การปฏิบัติธรรมนั้น การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 ธันวาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    65AC2C37-1F53-4B32-B951-02401ACF28EA.jpeg

    โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่เป็นพระเป็นเณร สิ่งที่รบกวนเราอย่างมากประการหนึ่งก็คือเพศตรงข้าม แค่เราเห็นเป็นผู้หญิงผู้ชายก็แย่แล้วครับ เพราะว่าใจปรุงแต่งไปแล้ว ทำอย่างไรที่เราจะสักเห็นว่าเป็นรูป สักแต่เห็นว่าเป็นธาตุ ไม่มีอะไรเป็นหญิงเป็นชาย

    ก็แปลว่า สติเราต้องรู้เท่าทันว่าถ้าคิดแล้วจะเกิดโทษอย่างไร สมาธิต้องมีกำลังเพียงพอที่จะหยุดยั้งการคิดนั้นได้ ปัญญาต้องรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังจะคิดในสิ่งที่ไม่ดี ถ้าหักห้ามไม่ได้ ก็เปลี่ยนมาคิดในสิ่งที่ดีแทน อย่างเช่นว่าคิดถึงคุณพระพุทธ คิดถึงคุณพระธรรม คิดถึงคุณพระสงฆ์ เป็นต้น

    หลังจากนั้น พระองค์ท่านยังสอนเราให้รู้จักประมาณในการกิน กินมาก กินอิ่ม กินล้น กินเกิน มีแต่โทษทั้งนั้น แม้กระทั่งวิทยาการสมัยใหม่เขาก็ยังค้นพบว่า ร่างกายของเราจะมีสุขภาพดี ถ้าปล่อยให้หิวเสียบ้าง จึงมีข้อแนะนำว่าอย่ากินให้อิ่ม

    ถ้าเป็นการปฏิบัติแบบสายวัดป่าก็คือ พอรู้สึกว่าอิ่มก็หยุด แต่คราวนี้ การที่เราจะรู้สึกว่าอิ่ม อาหารต้องลงไปอยู่ในท้องประมาณ ๑๕ นาที แล้วท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ๑๕ นาที ถ้าเป็นพระวัดท่าขนุนน่าจะฉันอิ่มไปสองรอบแล้ว..! ดังนั้น..ของพวกเราถ้ารู้สึกอิ่ม มักจะจุกไปแล้ว ต้องระวังให้ดีครับ กะปริมาณที่พอเหมาะพอดีกับตัวเอง

    อีกข้อหนึ่ง พระองค์ท่านตรัสว่า ต้องปฏิบัติธรรมของผู้ตื่นอยู่ ก็คือมีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่า ตอนนี้เราต้องรักษาศีล เราต้องเจริญภาวนา เราต้องพินิจพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ ของโลกนี้ นักปฏิบัติที่แท้จริง จะไม่เห็นแก่กินแก่นอน ช่วงที่ผมปฏิบัติหนัก ๆ อย่างเก่งคืนหนึ่งก็นอนแค่ ๒ ชั่วโมง

    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าพวกเราจะทำก็ต้องทุ่มเท ในขณะเดียวกันก็ต้องดูกำลังตัวเองด้วย ถ้ากำลังของเราไม่เพียงพอ จะไปทุ่มเททั้งวันทั้งคืนก็ไม่ไหว ทำอย่างไรที่จะให้เราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว ถ้าถามว่ากำลังใจทรงตัวคือระดับไหน ? คือระดับที่รู้ลมหายใจและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ถ้าทำถึงตรงจุดนี้ได้ ทุกอย่างจะง่าย ก็คือตั้งสติประคองอารมณ์เอาไว้ อย่าให้หลุดไปจากตรงนี้ รัก โลภ โกรธ หลง จะเกิดไม่ได้ชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อย ๆ ใช้ปัญญาไปพินิจพิจารณาตัดละไปทีละส่วน

    ดังนั้น...ในส่วนของการปฏิบัติธรรมนั้น การสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นแหล่งก่อให้เกิดกิเลส ต้องรู้จักประมาณในการกิน เพราะถ้าอิ่มเกินก็เอาแต่นอน ต้องปฏิบัติธรรมให้สติตื่นอยู่เสมอ พูดง่าย ๆ ว่าจะหลับหรือตื่นต้องมีสติเท่ากัน ไม่อย่างนั้นแล้วกิเลสที่กินเราไม่ได้ เพราะตอนกลางวันเราตั้งสติระมัดระวัง ก็จะไปกินเราตอนกลางคืนที่เผลอสติหลับไป

    บางคนทั้งวันพยายามระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบท แม้แต่มดตัวหนึ่งก็ไม่กล้าเหยียบ เผลอหลับตอนกลางคืนหน่อยเดียว ฝันว่าฆ่าเขาเป็นกองทัพเลย..! นั่นคือลักษณะของกิเลสที่ไปกำเริบตอนเราหลับ บางคนกลางวันสำรวมหูสำรวมตาอย่างมาก เพศตรงข้ามไม่กล้าพูดด้วยแม้แต่คำเดียว กลางคืนฝันว่าปล้ำลูกสาวชาวบ้านไปแล้ว..! นั่นคือลักษณะของกิเลสที่กินเราตอนหลับ ดังนั้น..ถ้าเราสามารถภาวนาจนกระทั่งสติรู้อยู่ตลอดเวลา จะหลับหรือตื่นก็รู้เท่ากัน ถ้าอย่างนั้นเราถึงจะมีโอกาสชนะกิเลสได้

    หลักการที่กล่าวถึงในวันนี้ ต้องบอกว่าเป็นหลักปฏิบัติที่ทั้งพระภิกษุสามเณร แม่ชี หรือฆราวาสต้องใช้งานทุกคน ไม่ใช่เฉพาะท่านทั้งหลายที่เป็นนักบวช แต่ว่านักปฏิบัติธรรมทุกคนก็ต้องอยู่ในแนวนี้ ถ้าหลุดพ้นไปจากนี้ โอกาสที่ก้าวหน้าก็จะมีน้อย จึงขอเรียนถวายทุกท่านและเจริญพรให้แก่ญาติโยมที่ฟังอยู่ได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...