หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

น้องฝากลงเพื่อการศึกษาครับ

 

สุดยอดเลยครับ คลังความรู้เลยครับ

 

ตอนนี้น้ำมันอนัตคุณ 108 ได้หุงครบ 9 ไฟเรียบร้อย และทำการอธิษฐานจิตปรับกระแสเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ..

 

สวัสดีครับ น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกท่าน ผมอยากทราบว่า เหตุใดพระกริ่งธัมมะจารีย์ ถึงเข้าพิธีเปิดสามแดนโลกธาตุ ที่วัดป่าบ้านตาด เฉพาะ ชุดเทดินไทยครับ (มีเม็ดพระกริ่งและรายการอื่นๆด้วย) ชุดที่ไม่เข้าดินไทยกับเนื้อทองทิพย์ ไม่ได้เข้าด้วยใช่มั้ยครับ เพราะเหตุใดครับ หรือเพราะว่า ชุดเทดินไทย สร้างเสร็จก่อนใช่มั้ยครับ ชุดพระกริ่งที่ไม่เข้าดินไทยกับทองทิพย์ ยังไม่เสร็จ จึงนำเม็ดกริ่งที่ใช้บรรจุในองค์พระ มาปลุกเสกก่อน แบบนั้นหรือปล่าวครับ และชุดเทดินไทย บรรจุกริ่งที่ใช้ปลุกเสกในงานนั้นหรือไม่ หรือใส่เม็ดกริ่งไปก่อนแล้วในองค์พระ แล้วปลุกเสกพร้อมกันทีเดียว ผมอยากทราบข้อมูลเป็นความรู้นะครับ ไม่มีเจตนาไม่มีใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ รบกวนคุณทุเรียนทอด หรือพี่ๆน้องๆ ท่านใดก็ได้ให้ความรู้แก่ผมด้วยเถิด ขอบพระคุณมากคร้าบบบ

 

พิธีเปิด 3 แดนโลกธาตุ วัดป่าบ้านตาด เหตุที่เข้าพิธีเฉพาะกริ่งดินไทย แหวน และเม็ดกริ่ง มีเหตุผลเดียวครับคือ ถ้าให้ขนไปทั้งหมด ยกไปไม่ไหวครับ เพราะผู้เดินทาง โดยสารไปทางรถไฟ และไปร่วมงานกันแค่ 2 คนเท่านั้นเอง
ส่วนเนื้อนวะ และทองทิพย์หล่อเสร็จแล้ว ไม่ได้เอาไปร่วมงานด้วย
แต่ว่าเอาเม็ดกริ่งที่เข้าพิธีเปิด 3 แดนโลกธาตุมาบรรจุในองค์พระแทน พระทั้งหมดก็ได้รับกระแสของพิธีเปิด 3 แดนโลกธาตุเช่นกันครับ..
พระกริ่งดินไทยก็บรรจุเม็ดกริ่งชุดที่เสกในงาน 3 แดนเช่นกันครับ..

 

ขอบพระคุณมากๆครับ คุณทุเรียนทอด ผมหายสงสัียแล้วครับ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ

 

น้อมกราบหลวงปู่พิศดูครับ..

 

ขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับอภิญญาจิตขององค์หลวงปู่พิศดูอีกสักเรื่องนะครับ เรื่องนี้ได้รับการบอกเล่าจากคุณลุงเสมียน ลูกศิษย์รุ่นเก่าของหลวงปู่ครับ สมัยก่อนที่คุณลุงเสมียนได้เข้ามาทำบุญกับหลวงปู่ คุณลุงก็ได้พบเจอกับปรสบการณ์เกี่ยวกับอภินิหาร อภิญญาจิตของหลวงปู่มากมาย อย่างเช่นเรื่องนี้..
‪‎เสกใบไม้เป็นปลา‬..
คุณลุงเสมียนได้เล่าให้ฟังว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยที่หลวงปู่ยังทรงขันธ์อยู่ สมัยนั้นท่านยังจำพรรษาอยู่กุฏิหลังเก่า ได้มีคณะช่างก่อสร้าง เข้ามาก่อสร้างเสนาสนะภายในวัด โดยได้พักค้างคืนอยู่ที่วัดหลายวัน สมัยนั้นก็ยังไม่ค่อยมีคนมากราบหลวงปู่มากนัก พวกข้าวปลาอาหารก็อาศัยญาติโยมมาใส่บาตร หรือพระที่วัดบิณฑบาตรมาแบ่งถวายหลวงปู่ทุกวัน เมื่อหลวงปู่ฉันเหลือก็จะแบ่งเป็นทานให้กับพวกช่างเหล่านั้น ซึ่งกินกันพอบ้าง ไม่พอบ้าง ทางพวกช่างก็ต้องหุงหาข้าวปลาอาหารกินกันไปด้วย เป็นอย่างนี้ทุกวันหลวงปู่ท่านก็คงรู้สึกสงสาร เลยบอกกับหัวหน้าช่างว่า.. " ปลาในสระน้ำในวัด เราอนุญาตให้จับไปกินได้.." ซึ่งพวกช่างก็รู้สึกแปลกใจมากว่าทำไมหลวงปู่จึงให้จับปลาในวัดกิน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก ดีเสียอีกจะได้มีกับข้าวอร่อยๆกิน ว่าแล้วก็พากันทำเบ็ดตกปลาในสระน้ำในวัดขึ้นมาทำอาหารกินกันทุกวัน อย่างเอร็ดอร่อย ช่างยังมาเล่าให้ท่านฟังด้วยเลยว่าปลาที่วัดนี้ทำไมถึงอร่อยมาก อร่อยกว่าปลาที่อื่นเสียอีก.. แต่หลวงปู่ท่านก็ไม่ได้ตำหนิอะไร..
แต่ปรากฏว่ามีเรื่องแปลกเกิดขึ้นก็ตอนที่ช่างเหล่านั้นขับถ่ายออกมา อุจจาระที่ออกมาทุกวันๆนั้นกลายเป็นสีเขียวหมดทุกคน พวกช่างก็แปลกใจมาเล่าให้หลวงปู่และลุงเสมียนฟัง หลวงปู่ท่านก็ได้แต่หัวเราะ หึหึ.. แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนช่างคณะนั้นกลับไป.. ลุงเสมียนทราบดังนั้นก็พอจะรู้ทัน เพราะเคยฟังเรื่องราวของครูบาอาจารย์แนวนี้มาบ้าง และตัวแกเองก็เคยเจอเรื่องราวอภินิหารของหลวงปู่พิศดูพระผู้ทรงอภิญญาจิตระดับสูงมาบ้างพอสมควร แล้วก็เชื่อว่า ‪หลวงปู่ท่านต้องเสกใบไม้เป็นปลาให้พวกช่างกินกันอย่างแน่นอน‬ เพราะตามปกติแล้วหลวงปู่ท่านจะมีความเมตตาต่อสัตว์มาก แม้แต่ยุง หรือมดสักตัวท่านยังไม่เคยตบ ขนาดมดที่ขึ้นมากินข้าวในสำรับท่านก็ยังไม่เคยปัดออก ท่านกลับปล่อยให้พวกมันกินกันให้อิ่ม แถมบอกว่า.. " แบ่งๆกันกิน เราหิวเป็น เขาก็หิวเป็น.."
เพราะฉะนั้นเรื่องที่ให้จับปลาเป็นๆมากิน โดยที่ท่านไม่ได้ทำอะไรนั้นเป็นไปไม่ได้เลย เพราะจะเป็นเรื่องผิดพระวินัยของพระได้ครับ.. สาธุ

​

 

ในช่วงที่ก่อนหลวงปู่พิศดูจะอาพาธ เป็นช่วงต้นปีพ.ศ.2553 ระหว่างนั้นหากผู้ใดได้มากราบเยี่ยมองค์หลวงปู่ที่วัด ก็จะพยายามอาราธนาให้ท่านดำรงค์ขันธ์เพื่ออยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ไปนานๆ หลายต่อหลายครั้ง
จนถึงสงกรานต์ของวันที่ 13 เมษายน 2553 ทางคณะศิษย์ได้พร้อมใจกันจัดพิธีสรงน้ำประจำปีให้กับองค์หลวงปู่ ที่วัดเทพธารทอง ครั้งนั้นมีผู้คนจากทั่วสารทิศต่างมากราบแสดงมุทิตาสักการะต่อองค์หลวงปู่เป็นจำนวนมาก ทั้งวัน และทุกวันตลอดเทศกาลสงกรานต์ บรรยากาศครั้งนั้นผมยังจำได้ดี เนื่องจากไปค้างอยู่กับท่านที่วัดหลายวัน และยังเป็นผู้ช่วยเตรียมสถานที่สรงน้ำด้วย
วันที่ 13 เมษายน 2553 ช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ท่านก็ได้ประกาศให้ศิษยานุศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินว่า..
" สงกรานต์ปีหน้าไม่มีแล้วนะ.. จะไม่ได้จัดงานอย่างนี้กันแล้ว "
ลูกศิษย์ก็ช่วยกันอาราธนาให้ท่านรักษาธาตุขันธ์ให้แข็งแรง เพื่อดำรงค์ขันธ์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลาน ศิษยานุศิษย์ไปนานๆ... บางท่านก็คิดว่า สงสัยหลวงปู่คงไม่ค่อยชอบให้จัดงานแบบเอิกเกริก ท่านคงชอบอยู่โดยสงบ แต่จริงๆก็ไม่ได้จัดงานสรงน้ำอย่างเป็นทางการหรอกครับ แต่ว่าผู้คนต่างเดินทางมาสรงน้ำหลวงปู่เนื่องในวันปีใหม่ไทยกันเองโดยไม่ได้ประกาศหรือนัดหมายเลย..
ซึ่งคำที่หลวงปู่ท่านกล่าวในครั้งนั้น ก็เป็นดังที่ท่านกล่าวจริงๆ พอเมื่อถึงวันสงกรานต์ 13 เมษายน ของปี 2554 ท่านก็ได้ละสังขารลงพอดี เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. จึงไม่ได้จัดงานสรงน้ำประจำปีตามท่านกล่าวจริงๆ
ตรงนี้ผมเข้าใจว่า หลวงปู่ท่านคงทราบด้วยมรณญาณของท่าน และได้กำหนดวันละสังขารของท่านเอาไว้นานแล้ว ไม่ว่าใครจะอาราธนาท่านอย่างไร ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงกำหนดจริงนี้ได้
และสาเหตุที่องค์หลวงปู่ได้เลือกวันละสังขารให้เป็นวันมหาสงกรานต์นั้น ก็เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันที่ทุกคนต้องหยุดทำงาน และสามารถเดินทางมาร่วมงานทำบุญสรีระสังขารของท่านได้ และถือเป็นงานประจำปีของทางวัดอีกด้วย เพราะทุกคนจำได้ง่าย องค์ประกอบในการหยุดงาน และไม่มีภาระอื่นๆ จึงสามารถมากันได้ทุกคนครับ..

ซึ่งการจากไปขององค์หลวงปู่นั้น ถือเป็นการเตือนพวกเรา และท่านได้สอนธรรมะบทใหญ่ครั้งสุดท้าย คือการทำ(ตาย)ให้ดู ว่าแม้แต่สังขารของพระอรหันต์ผู้ยิ่งใหญ่ใน 3 แดนโลกธาตุอย่างองค์ท่าน ก็หนีไม่พ้นกฏของธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนอยู่เสมอว่า ทุกสรรพสิ่ง เมื่อมีเกิดขึ้นมาแล้ว มีความเปี่ยนแปลง มีความเสื่อม และต้องดับสบายในที่สุด... ธาตุทุกอย่างสุดท้ายก็ต้องกลับคืนไปสู่ธาตุเดิมของมัน ไม่มีอะไรผืนกฏนี้ได้ ..

 

‪หลวงปู่มหาปราโมทย์‬ ปราโมชฺโช
วัดป่านิโครธาราม
ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี

หลวงปู่มหาปราโมทย์ ทายาทธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นทหารเรือท่านหนึ่ง เนื่องจากทหารท่านนั้นได้ถามหลวงปู่มหาปราโมทย์ว่า.. นอกจากหลวงปู่แล้ว ยังมีพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไหน ที่ผมจะไปกราบเอาธรรมจากท่านได้อีกบ้างครับ.. หลวงปู่มหาปราโมทย์ เมตตาบอกว่า..
" ถ้าหมดเราแล้ว ให้โยมไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับหลวงพ่อพิศดู ที่จังหวัดจันทบุรี องค์นี้พระแท้ๆ ต้องไปฝากตัวให้ได้นะ.."
" หลวงพ่อพิศดูท่านเจ้าบทเจ้ากลอน ออกจากปากท่านเป็นธรรมล้วนๆเลย ไปหาเถอะ.."
เมื่อถึงกาลสิ้นหลวงปู่มหาปราโมทย์แล้ว นายทหารท่านนั้นได้เดินทางมากราบหลวงปู่พิศดู ที่วัดเทพธารทองครั้งแรก เมื่อแนะนำตัวเองเสร็จแล้ว หลวงปู่พิศดูท่านก็หัวเราะแบบอารมณ์ดี..
" โฮะๆๆๆ... กับปราโมทย์นี่ ก็คุยกันบ่อยนะ.."
คำกล่าวนี้ผม(สิรภพ) ได้ยินกับหูครับ ทั้งๆที่ท่านทั้งสององค์ไม่เคยพบกันด้วยกายเนื้อก็หลายสิบปีมาแล้ว แต่หลวงปู่พิศดูกลับบอกว่า " กับปราโมทย์นี่ ก็คุยกันบ่อยนะ..."
แล้วทุกท่านล่ะ คิดเหมือนผมหรือเปล่าครับ..???

 

รูปนี้ไม่ทราบว่าเป็นหลวงพ่ออะไร
แต่ดูคล้ายๆหลวงปู่พิศดู
รบกวนคุณทุเรียนทอดด้วยครับ

 

ไม่เคยเห็นเลยครับ

 

ขอบพระคุณมากครับ

 

ผมเคยไปกราบหลวงปู่ที่มูลนิธิ โลกทิพย์ หลวงปู่เเจกแบงค์เสก พอถึงผมหมด ท่านจึงหยิบรูปหล่อลอยองค์รุ่นแรกขนาดห้อยคอ มอบให้ผม และหลวงปู่ยังเมตตาอธิษฐานจิต แผ่เมตตาและให้พรในใบประกอบวิชาชีพผม( ใบ กว )ให้ผมเจริญรุ่งเรืองในวิชาชีพด้วย กราบหลวงปู่พิศดูครับ สาธุ

 

ย่ามเขียวเหนี่ยวทรัพย์ครับ อิอิๆ
เป็นหนึ่งในย่ามที่ระลึกที่ทันหลวงปู่อธิษฐานจิตครับ รุ่นนี้แจกพระภิกษุ และลูกศิษย์ชุดอุปัฏฐากที่มาร่วมงานมุทิตาจิต เนื่องในวันคล้ายวันเกิดองค์หลวงปู่ ปี 2553

 

ท่านใดยังไม่เคยฟังเสียงหลวงปู่พิศดู ฟังที่คลิปนี้เลยครับ..

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/bVoW5wj8Ufw" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

มีสมาชิกถ่ายรูปมาให้โชว์กันครับ พระขรรค์เล่มครู สร้างตามนิมิตรที่หลวงปู่มากำหนดให้จัดสร้าง
เนื้อสัมฤทธิ์สร้าง 16 เล่ม เนื้อนวโลหะ(ครูใหญ่) สร้าง 1 เล่ม ถวายครูบาอาจารย์ ภายในด้ามบรรจุพระขรรค์รุ่นแรกและมวลสารต่างๆเอาไว้ทุกเล่ม สร้างพร้อมกับพระขรรค์รุ่น2 สุดยอดแห่งความหายาก
เกือบลืมไปแล้วว่ามีรุ่นนี้อยู่ด้วย สุดยอดมากๆ เคยมีหลวงพ่อรูปหนึ่งอยู่แถบภาคกลาง ท่านบูชาไว้ประจำวัด เคยเอาไปถอดคุณไสยที่รุนแรงแบบสุดๆที่ไหนก็เอาไม่ออก ได้ผลดีมากๆ
พระขรรค์ชุดนี้ ตอนที่เดินสายเสกนั้น มีครูบาอาจารย์ท่านเห็นแล้วทักว่า
" นี่พระขรรค์มหาจักรพรรดิ์นะ.."
ใครมีก็เอามาโชว์กันบ้างนะครับ

 

ไม่มีโชว์ มีแต่จะขอแบ่ง.....

สบายดีนะครับท่าน

 

ไม่เคยเห็น ไม่ใช่...ไม่มี

ภาพนี้ดูยังไงก็เหมือนหลวงปู่ ภาพด้านหลังเป็นรูปหล่อหลวงปู่เสาร์ไหมครับ

 

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/K0hXS7IfG4s" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>