จับแก๊งเหล็กไหล ต้ม 30 ล้าน

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย paang, 18 กันยายน 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    [​IMG]

    กองปราบปรามบุกจับพ่อปู่สุทัศน์ เจ้าสำนักเหล็กไหล หัวหน้าแก๊งต้มตุ๋นรายใหญ่ เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้(17 ก.ย.) ชุดสืบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.ต.อดินันท์ ชัยนันท์ สว.กก.1 ป. พร้อมกำลัง ได้นำหมายค้น และหมายจับเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 19/13 หมู่ 8 ซอยลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. เพื่อเข้าตรวจหาหลักฐานทางคดี และจับกุมตัวนายเสือ เพชรสังฆาต อายุ 69 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายประมาณ 15 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. ว่า ถูกนายเสือกับพวกต้มตุ๋น โดยอ้างตัวว่าเป็นพ่อปู่สุทัศน์ มีเวทมนตร์ไสยศาสตร์ สามารถเรียกเหล็กไหลได้ พร้อมกับหลอกลวงให้นำเงินร่วมลงทุนสร้างเครื่องรางพระเครื่องและกำไลเหล็กไหล เพื่อส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศศรีลังกา เนื่องจากมียอดสั่งจองหลายหมื่นองค์

    บ้านดังกล่าวเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ 2 ชั้น ทรงยุโรป ปลูกในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท ก่อสร้างเสร็จได้ประมาณ 2 เดือน ภายในบ้านพบนายเสือ นางหยุย เพชรสังฆาต อายุ 45 ปี สามีภรรยาและ น.ส.สุภักดิ์ เพชรสังฆาต อายุ 23 ปี ลูกสาว ผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงควบคุมตัว พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ จากนั้นเข้าตรวจค้นหาหลักฐานทางคดี โดยยึดเอกสารการถือครองหุ้นเทวรูปชัยวรมันของผู้เสียหายประมาณ 30 ราย โฉนดที่ดินและเอกสารสำคัญจำนวนหนึ่งซึ่งซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ห้องใต้บันไดชั้นล่าง ส่วนในห้องนอนชั้น 2 พบเทวรูปชัยวรมัน ขนาด 3 นิ้ว กำไลโลหะ ตรีศูลขนาดเล็ก ซึ่งเป็นอาวุธของเทพ รวมทั้งพระเครื่องและเครื่องรางของขลังที่อ้างว่าทำจากเหล็กไหลอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ ได้ยึดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำพระเครื่องและกำไล รถเบนซ์ รุ่นเอส 280 หมายเลขทะเบียน ภย 2654 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ โตโยต้า คัมรี หมายเลขทะเบียน วบ 4249 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์กระบะโตโยต้า ไทเกอร์ หมายเลขทะเบียน ณธ 2321 กรุงเทพมหานคร ก่อนนำตัวผู้ต้องหาและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามสอบสวนดำเนินคดี โดยในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอไปให้การในชั้นศาล

    ส่วนกำลังอีกชุด นำโดย พ.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผกก.กก. 1 ได้เข้าตรวจค้นสำนักประกอบพิธีกรรมปลุกเสกเครื่องรางเหล็กไหล เลขที่ 520 ซอยลาดพร้าว 86 พบผู้ดูแล 1 คน อ้างว่าพ่อปู่สุทัศน์เพิ่งออกจากสำนักไปเมื่อตอนตี 5 ส่วนภายในห้องประกอบพิธี พบเครื่องบูชาวางอยู่ นอกจากนี้ ยังพบกระดาษเขียนใบหุ้นถูกฉีกทิ้งในถังขยะจำนวนหนึ่ง รวมทั้งเอกสารหลักฐานบางอย่าง จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐานประกอบคดี

    พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งเศรษฐีในแวดวงไฮโซ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกนายเสือ เพชรสังฆาต หรือที่รู้จักกันในนามพ่อปู่สุทัศน์ พร้อมลูกเมีย ชักชวนให้ลงทุนร่วมหุ้นทำเทวรูปชัยวรมันเหล็กไหลและกำไลข้อมือเหล็กไหล เพื่อส่งไปจำหน่ายยังประเทศศรีลังกา อ้างว่าลงทุนเทวรูป 1 องค์ ในราคา 3,200 บาท เมื่อส่งไปขายจะขายได้ราคา 68,100 บาท คิดเป็นกำไรถึง 11 เท่าตัวของทุนที่ลงไป โดยก่อนหน้านี้ ก็ได้พากลุ่มผู้เสียหายไปยังถ้ำแห่งหนึ่งใน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพื่อให้ดูการทำพิธีเรียกและตัดเหล็กไหลให้เห็นกันจะจะให้เกิดความเชื่อถือ หลังจากนั้นก็นำก้อนเหล็กไหลดังกล่าวกลับไปทำพิธีปลุกเสกขึ้น เป็นองค์เทวรูปโลหะในบาตรน้ำมนต์ ภายในสำนักทำพิธีกรรมเลขที่ 520 ซอยลาดพร้าว 86 ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมกันลงทุนสร้างเทวรูปดังกล่าว เป็นจำนวน 25,000 องค์ โดยลงทุนกันตั้งแต่หลักแสนบาท ไปจนถึงหลายล้านบาท ส่วนใหญ่นำเงินสดไปให้ที่บ้านและมีบางส่วนจ่ายเป็นเช็คเงินสดในนามของนายเสือ จึงรับเรื่องไว้ดำเนินการสืบสวนจับกุม

    ผบก.ป.กล่าวว่า ภายหลังจากสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว ได้ขออนุมัติออกหมายจับนายเสือ หรือพ่อปู่สุทัศน์ กับพวกรวม 3 คน ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 3531-3/2548 ลงวันที่ 16 ก.ย.2548 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ค่าเสียหายเบื้องต้นมีมูลค่าถึง 30 ล้าน นอกจากนี้ จากสภาพความเป็นอยู่อย่างหรูหรา และทรัพย์สินของผู้ต้องหามีเป็นจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ ดังนั้น ขอให้ผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบฯได้ตลอดเวลา สำหรับสิ่งของที่ผู้ต้องหานำมาหลอกลวงนั้น จากการตรวจสอบเป็นแค่สเตนเลสไม่ใช่เหล็กไหล ในส่วนเรื่องการประกันตัวsผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนคงไม่อนุญาต เนื่องจากต้องรอผู้เสียหายเพิ่มเติม เชื่อว่าจะมีอีกเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานการฟอกเงินของ ปปง. ทางกองปราบฯ จะประสานกับทาง ปปง. เพื่ออายัดทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ต้องหาไว้ตรวจสอบต่อไป

    ด้านนางกมลพร ดิษาภิรมณ์ อายุ 51 ปี 1 ในผู้เสียหายซึ่งมาชี้ตัวยืนยัน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางปี 45 ได้มีเพื่อนวงการนายทหารระดับนายพล นายตำรวจและข้าราชการระดับสูง ชักชวนให้ลงทุนทำเทวรูปเหล็กไหล อ้างว่าจะมีกำไรจากการลงทุนสูงถึง 11 เท่า จึงหลงเชื่อนำเงินไปลงทุนจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีรายได้ตามที่กล่าวอ้าง ทำให้เงินขาดมือ ครอบครัวเดือดร้อน ต้องติดตามทวงถาม แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง สุดท้ายได้กลับคืนมาแค่ 2-3 หมื่นบาท จึงเชื่อว่าโดนหลอกแน่ ก่อนพากันเข้าแจ้งความ นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนอีกคนถูกหลอกสูญเงินไปถึง 15 ล้านบาท แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เนื่องจากกลัวจะถูกอาจารย์ปู่ใช้เวทมนต์คาถาเสกเป่าทำร้าย เลยยังไม่กล้ามาแจ้งความ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อและเข้าแจ้งความมีทั้งพระชั้นผู้ใหญ่ นายทหารเกษียณราชการยศ พล.ร.อ. พล.ร.ต. และตำรวจยศ พ.ต.อ. ตกเป็นเหยื่องมงายเพราะความโลภด้วย

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2005

แชร์หน้านี้

Loading...