เรื่องเด่น ชาวพุทธทั่วโลกสดุดีร.9 ‘ศาสตร์พระราชา’ยั่งยืน

​

“องค์การพุทธโลก” ร่วมกับยูเนสโก จัดถวายราชสดุดีในหลวง ร.9 ที่ฝรั่งเศส 26-28 นี้ เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกแสดงความอาลัย พร้อมทั้งยังนำเสนอแนวคิดศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เผยแพร่สายตาชาวโลก

เมื่อวันที่ 19 กันยายน องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) แถลงข่าวการถวายราชสดุดีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการประชุม “International Peace Conference 2017“ หัวข้อ “Sustainable world Peace” ณ องค์การยูเนสโก ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26-28 ก.ย.2560

พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาโลก กล่าวว่า ทาง พ.ส.ล.ได้ขอความร่วมมือองค์การยูเนสโกขอใช้สถานที่ยูเนสโก ณ กรุงปารีส เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ องค์การ พ.ล.ส. สถานเอกอัครทูตไทย ณ กรุงปารีส และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก ได้จัดประชุมสันติภาพนานาชาติ เพื่อให้เป็นเวทีนานาชาติถวายสดุดีและแสดงความอาลัย ด้วยถ้อยคำแถลงของผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก ผู้บริหารตัวแทนผู้แทนถาวรนานาประเทศ ตลอดจนผู้แทนพุทธศาสนาจากประเทศต่างๆ

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกทางหนึ่ง ทั้งเป็นการถวายราชสักการะในเวทีนานาชาติก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในวันที่ 26 ต.ค. นอกจากนี้ คณะผู้จัดงาน โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การยูเนสโก ได้เชิญนางอีรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การยูเนสโก และนายไมเคิล วอป ประธานกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ขึ้นกล่าวสดุดีพร้อมด้วยตัวแทนถาวรจากนานาชาติ ตัวแทนผู้นำพระพุทธศาสนาจากต่างประเทศ และประธานองค์การ พ.ส.ล. เข้าร่วมกล่าวสดุดีด้วย

พระศากยวงศ์วิสุทธิ์เผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 26 ก.ย. เป็นการนำเสนอของนักวิชาการระดับโลก เสนอแนวคิดของศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ การสร้างสัคมแห่งสันติภาพที่ยั่งยืน-มรดกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนทัศน์การพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

“ความคิดในการจัดประชุมนานาชาติถวายราชสดุดีเทิดพระเกียรติในครั้งนี้ สาเหตุที่เราไม่ได้ทำกันในประเทศไทย เพราะว่าเราอยากให้องค์กรพุทธทั่วโลก และยูเนสโกได้ทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีต่อชาวพุทธและนานาชาติทั่วโลก ดังนั้นอยากจะมีอะไรที่สะท้อนในสายตาโลก พ.ส.ล.จึงประสานงานหลายฝ่าย เพื่อให้รู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณ” พระศากยวงศ์วิสุทธิ์กล่าว

ที่วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต และสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) จัดการฝึกซ้อมการแสดงเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ชุดรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งเป็นองค์ประกอบการแสดงโขนหน้าพระเมรุมาศ

การฝึกซ้อมครั้งนี้มีผู้แสดงจำนวน 89 คน ควบคุมการซ้อมโดยนายชวลิต สุนทรานนท์ นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ สำนักการสังคีต ประธานจัดการแสดงมหรสพสมโภชในพระราชพิธี, นายเอนก อาจมังกร และนางรัจนา พวงประยงค์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ประดิษฐ์ท่ารำการแสดงชุดดังกล่าว

นายชวลิต สุนทรานนท์ นักวิชาการละครและดนตรีทรงคุณวุฒิ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ประธานจัดการแสดงมหรสพสมโภช กล่าวว่า การฝึกซ้อมการแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม (หน้าพระเมรุมาศ) เนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ครั้งนี้ ได้มีผู้แสดงจำนวน 89 คน ประกอบด้วยเทวดา นางฟ้า 88 คน รวม 44 คู่ และพระอินทร์ 1 คน คัดเลือกมาจากข้าราชการสำนักการสังคีต และนักศึกษาจากวิทยาลัยนาฏศิลป 12 แห่งทั่วประเทศ ภาพรวมเป็นที่น่าพอใจ

วันเดียวกัน ช่างปั้นปูนสดจังหวัดเพชรบุรีกว่า 30 คน ร่วมกันนำประติมากรรมสัตว์หิมพานต์ที่ดำเนินการลงสีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ และกลุ่มจิตอาสา มาทดลองจัดวางบริเวณสระอโนดาตทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพระเมรุมาศ ขณะที่มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้ขนย้ายราวบันไดนาคมาประดับพระเมรุมาศ โดยมีนายพรธรรม ธรรมวิมล ภูมิสถาปนิก สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร และนายประสพสุข รัตน์ใหม่ หัวหน้ากลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ ควบคุมการดำเนินงาน ทั้งนี้ นายพรธรรมกล่าวว่า ช่างปั้นปูนสด จ.เพชรบุรี ได้ทดลองติดตั้งสัตว์หิมพานต์ตระกูลโคทางด้านทิศใต้ ส่วนทิศตะวันตกเป็นตระกูลม้า โดยแนวทางการติดตั้งครั้งนี้ได้ให้ศิลปินเมืองเพชรมาจัดวางตามแนวความคิดและแบบที่จินตนาการไว้จากโมเดลที่เคยให้ไป จากนั้นกลุ่มประติมากรรมสำนักช่างสิบหมู่และกลุ่มภูมิสถาปัตยกรรมจะร่วมพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งจะเปรียบเทียบกับลานพระราชพิธีและพระเมรุมาศ เพื่อดูองค์ประกอบ สัดส่วนและระยะห่างมีความเหมาะสมหรือไม่ โดยต้องการให้จัดวางอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นแถวเรียงกัน ก่อนที่จะปรับตำแหน่งติดตั้งอีกครั้ง และยึดชิ้นงานถาวร จากนั้นจะเข้าสู่การทดลองระบบน้ำ รวมถึงติดตั้งสัตว์หิมพานต์ทิศตะวันตกเฉียงเหนือและสิ้นสุดที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถือว่าครบรอบฐานพระเมรุมาศ

“จากการทดลองจัดวาง พบว่าสีของโขดหินและสระน้ำเมื่ออยู่ตรงฐานพระเมรุมาศ ดูมีความหนักแน่น เมื่อนำสัตว์หิมพานต์ที่มีสีสันมาวางแล้ว ยิ่งทำให้สัตว์หิมพานต์มีความโดดเด่นมากขึ้นเช่นกัน หลังจากนี้จะนำไม้ดัดมาเสริมที่โขดหินและเก็บรายละเอียดโขดหินปัดสีทองและสีน้ำตาลอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล รัตนโกสินทร์ จะเข้ามาจัดวางช้าง 10 ตระกูลและช้างหิมพานต์ประดับสระอโนดาตตามแผนผังที่กำหนดไว้ต่อไป” นายพรธรรมกล่าว.

ขอขอบคุณที่มา
http://www.thaipost.net/?q=node/35738