้าน นายโอ๊ค ไม่เปิดเผยนามสกุล อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ติดตั้งลิฟท์ภายในอาคารดังกล่าว กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังทำงานอยู่ชั้นดาดฟ้า ระหว่างนั้นได้มีคนงานก่อสร้างตะโกนบอกต่อ ๆกันมาว่า เกิดเหตุไฟไหม้ ตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะทำอะไรก่อน จึงรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ได้ยินเสียงคนตะโกนออกมาว่า ลงลิฟท์ไม่ได้ ตนจึงรีบลงทางบันไดหนีไฟ โดยตนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ส่วนนางสา อายุ 30 ปี ซึ่งทำงานเป็นช่างทาสีท่อประปา กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนทำงานอยุ่ด้านหลังจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นสโตร์ ระหว่างที่กำลังทำงานทาสี ตนได้ยินเสียงร้องว่าไฟไหม้ จึงรีบวิ่งออกมาโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ตรงจุดไหน รีบหนีเอาชีวิตออกมาก่อน เมื่อออกมายืนด้านนอกก็เห็นแต่กลุ่มควันไม่เห็นแสงเพลิงแต่อย่างใด
ด้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ภายในอาคารดังกล่าว ปกติแล้วจะมีคนงานทำงานประมาณ 300 กว่าคน แต่ละคนจะมีหน้าที่ต้องทำ ทั้งทาสี,ทำท่อและทำกำแพง เป็นการทำงานของหลายๆบริษัท เท่าที่ตนรู้ตอนเกิดเหตุมีคนติดอยู่ในลิฟท์ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มีคนเข้าไปช่วยเหลือหรือยัง แต่เห็นมีชายคนหนึ่งกระโดดลงมา
สำหรับบรรยากาศด้านนอก ปรากฏว่า ควันได้พวยพุ่งออกมาจากอาคารดังกล่าว โดยออกมาจากทางหน้าต่าง 3 จุด โดยควันเริ่มเจือจางลงแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้เข้าไปด้านใน เพื่อตรวจสอบผู้ที่อาจจะติดค้างอยู่ภายใน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ร.ต.ต.วรนนท์ เติมทรัพย์ อายุ 25 ปี ได้รับบาดเจ็บกระดูกขาหัก, นายวสันต์ ปันทา อายุ 38 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณด้านหลัง (คนที่กระโดดลงมา), นายวีรวัฒน์ มีดี อายุ 28 ปี ได้รับบาดเจ็บที่หลัง
ขณะที่พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ รมช.คมนาคม กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสนามบินสุวรรณภูมิแต่อย่างใด เพราะเป็นครัวของการบินไทย ซึ่งจะต้องประเมินเสียก่อนว่าได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด และจะมีผลกระทบต่อการเปิดสายการบินสุวรรณภูมิเดือนมิถุนายนนี้หรือไม่

เหยื่อไฟไหม้สุวรรณภูมิเสียชีวิต1ราย
เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงรายหนึ่ง เปิดเผยว่า หลังจากเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิง จึงได้เดินทางเข้าไปค้นหาเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ที่อาจหลงเหลือหรือติดอยู่ภายในอาคาร ซึ่งจากการตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ของสนามบินที่เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นรายที่ 4 ขณะนอนหมดสติอยู่ในลิฟ บริเวณชั้น 3 ของอาคารการบินไทย ทราบชื่อต่อมาคือนายเจษฎา จันแรม (ไม่ทราบอายุและที่อยู่) จากนั้นจึงได้นำร่างที่หมดสติ ลงมาปฐมพยาบาลที่บริเวณชั้นล่าง พร้อมกับนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลลาดกระบัง ซึ่งลำเลียงผู้บาดเจ็บเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากภายในอาคารยังมีควันไฟจำนวนมาก โดยควันไฟดังกล่าวได้คละคลุ้มไปทั่วบริเวณ
ต่อมาเมื่อเวลา 20.00 น. แพทย์โรงพยาบาลลาดกระบัง ได้นำตัวผู้นายเจษฎา เข้าห้อง ไอซียู. เป็นการด่วน เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่แพทย์ก็ไม่สามารถยือชีวิตของผู้บาดเจ็บเอาไว้ได้ โดยนายเจษฎาได้เสียชีวิตเวลาต่อมา เนื่องจากผู้เสียชีวิตขาดอากาศหายใจเป็นเป็นนาน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชุดผจญเพลิงกำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่นั้น นายธีระวัฒน์ วรมาลี เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยร่วมกตัญญู ซึ่งได้สูดควันไฟดังกล่าวเข้าไปในปริมาณมาก จนทำให้หมดสติในเวลาต่อมา ทำให้ชุดผจญเพลิงต้องเร่งให้การช่วยเหลือเป็นด่วน พร้อมกับนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลปิยะมินทร์

ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง นายวันชัย ศารทูลทัต ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุเพลิงไหม้อาคารครัวการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีพล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโครงการพิเศษเป็นประธาน และให้รายงานผลภายใน 7 วัน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>

​

สรุปสาเหตุเพลิงไหม้ครัวการบินไทยเกิดจากประกายไฟจากการทำงาน


</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผลสอบเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้อาคารครัวการบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่าเกิดจากประกายไฟจากการทำงานในอาคารไปติดกับวัสดุห่อตู้เย็น ขณะที่การบินไทยตั้งเจ้าหน้าที่พิเศษเข้าปรับปรุงพื้นที่โดยเฉพาะ เพื่อให้เปิดใช้งานได้ทันกลางปีนี้

ความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ครัวการบินไทย สนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ระดมกำลังเพื่อระบายกลุ่มควันออกจากอาคารที่เกิดเหตุจนถึงเช้า เนื่องจากเกรงว่า กลุ่มควันจะทำให้ตัวอาคารเกิดความร้อน และอาจทำให้เพลิงลุกไหม้ขึ้นมาอีก และในวันนี้ผู้อำนวยการฝ่ายดับเพลิงและกู้ภัย ได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 3 ชุด เข้าสำรวจภายในตัวอาคารอย่างละเอียด เพื่อดูความเสียหายทุกตารางนิ้ว

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ไปตรวจสอบจุดที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อดูข้อเท็จจริงว่า เป็นการวางเพลิงหรือเป็นอุบัติและมีตัวแทนจากบริษัท ทิพยประกันภัย ร่วมกับวิศวกรที่ปรึกษา เข้าไปประเมินมูลค่าความเสียหายรวมถึงการปรับแผนแก้ไขปรับปรุงแล้ว อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงคือฝุ่นละอองและเขม่าควันที่จะไปเกาะตามจุดต่าง ๆ ของครัวการบินไทย ซึ่งมีการออกแบบไว้สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปให้ปลอดเชื้อโรค แต่ยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้จะไม่มีผลกระทบต่อการเปิดใช้ท่าอากาศยานที่กำหนดไว้เดิม

ขณะที่ นายสมใจนึก เองตระกูล ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย กล่าวหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าพบความเสียหายประมาณ 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณห้องเย็นในพื้นที่ครัวที่ใช้ทำการผลิต โดยสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากประกายไฟไปติดกับ วัสดุห่อตู้เย็นและเกิดการลุกเป็นไฟ ซึ่งการบินไทย จะสำรวจโดยละเอียดอีกครั้ง โดยจะมีตัวแทนจากสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ให้ความช่วยเหลือสำรวจด้านโครงสร้าง หากพบว่า ตัวอาคารส่วนใดเสียหาย จะเร่งดำเนินการทันที

สำหรับอุปกรณ์เครื่องเย็นที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นมีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งการบินไทยจะตั้งเจ้าหน้าที่พิเศษขึ้นมาฟื้นฟูพื้นที่ที่เกิดเพลิงไหม้ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เบื้องต้นยืนยันว่า ครัวการบินไทยยังจะเปิดให้บริการได้ทัน แต่หากไม่ทันได้จัดเตรียมแผน 2 ไว้รองรับ โดยจะใช้ครัวการบินที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ ผลิตและนำอาหารบรรจุแช่แข็งมาขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน

หม่อมราชวงศ์ ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ หรือบาฟท์ ยืนยันการดูแลความปลอดภัยคลังน้ำมันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นไปตามมาตรฐานสากล และหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารครัวการบินไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ได้เพิ่มการดูแลความปลอดภัยคลังน้ำมันมากขึ้น ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์นี้จะนำเข้าน้ำมันอากาศยานมาทดสอบระบบคลังน้ำมัน

ที่มา http://www.mcot.net/