ชำแหละปมเงื่อน 2พี่น้อง"โอ๊ค-เอม" ถือหุ้น Ample Rich หรือAmple Question

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย paang, 1 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,329
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    ชำแหละปมเงื่อน 2พี่น้อง"โอ๊ค-เอม" ถือหุ้น Ample Rich หรือAmple Question


    </TD><TD vAlign=top align=right>
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีคำสั่งให้นายพานทองแท้ ชินวัตร (โอ๊ค) และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร (เอม) บุตรชาย-บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถือหุ้นในบริษัท Ample Rich Investment Ltd. (ARI) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น (10.97%) หลังจากที่บุคคลทั้งสองยอมรับว่า Ample Rich เป็นบุคคล ตามมาตรา 258 ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (ข่าว ก.ล.ต.ฉบับที่ 6/2549 วันที่ 30 มกราคม 2549)

    การที่นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ยอมรับว่า Ample Rich เป็นบุคคลตามมาตรา 258 เท่ากับยอมรับว่า บุคคลทั้งสองต่างถือหุ้นอยู่ในอยู่ Ample Rich ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม (ผ่านบริษัทอีกแห่งหนึ่ง) คนละเกินร้อยละ 30 (ดูมาตรา 258 ในล้อมกรอบ) ซึ่งต้องนับรวมหุ้นชินคอร์ปที่ Ample Rich ถืออยู่เข้ากับหุ้นชินคอร์ปที่นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทาถืออยู่ด้วย

    ดังนั้น เมื่อมีการซื้อหรือขายหุ้นชินคอร์ปไปข้ามเส้นทุกร้อยละ 5 ต้องทำรายงานแจ้งต่อ ก.ล.ต.ตามมาตรา 246 หรือเมื่อเข้าถือครองหุ้นชินคอร์ปถึงร้อยละ 25 ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์

    อย่างไรก็ตาม เพื่อทำความเข้าใจในคำสั่งของ ก.ล.ต.ลองมาไล่เลียงประเด็นที่ปรากฏอยู่ในคำสั่งดังกล่าว

    ประเด็นแรก นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ได้ส่งรายงานการได้มาซึ่งหุ้นของชินคอร์ป 164,600,000 หุ้น จาก Ample Rich โดยระบุว่า การซื้อขายดังกล่าวเป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2549 แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่า มีรายการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ในวันดังกล่าว

    ก.ล.ต.จึงได้ให้บุคคลทั้งสองในฐานะผู้ซื้อ รวมทั้ง Ample Rich ในฐานะผู้ขาย แก้ไขแบบรายงานพร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียด ปรากฏว่าบุคคลทั้ง 3 ราย ได้จัดส่งแบบรายงาน (246-2) แก้ไขโดยระบุว่า การได้มาซึ่งหุ้นชินคอร์ปดังกล่าวเป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์

    จากคำชี้แจงดังกล่าว อาจทำให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจ การที่อ้างว่าซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผ่านตลาดหลักทรัพย์ แต่มาแก้ไขภายหลังว่า ซื้อขายนอกตลาด "เป็นความผิดพลาด" ในการรายงานการซื้อขายหุ้นผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวมาตลอด ดังนี้

    1.เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แจ้งการขายหุ้นชินคอร์ปจำนวน 32.92 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท (ขณะที่ราคาตลาด 150 บาท) ให้แก่นายพานทองแท้ 30.92 ล้านหุ้น หรือ 11.21% และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 ล้านหุ้น หรือ 0.68% เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 โดยทำเครื่องหมายว่า ขายในตลาดหลักทรัพย์และขายโดยตรงให้แก่ผู้ซื้อหุ้น

    ต่อมาวันที่ 6 กันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณได้แจ้งขอแก้ไขรายงาน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2543 แก้สัดส่วนหุ้นที่โอนให้นายพานทองแท้เหลือ 10.53% และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เหลือ 0.53%

    ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2543 ได้แจ้งแก้ไขรายงาน เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2543 จากที่อ้างว่าซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์เป็น "ขายโดยตรงให้แก่ผู้ซื้อ"

    ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2544 (หลังจากที่ถูก ก.ล.ต.เข้าตรวจสอบในช่วงคดีซุกหุ้น) ได้แจ้งแก้ไขที่รายงานวันที่ 19 กันยายน 2543 (แต่เขียนผิดเป็นวันที่ 14 กันยายน 2543) จากระบุว่า ไม่มีหุ้นชินคอร์ปเหลืออยู่ หลังจากขายให้พานทองแท้และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นยังมีหุ้นชินคอร์ป 32.92 ล้านหุ้น (เพราะไม่ได้แจ้งในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณถือในนาม Ample Rich ในคราวนั้น แต่สำนักงาน ก.ล.ต.ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่า ไม่มีเจตนาปกปิดจึงไม่ดำเนินคดี)

    2.เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2543 คุณหญิงพจมาน ชินวัตร แจ้งการขายหุ้นชินคอร์ป จำนวน 69.3 ล้านหุ้น หรือ 23.59% ในราคา 10 บาท (ขณะที่ราคาตลาด 150 บาท) ให้แก่นายพานทองแท้ 42.475 ล้านหุ้น หรือ 14.46% และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ 26.825 ล้านหุ้น หรือ 9.13% โดยทำเครื่องหมายว่า ขายในตลาดหลักทรัพย์และขายโดยตรงให้แก่ผู้ซื้อหุ้น

    ต่อมาวันที่ 19 กันยายน 2543 ได้แจ้งแก้ไขรายงาน เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2543 จากที่อ้างว่า ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์เป็น "ขายโดยตรงให้แก่ผู้ซื้อ"

    ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2544 (หลังจากที่ถูก ก.ล.ต.เข้าตรวจสอบในช่วงคดีซุกหุ้น)ได้แจ้งแก้ไขที่รายงานวันที่ 19 กันยายน 2543 (แต่เขียนผิดเป็นวันที่ 14 กันยายน 2543) จากระบุว่า ไม่มีหุ้นชินคอร์ปเหลืออยู่ หลังจากขายให้พานทองแท้และนายบรรณพจน์ เป็นยังมีหุ้นชินคอร์ป 32.92 ล้านหุ้น (เพราะไม่ได้แจ้งในส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณถือในนาม Ample Rich ในคราวนั้น ทั้งนี้ คุณหญิงพจมานเป็น บุคคลตามมาตรา 258 ของ พ.ตท.ทักษิณ แต่สำนักงาน ก.ล.ต.ใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่า ไม่มีเจตนาปกปิดจึงไม่ดำเนินคดี)

    3.นายพานทองแท้และนายบรรณพจน์ ในฐานะผู้ซื้อหุ้นแจ้งแก้ไขรายงานในลักษณะเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน จากที่ระบุว่า ซื้อในตลาดหลักทรัพย์และซื้อโดยตรงให้แก่ผู้ขายหุ้น เป็น "ซื้อโดยตรงจากผู้ขายหุ้น"

    ข้อน่าสงสัยคือ ทำไมการแจ้งการซื้อขายหุ้นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จึงผิดพลาดซ้ำซากหลายครั้งง่ายยิ่งกว่าการซื้อขาย "ขนมเข่ง" จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เป็นเจตนาเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องภาษี เนื่องจากการซื้อขายหุ้นนอกตลาดมีความเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษี

    ประเด็นที่สอง นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา รายงานว่า ได้ถือหุ้นชินคอร์ปผ่าน Ample Rich มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า บุคคลทั้งสองมีความเกี่ยวพันกับ Ample Rich มาตั้งแต่เมื่อใด และมีหน้าที่ต้องรายงานการถือครองหลักทรัพย์หรือทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์มาก่อนหน้านี้แล้วหรือไม่ ก.ล.ต.จึงได้มีหนังสือสั่งให้นายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวต่อ ก.ล.ต. ภายใน 7 วัน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 อย่างครบถ้วนหรือไม่

    ข้อสงสัยของ ก.ล.ต.คือ ทั้งนายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา เข้าถือครองหุ้น Ample Rich ตั้งแต่เมื่อใด

    เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับต่อ ก.ล.ต.เมื่อถูกตรวจสอบในช่วงคดีซุกหุ้นว่า ได้ถือหุ้น Ample Rich จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2543 ซึ่งหมายถึงโอนหุ้น Ample Rich ไปใส่ไว้ในชื่อบุคคลอื่น ซึ่งบุคคลที่รับโอนหุ้น Ample Rich จะได้หุ้นชินคอร์ปจำนวน 32.92 ล้านหุ้น หรือ 11.87% ไปเป็นกรรมสิทธิ์ด้วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กรณี

    กรณีที่หนึ่ง ถ้ามีการโอนหุ้น Ample Rich ไปให้นายพานทองแท้เพียงคนเดียว Ample Rich จะเป็นบุคคลตามมาตรา 258 ของนายพานทองแท้ด้วย กล่าวคือ ต้องนับรวมหุ้นชินคอร์ปที่นายพานทองแท้ถืออยู่ 73.395 ล้านหุ้น (24.99%) รวมกับหุ้นชินคอร์ปที่ Ample Rich ถืออยู่ 32.92 ล้านหุ้น (11.87%) เข้าด้วยกัน เป็น 106.315 ล้านหุ้น หรือ 36.86% ซึ่งนอกจากจะข้ามเส้นทุกร้อยละ 5 คือ 25% 30% และ 35% ซึ่งน่าจะต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นรายใหญ่ต่อ ก.ล.ต.ตามมาตรา 246 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯแล้ว ยังถือหุ้นถึงจุด 25% ซึ่งต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ตามมาตรา 247 ด้วย

    อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการถือหุ้นรายใหญ่บริษัทชินคอร์ปจากเว็บไซต์ของ ก.ล.ต.พบว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณโอนหุ้นชินคอร์ปที่ตนถืออยู่ 65.84 ล้านหุ้น (23.75%) ให้แก่ Ample Rich เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2542 จำนวน 32.92 ล้านหุ้น (11.87%) แล้ว ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2543 (ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะโอนหุ้น Ample Rich ไปให้บุคคลอื่น ทำให้ Ample Rich เป็นบุคคลตามมาตรา 258 ของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่) Ample Rich ได้โอนหุ้นชินคอร์ป 10 ล้านหุ้น (4.07%) ออกไป จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีหุ้นชินคอร์ปลดลงเหลือ 19.68%(23.75-4.07 ล้านหุ้น) ซึ่งข้ามเส้นทุกร้อยละ 5

    คำถามคือ พ.ต.ท.ทักษิณรายงานการเปลี่ยนเปลงการถือหุ้นตามมาตรา 246 หรือยัง

    ต่อมาในวันที่ 10 เมษายน 2544 (หลังจากที่โอนหุ้น Ample Rich ไปให้นายพานทองแท้แล้ว) จึงได้รับโอนหุ้นชินคอร์ปคืนมา 10 ล้านหุ้น หรือ 4.07% ซึ่งถ้านับตามบุคคลตามมาตรา 258

    ประเด็นพิจารณาคือ นายพานทองแท้ต้องรายงานการได้มาซึ่งหุ้นชินคอร์ปที่ข้ามเส้นทุกร้อยละ 5 รวมทั้งต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ด้วยหรือไม่

    ต่อมาเมื่อ วันที่ 9 กันยายน 2545 นายพานทองแท้โอนหุ้นชินคอร์ป จำนวน 367 ล้านหุ้น หรือ 12.50% ให้แก่ น.ส.พิณทองทา และต่อมา น.ส.พิณทองทาได้รับโอนหุ้นชินคอร์ปเพิ่มมาอีกเป็น 440 ล้านหุ้น หรือ 14.67%

    ขณะเดียวกัน เมื่อนับรวมกับหุ้นชินคอร์ปที่ Ample Rich ถืออยู่ 329.2 ล้านหุ้นหรือ 10.97% ซึ่ง น.ส.พิณทองทายอมรับว่า เป็นบุคคลตามมาตรา 258 ของตนเอง (แต่ประเด็นคือ น.ส.พิณทองทาได้รับโอนหุ้น Ample Rich มาตั้งแต่เมื่อใด ก่อนวันที่ 9 กันยายน 2545 หรือไม่หรือหลังจากนั้น) จะทำให้ น.ส.พิณทองทามีหุ้นชินคอร์ปรวม 25.64% ซึ่งถึงจุดที่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ตามมาตรา 247 และรวมถึงต้องมีรายการเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นตามมาตรา 246

    กรณีที่สอง พ.ต.ท.ทักษิณโอนหุ้น Ample Rich ให้แก่นายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทาคนละครึ่ง

    ในกรณีนี้ถ้ายึดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯใช้วิธีการเช่นเดียวกับกรณีที่ 1 แต่ถ้ายึดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 295 และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ว่าด้วยการแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ต้องพิจารณาว่า ขณะที่ น.ส.พิณทองทารับโอนหุ้น Ample Rich มีอายุครบ 20 ปี หรือบรรลุนิติภาวะแล้วหรือยัง

    ถ้ายัง อาจเข้าข่ายแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จเพราะในการแสดงบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณขณะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเมษายน 2544 ไม่มีชื่อหุ้น Ample Rich อยู่ในบัญชีทรัพย์สินด้วย

    ถึงเวลานี้ การอ้าง "บกพร่องโดยสุจริต" ยังจะใช้ได้ผลอีกหรือไม่ในสถานการณ์เช่นนี้



    *พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 258

    หลักทรัพย์ของกิจการที่บุคคลหรือห้างหุ้นส่วนดังต่อไปนี้ถืออยู่ให้นับรวมเป็นหลักทรัพย์ของบุคคลตามมาตรา 246 และมาตรา 247 ด้วย

    (1) คู่สมรสของบุคคลดังกล่าว

    (2) บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว

    (3) ห้างหุ้นส่วนสามัญที่บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) เป็นหุ้นส่วน

    (4) ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด หรือเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดที่มีหุ้นรวมกันเกินร้อยละสามสิบของหุ้นทั้งหมดของห้างหุ้นส่วนจำกัด

    (5) บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) หรือห้างหุ้นส่วนตาม (3) หรือ (4) ถือหุ้นรวมกันเกินร้อยละสามสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น หรือ

    (6) บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่บุคคลดังกล่าวหรือบุคคลตาม (1) หรือ (2) หรือห้างหุ้นส่วนตาม (3) หรือ (4) หรือบริษัทตาม (5) ถือหุ้นรวมกันเกินกว่าร้อยละสามสิบของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น

    (7) นิติบุคคลที่บุคคลตามมาตรา 246 และมาตรา 247 สามารถมีอำนาจในการจัดการในฐานะเป็นผู้แทนของนิติบุคคล


    ที่มา http://www.matichon.co.th/
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,866
    เสียเวลาโพส์ เสียเวลาอ่าน
    ขอเสียเวลาบอกเท่านี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...