การอปโลกน์สังฆทาน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,391
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,368
    4B06DEDE-EF57-4806-9409-F0847FE0E73E.jpeg

    การอปโลกน์สังฆทาน นั่นก็คือเป็นการประกาศบอกให้พระทุกรูปรู้ไว้ว่า สิ่งของที่ญาติโยมถวายมาในครั้งนี้ ทุกท่านมีสิทธิ์มีส่วนเท่า ๆ กัน ถ้าหากว่าเหลือแล้วก็มอบให้แก่ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย จะได้นำไปบริโภคใช้สอยโดยไม่มีโทษไม่มีภัย

    เรื่องพวกนี้จำเป็นที่จะต้องทำ ไม่อย่างนั้นหลายท่านเข้าวัดมา อาจจะสร้างกรรมมากกว่าสร้างบุญ ด้วยความที่ไม่รู้ เห็นอะไรอยากได้ก็หยิบ เห็นดอกไม้สวยก็เด็ด เห็นผลไม้ใกล้มือก็เด็ด กลายเป็นติดหนี้สงฆ์โดยไม่รู้ตัว แล้วหนี้สงฆ์นั้นโทษหนักมาก เพราะว่าสิ่งของเหล่านั้นเป็นของสงฆ์ คือของที่มีไว้เพื่อค้ำจุนพระพุทธศาสนา เท่ากับว่าเราไปทำลายพระพุทธศาสนา ถึงได้มีโทษหนักมาก

    โบราณมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมาก สมัยที่อาตมภาพยังเด็กอยู่ เวลาพ่อแม่หรือพี่สาวไปทำบุญที่วัด จะให้หยิบดินก้อนหนึ่งในไร่ใส่หาบไปด้วย พอถึงเวลาก็ไปโยนไว้ในวัด ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ? ผู้ใหญ่เขาบอกว่า การที่เราเดินเข้าไปในวัด บางทีเศษดินเศษทรายติดเท้าออกมา แม้ไม่ได้ตั้งใจ ก็มีโทษว่าเอาของสงฆ์มา ดังนั้น จึงควรที่จะชำระหนี้สงฆ์ ใช้คืนด้วยการเอาดินไปคืนที่วัด เวลาวันพระก็หยิบดินใส่หาบไปก้อนหนึ่ง หรือไม่ก็เวลาสงกรานต์ ก็งมทรายเอาไปถวายวัด เป็นการชำระหนี้สงฆ์

    แต่คนรุ่นใหม่ ๆ มักจะไม่เข้าใจ จึงก่อให้เกิดโทษแก่ตนเอง เพราะว่าการเป็นหนี้สงฆ์ คือการเอาของสงฆ์เป็นของตัวเอง เท่ากับไปยึดถือเอาสิ่งของที่จะช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาไปเป็นของส่วนตน ที่บางคนเขาใช้คำว่า "ของสาธุ" ก็คือคนตั้งใจถวายไว้ในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็เลยทำให้พวกเราอาจจะต้องลำบากเดือดร้อน โดยเฉพาะถ้าตายไปแล้วแก้ไขไม่ทัน มีโทษใหญ่เป็นพิเศษ

    จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรที่จะสังวรและระวังไว้ พระก็ช่วยญาติโยมระวังด้วย จึงมีการอปโลกน์สังฆทาน เมื่อถึงเวลาพระฉันและใช้แล้ว ถึงมอบให้เป็นสิทธิ์ของญาติโยมได้ ถ้าหากว่าพระสงฆ์ทั้งหมดมีใครคัดค้าน ก็ไม่สามารถจะมอบให้ได้ เรื่องพวกนี้เราค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ แก้ไขกันไป ถึงเวลาแล้วจะได้บอกต่อให้ลูกหลานของเราทำได้ถูกต้องด้วย
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...