(((((( การเดินทางย้อนอดีตในจักรวาลคู่ขนาน )))))) Time Machine

(((((( การเดินทางย้อนอดีตในจักรวาลคู่ขนาน )))))) Time Machine

1.) หลักการการที่จะเดินทางย้อนไปในอดีตและอนาคต ได้ตามแบบของวิทยาศาสตร์
ต้องเดินทางไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าแสง (คิดค้นโดย Einstien)

และบรรดานักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ได้ออกแบบการเดินทางย้อนอดีตไปอนาคต
ด้วยความเร็วที่สูงกว่าแสง เช่นหลักการของ worm hole, warp drive และการเดินทางผ่านประตูมิติต่างๆ....

ในความเห็นวงการวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ผู้วิจัยในเรื่องนี้โดยตรงบางกลุ่มเชื่อกันว่า สามารถเดินทางย้อนนอดีตและอนาคตได้ แต่ต้องเป็นการเดินทางผ่านมิติเข้าไปในจักรวาลคู่ขนาน ที่เป็นโลกของอนาคตและอดีตได้ และไม่สามารถเปลี่ยนอดีตและอนาคตได้อย่างในหนัง time machine เมื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ต่างๆจะไม่ส่งผลมาที่จักรวาลของเรา

2.) สมมุติฐานและการค้นทดลองพบจักรวาลคู่ขนาน นั้นมีมานานแล้ว
เขาทราบได้จากการทดลอง เรื่องคุณสมบัติของแสง จากการทดลอง double slit
เมื่อทำการยิงอนุภาคของแสง 1ตัว ผ่านรู 2 ช่อง จะพบว่า อนุภาคของแสงได้วิ่งผ่าน
รูทั้ง2รูในเวลาเดียวกัน นี่คือความมหัศจรรย์ จึงรู้ได้ว่า แสงมีคุณสมบัติเป็นคลื่น
ตอนนี้แสงมีคุณสมบัติเป็นคลื่นและอนุภาค
และเมื่อแสงผ่านรูคู่ ภาพของแสงไปปรากฏที่ฉากรับจะมีจำนวณซ้อนๆกันมากมาย
การการทดลองนี้เขาเลยตั้งสมมุติฐานว่า สิ่งต่างๆที่อยู่บนโลกของเรา จะมีลักษณะซ้อนๆกันอยู่ ซึ่งเป็นอีกจักรวาลหนึ่งมีลักษณธคล้ายคลึงกันและอยู่คู่ขนานกันและมีจำนวณมากมายเป็นอนันต์

Einstien ให้ความเห็นในทำนองว่า "เขาขอเสี่ยงดวงว่าจักรวาลคู่ขนานนั้นมีอยู่จริง"

จักรวาลคู่ขนานคือจักรวาลที่อยู่คู่ขนานกับจักรวาลของเรา
มีตัวเรากำลังดำเนินอยู่ในอีกจักรวาล
มีอดีตและอนาคตของเรากำลังดำเนินอยู่และมีจำนวนเป็นอนันต์
ตำแหน่งของจักรวาลคู่ขนานนั้นอยู่ใกล้ๆกับตัวเรา มีระยะห่างเพียงแค่ ไม่กี่ มิลลิเมตร แต่เราไม่สามารถมองเห็น

แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าจักรวาลคู่ขนานนั้นมีอยู่จริงๆ


3.) การการทดลองค้นคว้า จิต เร็วกว่าแสง
จากการถอดจิตเร่งความเร็ววิ่งไปครึ่งจักรวาลและได้มาสรุปผลในปี2545 พบว่า "จิต" สามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสงหลายเท่า
แสงมีความเร็วอยู่ที่ 3*10^8 m/s
- รวมทั้งจิตเป็นตัวควบคุมให้กายทิพย์เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง
- จิตสามารถส่งสั__าณได้รวดเร็วกว่าแสง
- พลังจิต ที่ส่งสั__าณออกไป มีอำนาจในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ ทุลุไปมิติต่างๆได้
- จิตมีพลังงานที่ขนาดมหาศาล มีพลังงานเป็นอนันต์, จิตไม่มีการตาย

********************************************************

จากที่ว่าอะไรที่สามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสง จะสามารถเดินทางไปอดีตและอนาคตได้
ตอนนี้เรารู้ว่าจิตสามารถเดินทางได้เร็วกว่าแสง จิตจึงมีความน่าจะเป็นที่ว่าจะสามารถเดินทางไปอดีตและอนาคตได้


การรู้เห็นอดีตและอนาคต ในพุทธศาสนา นั้นมีอยู่จริงๆ พระพุทธเจ้าก็ทรงรับรองไว้ในหลักสูตร

ที่เรารู้ๆกันคือ ผู้ฝึกสมาธิจะสามารถมีการเห็นภาพที่เป็นอดีตและอนาคต
แต่เรายังไม่รู้ว่าภาพที่เราเห็นและเสียงที่เราได้ยินเป็นเรื่องราวของอนาคต นั้นมาจากไหน ภาพนั้นเกิดขึ้นจากอะไร เพียงแต่รู้ว่าเห็นและได้ยินจริงๆและเรื่องราวก็ถูกต้อง

นอกจากการเห็นเรื่องราวของอนาคตด้วย ทิพย์จักษู_าณ ผมจะเสนอเรื่องการทดลอง
เดินทางไปยังอดีตด้วยการถอดจิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยได้ยินกันมาก่อน เป็นเรื่องค่อนข้างแปลกและไปเป็นอะไรที่สามัณ...........

 

การทดลองการเดินทางย้อนอดีตด้วยจิต

**************************
ก่อนช่วงประมาณ 27/07/2002

อันนี้ผมได้คิดค้นทดลองขึ้นมาเองโดยบังเอิ_
ก่อนหน้าที่ผมจะมาศึกษาเรื่องสมาธิและกสินต่างๆ

ปฏิบัติ ลองทำได้สำเร็จแล้ว ร้อยกว่าครั้ง

1) เข้าสมาธิ ให้รู้สึกอารมฌ์ดิ่ง แล้วประคองตัวเองนอนลง
2) เข้าสมาธิ นึกถึงตอนเป็นเด็กตอนอายุ 9-10 ขวบผมเคยนอนแล่นอยู่ในบ้าน แล้วมองหลังคาบ้านสามารถจำบ้านได้
3) ให้นึกว่า ตอนนี้เรานอน อยู่ในบ้านตอนเราเป็นเด็ก รวมทั้งตำแหน่งเดียวกัน
4) ในขณะหลับตา มองผ่านออกมา จะรู้สึก โปร่งมองทะลุหนังตาที่ปิดอยู่ และ เห็นด้วยสัมผัส พยายามมองให้เห็นหลังคาบ้านในอดีต แทนที่หลังคาบ้านในปัจจุบัน ให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
5) เพ่งที่หลังคาบ้านในอดีต ให้ภาพชัดขึ้น ตอนนี้ให้มองแค่1จุดและให้เพ่งไว้
6) พอเสร็จแล้ว ก็นึกภาพ ฝาบ้านในอดีต แค่ด้านเดียว พยายามมองให้เห็นฝาบ้านในอดีต แทนที่ฝาบ้านในปัจจุบัน ให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
7) เพ่งที่ฝาบ้านในอดีตบ้านในอดีต ให้ภาพชัดขึ้น ตอนนี้ให้มองแค่1จุดและให้เพ่งไว้
8) ตอนนี้ ให้ยังเพ่งอยู่ พอพร้อมแล้ว ให้ กายข้างในเรา ลอยเคลื่อนที่เข้าไปในบ้าน แล้วสำรวจดูบ้าน

กายข้างในเรา ลอยเคลื่อนที่เข้าไปในบ้าน แล้วสำรวจดูบ้าน

ผลการ ทดลอง ทั่วไป

1) จะเห็น เป็นบ้านจริงๆ ครบส่วน 3 มิติ สัมผัสได้

2) สิ่งอี่นที่ไม่ได้กำหนด จะมีมาเอง เช่น บันใด พี้นบ้าน สิ่งของที่เคยมีอู่ในอดีต เช่น กรอบรูปภาพที่ติดผนังบ้าน

3) ฝาบ้าน และ เสา บ้าน มีคุณสมบัต เป็นของแข็ง เพราะเอามีอ ลองเคาะ และ จับดู

4) ผมลงไปสำรวจใต้ถุนบ้าน เห็นมี ถุง พลาสติก วางอยู่เอง
อันนี้มีขึ้นเอง

5) ผมมอง ออกไป ที่หน้าบ้าน ก็เห็น บ้านหลังเล็ก ที่มีไว้เก็บของ อยู่ข้างบ้าน มีเหมือนในอดีต
ุที่ผมแปลกใจมากและผมต้องร้อง Ho WOWWWW คือ

6) ผมเห็น รั้วบ้านและเห็น บ้านของเพื่อนบ้าน

7) มองไป อีก ทางนึง เห็นแสงไฟ และบ้าน ของเพื่อนบ้าน อีก หลายหลัง จำนวนมาก สภาพแวดล้อมบ้าน เหมือนตอนเป็นเด็ก แต่ปัจจุบันไม่มีบ้านหลัง นั้นแล้ว

8) ผมเห็นเพื่อนผมตอนสมัยเป็นเด็ก กำลังเกาะกลุ่มกัน แต่ผมยังไม่ได้เข้าไปหาเขา

 

เราสามารถเดินทางย้อนไปยังอดีตได้โดยเดินทางไปโลกคู่ขนานที่เป็ฝึกวิธีเดินทางย้อนอดีต ไปในจักรวาลคู่ขนาน ด้วยตัวเอง

จักรวาลคู่ขนานมีจำนวนอนันต์ ณ เวลาเดียวกันของอดีตอาจจะมีเหตการณ์ไม่เหมือนกันเกิดขึ้นได้ในอดีต

เป็นการเดินทางแบบ 7 มิติ
โดยมี1มิติคือเวลา ให้เราย้อนเวลาไปเอา 3มิติของอดีตมาซ้อนกับ 3มิติ ปัจจุบัน แล้วถอดจิตเดินทางเข้าไปสู่อดีตได้

วิธีฝึก มี 3ขั้นให_่ๆ

หลักการคือให้มองให้เห็นโลกอดีตแล้วเดินทางเข้าไปในนั้น

พยายามให้ระลึกเสมอว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน

++ เข้าสมาธิ ฝึกมอง ++
1) ลืมตามองผนังบ้านตัวเอง แล้วมองจุดใดจุดหนึ่งไว้ ให้จำผนังบ้านให้ได้ รวมทั้งระยะห่าง
2) หลับตาลง แล้วให้นึกสิ่งที่เรามองตอนเราลืมตา และก็ให้ภาพอยู่ในตำแหน่งเดิม แล้วก็มองเพ่งไว้จนภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ สลัวๆก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อไหร่ก็ตามถ้ารู้สึกว่าคล้ายๆกับว่าเราสามารถมองทะลุหนังตาที่ปิดอยู่ได้และเรารับรู้ว่านี่คือสัมผัสอย่างหนึ่ง แสดงว่าใช้ได้แล้ว

การมองในเวลาที่เราหลับตาไม่ได้มองด้วยตา แต่มองด้วยนึกเอา พอเราฝึกคล่องๆแล้วเราจะรู้เองว่านี่คือสัมผัสอย่างหนึ่ง

ถ้าได้แล้วให้ฝึกขั้นต่อไป

++ ย้อนเวลา ซ้อนมิติ ++
3) ให้เรานึกถึงสถานที่ในอดีตที่เราชอบที่สุด1ที่ เช่นนึกว่าตอนเป็นเด็กเราเคยนอนที่บ้านหลังนึง ณ ตรงที่เราเคยนอน
4) ให้คิดว่าตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ใน ณ.สถานที่ในอดีต ตามข้อ3 ให้เราคิดเรื่องทิศทางด้วยเราจะรู้สึกว่าเราคล้ายๆหมุนปรับทิศทาง
5) ให้นึกถึงภาพในอดีต ตอนนี้ให้เราใช้วิธีมองทะลุหนังตา
มองให้เห็นผนังบ้านในอดีต และเพ่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไว้และให้เห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่เห็นจะเป็นขนาดเท่าของจริง
ตอนนี้เราจะเห็นภาพในอดีตในขณะหลับตา ถ้าเราลืมตาเราจะเห็นบ้านปัจจุบัน มิติแห่งอดีตมาซ้อนกับปัจจุบันแล้ว

++ เดินทางเข้าไปในโลกอดีต ++
6) ต่อจากข้อ5 หลังจากเพ่งตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไว้แล้วให้เราเลื่อนตำแหน่งไปมองที่อืน กายทิพย์เราจะออกเองตามที่เรามอง
7) เมื่อกายทิพย์ออกแล้ว ตอนนี้เราจะเห็นภาพบ้านในอดีต
ตำแหน่งที่เราไม่ได้คิดไว้จะเกิดเองเป็นบ้านทั้งหลังเลย
จุดที่เรากำหนดเป็นตำแหน่งเดียวคือผนังบ้านแต่เวลาเราถอดจิตออกเราจะเห็นตำแหน่งบ้านทั้งหมด รวมทั้งเห็นบ้านเพื่อนบ้านและสิ่งของต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์
เวลาดึงจิตกลับร่างให้เราระลึกว่าเราทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้วจิตจะเข้าร่าง

-----จบ-----

 

การเห็น แบบ ฝึกไปโลกขนาน
การเห็น แบบ ฝึกไปโลกขนาน
ผมจะเห็นไม่เป็นแบบ ทั่วไป

-จะเห็นขนาดเท่าของจริง และ มีสีสันต์ แต่ไม่สว่างเท่าเห็นด้วยตา
-จะเห็นว่าเป็นสถานที่จริงๆอยู่ตรงหน้า
-ถ้าเราลืมตาเราจะเห็นบ้านเราปกติ ถ้าหลับตาจะเห็นโลก
นั่นคือการขนานซ้อนอยู่ แบบรูปพลังงานซ้อนอยู่
-การเห็นทิศทางจะรับรู้ว่าเป็นทิศทางของโลกขนาน
บางทีทำให้ผมงงว่าตอนนี้กำลังอยู่ที่ไหน เพราะว่าผมสลับทิศระหว่าง2มิติที่ซ้อนกัน

เราเห็นขนาดและทิศทางของบ้านเรา
เห็นอย่างไรก็เห็นโลกขนานอย่างนั้น
เห็นภาพเหมือนชีวิตประจำวัน
ไม่เห็นแบบกล้อง camcorder หรือ หนัง

-เป็นการเห็นด้วยสัมผัส
-เป็นการเห็นแบบ3มิติ เท่าของจริง สามารถมองรอบตัวเราได้ โดยไม่ต้องถอดจิตออกก่อน แต่จะรู้สึกว่าทิศทางได้เปลี่ยนไปจากโลกปัจจุบัน

-เวลาเห็นแล้วจะเลือกก็ได้ว่าจะถอดจิตออกไปดูหรือไม่ก็ได้
-เวลาหลับตามองเห็น มีความรู้สึกผมมองทะลุหนังตาออกไปแล้วไปเจออีกที่นึง
-เวลาเห็นโลกขนานแล้วและผมรู้ว่าตัวเองอยู่ระหว่าง2มิติ
ขณะไม่ถอดจิตออกผมรู้ว่าผมได้นอนอยู่โลกขนานนแล้ว
ต้นทาง = ปลายทาง = ตัวผมไม่มีการเคลื่อนที่ก็ถึงเลย
--------------------------
บางทีอยู่เฉยก็เห็นได้เลย
บางทีต้องฝึกจึงเห็นได้

************************
เขียนเมื่อ 26/12/2545

 

ปฏิบัติ ลองทำได้สำเร็จแล้ว หลายสิบครั้ง แต่ยังไม่สรุปผลว่าเป็นจริงหรือไม่

ที่ไม่สรุปว่าเป็นความจริง ถึงแม้ว่าจะมีสติแบบเต็มๆ และรู้ตัวแบบเต็มๆ ว่าไม่ได้ฝัน

เวลาผมเข้าไปทุกอย่างสามารถ สัมผัสได้เหมือนของจริง
ผมได้ตรวจสอบคุณสมบัติขิงวัตถุต่างๆ

ที่ยังสรุปไม่ได้เพราะว่า

++++ เหตุที่คิดว่าไม่จริง ++++++

1 ภาพที่เกิดอาจจะเป็นแบบความฝัน
เพราะว่าความฝันเราก็มีสิ่งสัมผัสได้ มีเหตการณ์ได้เช่นกัน
2 อาจจะเป็นภาพแบบความฝันอย่างหนึ่งที่เกิดขึน แต่ผมฝึกจิตมาผมเลยรู้ตัวแบบเต็มๆ
หรือ เรียกง่ายๆว่า ถอดจิตเข้าไปในฝันตัวเอง อย่างเยี่ยมยอด
3 เทวดาอาจจะเนรมิตสถานที่ มาลองปั__าผม
4 จิตผมสร้างภาพเองทั้งหมด จากความทรงจำผมเอง โดยที่ไม่มีจักรวาลคู่ขนานอะไรเลย

++++ สิ่งที่ทำให้มั่นใจ ++++
1) ผมถอดจิตไปอดีตโลกขนาน แล้วพบพระนั่งอยู่บนบ้าน ผมคุยกับท่าน แล้วท่านบอกข้อมูลเกี่ยวกับผมบางอย่าง แล้วผมนำข้อมูลมาเีทียบกับปัจจุบันแล้วเป็นจริง ข้อมูลจริง แต่สถานที่ผมเห็นจิตอาจสร้างขึ้นมา

2) สิ่งที่ผมเพ่งคือแค่มองให้เห็นฝาบ้านเท่านั้น และเดินเข้าไปผมเข้าไปในนั้น แต่ผมเห็นทั้งหมู่บานและคนเพื่อนบ้าน และแสงไฟจากหมู่บ้านใกล้ๆ ไฟฟ้่ที่บ้านก็ใช้ได้ตามปกติ นี่เหละทำให้ผมตะลึง สื่งที่ผมไม่ได้เพ่งและไม่ได้คิดเกิดขึ้นได้ไง ผมไม่ได้ใช้จิตสร้างขึ้น

3) ผมได้พบ พี่สาวและคนรู้จักตัวเอง ในอีกโลกนึง แล้วผมไปฝึกกสินมา
ในเวลาต่อมาผมสามารถใช้สิ่งที่ผมฝึกมาได้ในโอกาสต่างๆในระหว่างถอดจิต นั่นบอกว่าผมไม่ได้ฝัน

 

ปัจจุบันปฏิบัติ ลองทำได้สำเร็จแล้ว ร้อยกว่าครั้ง

ยังไม่สรุปออกมาเป็นความเชื่อว่าจักรวาลคู่ขนานนั้นมีอยู่จริง

ครั้งล่าสุด วันที่ 8 october 2004 เวลาประมาณ 4.30 นาที

กุมารทองมาหาหลายองค์ เท่าขนาดเด็กอายุประมาณ 3-4 ขวบ
มาปลุกให้ผมลุก ผมก็ลุกถอดจิตออกจากกายเนื้อ แต่พแลกขึ้นมองดูรอบๆ(เห็นเป็นบ้านหลังเดิมในอดีต ที่ผมเคยถอดจิตทำการทดลอง)

แล้วบรรดากุมารทองพาผมเดินไปพบเทวดาองค์สีเขียวใส่ชุดไทยสีเขียวมีสายทองระยับนั่งอยู่บนแท่หนหลายองค์เป็นชายห_ิง แล้วเทวดาผู้ห_ิงเดินมาหาผมแล้วให้ พระมา2กำมือ องค์ขนาดเล็กๆ เป้นพระหลวงพ่อองค์เล็กๆมียันเกาะเพร็ชและให้พระเจ้าตากสินมหาราช และท่านบอกผมว่าให้ผมสร้างวัด