การสร้าง-การซ่อมแซม พระปฏิมากร รูปลักษณ์ ถาวรวัตถุในพระศาสนา และ อุปการะต่อการบำเพ็ญบารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 25 พฤศจิกายน 2014.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    1MjA7_ieFgXXUJo6QG7wwA3ZZ3on0N-LkjJc-MMlJpjosoRssnw6W9n6seYFOLcaSaEXDchr&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    oJY3OhfiAVIlPWgx11UiIhkAMY-4__m4t0fDKLdc8YMALMRTw3iUjh45a-8DnF48HibBR7u8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    v9qNrEN4VVJdnrsVIXLblImF2GXLRBA9yABwoY8k5xof2PxR788ntFMiFneAVvU88e9pXcRN&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    54oCT9WITcWFx-di_OXTvPSJ3IXqDJCbifDZKFs7ssPpgvRUDJa7d7WGNJi7tW1oCRhGgOUf&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    #ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า โดยบาลีว่า "สัมมาอะระหังๆ" ให้ช่วยประคองใจเราให้หยุดให้นิ่ง "สัมมาอะระหังๆๆ" ให้ช่วยประคองใจให้หยุด "สัมมาอะระหังๆๆ" ให้ช่วยประคองใจให้หยุด

    พอถูกส่วนเข้าเท่านั้น หยุดกึ๊ก ใจหยุด เมื่อใจหยุดแล้ว เราเอาใจของเราเข้ากลางของหยุดนั้น กลางของกลางๆๆๆ ซ้ายขวาหน้าหลังล่างบน นอกใน ไม่ไป กลางของกลางๆๆ หนักเข้า พอถูกส่วนเข้า เห็นพระแจ่ม ลืมตาก็เห็น หลับตาก็เห็น นั่งเห็น นอนเห็น เดินเห็น ยืนเห็น นึกเป็นอะไรเห็นแจ่มเวลานั้น เมื่อเห็นแจ่มดังนั้นแล้ว ใจหยุดนิ่งอยู่กับพระที่เห็นแจ่มนั่นแหละ เป็นมหัคคตกุศล กามาวจรกุศล จะทำบุญกุศลอย่างหนึ่งอย่างใดสู้ไม่ได้ สร้างวัดวาอาวาสอย่างหนึ่งอย่างใด สู้ใจหยุดนิ่งอยู่กับพระของขวัญนั้นอึดใจเดียวเท่านั้นไม่ได้ เสียเงินสักกี่โกฏิกี่ล้านก็สู้ไม่ได้
    เมื่อเราเอาใจของเราจรดอยู่พระของขวัญที่เห็นแจ่มนั้น เป็นมหัคคตกุศล เป็นสมาธิแล้ว ตายไม่ตกนรก
    อยู่กับพระของขวัญที่เห็นแจ่มนั่นแหละ ใจที่อยู่กลางของกลาง กลางของหยุด กลางของกลางๆๆ หนักเข้าไป อย่าถอย ตายตัวทีเดียว ไม่ถอยกลับกัน ตรงนี้ตายตัว ไม่ถอยกลับ
    หนักเข้าๆ พระนั้นโตได้ แปลงสีได้ เป็นพระแก้วใส เท่าๆ ตัวเรา หรือโตกว่าตัวเรา เราก็เอาใจของเราไปหยุดนิ่งอยู่กลางองค์พระแก้ว สะดือทะลุหลัง ขวาทะลุซ้าย กลางกั๊กแบบเดียวกัน ไปหยุดนิ่งอยู่กลางองค์พระแก้วนั่น พอหยุดนิ่งอยู่กลางองค์พระแก้ว เราก็ระลึกถึงความบริสุทธิ์ดีของพระแก้วว่า "สัมมาอะระหังๆๆๆๆๆ" ใจเราก็หยุดตามเดิม หยุดก็เข้ากลางหยุดไปตามเดิม กลางของกลางๆๆๆ นิ่ง...
    พระแก้วนั้นก็ใสหนักขึ้น สะอาดหนักขึ้น โตหนักขึ้น จะไปไหนกับพระแก้วนั้นก็ได้ อาราธนาพระแก้วไปนรก 456 ขุม ไปตรวจนรกดูได้ตลอด เมื่อไปถึงสัตว์นรกแล้ว จะไปพูดไปถามกับสัตว์นรกอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตามความปรารถนา หรือจับมือจับแขนของสัตว์นรกนั้นไต่ถามก็ได้ จับมือถือแขนได้ตามชอบใจ ตามความปรารถนา เหมือนมนุษย์เรา
    ถ้าว่า เราจะไปดูพวกเปรต ตรวจดูพวกเปรต มี 12 ตระกูล ไปพูดไปจากันได้ ไต่ถามบุพกรรมที่กระทำดีที่กระทำชั่วร้ายอย่างหนึ่งอย่างใดได้ บ้านช่องอยู่ที่ไหนถามได้ จับมือถือแขนกันพูดได้แบบเดียวกัน
    ถ้าจะไปพวกอสุรกาย ก็แบบเดียวกัน จับมือถือแขนพูดกันได้ ไต่ถามกันได้ มีบุพกรรมอันใดกระทำไว้มาเป็น ได้มาอยู่ในอบายภูมินี้ พูดรู้เรื่องกัน จับมือถือแขนกันตามชอบใจ
    ไปในพวกสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานนั้นมีกายข้างนอก ถ้ากายข้างในน่ะเป็นกายมนุษย์ละเอียดแท้ๆ นั่นก็จับมือถือแขนกันพูดได้
    จะไปหาพวกมนุษย์ ตรวจดูพวกมนุษย์ มีมากน้อยเท่าไหร่ ไปตลอดหมด กายมนุษย์นั่นก็จับมือถือแขนกันพูดได้ กายหยาบกายละเอียด จับได้ทั้งนั้น
    ถ้าจะไปในพวกเทวดา จาตุมหาราช ตาวติงสา ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตตวสวัตตี มีมากน้อยเท่าใด จับมือถือแขนกันพูดได้
    ถ้าจะไปในพวกรูปพรหม 16 ชั้น ไปจับมือถือแขนกันพูดได้
    ถ้าจะไปในพวกอรูปพรหม 4 ชั้น มีมากน้อยเท่าได้ จับมือถือแขนกันพูดได้
    ถ้าจะไปในพวก... ไปหาในพระพุทธเจ้าในนิพพาน เข้าเฝ้าในพระนิพพาน ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ไปหาพระพุทธเจ้า ถึงพระพุทธเจ้าแล้ว พูดอย่างหนึ่งอย่างใดกับพระพุทธเจ้าได้ ทูลอย่างหนึ่งอย่างใดกับพระพุทธเจ้าได้ จับมือถือแขนกับพระองค์ก็ได้ เหมือนมนุษย์เราแบบเดียวกัน
    เมื่อเป็นเช่นนั้น ของนี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์อัศจรรย์อย่างนี้ เห็นไหมล่ะ ศักดิ์สิทธิ์นัก ถ้าใครได้ดังนี้แล้ว คนนั้นก็ตายก่อนตายได้ ก่อนจะตาย นั่งตายก็ได้ พูดไปจนกระทั่งดับจิตก็ได้ ตายเสียก่อนตาย สักชั่วโมงสองชั่วโมงได้ เพราะมีกายของขวัญ เพราะมีกายแก้วนี่สำคัญนัก
    ถ้าไม่ถึงขนาดนั้น เราต้องการจะรวยในชาตินี้ จะค้าขาย เอาใจจรดเข้าที่พระของขวัญนั่น ขออาราธนาพระองค์ได้ทรงโปรด ข้าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อค้า หญิงก็ หม่อมฉันเป็นแม่ค้า การค้าขายของข้าพระพุทธเจ้า ขอให้กว้างขวางเต็มประเทศไทย ล้นประเทศไทย ขอให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม ดังไปถึงพระนิพพาน ส่งผังซื้อง่ายขายคล่องกำไรงามมาเต็มตัว ล้นประเทศไทยเรา ก่อนจะค้าขาย ให้ว่าอย่างนี้ทุกคราวไป ขายของ ขายง่าย ขายดาย สะดวกเหมือนเทน้ำเทท่า
    ถ้าจะรับราชการ ขออาราธนาพระองค์ได้ทรงโปรด ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้รับราชการ หม่อมฉันเป็นผู้รับราชการ หรือรับราชการอยู่แล้ว ก็บอกว่าข้าพุทธเจ้ารับราชการอยู่แล้ว หม่อมฉันรับราชการอยู่แล้ว ขอให้หน้าที่ราชการของข้าพระพุทธเจ้า ขอให้ราบรื่นเรียบร้อย ไม่เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจผู้หลักผู้ใหญ่ ขอให้เป็นที่นิยมชมชอบประกอบข้าพุทธเจ้า ถ้าเป็นราชการชั้นตรี-ชั้นโท-ชั้นเอก สูงสุดในสายราชการนี้ หน้าที่ราชการชนิดใดก็อาราธนาท่านในทางชนิดนั้นไป ก็จะได้ผลสมความปรารถนา ก็ดังไปถึงพระนิพพาน ท่านก็ส่งผังราชการสูงสุดลงมาให้เต็มตัวเรา ก่อนจะรับราชการ อย่างนี้ทุกคราวไป
    ถ้าว่าทำนาทำไร่ทำสวน ทำการงานด้วยปลีแข้งของตน ด้วยกำลังอวัยวะร่างกายของตน ขอพระองค์ได้ทรงโปรด การงานของข้าพระพุทธเจ้าเป็นดังนี้ ขอให้ทำง่ายทำดายทำสะดวก ได้ผลเกินควรเกินค่า นิ่งอยู่กลางองค์พระของขวัญนั้น สัมมาอะระหังๆๆ ดังเข้าไปถึงพระนิพพาน ส่งผังได้ผลเกินควรเกินค่ามาเต็มตัวเรา ถ้าเราจะไปทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขออาราธนาพระองค์ได้ทรงโปรด ขอให้ไปดีมาดี สวัสดีมีชัย นิ่งอยู่กลางองค์พระ สัมมาอะระหังๆๆ ดังเข้าไปถึงพระนิพพาน ส่งผังไปดีมาดี สวัสดีมีชัย มาเต็มตัวเรา

    (คัดมาส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ เรื่องพระของขวัญ)

    #พระพุทธธรรมกายเทพมงคล

    ทัสสนานุตริยะ (การเห็นอันเยี่ยม ได้แก่ การเห็นพระตถาคต และตถาคตสาวกรวมถึงสิ่งทั้งหลายที่จะให้เกิดความเจริญงอกงามแห่งจิตใจ )

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมบุญนี้
    สาธุๆอนุโมทามิ

    #พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จัดเป็นปูชนียวัตถุสูงสุด ผู้สร้างพระพุทธรูปจะได้ประโยชน์ ดังนี้

    ๑.ได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดสร้าง
    อันประกอบด้วยศรัทธาในพระพุทธองค์จัดเป็น #ตถาคตโพธิศรัทธา

    ๒. เมื่อบริจาคทรัพย์ในการสร้างจัดเป็น #ทานบารมี

    ๓. เมื่อขวนขวายติดตามตลอดงานจัดสร้างพระปฏิมา
    จัดเป็นกุศลส่วน #วัยยาวัจจมัย

    ๔ .เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จสมบูรณ์ ได้เป็นที่ตั้งแห่งความตามอนุสรณ์
    ถึงพระพุทธคุณทั้งตนเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วย
    กุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระพุทธปฏิมา

    ๕. อำนาจแห่งกุศลที่สร้างพระพุทธปฏิมา
    ส่งผลให้ได้เกิดเป็นคนรูปงาม
    มีบุคลิกสง่าเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชาชน
    และมีอิสริยยศ บริวาร ทรัพย์สมบัติ
    ตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นโรควิกลวิกาล

    ๖. ปิดอบายภูมิ และส่งให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิทันทีในสมัยกาลมรณะแล้ว
    หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นปรากฎให้จิตก่อนจุติ

    ๗. เป็นการส่งเสริมพุทธศิลป์ให้เจริญแพร่หลาย
    พุทธศิลป์นั้นในชนที่เจริญทางสติปัญญา
    เขายกย่องว่าเป็นศิลปะอันสุขุมประณีตละเอียดอ่อน
    เป็นสัญญลักษณ์แห่งสันติธรรม และปัญญาธนบริสุทธิ์

    พุทธบูชา มหาเตชวันโต
    การบูชาพระพุทธเจ้า มีเดชอำนาจมาก
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    fz3iWSzB-lwHPhB-3orT7aoNwKmCdna-QFRL-yZ9vCjv5j4rHSiuzQd3DjNpVn6NZyX0frUj&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    หลวงปู่ปานสร้างพระเครื่องจากคำข้าว โดยคายคำที่อร่อยออกมาตากแห้งและตำเป็นผง ปั้นเป็นองค์พระหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ท่านสั่งหลวงพ่อฤๅษีให้จัดเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ เพื่อทำการบวงสรวงอัญเชิญเทวดาและพระท่านมาสงเคราะห์

    หลวงพ่อท่านเรียนถามหลวงปู่ปานว่า "พระองค์เล็กแค่นั้นเอง ทำไมหลวงพ่อต้องสั่งเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ด้วย ?" หลวงปู่ปานท่านมองหน้า แล้วว่า "เรื่องของพระแกคิดว่ามีเล็กหรือวะ?" จำไว้นะ..คำว่า "พระ" ไม่มีเล็ก

    หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สร้างพระของขวัญองค์ประมาณปลายนิ้วชี้ โยมบางคนรับไปแล้วบอกว่า "หลวงพ่อ..องค์เล็กแค่นี้เอง จะคุ้มครองไหวหรือ ?" ปรากฏว่าคืนนั้นโยมนิมิตเห็นพระของขวัญขยายใหญ่โตเต็มฟ้า ถามว่า "แค่นี้พอไหม ?"

    พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าไม่มีประมาณ จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่กำลังใจของเราว่ายึดมั่นหรือไม่

    เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มารับเสด็จ ทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปประทับที่ซึ่งดีที่สุด ก็คือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์

    บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์นั้น กว้าง ๓๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ ถ้าพระอินทร์นั่งก็จะพอดี พระอินทร์ท่านคิดว่าพระสมณโคดมสูง ๘ ศอกของมนุษย์ ถ้าขึ้นไปนั่งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็คงเหมือนแมลงวันเกาะอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่มีที่ใดเหมาะสมเท่ากับที่นั่นอีกแล้ว จะทำอย่างไรจึงไม่เป็นการหลู่พระเกียรติยศหนอ ? พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิด พอเสด็จไปถึง ประทับนั่งลงก็พอเหมาะพอดี ถึงได้บอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้

    อีกรายหนึ่ง คือ อสุรินทราหู เป็นมหาอำมาตย์ยักษ์ ตั้งใจจะไปกราบพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่ได้ไปเสียทีเพราะร่างกายท่านใหญ่โตมโหฬารมาก อรรถกถาจารย์อธิบายว่า รอยต่อหว่างคิ้วกว้าง ๑ โยชน์ ท่านเกรงว่าถ้าไปแล้วต้องก้มดูพระพุทธเจ้าจะเป็นการไม่เคารพ

    พระพุทธเจ้าทราบความคิดก็เลยเสด็จไปไสยาสน์ขวางทาง จนอสุรินทราหูต้องแหงนหน้ามอง เพราะฉะนั้น..จะมีพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูเป็นพระปางไสยาสน์แต่ลืมเนตร ส่วนไสยาสน์หลับเนตรแล้วซ้อนเหลื่อมพระบาทเป็นปางไสยาสน์ ถ้าไสยาสน์หลับเนตรพระบาทเสมอกันเป็นปางปรินิพพาน แยกให้ออกนะจ๊ะ
    ........................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    ........................................
    #รู้ว่าดีก็ทำ #รู้ว่าชั่วก็ละ #ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    lWHLKhxNVxclSkofHA9OLsGv53-z5iM_AmwntBDMTxpDWJEg1c4r-yCvApZX08dfQzR9NlZp&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    “เกาะวัตถุมงคล ยังดีกว่าเกาะวัตถุอัปมงคล”

    พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่ปีหนึ่ง นานมากแล้ว นิมิตเห็นคนจำนวนหนึ่งไปเที่ยวชายทะเลที่สวยงามมาก มีแหลมทอดยาวลงไปในทะเล คนก็ไปเดินเล่นกัน ส่วนอาตมามองเห็นแล้วใจหาย เพราะว่าแหลมที่ทอดยาวลงไปในทะเลคือจระเข้ตัวใหญ่มหึมา ใหญ่ขนาดคนเห็นเป็นแหลมที่ทอดลงไปในทะเล ใครเดินเข้าใกล้ปากก็โดนงับไปทีละคน ๆ ที่เหลือก็ยังไม่มีใครรู้ ยังคงเดินใกล้ปากไปเรื่อย

    อาตมาตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้งก็ไม่มีใครฟัง เขาว่าทิวทัศน์บริเวณนั้นสวยงามที่สุด น่าถ่ายรูปที่สุด เมื่อเอามาประมวลรวมกันว่าพระพุทธเจ้าเกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากแสดงธรรม ก็เพราะว่าคนส่วนมากไม่สนใจที่จะฟังนั่นเอง

    การที่คนส่วนหนึ่งเกาะวัตถุมงคล ซึ่งก็ยังดีกว่าเกาะวัตถุอัปมงคล อย่างน้อย ๆ ก็มีเครื่องยึด ถ้ากำลังใจเขาเข้มแข็งขึ้น ปัญญามีมากขึ้น เขาก็จะรู้ว่าของดีกว่านั้นยังมีอยู่ คือ เรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา แล้วก็มาประมวลกับนิมิตหลายปีก่อนที่เห็นคนไปเที่ยวชายทะเล หลงอยู่กับทิวทัศน์อันสวยงาม โดยไม่ได้เห็นว่าจุดที่ตัวเองเดินลงไปเพื่อถ่ายรูปนั้นเป็นจระเข้ที่คอยจับคนกิน

    อาตมายังว่าจระเข้ตัวนั้นร้ายกาจมาก หันหลังขึ้นชายหาด ส่วนหัวยื่นออกไปอยู่ในน้ำ ถึงเวลาแล้วมีดิน มีต้นไม้ มีอะไรขึ้น ก็เหมือนอย่างกับเป็นแหลมที่ยื่นลงไปในทะเล"

    ———————————————————-
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ที่มา www.watthakhanun.com

    ขอบคุณเจ้าของภาพสวยๆครับ
    ———————————————————-
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดพุทธบริษัท #วัดพุทธบริษัท
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #แบ่งปันธรรมะ
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    TzxlvajyTWIcb5-0qOFXPlNctg9M_F8XE5JPgmhRNgXxS8b9nOgYYRL2kDlhcEttoCnzMVio&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    2TCzNEhW04M-x5OGP9lDeSKgv_P4gWgTvxTIX_cx7SXf&_nc_ohc=xpYK1cLggHAAX_Vep_Y&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    a6WVr-Oh7zI-Kpvo0kcaa9durl3VuSKk96CmvUmBjtZV&_nc_ohc=JEhineixwh8AX-4DFQc&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    _BKnvYzN5xeXcU8Wj9SgkCL7W-A9fOy9w9Du1Vl8C7WP&_nc_ohc=Odw8M4FS-8kAX8e4eUK&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    หลวงพ่อกวยเคยกล่าวไว้ว่า "อย่าเอาพระกูไป ทุบไปบด ไปหลอม ทำพระใหม่ กูเสกมนต์พระกาฬเอาไว้ เดียวมันจะบ้าเอา!!!!"

    พระเครื่องที่ชำรุดสามารถนำไปหล่อพระใหญ่ได้หรือไม่ ?
    ถาม :
    พระที่ห้อยคอเอาไปหล่อพระได้ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ได้
    อะไรก็ตามที่เป็นรูปพระ ถึงจะแตกหักอย่างไร เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำลายเพื่อหลอมใหม่ หรือเพื่อพิมพ์ขึ้นมาใหม่ ท่านปรับโทษเท่ากับทำลายพระพุทธรูป มีอเวจีมหานรกที่เดียวเป็นที่ไป ถ้าหากว่าแตกหักเสียหายในลักษณะนั้นแล้ว เรารู้สึกไม่สบายใจที่จะติดตัวหรือติดบ้านเอาไว้ ก็ให้บรรจุในพระที่องค์ใหญ่กว่าเพื่อบูชาต่อไป
    คนอื่นใครเขาทำ ให้เขาทำไป เราอย่าไปทำก็แล้วกัน โทษทำลายพระพุทธรูปสาหัสสากรรจ์นักแล..!

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ถาม : เนื่องจากมีเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งหนึ่งใช้ให้ลูกศิษย์ตำพระผงองค์เล็ก ๆ ที่ชำรุดแตกหัก เพื่อนำผงที่ได้ไปผสมหล่อเป็นพระผงองค์ใหม่ขึ้นมา ในกรณีนี้ เจ้าอาวาสผู้ใช้ให้ตำพระผง กับลูกศิษย์ที่ตำบดพระตามคำสั่ง ใครโทษหนักกว่ากันครับ ?
    ตอบ : สมัยก่อนถ้าใครฆ่าไก่ ผู้ใหญ่เขาบอกว่า "บาปคนทำ กรรมคนกิน" อันนี้ก็ถือว่าแบ่งกันคนละครึ่งแล้วกัน ยุติธรรมดี

    ถาม : อานิสงส์ที่ได้สร้างพระผงขึ้นมาใหม่นี้ จะสามารถลบล้างโทษ จากการตำพระผงที่ชำรุดได้หรือไม่ครับ ?
    ตอบ : การตำพระเป็นการทำลายพระพุทธรูป เป็นโทษที่เป็นอกุศลกรรม การสร้างพระเป็นการสร้างพระพุทธรูป เป็นบุญที่เป็นกุศลกรรม ไม่สามารถที่จะกลบหักล้างกันได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ดีส่วนดี ชั่วส่วนชั่ว ถ้าถึงเวลากำลังด้านไหนหนักกว่าก็เสร็จด้านนั้นแหละ..!

    ถาม : เราสามารถสร้างพระองค์ใหญ่ ๆ ถวายวัด เพื่อหนีกรรมจากการบดตำพระที่ชำรุดได้หรือไม่ครับ ?
    ตอบ : บุญส่วนบุญ บาปส่วนบาป ทดแทนกันไม่ได้

    ถาม : มีวิธีแก้ผลกรรมจากการบดตำพระผงเพื่อนำมาหล่อสร้างพระขึ้นมาใหม่ได้อย่างไรบ้างครับ ?
    ตอบ :
    เท่าที่ทราบมายังไม่ปรากฏวิธี ยกเว้นว่าตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยไปเรื่อย ๆ อาจจะบรรเทาได้สักหน่อยหนึ่ง

    ถาม : แต่ถ้าสมมติเขาตำมา แต่เราบูชาโดยไม่ทราบ ก็ไม่เป็นโทษใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : ถ้าไม่รู้ ไม่เห็น คนบูชาไม่เป็นไร แต่ว่าเท่าที่พบมา จำนวนมากด้วยกันที่ตั้งใจอยากได้มวลสารประเภทนั้น ถือว่าโมทนาร่วมกัน ถ้าอย่างนั้นก็ตัวใครตัวมัน..!

    https://watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4493

    ถาม : พระเครื่องแตก ขอถวายหลวงพ่อให้นำไปเป็นชนวนสร้างพระ ?
    ตอบ : ไม่ควร...เอาบรรจุองค์ใหญ่ไว้บูชาต่อ ไม่อย่างนั้นจะมีโทษเท่ากับทำลายองค์พระ ของสายอื่นพระแตกอาจจะหมดสภาพ แต่ของสายวัดท่าซุงพระแตกอานุภาพจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดาต้องรักษา ๑ องค์ ตามที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างท่านปู่พระอินทร์กับที่พระพุทธเจ้าเมตตาตรัสไว้ ฉะนั้น...อยู่ ๆ วัตถุมงคลกลายเป็น ๒ ชิ้นก็ต้องเพิ่มเทวดามารักษาอีก ๑ องค์

    วัตถุมงคลสายวัดท่าซุงแตกหักนี่ได้เปรียบ...อย่าทิ้งนะ เพราะว่าขลังกว่าเดิม หาทางติดกาวกลับไปแล้วเอาไปใช้ต่อได้เลย จากเทวดาองค์หนึ่งก็กลายเป็น ๒ องค์ หรือถ้าหากใครมีความสามารถพิเศษ จะแตก ๗-๘ ชิ้นก็เอาเถอะ ก็ได้ไป ๗-๘ องค์..!
    https://watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5682...

    ภาพประกอบ
    https://www.facebook.com/photo?fbid=3008883132676930...
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=50fa3eae42a610a3793c6ae91bfa8329.jpg
    ?temp_hash=50fa3eae42a610a3793c6ae91bfa8329.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า "อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูป ต้องดูมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร สมัยที่มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเป็นมนุษย์อยู่ #ไม่เคยสร้างความดีแม้แต่อย่างเดียว #แต่กลับสร้างความชั่วแทบทุกอย่าง

    ก่อนตายมัฏฐกุณฑลีป่วยหนัก อทินนกปุพพกพราหมณ์ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพราหมณ์ที่ตระหนี่มาก #กลัวว่าญาติมาเยี่ยมลูกชายตนแล้วเห็นสมบัติในบ้าน จะเที่ยวขอสมบัติข้าวของ จึงนำลูกชายไปทิ้งไว้ที่ระเบียงบ้าน เมื่อพระพุทธเจ้าบิณฑบาตเสด็จผ่านมา #ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีให้มัฏฐกุณฑลีเห็นเพื่อเป็นการสงเคราะห์

    พอมัฏฐกุณฑลีเห็นพระพุทธเจ้า ก็นึกในใจว่า "ใคร ๆ ก็ว่าพระสมณโคดมมีความสามารถมาก ถ้าท่านได้มารักษาเรา อาการป่วยที่เป็นอยู่ก็คงจะหาย"

    #มัฏฐกุณฑลีคิดแค่นั้นแล้วก็ตาย #ด้วยอานิสงส์ที่ใจที่คิดถึงพระพุทธเจ้า #จึงไปเกิดอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกมีวิมานทองคำ

    ส่วนอทินนกปุพพกพราหมณ์ผู้เป็นพ่อ เอาศพลูกชายตัวเองไปฝัง แล้วร้องไห้คร่ำครวญไปด้วย มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรก็นึกว่า

    "พ่อเรานี่ช่างโง่จริง ๆ ลูกมีชีวิตอยู่ไม่ยอมรักษา มัวแต่เสียดายเงิน พอลูกตายแล้วกลับมานั่งร้องไห้" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ ๆ หลุมศพ แล้วนั่งร้องไห้บ้าง

    อทินนกปุพพกพราหมณ์พอเห็นมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ก็คิดว่ามาณพผู้นี้หน้าตาเหมือนลูกชายของเรา จึงเกิดความรัก อยากได้มาเป็นลูก เพื่อทดแทนลูกชายที่เพิ่งตายไป

    อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงถามมาณพว่า "ข้าพเจ้าร้องไห้เพราะบุตรชายเพิ่งเสียชีวิตไป ท่านอายุยังน้อย คงไม่มีบุตรที่เพิ่งเสียชีวิต แล้วมาร้องไห้ทำไม ?"

    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้าสร้างรถคันหนึ่ง เป็นรถทองคำที่สวยงามมาก แต่ไม่มีล้อที่เหมาะสมกับรถ จึงร้องไห้เสียใจ" อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงคิดว่า "ถ้าเรามอบล้อรถอันเป็นที่ถูกใจให้ชายคนนี้ เราอาจจะขอมาเป็นลูกได้"

    อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงถามว่า "เจ้าต้องการล้อรถแบบไหน ล้อทองคำ ล้อเงิน หรือล้อแก้วมณี เราก็จะจัดหาให้" มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรคิดว่า "ตอนลูกมีชีวิตอยู่ พ่อขี้เหนียวไม่ยอมแม้แต่จะจ่ายเงินเป็นค่ารักษา พอตอนนี้แม้ล้อรถทองคำหรือแก้วมณีก็ยอมให้"

    "มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้าอยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถ" อทินนกปุพพกพราหมณ์ได้ยินก็โกรธ "แกจะบ้าหรือเปล่า ? ใครที่ไหนจะสามารถเอาพระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถได้"

    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ถ้าข้าพเจ้าบ้า ท่านก็บ้ายิ่งกว่า ข้าพเจ้าอยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถ เพราะว่าข้าพเจ้ามองเห็นพระอาทิตย์กับพระจันทร์ แต่ท่านร้องไห้คร่ำครวญอยากจะให้ลูกชายที่ตายกลับฟื้นขึ้นมา ตอนนี้ท่านมองเห็นลูกชายของท่านหรือไม่ ?"

    อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงได้สติว่า มาณพผู้นี้พูดเป็นภาษิตดี จึงสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงบอกว่า "ข้าพเจ้าคือบุตรชายของท่าน หลังจากสิ้นชีวิตแล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีวิมานทองคำ"

    อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็แปลกใจ "#ในชีวิตของเจ้าไม่เคยทำความดีอะไรเลยแล้วไปเกิดเป็นเทวดา มีวิมานทองคำได้อย่างไร ?"

    มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "#ข้าพเจ้านึกถึงพระนามของพระสมณโคดมก่อนตาย ด้วยอานิสงส์นี้จึงทำให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์" อทินนกปุพพกพราหมณ์ยังไม่เชื่อ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรจึงแนะนำว่า

    "ถ้าอย่างนั้นขอให้ท่านพ่อนิมนต์พระสมณโคดม พร้อมกับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป มาฉันภัตตาหารที่บ้าน แล้วสอบถามเอาเองแล้วกัน"

    "ด้วยความอยากรู้จริง ๆ อทินนกปุพพกพราหมณ์จอมตระหนี่ จึงยอมลงทุนเลี้ยงภัตตาหารพระพุทธเจ้าพร้อมกับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป เมื่อเลี้ยงภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงเข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า

    "ข้าแต่พระสมณโคดมผู้เจริญ บุคคลที่ไม่เคยสร้างคุณความดีอะไรมาก่อนเลย เพียงนึกถึงแต่พระนามของพระองค์ เมื่อตายแล้วไปสวรรค์ มีอยู่บ้างหรือไม่ ?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พราหมณะ..ดูก่อนพราหมณ์ #บุคคลที่ไม่เคยสร้างความดีอื่นใดเลย #นอกจากนึกถึงนามของตถาคต เมื่อตายแล้วได้ไปสุคติโลกสวรรค์นั้น ไม่ได้มีแค่ร้อยแค่พัน #หากแต่มีเป็นโกฏิ" แล้วท่านก็ตรัสว่า "พราหมณ์ก็ได้เจอลูกชายของท่านเองมาแล้วไม่ใช่หรือ ? "

    อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็ยอมรับ พระพุทธเจ้าจึงเรียกมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรพร้อมกับวิมานทองคำมาเป็นเครื่องยืนยัน อทินนกปุพพกพราหมณ์เกิดความเลื่อมใส #จึงปวารณาตนนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต

    มีอยู่ประเด็นหนึ่งก็คือ #มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรทำชั่วมาตลอดชีวิต แล้วอานิสงส์อะไร #ที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดในวินาทีสุดท้าย ? ตรงจุดนี้ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึง อรรถกถาก็ไม่ได้กล่าวไว้ #แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามตรงต่อพระ

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในอดีตมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร #เคยสร้างพระพุทธรูปเอาไว้ อานิสงส์ในการสร้างพระพุทธรูปในอดีต #ตามมาทันในชาตินี้ในวินาทีสุดท้ายพอดี

    ดังนั้น..พวกเราที่ตั้งใจร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมกับคณะของคุณหมอนพพรหรือท่านพระอาจารย์สมปอง ถ้าเป็นนิสัยของอาตมาก่อนนี้ก็จะอธิษฐานว่า

    "#ก่อนตายขอให้พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ #อย่าได้คลาดเคลื่อนไปจากใจของข้าพเจ้าเลย" อธิษฐานเผื่อเหนียวไว้ก่อน

    เกิดอยู่ ๆ ก่อนตายภาพสาวสวย ๆ โผล่มา คงจะได้เกาะผิดที่ #จึงต้องใช้วิธีอธิษฐานขออย่าให้ภาพพระเคลื่อนไปจากใจ ตรงนี้อนุญาตให้ทุกคนเลียนแบบได้"

    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    4ayhII0JyQ-0Q7wKP2_9UAmenNlcWy45-BvmonrRK59_&_nc_ohc=scgr7t5XvSYAX8mHVdd&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    1f538.png พระพุทธเจ้าไม่ใช่เพื่อนเล่น นึกอยากจะสร้างก็สร้าง 1f538.png
    ...................................
    พระอาจารย์กล่าวว่า “ในงานหล่อพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำและพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงินของวัดท่าขนุน ญาติโยมจะเห็นว่าพายุกำลังเข้า ฝนตกทั้งวันทั้งคืน แม้แต่เช้าวันหล่อพระ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ฝนก็ยังตกอยู่...

    แต่พอเจ็ดโมงเช้าจะบวงสรวง ฝนก็หาย พอบวงสรวงแล้ว แดดมาอีกต่างหาก แล้วก็เปิดยาวไปให้จนกระทั่งหล่อพระเสร็จ นั่นคือเรื่องของบารมีพระ บารมีพรหมเทวดา และครูบาอาจารย์ที่ท่านช่วยสงเคราะห์

    ตอนนี้ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนทองผาภูมิเขาเลิกกลัวกันแล้ว เขามั่นใจว่างานวัดท่าขนุนอย่างไรเสีย ถึงเวลาแล้วต้องทำได้ แต่นั่นเขามั่นใจนะ อาตมาเองยังไม่มั่นใจเลย เพียงแต่ว่ารอดตัวไปได้ทีละงาน

    ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตารอว่า ช่างจะขัดพระเสร็จเมื่อไร ด้วยความที่เราหล่อพระทุกครั้ง องค์พระติดเต็มบริบูรณ์ทุกครั้ง ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือ การขัดแต่งเท่านั้น ไม่ต้องอุด ไม่ต้องปะ ไม่ต้องซ่อม ไม่ต้องเสียเวลา”

    “ช่างคณะนี้ทำงานให้กับวัดท่าขนุนแล้วสบายใจที่สุด เพราะว่างานอื่นบางงาน ช่างขาดทุนเป็นเท่าตัวเลย อย่างเช่นว่าเฉพาะค่าหล่อพระนอกสถานที่ ๑๒๐,๐๐๐ บาท แต่พอทำงานไปแล้วขาดทุนเกินสองแสนบาทเพราะว่าทำไปแล้วมีโบ๋ มีแหว่ง เกินกว่าที่จะปะได้ ซ่อมได้ เขาก็ต้องหล่อใหม่ พอต้องลงทุนหลายๆ ครั้ง ต้นทุนก็กินเข้าไปหมด

    มีวัดแห่งหนึ่งสร้างสมเด็จองค์ปฐมปางประทับยืนใหญ่มาก ความสูงน่าจะเป็นสิบเมตร ใช้ฤกษ์เดียวกัน วันเดียวกัน ช่างคณะเดียวกันกับทางวัดท่าขนุน ช่างมาหล่อพระของท่าขนุนเสร็จปุ๊บ ก็ไปหล่อให้เขาต่อเลย เขาอยู่กาญจนบุรีเหมือนกัน ปรากฏว่าของท่าขนุนเสร็จสมบูรณ์บริบูรณ์ ขัดแต่งอย่างเดียว แต่ของเขาพังแล้วพังอีก จนอาตมาอยากจะถามเหมือนกันว่า “ท่านรู้จักสมเด็จองค์ปฐมดีแค่ไหน ? หรือแค่เพราะได้ยินชื่อ รู้ว่ามีคนเลื่อมใสมาก เลยอยากจะสร้าง เพื่อที่จะดึงคนเข้าวัด เพื่อที่จะหาเงิน ? ถ้าเจตนาเป็นแบบนั้น คุณทำไม่สำเร็จหรอก” แต่ไม่ได้เจอหน้า ก็เลยไม่ได้ถามท่าน”

    “เรื่องของการสร้างพระ เจตนายิ่งบริสุทธิ์เท่าไร ทั้งพระ ทั้งพรหม ทั้งเทวดา ท่านก็อนุโมทนามากเท่านั้น ถ้าเราขอให้ท่านอำนวยความสะดวกให้ ก็จะได้รับความสะดวกคล่องตัว

    โดยเฉพาะตั้งแต่แรกเริ่ม ทำบวงสรวงขออนุญาต ถึงเวลาก็ทำบวงสรวงปั้นแบบ ทำบวงสรวงหล่อพระ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็อัญเชิญเข้าที่ตั้ง ส่วนใหญ่แล้วสมัยนี้เขาทำกันแบบมักง่าย เห็นพระพุทธเจ้าเป็นเพื่อน นึกอยากจะสร้างก็สร้าง นึกอยากจะทำก็ทำ พอถึงเวลาท่านไม่สงเคราะห์ ก็ไม่รู้จะไปโทษใคร”

    พระอาจารย์มหาเอกราบรายงานความคืบหน้าของพระพุทธลีลาประทานพรเนื้อทองคำ
    ถาม : ช่างบอกว่าองค์พระไม่มีตามด ตาแมว อะไรเลย ตอนนี้เหลือขั้นสุดท้าย แค่แวกซ์เท่านั้นครับ
    ตอบ : เราต้องยอมรับเรื่องของบารมีพระท่านจริงๆ เพราะตั้งแต่ท่านอาจารย์สุชาติปั้นแบบ ก็ได้ดั่งใจเลย

    ถาม : เขาสงสัยว่าทำไมง่ายขึ้นเรื่อยๆ ?
    ตอบ : ไปบอกเขาว่าช่างเก่งขึ้นเรื่อยๆ

    ถาม : ตอนแรกช่างบอกว่าฝนตก อย่างไรต้องมีรู มีตามด ได้ปะได้ปุกันแน่ แต่นี่อะไร...?
    ตอบ : ไม่มีทาง..! ขอให้เชื่อเถอะ บอกช่างด้วยว่า ถ้าเสร็จทันวันอาทิตย์เย็น ให้ยกมาที่นี่ได้เลย

    ถาม : จริงหรือครับ ? เดี๋ยวลองดูก่อนครับ ช่างบอกว่าฝนทำท่าจะตก เลยแห้งช้า เขาจะไม่เร่ง
    ตอบ : ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวเอาแดดไปเลย..!

    ถาม : ผมจะรายงานความคืบหน้านะครับ ถ้าทันจริง ๆ จะยกมาเลย
    ตอบ : ต้องยอมรับว่าพระท่านงามสมบูรณ์จริง ๆ

    ถาม : งานนี้ใช้คำว่าพันเปอร์เซ็นต์ได้เลยครับ ไม่มีรู ไม่มีตามดเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกช่างบอกว่าจะพยายามไม่แต่งอะไรมากเพราะกลัวเสียเนื้อทอง กลายเป็นว่าไม่ได้แต่งจริง ๆ ไม่มีอะไรให้แต่ง แค่ตัดเส้นชนวนออกอย่างเดียว

    (ในที่สุดพระพุทธลีลาปางประทานพรก็สำเร็จสมบูรณ์ และอัญเชิญมาส่งที่บ้านเติมบุญวันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๕.๒๙ น.)
    ถาม : ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้าน่าจะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณสองอาทิตย์ จะไม่เร่งช่าง
    ตอบ : ไม่ต้องเร่ง บอกช่างว่าทำให้เต็มที่เลย ผมยึดธรรมาสน์ที่วัดท่าขนุนมาเรียบร้อยแล้ว ธรรมาสน์ที่ใช้กันอยู่ตลอดนั่นแหละ ขอมาตั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วให้ไปซ่อมธรรมาสน์เก่าเอามาใช้งานใหม่ มองไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าลงตรงนั้นจะพอดีที่สุด

    ถาม : ช่างพวกนี้ทำงานเร็วมาก ถ้าฝนไม่ตก ไม่ติดขัดเรื่องสภาพอากาศ
    ตอบ : ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่พวกเราคล่องตัวมาก เพราะพวกเราบอกกล่าวพระท่านทุกครั้ง ตรงจุดนี้ที่อื่นเขามักจะประมาท เห็นพระเป็นเพื่อน นึกจะทำก็ทำ

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    qu2Kn9QzwCVjL8ZITxXqWEsB91YoKvMS75Rvw14-DXiT&_nc_ohc=nRhSiQFpCqcAX-QPbKq&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    #เกร็ดความรู้สำหรับการปั้นพระพุทธรูป

    •ขอให้ลูกใช้กำลังภายใน ในเวลาที่จะปั้นจริงเน้อ คุณพระอยู่บนหัว องค์ท่านปู่วิษณุกรรมผู้เรืองศรี โปรดเมตตาปราณีมาอยู่ที่ใจ ขอประทานพรให้ลูกปั้นได้ดีที่สุดคือ ขอให้องค์พระ...นี้อดทนแข็งแรงอยู่ได้นาน ๆ และมีพระพุทธาภินิหารแทนองค์พระพุทธเจ้าตลอดไป

    •เวลาปั้นให้ภาวนาตลอด ไม่พูดกับผู้ใดตลอด มีคำบริกรรมว่า

    พุทโธรูปพระพุทโธโหหิ ฯ
    พุทธรูปัง สัมปฏิจฉามิ ฯ
    พุทโธ โลเก อุปันโน ฯ

    ใช้บทใดก็ได้ ขอให้องค์พระพุทธรูปเจ้าพระองค์นี้ ได้เป็นองค์แทนขององค์พระพุทธเจ้าตลอดไป พุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งพรหมโลก เทวโลก มนุสโลกและนรกโลก พึ่งได้เช่นเดียวกับได้พึ่งองค์พระพุทธเจ้าในสมัยเมื่อยังมีพระชนมายุอยู่นั้นด้วยเถิด ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้..ขอ.......

    •ถ้าจะทำแบบภาคกลาง บวงสรวงก่อนทำ ถ้าแบบเมืองเหนือให้ขึ้นขันตั้งก่อน ดูตำราการสร้างพระ ทั้งสัดส่วนขององค์พระ และปีเดือนวันที่สมควรสร้างนั้นด้วยเน้อ

    •เมื่อเสร็จแล้วยังจะต้องทำพิธีพุทธาภิเษกตามตำราอีกด้วยเน้อ หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า ของดีจากปั๊บสาเน้อ มีจำหน่ายตามร้านขายสังฆภัณฑ์ทั่วไปในเมืองเหนือเน้อ ราคาเล่มละ ๒๐๐ บาทเน้อ

    •ก่อนจะทำอะไรใส่ใจก่อน อย่ารีบร้อนทำไปไม่ได้ผล เราทำงานเพื่อน้อมถวายพระทศพล จะมีผลให้ทำไปตามตำราเน้อ ! ! !

    •ส่วนมากตุ๊จะบวงสรวงมากกว่าตำราอื่น ๆ เน้อ สบายดี

    ตุ๊พ่อพระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ

    วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
    อ.ลี้ จ.ลำพูน
    ๕ กันยายน ๒๕๖๓

    ที่มา
    เสียงธรรมจากถ้ำป่าไผ่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=48661a9da8b7bdbb6352840dd020bd76.jpg

    การที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาอุบัติตรัสรู้ขึ้นมาสักองค์หนึ่ง เป็นสิ่งที่ยากเหลือคณา เพราะกว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะบำเพ็ญบารมีครบ ๓๐ ทัศ ให้เต็มบริบูรณ์นั้นอย่างน้อยที่สุดจะต้องใช้เวลานานถึง ๔ อสงไขยกำไรแสนกัป

    แล้วในเวลาที่ว่างเว้นพระศาสนา ซึ่งบางครั้งยาวถึง ๑ อสงไขย สัตว์โลกที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ต้องมืดมนอนธการขาดที่พึ่ง ต้องอยู่ในอบายภูมิจำนวนมาก

    การอุบัติขึ้นของพระปัจเจกพุทธเจ้า ในระหว่างที่ว่างเว้นพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกว่าพุทธันดรนั้น นับว่าเป็นโชคมหาศาลของผู้ที่เกิดในยุคนั้น เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมมาสงเคราะห์สัตว์โลก ให้ตั้งอยู่ในทาน ในศีล เมื่อละร่างกายไปแล้ว ย่อมสู่สุคติภูมิ มีสวรรค์เป็นต้น ให้บุคคลที่ตกยากแต่มีศรัทธาเต็มเปี่ยมได้เป็นมหาเศรษฐี ด้วยการออกจากนิโรธสมาบัติแล้วมาสงเคราะห์บิณฑบาต

    พระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเป็นเอกควรแก่การได้รับ "ไทยทาน" ที่เขานำมาถวาย หรือจะเรียกว่า "อัครทักขิไณยบุคคล" ในยุคพุทธันดรอย่างแท้จริง เพราะยุคนั้นไม่มีใครเปรียบเสมอ สมดังที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า...

    " #ในโลกทั้งปวงเว้นจากเราเสียแล้ว #ไม่มีใครเสมอกับพระปัจเจกพุทธเจ้าได้เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    4aijyYncZgFmRDYeeEa2M83FfjUD84UqvMDmoHIcefY1&_nc_ohc=O6DRamECBgkAX_CKb6o&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    เรื่องของวัตถุมงคล เจตนาอันดับแรก ก็คือ เป็นเครื่องระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ไม่ว่าจะเป็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม ลำดับที่สอง ก็คือ สร้างศีลและการภาวนาให้เกิดแก่เรา เพราะว่าการที่เราจะใช้วัตถุมงคลให้ได้ผล ถ้าตัวเรายิ่งมีศีลบริสุทธิ์เท่าไร ก็จะได้รับผลมากขึ้นเท่านั้น

    และขณะเดียวกันก็มีคำภาวนา ซึ่งเป็นคำอาราธนาหรือใช้ปลุกวัตถุมงคล จึงจัดเป็นการภาวนา ส่วนผลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วต้องเรียกว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้น แต่พวกเรามักจะลืมว่าเจตนาในการที่เราสร้างวัตถุมงคลขึ้นมานั้นคืออะไร แล้วก็ไปสนใจแต่ผลพลอยได้ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก

    การใช้วัตถุมงคลให้ได้ผลนั้น นอกจากศีลต้องบริสุทธิ์แล้ว อารมณ์ใจยังต้องทรงตัวตั้งมั่นด้วย ยิ่งมีความศรัทธาแน่นแฟ้น กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นมากเท่าไร อานุภาพวัตถุมงคลก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น

    แต่พวกเราทั้งหลายมักจะเกิดความลังเล ขณะเดียวกันก็ขี้สงสัย อาจจะมีการรื้อตะกรุดดูอย่างที่กล่าวมา ถ้าหากถึงขนาดรื้อดู เพื่อที่จะศึกษาและทำตามก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าหากรื้อดูด้วยความลังเลสงสัยว่าใช่หรือไม่ใช่ ? จริงหรือปลอม ?

    ท้ายที่สุดต่อให้อานุภาพของวัตถุมงคลยังมีเหมือนเดิม แต่กำลังใจของเราอาจจะไม่เหมือนเดิม ก็เท่ากับว่าเราเองทำให้วัตถุมงคลนั้นเสื่อมเอง ก็คือใจเราไม่ได้เคารพนับถือแน่นแฟ้นเหมือนเดิมแล้ว

    ฉะนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ พวกเรายังขาดศรัทธาที่มั่นคง ศาสนาทุกศาสนาเกิดขึ้นจากศรัทธา ถ้าศรัทธาไม่มั่นคง โอกาสที่จะก้าวเข้าไปสู่หลักธรรมชั้นสูงก็เป็นไปได้ยาก

    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    QphBGiVpzr2UDRVXoLDCeY7SBvqWgp_bmg0CeDAuxoXL&_nc_ohc=Sqvw1EpoCcEAX8htuZ7&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    "พ่อชื่อ #ธนเสฏฐะ จำไว้ให้ดีนะลูก"
    ระหว่างที่ทุ่มเทสรรพกำลังพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน เพื่ออัญเชิญพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน ซึ่งหล่อจากเม็ดเงิน ๖๐๐ กิโลกรัมเข้าที่ประทับ พระองค์ท่านก็เมตตาบอกพระนามให้ทราบ...

    พระรูปพระโฉมของพระองค์ท่าน ปรากฏสว่างไสวไปทั้งท้องฟ้า #ประหนึ่งพระจันทร์วันเพ็ญที่ประกอบด้วยรัศมีทรงกลด #รุ่งเรืองสดใสยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบปาน..!

    “ขออนุโมทนา ที่ลูกทุกคนช่วยกันสร้างรูปเปรียบของพ่อขึ้นมาไว้บูชา โดยเฉพาะสร้างขึ้นจากเงินแท้ #ซึ่งนับแล้วเป็นโอทาตกสิณ #สามารถใช้ดวงจันทร์แทนดวงกสิณได้ ตรงกันข้ามกับปีตกกสิณ ที่ใช้ดวงอาทิตย์เป็นดวงกสิณ
    #ขอให้ทุกคนมีความเป็นอยู่ที่คล่องตัว #มีความปรารถนาที่สมหวังจงทุกประการเทอญ

    ตั้งแต่ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ศึกษาพระคาถา “พระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์” มาจากพ่อปู่ครูผึ้ง ชาวนครศรีธรรมราช เจ้าของฉายา “ผึ้งบุญ” หรือ “ผึ้งผู้ใจบุญ” มาจนถึงสมัยหลวงปู่เล็ก วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง #ก็ไม่มีการเปิดเผยพระนามของพระองค์ท่านแต่ประการใด

    อาตมาเข้าใจดีว่า การถามพระนามของพระระดับนั้น ไม่ใช่เรื่องที่สมควรทำอย่างเด็ดขาด จึงไม่เคยสงสัยไต่ถามมาก่อนเลย #จนกระทั่งมีพระเมตตาประทานมาให้เองในวาระนี้

    ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เวลากราบขอบารมีพระ “......ฯลฯ...... พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ #มีสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า #เจ้าของพระคาถาเงินล้านเป็นประธาน #สมเด็จพระพุทธอุปริฏฐปัจเจกพุทธเจ้าเป็นที่สุด ......ฯลฯ......” อาตมาจะตั้งใจเช่นนี้ตลอดมา

    เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๔
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ทำไมหลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน..เวลาสวดพระคาถาเงินล้านแล้ว... ถึงได้กล่าวถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ #มีสมเด็จพระพุทธธนเสฏฐปัจเจกพุทธเจ้า (#เจ้าของพระคาถาเงินล้านเป็นประธาน) และ #สมเด็จพระพุทธอุปริฏฐปัจเจกพุทธเจ้าเป็นที่สุด ?

    เพราะต่อจากนี้เป็นต้นไป..คำว่า"#ไม่มี"จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ก็มาจากพระองค์นั่นเอง ที่ออกจากนิโรธสมาบัติแล้วไปอนุเคราะห์คนเข็ญใจและบันดาลให้"นายอันนภาระ"มีทุกอย่างภายในฉับพลัน

    #วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฎฐะเข้านิโรธสมบัติ ที่ภูเขาคันธมาทน์ ออกจากสมาบัตินั้นแล้ว พิจารณาว่า วันนี้ ควรจะทำการอนุเคราะห์ใคร

    ธรรมดาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้อนุเคราะห์คนเข็ญใจ ท่านจึงคิดว่าวันนี้เราควรทำการอนุเคราะห์นายอันนภาระ

    ท่านทราบว่า นายอันนภาระจะออกจากป่ากลับมายังบ้านตน ท่านจึงเหาะจากภูเขาคันธมาทน์ มายืนอยู่ที่หน้านายอันนภาระที่ประตูบ้านนั่นเอง

    นายอันนภาระเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงถือบาตรเปล่าจึงนิมนต์ว่าโปรดรออยู่ที่นี้ก่อนเถิดขอรับ แล้วรีบไปถามภรรยาว่า อาหารที่ท่านเตรียมไว้สำหรับเรามีหรือไม่

    นางตอบว่า มี เขาจึงไปรับบาตรจากพระปัจเจกพุทธเจ้ามา แล้วกล่าวว่า ด้วยเหตุที่เราไม่ได้ทำกรรมที่ดีไว้ในชาติก่อน เราก็ต้องเป็นลูกจ้างเขาอยู่เช่นนี้ ครั้นเมื่อเราปรารถนาจะทำบุญ แต่ก็ขาดของที่จะทำบุญ ครั้นเมื่อมีของที่จะทำบุญก็หาพระผู้สมควรรับไทยธรรมนั้นไม่ได้ มาวันนี้เราพบพระอุปริฏฐปัจเจกพุทธเจ้าเข้าพอดี และของที่จะทำบุญก็มีอยู่ ท่านจงใส่อาหารที่เป็นส่วนของฉันลงในบาตรนี้

    หญิงผู้เป็นภรรยาก็คิดว่า เมื่อใดสามีของเราให้อาหารซึ่งเป็นส่วนของเขา เมื่อนั้นเราก็ควรมีส่วนในทานนี้เช่นกัน คิดดังนั้นแล้วจึงวางอาหารที่เป็นส่วนของตนลงในบาตรถวายแก่อุปริฏฐปัจเจกพุทธเจ้าด้วย นายอันนภาระนำบาตรอันบรรจุภัตตาหารมาถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วกล่าวว่า

    ขอให้พวกข้าพเจ้าพ้นจากความอยู่อย่างลำบากเช่นนี้เถิด ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้สดับคำว่า ‘ ไม่มี ’


    พระปัจเจกพุทธเจ้า อนุโมทนาว่า จงสำเร็จอย่างนั้นเถิด เขาจึงปูลาดผ้าห่มของตนลง แล้วนิมนต์พระปัจจเจกพุทธเจ้าเพื่อทรงฉันภัตตาหาร พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงนั่ง ณ อาสนะนั้นแล้ว ทรงพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา แล้วจึงทรงฉัน

    เมื่อฉันเสร็จแล้ว นายอันนภาระจึงถวายน้ำสำหรับล้างบาตร ครั้นเสร็จภัตตกิจแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงกระทำอนุโมทนาว่าสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ปรารถนาแล้วจงสำเร็จทันที

    เทวดาที่สิงอยู่ที่ฉัตรของสุมนเศรษฐีเห็นดังนั้นจึงกล่าวสาธุการขึ้น ๓ ครั้ง สุมนเศรษฐีได้ยินเทพยดาประจำฉัตรกล่าวอนุโมทนา จึงคิดว่า เราให้ทานตลอดเวลามากตั้งเท่าไหร่ ก็ยังไม่อาจทำให้เทวดาให้สาธุการ นายอันนภาระที่อาศัยเราอยู่นี้ ถวายบิณฑบาตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เทวดาให้สาธุการได้ เนื่องเพราะเขาได้ทำบุญกับบุคคลผู้ที่สมควรเป็นปฏิคาหก เราพึงให้ทรัพย์แก่นายอันนภาระนั้น แล้วทำให้บุญนั้นเป็นของของเราจึงจะดี

    คิดดังนั้นแล้วจึงเรียกนายอันนภาระมาแล้วถามว่าวันนี้เจ้าให้ทานอะไร ๆ แก่ใครหรือ นายอันนภาระตอบว่า ข้าพเจ้าถวายภัตตาหารแก่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฎฐะ

    เศรษฐีกล่าวว่า เจ้าจงรับกหาปณะไปแล้วให้บุญนั้นแก่เราเถอะ นายอันนภาระตอบว่าให้ไม่ได้หรอกนายท่าน เศรษฐีเพิ่มทรัพย์ขึ้นจนถึงพันกหาปณะ นายอันนภาระก็ยังกล่าวว่า แม้ถึงพันกหาปณะก็ยังให้ไม่ได้

    เศรษฐีกล่าวอ้อนวอนขอให้ส่วนบุญแก่ฉันเถอะ นายอันภาระกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าส่วนบุญนั้น ควรให้หรือไม่ควรให้ แต่ข้าพเจ้าจะถามพระปัจเจกพุทธเจ้าดู ถ้าควรให้ก็จะให้ ถ้าไม่ควรให้ก็จะไม่ให้

    แล้วนายอันนภาระจึงเดินไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า สุมนเศรษฐีให้ทรัพย์แก่ข้าพเจ้าพันหนึ่ง แล้วขอส่วนบุญในบิณฑบาตที่ถวายแก่ท่าน ข้าพเจ้าควรจะให้หรือไม่ให้

    พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า เราจะเปรียบให้ท่านฟัง ในบ้านตำบลนี้มีร้อยเรือน เราจุดประทีปไว้ในเรือนหลังหนึ่งเท่านั้น เรือนอื่นเอาตะเกียงของตนมาต่อไฟถือไป แสงของประทีปดวงเดิมยังมีอยู่หรือไม่

    นายอันนภาระกล่าวว่า แสงประทีปก็จะสว่างขึ้นไปอีก พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่าฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อท่านให้ส่วนบุญแก่คนอื่น พันคนหรือแสนคนก็ตาม ให้แก่คนเท่าใด บุญก็เพิ่มขึ้นแก่ตนเท่านั้น ดังนี้

    นายอันนภาระกราบพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วกลับไปยังสำนักของสุมนเศรษฐีกล่าวว่า ขอท่านจงรับส่วนบุญในบิณฑบาตทานเถิด เศรษฐีกล่าวว่า เชิญท่านรับทรัพย์พันกหาปณะไปเถิด

    นายอันนภาระกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ขายบิณฑบาตทาน แต่ข้าพเจ้าให้ส่วนบุญแก่ท่านด้วยศรัทธา เศรษฐีกล่าวว่า ท่านให้ส่วนบุญแก่เราด้วยศรัทธา แต่เราบูชาคุณของท่าน ฉันให้พันกหาปณะนี้ จงรับไปเถิด

    นายอันนภาระจึงถือเอาทรัพย์พันกหาปณะไป เศรษฐีกล่าวว่า ตั้งแต่นี้ไปท่านไม่ต้องงานให้เหน็ดเหนื่อย ท่านจงปลูกเรือนอยู่ใกล้ถนนเถิด ถ้าท่านต้องการสิ่งใดฉันจะมอบสิ่งนั้นให้ ท่านจงมานำเอาไปเถอะ

    ปกติแล้วบิณฑบาตที่บุคคลใดถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ บุคคลนั้นย่อมได้รับผลบุญในวันนั้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นสุมนเศรษฐีในครั้งก่อนที่ไปเฝ้าพระราชา ก็ไม่เคยชวนนายอันนภาระไปด้วย แต่ในวันนั้นได้ชวนนายอันนภาระไปด้วย

    ในวันนั้นพระราชาไม่มองดูเศรษฐีเลย ทรงมองแต่นายอันนภาระเท่านั้น เศรษฐีจึงทูลถามว่า เหตุไฉนพระองค์จึงทรงมองดูแต่บุรุษผู้นี้ พระราชาตรัสว่า เรามองดูเขาเพราะไม่เคยเห็นเขาเข้าเฝ้าในวันอื่น ๆ เขาชื่ออะไร

    เศรษฐีทูลว่า ชื่อนายอันนภาระ แล้วเศรษฐีก็ได้เล่าเรื่องที่เขาไม่บริโภคอาหารของตน แต่ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฎฐะ แล้วเขาได้แบ่งส่วนบุญให้ เขาได้ทรัพย์พันกหาปณะจากตนเพื่อบูชาบุญนั้น

    พระราชาตรัสว่า เขาก็ควรจะได้จากเราบ้าง เราเองก็ควรทำการบูชาบุญนั้น แล้วจึงพระราชทานทรัพย์พันกหาปณะให้นายอันนภาระ แล้วตรัสสั่งให้พนักงานสำรวจดูบริเวณที่จะปลูกเรือนที่นายอันนภาระจะอยู่

    เมื่อพนักงานกำลังจัดแจงแผ้วถางที่สำหรับเรือนนั้นก็ได้พบขุมทรัพย์ชื่อปิงคละ ในที่นั้นตั้งเรียงกัน จึงมากราบทูลพระราชา ๆ สั่งให้ไปขุดขึ้นมา เมื่อพนักงานเหล่านั้นกำลังขุดอยู่ ขุมทรัพย์ก็กลับจมลงไป

    พนักงานเหล่านั้นไปกราบทูลพระราชาอีก พระราชาตรัสว่า ทรัพย์นั้นเป็นของนายอันนภาระ จงไปขุดเพื่อนายอันนภาระ พนักงานก็ไปขุดตามคำสั่ง ขุมทรัพย์ก็ผุดขึ้น พนักงานเหล่านั้นขนทรัพย์มากองไว้ในพระราชวัง

    พระราชาประชุมอำมาตย์ทั้งหลายแล้วตรัสถามว่า ในเมืองนี้ใครมีทรัพย์มีถึงเท่านี้บ้าง อำมาตย์ทูลว่า ไม่มีใครมี พระราชาตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น นายอันนภาระนี้จงชื่อว่า ธนเศรษฐีในพระนครนี้ เขาได้ฉัตรประจำตำแหน่งเศรษฐีในวันนั้นนั่นเอง

    #ขุนนนท์มหาปุญโญ #ศิษย์พระราชพรหมยาน

    https://www.facebook.com/profile.php?id=100011132526303
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    โยมเอาพระแตกมาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่พวกเราไปกลัวพระแตก พระหัก ถ้าซ่อมขึ้นมาจะได้อานิสงส์เบญจกัลยาณีด้วย ต้องเรียกว่าทิ้งบุญไปแบบน่าเสียดาย ไม่มีอะไรซ่อมแค่ติดกาวไว้ก็ยังดี
    นางสาวภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก นางงามจักรวาลชาวไทย ตอนได้รับมงกุฎแล้ว แวะไปกราบหลวงพ่อวัดท่าซุง พวกเราก็ถามหลวงพ่อท่านว่า พอจะบอกได้ไหมครับ ว่าทำไมภรณ์ทิพย์ถึงได้รางวัล ? หลวงพ่อท่านบอกว่า ชาติก่อนรักษาศีลและเจริญเมตตาเป็นปกติ ซ้ำยังได้ซ่อมพระพุทธรูปด้วย เกิดมาก็เลยกลายเป็นคนสวยที่สุดในโลกของยุคนี้
    เป็นอย่างไร ลืมป้าปุ๋ยไปหรือยัง ? ไม่ได้สวยอย่างเดียวนะ ตอนนี้รวยบรรลัยเลย เพราะว่าสามีรวย ยังอุตส่าห์เดินทางไปทำงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือเด็กไปทั่วโลก ต้องบอกว่าคนมีบุญแล้วต่อบุญตัวเองเป็น แบบเดียวกับโจวเหวินฟะ กับ หลี่เหลียนเจี๋ย บริจาคเงินเข้ามูลนิธิ บริจาคเงินให้พระพุทธศาสนาบ้าง ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีบุญและต่อบุญตัวเองเป็น ใช้บุญตัวเองเป็น อานิสงส์จะตามไปชาติถัด ๆ ไป ถ้าต่อบุญตัวเองไม่เป็น หมดชาตินี้ ชาติต่อไปก็จะลำบาก"
    ___
    1f64f.png เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    gGq9LwQtLEuSHYXNCnbICgsKcwYCHuzUi&_nc_ohc=hqxf1pm4W74AX_IN-45&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg


    “เล่าสู่กันฟัง”

    ช่างปั้นพระโบราณเขาจะมีข้อความรู้อยู่อย่างหนึ่ง ที่มักไม่บอกกันเป็นสาธารณะ ว่าพระพุทธรูปที่ปั้นนั้นจะมีลาภมากแค่ไหน โดยการใช้เชือกวัดเส้นรอบวงของเศียรพระส่วนที่กว้างที่สุด ได้ขนาดเท่าไร ให้ตัดเส้นเชือกนั้นแล้วนำไปขึงทาบวัดตั้งแต่พระนาภี(สะดือ)ขึ้นไปจนถึงพระโอษฐ์(ปาก) ถ้าเส้นเชือกนั้นยาวถึงพระโอษฐ์หรือเลยขึ้นไปได้อีกยิ่งดี เป็นการบ่งบอกว่า เหลือกินเหลือใช้ แต่ถ้าไม่ถึงพระโอษฐ์ ครูช่างที่มีความรู้จะให้ศิษย์หรือช่างปั้นรีบแก้ไขทันที ดังนั้น ส่วนใหญ่ที่เราเห็นพระพุทธรูปโบราณมักจะมีเศียรโตแต่งดงามลงตัว ก็ด้วยเหตุผลจากครูช่างเหล่านี้เอง...

    คำสอนของพระอาจารย์เอ
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    0GbcXnL1ncxmDiU1DXYDQsJiH8u38HEUp&_nc_ohc=g7d_f2TooAUAX9IwmIu&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...