ชาติสุดท้าย(หลวงปู่เสาร์และหลวงปู่มั่น) โดยหลวงตามหาบัว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย deneta, 20 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=style2 height=492>
    [​IMG]
    พระสมบูรณ์แบบ


    พระเราที่จะเป็นพระสมบูรณ์แบบขึ้นอยู่กับพระวินัยเป็นหลักประกันพระในขั้นแห่งความเป็นพระทั่ว ๆ ไป ตามหลักนิยมของพุทธศาสนา การประพฤติทางกาย ทางวาจา มีใจเป็นธรรมนำมารับผิดชอบในการเคลื่อนไหวของร่างกาย วาจา อยู่ด้วยความระมัดระวังเสมอ นี่คือพระที่ชอบธรรมตามหลักของศาสดาที่สอนไว้ นี่เป็นขั้นหนึ่งแห่งความสมบูรณ์ของพระ เจ้าของก็มีความอบอุ่น คนอื่นมองเห็นก็น่าเคารพเลื่อมใส

    ขั้นที่สองก็คือธรรม เจริญธรรมขึ้นภายในใจ มีสมถธรรมหรือสมาธิธรรมเป็นขั้น ๆ ด้วยความพากเพียร และปัญญาธรรมถึงวิมุตติหลุดพ้นเรียกว่า วิมุตติธรรม ทรงไว้ซึ่งธรรมซึ่งวินัยโดยสมบูรณ์ในหลักธรรมชาติของพระ นี้เป็นพระสมบูรณ์แบบ เป็นพระที่ควรอย่างยิ่งต่อความเป็นสรณะองโลกได้ ดังพระในครั้งพุทธกาลที่ท่านได้เป็นสรณะของโลกเรื่อยมา

    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ก็คือ พระพุทธเจ้าเป็นผู้บรรลุวิสุทธิธรรม อันล้ำเลิศ ด้วยการประพฤติปฏิบัติชอบยิ่งของพระองค์เอง
    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ พระธรรมอันประเสริฐเลิศเลอยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกได้ปรากฎขึ้นในพระทัย เพราะการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยิ่งของพระองค์

    สงฺฆ สรณํ คจฺฉามิ พระสงฆ์ได้เกิดความเชื่อ ความเลื่อมใสในหลักธรรมที่พระองค์ทรงสอน แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความเอาจริงเอาจัง เนื่องมาจากความเชื่ออย่างถึงใจ การทำทุกสิ่งทุกอย่างย่อมถึงใจ เมื่อถึงใจแล้วก็ถึงทั้งสิ่งที่ชั่วมีอยู่ภายในจิตใจของตนมาดั้งเดิม ทั้งสิ่งที่ดีซึ่งควรจะเกิดขึ้นได้เพราะความถึงใจในความเชื่อเหตุผลดีชั่วนั้น แล้วประพฤติปฏิบัติด้วยความถึงใจ สุดท้ายก็ปรากฎเป็น สงฺฆ สรณํ คจฺฉามิ ขึ้นมาอย่างเต็มดวง นี่คือหลักแห่งความสมบูรณ์ของผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าจริง ๆ

    เพราะฉะนั้นศาสนธรรมจึงไม่ใช่เป็นเครื่องประกาศอยู่ธรรมดา โดยหาตัวจริงไม่ได้ ธรรมที่ประกาศออกมา แต่ละแง่แต่ละกระทงของศาสนธรรมนั้น ออกมาจากความจริง และพร้อมที่จะแสดงความจริงให้แก่ผู้ปฏิบัติตามขั้นตามภูมิของตน อยู่ทุกระยะกาล จึงเรียกว่า อกาลิโก ธรรมไม่มีกาลไม่มีเวลา ให้ผลได้ทุกเมื่อจากการกระทำของผู้ไม่เลือกกาล เครื่องหล่อหลอมพระเราให้สมบูรณ์แบบ หรือให้มนุษย์สมบูรณ์แบบ ก็ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปจากธรรม สิ่งใดงามก็ตาม ไม่ซาบซึ้ง ไม่ถึงใจ ไม่แน่ใจ ไม่ตายใจ ไม่อบอุ่นใจยิ่งกว่าธรรม ธรรมจึงเลิศ ธรรมจึงประเสริฐกว่าความดีอื่นใดทั้งสิ้น

    [​IMG]
    ผู้บรรลูธรรมอัศจรรย์น้ำตาร่วงเหมือนกันหมด


    <TABLE width="90%" border=0><TBODY><TR><TD height=438> หลวงปู่มั่น ก็หนัก พรรษา ๒๒ เป็นพรรษาที่ท่านเริ่มเปิดโลก แต่ยังไม่ได้เปิดเต็มที่ อยู่ถ้ำสาริกา พรรษา ๒๒ ท่านเล่าให้ฟัง เปิดจริง ๆ ไปเปิดที่เชียงใหม่ ๒๒ พรรษา ไปเปิดปฐมฤกษ์อยู่ที่ถ้ำสาริกา เรียกว่าเปิดปฐมฤกษ์ พอจากนั้นไปก็ไปเปิดวาระสุดท้ายที่เชียงใหม่ เราก็ลืมเสียว่าเป็นต้นไม้อะไร



    ท่านอยู่ต้นไม้ต้นเดียว ต้นไม้ต้นนั้นร่มหนาทึบเลย กลางวันท่านมาเดิรจงกรมได้สบาย ๆ เพราะปกติเป็นป่าอยู่แล้ว ไม่มีผู้มีคน อยู่ในภูเขา เหมือนอยู่หินดานลักษณะนั้นแหละ โล่งอากาศดี ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม กลางวันท่านเดินของท่านเพราะไม่มีผู้มีคนไปกวน เดินเวลาไหนจะเป็นไรไป ร่มก็มีตลอดทั้งวัน


    ตอนกลางคืนท่านนั่งภาวนาอยู่ที่นั่น โลกธาตุหวั่นไหว ฟ้าดินถล่มเป็นเหมือนกัน องค์ไหนก็พูดแบบเดียวกัน พอตรัสรู้ พูดตรัสรู้จะตรงกับศัพท์ที่ว่าสุดยอดของธรรม บรรลุนี้เป็นศัพท์ของพระสาวก ตรัสรู้เป็นศัพท์เป็นพระนามของพระพุทธเจ้า จึงเรียกว่าตรัสรู้ สาวกเรียกว่าบรรลุ ความจริงก็ตรัสรู้ถึงแดนวิเศษเหมือนกันนั่นแหละ
    ฟังครูบาอาจารย์ที่เล่าให้ฟังถึงแดนสุดยอด นั่งน้ำตาร่วงเหมือนกันหมด คืนนั้นไม่นอนเลย นั่งน้ำตาร่วงแล้วกราบ ๆ อยู่อย่างนั้น คือกราบความอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า ความอัศจรรย์ของธรรม ที่ได้ครองธรรมเพราะพระพุทธเจ้ากระเทือนกันเลย พระพุทธเจ้ากับท่านก็เป็นอันเดียวกันแล้ว พอตรัสรู้ปึ๋ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็เป็นอันเดียวกันแล้ว เป็นอันเดียวกัน ๆ

    พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นกิริยาเท่านั้น เหมือนกับเป็นกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ต้นใหญ่จริง ๆ มีต้นเดียว ธรรมะ คำว่าธรรมอันเดียวเท่านั้น พระพุทธเจ้าพระสงฆ์สาวก พอตรัสรู้ธรรมปึ๋งเข้าไปตรงนั้นแล้ว เป็นอันเดียวกันหมดเลย เพราะฉะนั้นคำว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานจึงเป็นแต่เพียงกิริยาเท่านั้น ธรรมชาตินั้นเป็นพื้นเพอยู่แล้ว เมื่อถึงขั้นธรรมกับจิตเป็น อันเดียวกันแล้วเป็นอย่างนั้น นี่ไม่ว่าองค์ไหนนั่งแล้วกราบแล้วไหว้ อยู่อย่างนั้น อย่างประวัติหลวงปู่มั่นนั่นแหละ เราก็เขียนจากคำบอกเล่าของท่านเอง นั่งแล้วกราบไหว้ คนเขาเห็นเขาก็จะว่าเป็นบ้าเป็นบอไป

    เพราะความอัศจรรย์นั่นแหละ ทำให้เป็นอัศจรรย์แล้วก็สงสารโลกประมาณ เราผ่านมาแล้ว ทีนี้เราหลุดพ้น แล้วจากที่คุมขังจากที่ทรมานในกองทุกข์ สามแดนโลกธาตุนี้เป็นแต่กองทุกข์แดนทรมานสัตว์ทั้งนั้น ผุดออกมาแล้วพ้นแล้วมองไปทางนี้ก็สงสารทางนี้ มองไปทางนี้ก็อัศจรรย์ทางนี้ มองทางนี้อัศจรรย์พระพุทธเจ้า ๓ อย่างน้ำตาร่วง องค์ไหนก็เหมือนกันบรรดาที่ได้เล่าสู่กันฟัง ผู้ที่ถึงแดนแห่งความหลุดพ้นอย่างสุดขีดแล้ว เป็นเหมือนกันหมด น้ำตาร่วงเหมือนกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif][​IMG] [/FONT]​

    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]พระธาตุหลวงปู่เสาร์ กันตสโล[/FONT]

    [​IMG]
    พระธาคูหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]วัดดอนธาตุ[/FONT]

    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]อัฐิเป็นพระธาตุคือพระอรหันต์องค์หนึ่ง [/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]คำว่าเป็นพระธาตุแล้วนั้น คือ พระอรหันต์องค์หนึ่งนั้นเอง ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือพระธาตุนี่เป็นเครื่องหมายของวัตถุ ด้านวัตถุได้แก่ร่างกายซึ่งเป็นส่วนหยาบ คือจิตที่บรรลุถึงวิสุทธิธรรมแล้ว จิตนี้จะบริสุทธิ์ [/FONT]

    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]นี่พูดตามหลักธรรมชาตินะ จิตที่บริสุทธิ์แล้วครองธาตุขันธ์อยู่นี่ ความบริสุทธิ์ของจิตนั้นละจะซักฟอกออกมาธาตุขันธ์เลยกลายเป็นธาตุขันธ์ที่ละเอียดลอออ จึงกลายเป็นพระธาตุได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นวัตถุธาตุเหมือนกันกับร่างกายของเรา แต่ร่างกายของพระอรหันต์ที่ครองด้วยจิตที่บริสุทธิ์ จิตที่บริสุทธิ์นั้นแหละซักฟอกออกมา แล้วก็กลายเป็นพระธาตุได้ ๆ [/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]นี่เป็นอย่างนั้น เรื่องราวมีอย่างนั้น ใครจะมากยิ่งกว่า หลวงปู่มั่น ที่อุตส่าห์พยายามแนะนำสั่งสอนลูศิษย์ลูกหามาถึงขั้นบำเพ็ญธรรมนี้ถึงขั้นสลบไสลเหมือนกัน แล้วต่อจากนั้นมาก็หมดไป ๆ แล้ว เดี๋ยวนี้จะไม่มีครูบาอาจารย์แล้วนะ ที่เป็นเพชรน้ำหนึ่ง ๆ รู้สึกมีน้อยมาก ๆ โดยลำดับ หากมีอยู่ เรื่องมีน่ะมี แต่รู้สึกว่ามีน้อยมาก ค่อย ๆ มี ไปตาม ๆ กันละ [/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ท่านผู้ที่ทรงธรรมประเภทนี้จะไม่เหมือนโลกนะ มีเหมือนไม่มี เพราะธรรมในใจของท่านไม่ได้เหมือนกิเลสมีอยู่ในใจมีเหมือนไม่มี คือไม่ผลักไม่ดัน อยากพูดอย่างนั้นอย่างนี้ท่านไม่มี มีแต่ความพอดีตลอด ถึงกาลเวลาที่จะพูดออกไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่โลกหนักเบามากน้อย ท่านก็ออกไปตามสัดตามส่วนที่เห็นว่าสมควร ถ้าไม่ควรแล้วก็เหมือนไม่มี ธรรมเป็นอย่างนั้นนะ [/FONT]

    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หลักเกณฑ์การก่อเจดีย์ [/FONT]​
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]การก่อเจดีย์นั้นตามตำราท่านแสดงไว้ ผู้ที่ควรแก่การก่อจดีย์ไว้กราบไหว้บูชานั้นมี ๔ ประเภท ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ ประเภทที่หนึ่ง คือ พระพุทธเจ้า ประเภทที่สอง คือ พระปัจเจกพุทธเจ้า ที่สาม คือ พระอรหันต์ ที่สี่ คือ พระเจ้าจักรพรรดิ ทั้งสี่ประเภทนี้ควรแก่การกราบไหว้บูชาของพุทธบริษัททั้งหลายทั่ว ๆ ไป นอกจากนั้นท่านไม่ได้กล่าวถึง [/FONT]​

    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif][​IMG][/FONT]
    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]topicstock.pantip.com/.../<WBR>Y7021826/Y7021826.html[/FONT]​



    [FONT=Tahoma, MS Sans Serif]พระอุบาลีคุณูปมาจารย์
    หลวงปู่มั่นเคารพท่านมากนะ เคารพท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ พูดคำไหน ๆ แย็บออกรู้ทันที ท่านพูดด้วยความเคารพเลื่อมใสด้วยความเทิดทูนจริง ๆ คือท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ท่านหนักทั้งปฏิบัติด้วย ทั้งปริยัติด้วย ท่านเป็นแบบฉบับได้ เฉพาะอย่างยิ่งทางด้านปริยัตินำกรรมฐาน คือ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์
    [/FONT]​




    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    หลวงปู่เสาร์ ปรารถนาปัจเจกภูมิ
    หลวงปู่มั่น ปรารถนาพุทธภูมิ
    พระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม ได้ทรงทำนายใครแล้วนั้น เรียกว่าลบไม่สูญเลย เช่น คนนี้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้ากำลังเป็นพระโพธิสัตว์ปรารถนาพุทธภูมิจะเป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้า พระพุทธเจ้าทรงเล็งญาณดูแล้วยืนยันแล้ว ว่านี้ในกัปนั้นกัลป์นั้น เธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้าชื่อว่าอย่างนั้น แล้วสาวกข้างซ้ายชื่อว่าอย่างนั้น ข้างขวาชื่อว่าอย่างนั้น นี้ยังไงก็ลบไม่สูญเลย แน่แล้วนั่น จะต้องถึงจุดนั้นเลย
    ถ้ายังไม่ได้ทรงทำนายแล้วพลิกได้นะ คือจะไปนี้ยังไม่ถึงไหรเลย ปลีกออกเสียจากพุทธภูมิไปเป็นสาวกภูมิก็ได้ อันนี้ก็ยกตัวอย่างเช่นหลวงปู่มั่นเรา ท่านเคยเล่าให้ฟัง

    ทีแรกท่านปรารถนาเป็นพุทธภูมิ ท่านว่างั้นนะ เพราะฉะนั้นลวดลายของท่านจึงมี ความรู้ความฉลาดนี้เป็นลวดลายของพุทธภูมิยังติดอยู่ในนั้นนะ ทีนี้เวลาท่านพิจารณา พอจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร เรื่องพุทธภูมิผ่านเข้ามาแล้ว ท่านว่างั้นนะ จิตพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร มันจะพุ่งทีไร พุทธภูมิจะผ่านเข้ามา ๆ ก็ทำให้อาลัยเสียดายพุทธภูมิถอยเสีย ท่านว่างั้นนะ พอกำหนดเข้าไปที่จะเข้าด้ายเข้าเข็มทีไร เรื่องพุทธภูมิจะสวนกันเข้ามาเลย เสียดายพุทธภูมิ ก็ถอยเสีย

    ทีนี้หลายครั้งต่หลายครั้ง เอ๊ ว่าเป็นพุทธภูมิ ก็ไม่ได้ประมาทพระพุทธเจ้า ความสิ้นกิเลสสิ้นด้วยกัน เป็นแต่เพียงทำประโยชน์ให้โลกได้มากน้อยต่างกันกับสาวกเท่านั้นเอง เราได้แค่นี้เราก็เอาละ เราไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม ขอให้จิตบริสุทธิ์อย่างเดียวแค่นี้ก็เอาละ พออย่างนั้นท่านก็ขอหยุด อธิฐานเป็นพุทธภูมินะ จากนั้นจิตก็พุ่งเลยท่านว่า อย่างนั้นแล้วอารมรณ์อันนี้ไม่ครอบ นี้คือยังไม่ได้รับลัทธพยากรณ์ พระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งยังไม่พยากรณ์ ถ้าลงได้พยากรณ์แล้วยังไงก็ลบไม่สูญหาย พุ่งถึงนั้นเลย ถึงจุดนั้นเลย เรียกว่าลบไม่สูญ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน ถ้ายังไม่ได้ทำนายนี้มันเอียงได้ เอียงนั้นเอียงนี้ไปได้

    อย่างหลวงปู่มั่นท่านเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้นนิสัยพุทธภูมิของท่านจึงมีอยู่ ลวดลายของพุทธภูมิยังมี ความรู้ภายนอกภายในอะไรนี้คล่องแคล่วทุกอย่าง เรื่องจิตรวมฟาดนี้เหาะเหินฟ้าใครจะเก่งยิ่งกว่าท่านอาจารย์มั่นวะ พรึบนี้ลงพื้นปฐพี พรึบไปเลย ผึงนี้ก็ขึ้นเลย อันนี้ท่านเล่าให้ฟัง จนกระทั่งท่านอาจารย์เสาร์ท่านว่า ท่านมั่นนี่มันผาดโผนเกินไป

    ท่านอาจารย์เสาร์ ท่านไม่ค่อยชอบพูด ท่านปรารถนาพระปัจเจกภูมิ แต่ท่านก็พลิกอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้นนิสัยท่านจึงไม่ชอบพูด นั่งที่ไหนเหมือนหัวตอไม่พูดไม่คุยกับใครเลย ถ้าจะพูดก็ เออ พากันทำบุญนะ บาปมันเผาหัวเด้ เท่านั้นแหละไม่มาก บาปมันเผาหัวทั้งนั้นแหละ บุญเป็นความสุขเท่านั้น ท่านไม่พูดมากเป็นพระปัจเจก

    ทีนี้เวลาท่านอาจารย์หลวงปู่มั่นเรานี้เล่าเรื่องภาวนาสู่ท่านฟัง เล่าภาวนาทีแรกก็ฟาดไปแต่เรื่องปีติเรื่องตัวลอย สำหรับท่านหลวงปู่เสาร์นี้พอนั่งภาวนานี้ตัวลอยขึ้น ๆ ลอยทีแรกขึ้นไปได้เมตรหนึ่ง พอรู้สึก เอ๊ นี่เหมือนตัวลอย ลืมตาขึ้นมา จิตมันปล่อยหมด มันก็หนัก ตูมลงเลย เจ็บเอว โหย ตั้งหลายวัน ท่านว่า คือมันเป็นทีแรกท่านสงสัย เอ๊ นี่ทำไมมันเหมือนตัวลอย น้าท่านว่างั้น เหมือนว่าตัวลอยขึ้น ๆ เลยลืมตาขึ้น ลืมตามันสูงจริง ๆ เลยตกใจ จิตเลยออก ออกก็ตูมเลยซี มันไม่มีกำลังพยุงใช่ไหมละ

    ตั้งแต่นั้นมาท่านเลยทดลองใหม่ เอาใหม่ ทีนี้ท่านเอาเช่นอย่างท่านเอาเศษไม้หรือเอาอะไรไปเหน็บไว้ เพื่อความแน่นอนท่านว่า พอมันลอยขึ้นไป คือพยุงจิตไว้นะ นี่ละถ้ามันเจ็บแล้วต้องเข็ดเข้าใจไหม ต้องพยุง ทีนี้พยายามดู พอขึ้นไป ๆ ไปถึงหญ้า พอถึงหญ้าแล้ว ท่านก็เอามือคลำจับเอาอันนี้ออกมาแล้วท่านค่อยลืมตา จิตท่านก็ยับยั้งเอาไว้นะไม่ปล่อย ถ้าปล่อยก็ตูมเลย ค่อยพยุง ๆ แล้วค่อยลง ๆ กึ๊กถึงพื้น นี่พลังของจิตพยุงไว้ ถ้าปล่อยอย่างที่ท่านตกใจนั่นนะ พอขึ้น โอ๊ย มันตก พอว่างั้น จิตมันก็ออกทั้งตัวมันก็ตูมเลย จากนั้นมาท่านก็พยุง
    นี่ท่านพูดถึงเรื่องจิตของท่าน จิตของท่านเป็นอย่างนี้นะ จิตของผมมันไม่เป็นอย่างนั้น ว่างั้นนะที่นี่ มันเป็นยังไงท่านว่า โอ๊ย เวลามันลงนี้ฟาดนี้ทะลุแผ่นดินนี้ไม่มีเหลือ พุ่งลงเลย พื้นพิภพพิเภ็พที่ไหนก็ไม่ทราบ เวลามันขึ้นก็พุ่งเลย โอ๊ย มันพิลึกท่าน ท่านไม่พูดมากละ พิลึกท่าน ท่านพูดอย่างนั้นนะ จิตของผมยังไม่เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แหละ จิตของท่านมันพิลึกท่านว่า นี่คือความผาดโผนของจิตหลวงปู่มั่นเรานี้ไปแบบหนึ่ง ส่วนหลวงปู่เสาร์นี้ก็ไปอย่างนั้นแหละ ไปเรื่อย ๆ นี่ก็อัฐิเป็นพระธาตุเหมือนกันนะ

    หลวงปู่เสาร์ อัฐิก็เป็นพระธาตุ หลวงปู่มั่น ก็เรียกว่าเป็นมาแล้ว นั่นก็เป็นตั้งแต่นู้นแหละ ตั้งแต่มรณภาพแล้วทีแรกหลวงปู่เสาร์ก็เป็นเหมือนกัน ท่านเป็นคู่กันนะ ไปที่ไหนไปด้วยกัน ท่านติดกันมาแต่นู่นแหละ นี่ละสององค์นี้เบิกกรรมฐานเรานะ จากนั้นก็หลวงปู่มั่นเป็นผู้เบิกจริง ๆ เบิกกรรมฐาน จึงได้มีร่องรอยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ มาจากหลวงปู่มั่นเรา


    www.buddhismthailand.com/<WBR>books/sudtai/sudtai0.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2009
  2. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,712
    ค่าพลัง:
    +5,723
    [​IMG]



    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=style2>หลักใหญ่ คือ พ่อแม่ครูอาจารย์มั่น


    ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนี้ โถ มีแต่องค์สำคัญ ๆ นะที่พวกเราทั้งหลายได้เห็นเป็นขวัญตาขวัญใจกราบไหว้บูชาอยู่ทุกวันอย่างกว้างขวางก็คือออกจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นทั้งนั้นเลย องค์ไหนปรากฎชื่อลือนามไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าออกจากหลวงปู่มั่นจริง ๆ นะไม่ค่อยผอดพลาด ทางด้านปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติภายนอกภายในดี เพราะท่านเอาไปจากหลักใหญ่ คือ พ่อแม่ครูจารย์มั่น ทุกสิ่งทุกอย่างหาที่ต้องติมิได้ ​

    เราพูดจริง ๆ เรามอบถวายหมด ไม่มีอะไรเหลือ แม้เม็ดหินเม็ดทรายในหัวใจของเราที่จะไม่ลงท่านนะเราลงถึงสุดขีดเลย เพราะไปอยู่กับท่านถึง ๘ ปี ตั้งแต่วันไปอยู่ทีแรกจนกระทั่งท่านมรณภาพ หาที่ต้องติไม่ได้เลย ไม่ว่าธรรม ไม่ว่าวินัย เพราะเราก็เรียนไปเหมือนกัน ท่านปฏิบัติไปในแง่ใดภูมิใด ผิดถูกประการใด มันก็รู้ตามหลักธรรมหลักวินัย ท่านเก็บหอมรอมริบ ไม่มีที่เรี่ยราดสาดกระจายไปไหนเลย คือหลวงปู่มั่นเราหลักธรรมหลักวินัยตรงเป๋ง ๆ เลย
    นี่ละทีนี้ลูกศิษย์ลูกหาเข้ามาอบรมกับท่าน ก็หลักใหญ่ดีอย่างนี้แล้วส่วนเล็กส่วนย่อยไป ก็ต้องเอาจากหลักใหญ่ออกไป ๆ เวลาไปเป็นครูเป็นอาจารย์สอนใครที่ไหนจึงไม่ค่อยผิดพลาด เป็นที่แน่ใจ
    ยกตัวอย่างเด่น ๆ ก็อย่าง หลวงปู่แหวน ฟังซิ หลวงปู่ขาว หลวงปู่คำดี หลวงปู่พรหม เหล่านี้มีแต่เพชรน้ำหนึ่งทั้งนั้นนะ อัฐิเป็นพระธาตุ ๆ แล้วทั้งนั้นเลย ท่านอาจารย์กงมา องค์หนึ่งที่ปรากฎเด่นชัด หลวงปู่ตื้อ องค์หนึ่ง หลวงปู่ตื้อนี้พระธาตุท่านสวยงามมากจริง ๆ หลวงปู่ตื้อนี้ก็บ้านข่า บ้านข่าใกล้กับบ้านสามผง นี่ก็ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นเรา ไปอยู่ที่เชียงใหม่ นี้ล้วนแล้วตั้งแต่เพชรน้ำหนึ่งนะที่บอกมานี้ ไปอยู่ที่ไหน ๆ ก็เป็นหลักเกณฑ์ได้ทั้งนั้น ๆ
    เพราะฉะนั้นหลักใหญ่จึงสำคัญมากทีเดียว หลักใหญ่เช่นอย่างหัวหน้า คืออาจารย์ เป็นพระประเภทใด ลูกศิษย์ลูกหาออกจากนี้ก็จะมีลวดลายอันดีงามต่อไป ถ้าเหลว ๆ ไหล ๆ ไปไหนก็เหลวไหลไปตาม ๆ กันหมด ถ้าว่าดีก็ขลังทางนั้นขลังทางนี้ไปเสีย แบบกิเลสตัณหา แบบส้วมแบบถานไปเสียไม่ได้แบบทองคำทั้งแท่ง ๆ เหมือนครูอาจารย์ที่มีหลักเกณฑ์สอนไว้นะ อย่างหลวงปู่มั่นนี้ทองคำทั้งแท่งละนี่ สอนตรงเป๋ง ๆ เลย ​







    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    [​IMG]


    <TABLE width="90%" border=0><TBODY><TR><TD>หลวงปู่มั่น ทำประโยชน์ต่อโลก

    อำนาจของหลวงปู่มั่นของเล่นเมื่อไร ท่านทำประโยชน์ให้โลกอย่างเงียบ ๆ ตลอดมา สมท่านเป็นผู้สงบงบเงียบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีเรื่องมีราวกับใคร หลวงปู่มั่นไม่มีถูกขับถูกไล่ไปไหนก็ถูก แต่ท่านไม่มีกับใคร ท่านก็ไปของท่านสบาย ๆ อย่างนี้
    นี่เราทราบเรื่องราวมานะ ไดพิจารณาด้านหลังของท่านที่ผ่านมา โอ๋ย ท่านสมบุกสมบัน ถูกขับไล่ไสส่ง ไปที่ไหนเขาเรียกเป็นพระจรจัด ตลอดเสือเย็น นี้พวกป่าว่าให้ท่าน พวกบ้านว่าอีกแบบหนึ่งไล่หนีพระ แม้ที่สุดพวกคณะเดียวกันก็ยังขนาบกันว่ากัน หลงยศ นี่เราเห็นทั้งหมดเรื่องราวเป็นมา ๆ คือเราพิจารณาย้อนหลัง ฟังเรื่องราวอะไรย้อนหลัง ๆ
    ท่านสมบุกสมบันมากจริง ๆ ถูกขับไล่นี้มากต่อมาก ท่านไม่เอาเรื่องกับใคร สำคัญนะ นั่นละธรรมเป็นธรรม ไม่เอาเรื่องราวกับใคร ท่านทำประโยชน์อย่างลึกลับ พอได้ประโยชน์เป็นที่พอใจท่านแล้ว ประกาศลั่นออกมาจากหัวใจทองทั้งแท่งออกมา บรรดาคนที่มีอุปนิสัยปัจจัยก็ต้องยอมรับ ๆ คือค่อยมีผู้เข้าไปอบรมกับท่านเรื่อย ๆ ฝ่ายพระ นั่นละท่านผลิตพระ พูดให้เต็มยศคือประเภทเพชรน้ำหนึ่งออกมาจากสำนักพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราอยากจะว่าทั้งนั้นไม่ว่าแต่ว่าแทบทั้งน้น คำว่าแทบที่ตรงไหนบ้างไม่เห็นมี ถ้าว่าลูกศิษย์หลวงปู่มั่น องค์ไหน ๆ อยู่ที่ไหน ๆ มันก็รู้ชัดเจน จึงว่าทั้งนั้นไปเลย ชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ใช่โด่งดังแต่ชื่อ ตัวจริงโด่งดังมาแล้ว จึงมาออกเป็นชื่อเป็นเสียง นี่ละท่านทำประโยชน์อยู่ลึก ๆ นะ
    ใครหาทราบไม่ว่า ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ประกาศธรรมสอนพี่สอนชาวไทยอยู่ทั่วประเทศในทุกภาค ว่าเป็นลูกศิษย์ของใคร เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นทั้งนั้นนะ นั่นฟังซิ นี่ท่านทำประโยชน์อย่างลึก ๆ องค์ท่านก็นิพพานไปแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาของท่านทำประโยชน์ให้โลกมากมาย ภาคไหนมีทุกภาคนะประเทศไทยเรามีหมดทุกภาค ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก เรียกว่าทุกภาคเลย
    พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นเรานี้ ออกไปเทศนาว่าการสั่งสอนมีมากมาย เพราฉะนั้นคนจึงค่อยรู้เรื่องรู้ราวขึ้นบ้าง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับกรรมฐาน เรียกว่าพระบ้านพระป่า ไม่มีเดี๋ยวนี้นะ ไม่ทะเลาะกัน แต่ก่อนพระบ้านกับพระป่า พระป่าเป็นพระที่ถูกขับไล่ เดี๋ยวนี้ไม่มีเข้าใจกันก็เป็นอย่างนั้น ไม่ติใครนะ เมื่อไม่เข้าใจก็สงสัยซิคนเรา สงสัยไม่แน่ใจก็ยังไม่ให้เข้าบ้าน ไม่ทราบเป็นโจรผู้ร้ายหรือเป็นมิตรเป็นสหายมาจากที่ไหน จนเป็นที่เข้าใจกันแล้วก็ยอมรับกัน ๆ นี่ก็แบบเดียวกัน เราตำหนิบ้านก็ไม่ได้ตำหนิใครก็ไม่ได้ เรื่องราวเมื่อไม่เข้าใจก็ต้องเป็นอย่างนั้น
    ท่านทำประโยชน์ได้มากมายจริง ๆ ท่านก็นิพพานไปแล้ว ชื่อเสียงท่านเดี๋ยวนี้สะท้อนกลับมาดังทั่วประเทศไทยแล้ว ใช่ไหมล่ะ ตอนหลังที่ท่านล่วงไปแล้วค่อยดังทีหัลง สมมุติที่เป็นมหามงคลแก่ชาวพุทธเรานี้ดังขึ้นทีหลัง จากหลวงปู่มั่น ส่วนท่านวิมุติไปแล้ว วางสมมุติที่เป็นมหามงคลไว้แก่พี่น้องชาวไทยเรา ​
    แล้วครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ล่วงไป ๆ จนแทบจะไม่มีแล้ว เวลานี้ลูกศิษย์ผู้ใหญ่ ๆ ของหลวงปู่มั่น ว่าจะไม่มีก็ไม่น่าจะผิดไปแล้ว แต่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ ก็ได้ประสิทธิ์ประสาทอรรถธรรมความรู้วิชาด้านปฏิบัติธรรมไว้ สำหรับกุลบุตรสุดท้ายภายหลังก็ค่อยกระจายออกไป ลูกศิษย์ลูกหาจึงค่อยมีมากอยู่ ถึงครูบาอาจารย์ท่านล่วงลับไปแล้ว มรดกท่านก็มอบไว้แล้วพอเป็นร่องรอยเดินตามท่านไปบ้างเวลานี้
    นี่เราพูดถึงเรื่องพ่อแม่ครูจารย์มั่นที่ทำประโยชน์ต่อโลกเรื่องเทวบุตรเทวดาไม่ต้องพูดเลย ไม่มีใครถ้าในสมัยปัจจุบันที่ทำประโยชน์ให้แก่พวกเทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม มากยิ่งกว่ามนุษย์เราเป็นหลายร้อยเท่าเลย เราอย่าว่าร้อยเท่านะ หลายร้อยเท่า เทวดาชั้นเดียวเท่านั้นมากกว่ามนุษย์เรานี้ทั่วโลก มนุษย์ทั่วโลกมีกี่พันล้าน เทวดาเพียงชั้นเดียวเท่านั้นอยู่ในชั้นจาตุมฯ เท่านี้ก็มากกว่าแล้ว ​
    จาตุฯ ดาวดึงส์ ดุสิต นิรมานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี ๖ ชั้นนี้มีมากขนาดไหน นี่ฟังเทศน์ท่านหมด แล้วจากนั้นพรหม ๑๖ ชั้นมากขนาดไหน นี่เรียกว่าท่านทำประโยชน์อย่างลึกลับทุกอย่าง ทำให้ประชาชนเรานี้ท่านก็ทำอย่างลึกลับ
    ท่านเป็นโรงงานใหญ่สอนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาให้ได้เข้าอกเข้าใจในธรรม กระจายธรรมของท่านออกไป นี่ก็เป็นงียบ ๆ ท่านสอนอยู่ในป่า ลูกศิษย์ลูกหาออกมาทำประโยชน์แก่โลกก็จากธรรมของท่าน ทีนี้สอนเทวบุตรเทวดามากขนาดไหนนั่นฟังซิใครจะได้ทำประโยชน์มากยิ่งกว่าหลวงปู่มั่น ท่านพึ่งจะมาร่ำลือหลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว ​
    สมัยปัจจุบัน หลวงปู่มั่นเป็นสักขีพยานในเรื่องมรรคผล นิพพาน เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม เป็นหลักสักขีพยานได้อย่างเต็มตัวเลย ท่านเต็มภูมิจริง ๆ เรื่องเทวบุตรเทวดาเต็มภูมิหมดเลย เวลาท่านเทศน์สอนเทวดานี้เราน้ำตาร่วงนะ ท่านเล่าให้ฟัง พวกเทพทั้งหลายมานี้มืดแปดทิศแปดด้าน พวกพญาครุฑ พญานาค มาหมดนะพวกเทวดาตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา มาหมดเลย มาเป็นระยะ ๆ ท่านบอกว่า ท่านอยู่เชียงใหม่ท่านไม่ได้ว่างนะ ตอนกลางคืนเทศน์อบรมพวกเทพทั้งหลาย สำหรับประชาชนไม่มีอะไรแหละ เพราะท่านไม่เกี่ยวข้องกับใครแต่ไหนแต่ไรมา ท่านชอบอยู่องค์เดียว ๆ พระติดตามท่าน ให้อยู่กับท่านทีละองค์บ้าง สององค์บ้าง ถ้ามากกว่านั้นท่านไล่ออกไปอยู่ข้างนอกให้อยู่กับท่านทีละองค์บ้าง สององค์บ้าง บางทีท่านอยู่องค์เดียวบ้าง อยู่อย่างนี้ นิสัยท่านไม่ชอบยุ่งแต่ไหนแต่ไรมา ท่านจึงไม่ค่อยได้สอนคน ท่านบอกท่านไม่ได้สอนใคร แต่พวกเทพนี้สอนแทบทุกคืน ท่านบอกท่านไม่ได้ทำประโยชน์ให้มนุษย์ แต่ทำประโยชน์ให้พวกเทพมากยิ่งกว่ามนุษย์ร้อยเท่าพันทวีท่านว่า ท่านก็ดังไปทางนั้นเสีย ดังกับพวกทวยเทพทั้งหลาย

    </TD></TR><TR><TD height=1254>เพชรน้ำหนึ่ง ฝ่ายมหานิกาย

    [​IMG]
    หลวงปู่ชา สุภทโท หลวงปู่กินรี จันทิโย หลวงปู่มี ญาณมุนี
    (ชาว อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา มานิมนต์รับผ้าป่าช่วยชาติ) อยู่ที่สูงเนิน รู้จักท่านอาจารย์มีไหม (รู้จักครับ) โห ท่านเมตตาเรามากนะ ท่านอาจารย์มี (พระครูญาณโศภิต) น่ะ เรารักเคารพท่านมาก นั่นละท่านเข้าในขั้นเพชรน้ำหนึ่งนะ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น (หลวงปู่เสาร์ด้วยครับ) เออ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น
    เราเคยไปกราบนมัสการท่าน โอ๋ย ท่านใจดี เมตตามากเลย ท่านมหาดนดั้นมายังไง คึกคักเลยเหมือนอายุยังหนุ่มเลยน่ะ เราก็ว่าครูอาจารย์อยู่ที่ไหนก็มาที่นั่นแหละ พ่อแม่ญาติพี่น้องเราอยู่ที่ไหน เราก็ต้องไปหาพ่อแม่ญาติพี่น้องของเรา อันนี้ครูบาอาจารย์อยู่นี้ก็ต้องมา เหอ ๆ อู๊ย คึกคัก ๆ อยู่ในถ้ำนะ เราจำไม่ได้ว่าเป็นมวกเหล็กหรือเป็นอะไร หากเป็นแถวนั้น ท่านเคยไปพักอยู่เป็นประจำ
    หลวงปู่มี เราเรียกครูจารย์ ๆ เลยแหละ เราไปพักกับท่านอยู่ที่สูงเนินก็ไป (วัดป่าสูงเนิน) นั่นแล้ว พักวัดป่าสูงเนินเราก็ไป ท่านอยู่แถวมวกเหล็กหรืออะไรเราจำไม่ได้ แต่ว่าแถวนั้นท่านมาอยู่เป็นประจำ เราไปเราก็บุกเข้าไปหาเลย อู๊ย ท่านดีใจเมตตามากจริง ๆ หือ ท่านมหามาได้ยังไง โอ๋ ครูบาอาจารย์อยู่ไหนมาได้ทั้งนั้นแหละ รู้สึกท่านเมตตามากจริง ๆ นะ เป็นพิเศษเลย คึกคัก วัยท่านแก่ ๆ โอ๋ย กิริยาท่าทางไม่แก่เลย คึกคัก ๆ ก็นาน ๆ จะเจอกันทีหนึ่ง เรากับท่านเจอกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่นู้นนะ ท่านก็เรียนหนังสือ คุ้นกันสนิทสนมกับท่านมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ พอเรียนแล้วก็ออกปฏิบัติ พอหลังจากนั้นก็มาพบกับท่านเรื่อย ๆ
    เพราะการที่เคยพบกันอยู่เสมอ ๆ เรานาน ๆ ทีหนึ่ง คราวนี้ที่ไปหาท่าน บุกเข้าไปในป่า ท่านถึงยิ่งเมตตาดีใจมาก อู๊ย เราไม่ได้พบกันเลย คุยกันนานนะ นี่ละลูกศิษย์หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ องค์นี้องค์หนึ่ง ที่ท่านเล่าให้ฟัง เราจำได้หมดนั่นแหละ องค์ไหนชื่อว่ายังไงสมัยนั้นนะ เวลานี้ท่านก็ล่วงลับไปหมด แม้แต่พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเรายังล่วงลับไปแล้ว ท่านบอกลูกศิษย์ของท่านฝ่ายมหานิกายที่ท่านบอกเอง ไม่ให้ญัตติ อาจารย์มีนี้ท่านห้ามไม่ให้ญัตติ ท่านพูดเองนี่ เมื่อท่านพูดแล้วแม่นยำร้อยเปอร์เซนต์ ๆ ท่านพูดด้วยความเมตตาสงสารมากนะ
    อาจารย์ทองรัตน์ อาจารย์กินรี อาจารย์มี เท่าที่เราจำชื่อได้นะ แล้วอาจารย์ไหนบ้าง ท่านเล่าไปหมดนั่นแหละแต่เราจำไม่ได้ ท่านแนะนำสั่งสอนตลอดมา ท่านก็เลยกระจายออกมาว่า เมื่อไม่ให้ท่านเหล่านี้ญัตติแล้วเพื่อนฝูงก็ได้มากทำประโยชน์ได้มากมายก่ายกอง ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านเห็นประโยชน์ส่วนรวม
    ท่านพูดจี้ลงอย่างหนัก ๆ ประสาชื่อ ตั้งแต่ไก่มันก็มีมาหาพูดอะไรธรรมยุต มหานิกาย วะ ท่านว่าอย่างนี้ ตั้งแต่ไก่มันก็มีชื่อนี่นะ ตั้งไว้อย่างนั้นแหละ ความถูกต้องโดยอรรถโดยธรรมนี้ อยู่ไหน ๆ เข้ากันได้สนิทเลยท่านว่า เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากให้ท่านเหล่านี้ญัตติ เพราะธรรมดาโลกเราต้องถือสมมุติ คณะนั้นคณะนี้ เมื่อท่านเหล่านี้มาญัตติเสียแล้ว บรรดาเพื่อนฝูงที่เป็นสายเดียวกัน ก็จะเข้าหาลำบากเพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ญัตติ เพื่อจะเปิดทางให้บรรดาเพื่อนฝูงทั้งหลายเข้ามาแล้วได้เป็นประโยชน์อันกว้างขวาง ท่านว่าอย่างนั้น ก็เป็นจริง ๆ เห็นไหมสายอาจารย์ชากว้างขวางขนาดไหน อาจารย์ชาก็เคยไปอยู่วัดหนองผือด้วยกันนี่นะ ตอนที่ท่านไปศึกษาอบรม เราก็อยู่ที่นั่น ถึงคุ้นกันมาตั้งแต่โน้นละกับอาจารย์ชานะ ที่นี่ (วัดป่าบ้านตาด) ท่านก็มา..อาจารย์ชา ที่หนองป่าพง เราก็ไป ไปเวลาไหน เราไปพักหนองป่าพง เราไปพักที่อื่นนะ ไปทีไร เราไปพักหนองป่าพง วัดอาจารย์ชานั่นแหละ เป็นอย่างนั้นตลอดมา
    ทางอุบลฯ ไปหมดแหละ สายกรรมฐานอยู่ที่ไหน ๆ เราไปหมด จนกระทั่งถึงเขื่อนสิรินธร ที่ไหน ๆ วัดป่าเป็นสายของหนองป่าพง เราไปพักหนองป่าพง แล้วก็ให้พระที่วัดหนองป่าพงพาไป สำนักไหน ๆ ไป ๆ พอแนะยังไงก็แนะ ๆ เพราะเราสงวนกรรมฐานมาก คือกรรมฐานนี้ละเราแน่ใจจะเป็นผู้ทรงมรรคผลแทนองค์ศาสดา และสาวกทั้งหลายเรื่อยมา ด้วยภาคปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้นเราจึงสงวนมาก พระกรรมฐานอยู่ที่ไหน นี้คือกองแห่งธรรมจะอยู่ที่นี่ ธรรมจะงอกเงยขึ้นที่นี่
    เพราะฉะนั้นเราถึงไป ถ้าเป็นกรรมฐานอยู่ที่ไหน อย่างไปทางกรุงเทพฯ ก็เหมือนกัน อยู่ทางด้านตะวันออก ทางเมืองชลก็เหมือนกัน เราไปเรื่อยนะ พอไปถึงกรุงเทพฯ แล้วเราก็ไปเขาฉลาก แล้วก็แถวนั้น เขาเขียวเขาอะไรพอเราบอกข่าวไป โทรศัพท์ไปบอกว่าเราจะไป ทางโน้นก็นัดแนะกันมารวม ๆ อยู่ที่วัดเขาฉลาก เราก็ไปให้โอวาทสั่งสอนที่ตรงนั้น เพราะขาดครูขาดอาจารย์ เหมือนลูกเต้ามีหลายคน พ่อแม่ไม่มี โหย อะไรจะเป็นกองทุกข์ยิ่งกว่าลูกแตกกับพ่อกับแม่ ใช่ไหมล่ะ แตกกระสานซ่านเซ็นไปก็มี อันนี้เราก็ไป เวลาว่าง ๆ ไปเราก็จี้เลย เทศน์ธรรมะล้วน ๆ ให้ฟังเลย
    ถ้าเป็นสำนักกรรมฐานอยู่ที่ไหน เราจะเข้าถึงทันทีเลยไม่สนใจว่าธรรมยุต มหานิกาย เราไม่สนใจจริง ๆ นะ มันเรื่องชื่อเฉย ๆ ธรรมต่างหากว่างั้นนะ อยู่คณะเดียวกันก็ลองดูซิ อย่างวัดป่าบ้านตาด ใครมาปฏิบัติขัดข้อง หรือขัดขวางต่อหลักธรรมหลักวินัย เราไล่หนีทันที ถ้าเฮ่อ ๆ หนหนึ่งหนสองไม่ฟังนะ มากกว่านั้นไล่เลย อย่างหนึ่งไล่ทันทีก็มี หลายแบบนะ ควรจะไล่ทันที ไล่ทันที ควรจะ เฮ่อ ๆ ขู่เสียก่อนก็มี มันหลายแบบ ตั้งแต่วัดเดียวกัน ชื่อเดียวกัน ธรรมยุตเดียวกันก็ตาม เราไม่ได้เอาอันนั้น เราเอาหลักธรรมวินัยเป็นตัวตั้งใช่ไหม ทีนี้เมื่อธรรมวินัยตั้งอยู่ที่ไหน ๆ เข้ากันได้หมด นั่นเราเอาตรงนั้น
    พูดถึงอาจารย์มี เรารักเคารพท่านมากนะ ตั้งแต่เรียนหนังสือ โอ๋ย ท่านเป็นพระที่สุขุมละเอียดมาก สมชื่อสมนามว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นจริง ๆ แต่ก่อนเรายังไม่เคยไปเห็นหลวงปู่มั่น ท่านไปเห็นมาก่อนแล้ว อยู่มาก่อนแล้ว ทีนี้พอไปอยู่กับหลวงปู่มั่น กลับมาแล้ว จึงได้เข้ามาหาท่าน คราวนี้ยิ่งสนิทกันใหญ่โตเลยเทียวนะ เรียกว่าลูกพ่อแม่เดียวกันไปเลยทีเดียว กลมกลืนทันทีเลยนะ ท่านก็ เหอ ท่านมหา มาเหรอ คึกคักเลย ทั้ง ๆ ที่แก่ ๆ นะ คึกคักด้วยกัน มาได้ยังไง โหย ครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหน มาได้ทั้งนั้นแหละ (ตอนที่ละสังขารอายุ ๗๖ ปี ครับ) ปี ๒๕๑๔ เราไม่ได้ไปงานศพท่าน ตอนนั้นเรามีอะไรนั่นแหละที่ไปไม่ได้
    ที่ไหนก็เหมือนกัน เช่นอย่างศพอาจารย์ใช่ (ท่านอาจารย์ใช่สุชีโว วัดป่าลิไลย์วัน) อยู่ที่เขาฉลาก ก็เหมือนกัน อันนั้นจะมานิมนต์ มาวันเดียวกันอีกแหละ ทางนี้ก็รับนิมนต์เขาแล้วจะไปเทศน์ที่วัดถ้ำผาปู่ อาจารย์สีทน อันนั้นก็วันเดียวกัน ตกลงก็อย่างนี้แหละ รับนิมนต์ทางนี้ก่อนเลยตกลงก้ต้องไปทางนี้ ถ้ารับทางโน้นก่อน ทางโน้นต้องมีความหมายทันที อันนี้ปัดทันทีเลย คือก่อนหลังนั่นแหละ
    นี่พูดถึงเรื่องอาจารย์มี โอ๋ย เราดีใจนะพูดถึงเรื่องอาจารย์มีสูงเนิน เราเคยไปพักแล้วนี่ ไปพักกับท่านนั่นแหละ ถ้าไม่มีท่านอาจจะไม่ได้พักก็ได้ เพราะท่านเป็นแม่เหล็กใหญ่อยู่นั่น พอเราทราบว่าท่านอยู่ที่นั่น ก็บึ่งเข้าหาเลย พักกับท่านนั่นอย่างนั้นแล้ว โอ๊ย ท่านเมตตาจริง ๆ กับหลวงตานะรู้สึกเมตตามากจริง ๆ เหมือนหนึ่งว่าเป็นกรณีพิเศษนะ มาเห็นบอกพระเณร นี่ท่านมหาบัวนะ ลูกศิษย์ผู้โปรดท่านอาจารย์มั่น อู๊ย อย่าพูดอย่างนั้นเถอะ นาน ๆ ได้พบกันท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านว่าลูกศิษย์ผู้โปรดหลวงปู่มั่น ท่านว่างั้นนะ อู๊ย อย่าพูดอย่างนั้น ขอพูดบ้างเถอะ มันไม่ได้พูดสักทีท่านว่า แล้วท่านก็พูดเอาอย่างเต็มปากของท่านเลย เราก็หมดท่า ท่านก็พูดกับพระกับเณรนั่นละ คุยกัน โฮ้ สนุกสนาน ​
    ที่ท่านพักอยู่สูงเนินก็ดี วัดป่า ท่านอยู่วัดป่าของท่าน เรารักเราเคารพท่านมากจริง ๆ นะ เรียกท่านว่าครูจารย์เลยแหละ คือมันติดปากมาแต่ดั้งเดิม เรียกแต่ครูจารย์ ๆ สนิทติดปาก ไปหาท่าน ท่านอยู่ในเขานะ ท่านแก่ ๆ อย่างนั้น อู๊ย คึกคัก ๆ คุยกันตั้งนานกว่าจะได้กลับเพราะไม่ได้ค้าง เราไปเราทราบว่าท่านอยู่ที่นั่น เราก็เข้าแวะเลย เข้าไปหาท่าน เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราถึงออกมา แล้วก็ไปกรุงเทพฯ เป็นอย่างนั้นละ ท่านอยู่ที่ไหน เราไปหา อยู่ที่สูงเนินเราก็ต้องไปพักกับท่านเลย มาจากกรุงเทพฯ ก็เข้าไปพักกับท่าน ไม่ได้มาก น้อยก็เอา นาน ๆ ได้พบท่านทีหนึ่ง ได้กราบท่านพอแล้ว เพราะฉะนั้นวัดสูงเนินถึงได้ไปพักที่นั่น​

    </TD></TR><TR><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    <TABLE width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เพชรน้ำหนึ่ง ฝ่ายธรรมยุต

    [​IMG]
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่หล้า เขมปัตโต คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
    ครูบาอาจารย์องค์ไหนเท่าที่เราได้ทราบมานี้ ไปหาครูบาอาจารย์ โถ เวลาเราไม่ได้คุยกับท่านนี้ก็เหมือนกับว่าเราทุกข์แต่เราคนเดียวในการประกอบความเพียรชำระกิเลส แต่เวลาไปหาครูบาอาจารย์องค์ที่ปรากฎชื่อลือนาม ไปสนทนากันแล้ว เราหงายเลยนะ เรียกว่าสู้ท่านไม่ได้ สู้ท่านไม่ได้ยังไง ความเพียรของท่านน่ะซี เด็เดี่ยว เอา เป็น​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2009
  3. GARU

    GARU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +1,283
    นมัสการ
     
  4. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอรับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
  5. Sun smile

    Sun smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +366
    ตื้นตันใจมากมายบอกไม่ถูก
    ขอกราบอาราธนาบูชาเหนือเศียรเกล้า
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. ปัญจ์ธน

    ปัญจ์ธน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +855
    อนุโมทนาครับ

    หนังสือธุดงควัตร ปฏิปทาของพระอาจารย์มั่น เรียบเรียงโดย พระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ทำให้ผมสนใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์ ผมเคารพหลวงปู่มั่นเป็นอาจารย์ใหญ่และหลวงตามหาบัวเป็นอาจารย์องค์แรก จากหนังสือดังกล่าว


    ธรรมะไม่กลับมา โลกาวินาศ
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านครับ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    หลักการของสายหลวงปู่มั่น คือ ต้องต่อสู้กับกิเลส ควานหากิเลสในใจตนแล้วต่อสู้เพื่อไม่ให้มันกำเริบ ต้องขัดเกลาวินัย ความเป็นอยู่หลับนอน กิน เดิน ยืน อย่าไปในทางกิเลส
    แล้ว พิจารณาความจริงเพื่อเป็นอุบายไถ่ถอนกิเลสตัวละเอียด ยิ่งๆ ขึ้นไป

    เป็นปฏิปทาที่ตรง ต่อ องค์สมเด็จสัมมาสุมพุทธเจ้าที่สุดแล้ว

    ขอสรุปธรรมถวายเป็นบูชา ครูบาอาจารย์
     
  9. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    นโม สาธุ
    ข้าฯขอยึดหน่วงเอาซึ่งพระอริยสงฆ์เจ้า และคุณพระอริยสงฆ์เจ้า ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน
    จงมาเป็นที่พึ่งแก่ข้าฯตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าฯจะขอนมัสการกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าอันเป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน สิ้นกาลทุกเมื่อ
    และข้าฯจะขอมอบตัวเป็นข้าฯแห่งพระอริยสงฆ์เจ้า ขอพระอริยสงฆ์เจ้าจงมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่แก่ข้าฯ
    ข้าฯขออาราธนาคุณแห่งพระอริสงฆ์เจ้า จงมาประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งข้าสิ้นกาลทุกเมื่อ
    สิ่งอันอื่นจะได้เป็นที่พึ่งแก่ข้าหามิได้
    ถ้าเว้นไว้แต่พระอริยสงฆ์เจ้าป็นที่พึ่งแก่ข้าฯเที่ยงแท้นักหนา ชัยมงคลทั้งหลายจงมาบังเกิดมีแก่ข้าฯด้วยคำสัจนี้เถิด
    ข้าฯขอกราบไหว้พระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการอันประเสริฐ
    โทษอันใดข้าฯได้ประมาทพลาด พลั้งไว้ในพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ
    ขอพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งสองประการ จงมาอดโทษทั้งปวงนั้นให้แก่ข้าฯพระพุทธเจ้านั้นเถิดฯ
     
  10. TJ69

    TJ69 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +152
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ <!-- / message -->
     
  11. nonsoul

    nonsoul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +105
  12. มหนฺตยศฺ

    มหนฺตยศฺ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +112
    ปลื้ม ที่เมืองไทยไม่ว่างจากพระปฏิบัติดี ทั้งพระบ้านและพระป่าทุกนิกาย
    ผมเองก็อยากดีเหมือนทุกๆท่านทกๆองค์จัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...