หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

ผมคิดอยากจะสร้างพระผง เพื่อบูชาคุณหลวงปู่พิศดูขึ้นมาอีกสักรุ่นหนึ่ง อาจจะไม่ใช่พิมพ์รูปเหมือนก็ได้นะครับ อยากจะรวมเอาสิ่งมงคลทั้งหลายที่เกี่ยวกับหลวงปู่พิศดู และสำหรับแจกเป็นทานบารมีแก่ผู้ศรัทธาในองค์หลวงปู่จริงๆ..
แค่คิดวาดเป็นโครงการเฉยๆนะครับ ยังไม่จริงจังอะไรมาก แค่ตอนนี้รวบรวมสิ่งมงคลที่เกี่ยวกับองค์หลวงปู่เอาไว้ได้พอสมควรแล้ว อาทิ..

- เกศาธาตุ ของหลวงปู่พิศดู เนื่องในวันสำคัญๆหลายวาระ
- เล็บ
- ผงอังคารธาตุ
- โลหิตธาตุ
- ปุพโพธาตุ(น้ำเหลือง ที่แยกตัวออกจากโลหิต)
- ปัสสาวะ
- ชาญหมาก
- ข้าวก้นบาตร
- จีวร
- ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดปาก
- น้ำล้างหน้าหลวงปู่พิศดู ยามอรุณรุ่ง
- น้ำมนต์พิธีต่างๆ ของหลวงปู่พิศดู
- น้ำมันเสก
- น้ำมันอนันตคุณ 108
- ผงกสิณ
- ผงพุทธะมงคล
- ดอกไม้บูชาพระ ของหลวงปู่พิศดู
- ผงบายศรีบูชาพระอุปคุต ของหลวงปู่พิศดู
- ผงน้ำตาลอ้อยเสก
- ยาวาสนาจินดามณี ของหลวงปู่พิศดู
- สีผึ้ง มหานิยม
- ปฐวีธาตุ ของหลวงปู่พิศดู
- ผงปรอทเสก ของหลวงปู่พิศดู
- ผงสี พระพุทธไสยาสน์ วัดเทพธารทอง
- ตะไบพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ธัมมะจารี
- ผงไม้เทพธาโร ของหลวงปู่พิศดู
- ผงไม้โพธิ์นิพพาน วัดเทพธารทอง
- ผงยาไล่โรค ของหลวงปู่พิศดู
- และมวลสารที่เคยจัดสร้างวัตถุมงคลมาทุกรุ่น ในสายหลวงปู่พิศดู
- ... ฯลฯ

แต่ไม่ต้องรอนะครับ ถึงเวลาจัดสร้างเมื่อไหร่ ผมจะมาบอกข่าวอีกทีหนึ่ง ตอนนี้คณะเราขอพักเรื่องการสร้างวัตถุมงคลไว้สักระยะหนึ่งก่อน เพื่อแอบไปเตรียมความพร้อมในเรื่องอื่นๆ และเตรียมงานหล่อพระมหาอุปคุตปางออกจากนิโรธสมาบัติโปรดสัตว์ องค์ใหญ่ สูง 2 เมตรกว่า ร่วมกับศิษย์ในหลวงปู่ท่อน เพื่อถวายวัดเทพธารทอง คาดว่าจะหล่อภายในปีนี้นะครับ..

 

สาธุๆ อนุโมทนาด้วยครับ

 

มีแววว่าจะได้องค์กดนำฤกษ์มาครับ เดี๋ยวต้องขึ้นไปดูก่อน ถ้าใช่ จะนำมาถ่ายรูปให้ชมกันอีกทีครับ..

 

ยินดีด้วยครับ งั้นคุณทุเรียนทอดเก็บองค์นำฤกษ์ไว้

ส่วนองค์ธรรมดา ผมขอรับไว้บูชาต่อ เป็นสมบัติประจำตระกูล.....เนียน

 

แป่วว.. 555 ว่าจะโชว์ เลยไม่กล้าโชว์เลยทีนี้ กลัวเขารู้ว่าได้องค์นำฤกษ์มาแว้วววว..

 

พระขรรค์แก้ววัชรจักร รุ่นแรก หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิต..

พระขรรค์แก้ววัชรจักรรุ่นแรก ของหลวงปู่ จะต้องมีรันหมายเลขทุกเล่มครับ

​

พระขรรค์เล่มนี้ คือเล่มที่จะถูกนำไปทำหนังสือทำเนียบวัตถุมงคล ของหลวงปู่พิศดูต่อไปครับ
พระขรรค์รุ่นแรกนี้ คือตำนานแห่งเครื่องราง(ที่ออกเป็นทางการ)ในสายหลวงปู่พิศดูตัวจริงครับ ผมยังไม่เคยเห็นมีใครเอาออกมาแบ่งเลย

 

พระขรรค์รุ่น2 จะดูอวบ และหนากว่าพระขรรค์รุ่นแรกครับ

แต่รูปแบบ และลักษณะของสิ่งมงคลทั้ง 4 ประการ(พระขรรค์ ลูกแก้ว วัชระ กงจักร)เหมือนกันครับ

​

 

โอว์!! มีแต่ของดีมาโชว์ให้น้องมองตาละห้อยกันจริงๆ สาธุ สาธุ อนุโมทนาบุญกับสิ่งดีดีที่พี่ๆได้ร่วมทำคราฟ

 

ของบางอย่างก็เป็นของท่านอื่นก็มีครับ ผมยืมมาถ่ายรูปและลงข้อมูล ให้เป็นวิทยาทานครับ.. อิอิๆ

 

พระผงรูปเหมือน หลวงปู่พิศดู รุ่น 4 เนื้อนำฤกษ์ครับ

​

 

พระผงรูปเหมือนรุ่น 4 เนื้อนำฤกษ์

ได้มาแร้วววว.. องค์นำฤกษ์ องค์นี้พิเศษซะด้วยครับ ตามข้อมูลที่ได้รับทราบมา พระเนื้อนำฤกษ์มีทั้งหมด 7 องค์ ที่มีฝังออฟชั่นเยอะแบบนี้ มีแค่องค์เดียวเท่านั้นครับ เรียกได้ว่าประธานรุ่นเลยทีเดียว สวยงามมาก เนื้อหามันส์สะใจจริงๆ แบบนี้ผู้กดพิมพ์คงตั้งใจทำไว้ใส่เองครับ.. ผมได้แต่มองตาปริบๆ 5555



ด้านหน้า จะโรยด้วยเกศา และหนวด-เครา ของหลวงปู่พิศดู และปรอทดำจากลาว ของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจานครับ



เท่าที่ดูด้านหลังจะฝัง
พระนาคปรกใบมะขาม รุ่นแรก ของหลวงปู่
เล็บ ของหลวงปู่
แร่จ้าวน้ำเงิน
แร่ข้าวตอกพระร่วง
พลอยเสก..


องค์นี้ผู้ให้บอกมาว่า.. จะเอาเข้างานบุญประมูลในครั้งต่อไปครับพี่น้อง.. โมทนาสาธุครับ

 

​

ปริษณาธรรม ที่หลวงปู่พิศดูท่านจารึกไว้หลังพระกสิณ ครับ..

พระทั้งสององค์นี้ คือพระกสิณขององค์หลวงปู่พิศดู ที่สร้างราวปี 252...กว่าๆ
องค์แรก ขนาดค่อนข้างใหญ่มากครับ จารอักขระขอม อุทธังอัทโธ ๒๔๘๗ อันเป็นปี พ.ศ.ที่หลวงปู่ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อปี 2487 ครับ..

ส่วนองค์เล็กที่ลงรักนั้น ด้านหลังเป็นลายมือของหลวงปู่พิศดูเช่นกัน ท่านได้เขียน(จาร) พิศดู วัดเทพ(ธารทอง) ซึ่งเป็นชื่อของท่าน และชื่อวัด และเลข 88 เป็นปริษณาเอาไว้

เป็นสิ่งที่น่าแปลกและพิศวงก็ตรงที่ด้านล่างสุดมีเลข 88 นี่แหละครับ ทุกท่านคิดว่าเลขนี้มีความหมายอย่างไรครับ..? แล้วเหตุใดหลวงปู่จึงต้องเขียนเลข 88 นี้ไว้ใต้ชื่อของท่านด้วย..?
เมื่อผมได้เห็นเลขนี้ที่ด้านหลังของพระกสิณองค์นี้ ถึงกับอึ้งเลยครับ ผมเชื่อว่า ปฏิสัมภิทาญาณ4 อภิญญา 6 วิชชา8 สมาบัติ9(รวมนิโรธสมาบัติ) โสฬสญาณ16 ...ฯลฯ ขององค์หลวงปู่พิศดูท่านมีครบถ้วนแน่นอน และแจ่มใสสุดๆอีกด้วยครับ
สำหรับพระกสิณองค์นี้ ไม่แน่หลวงปู่ท่านอาจจะกดเองด้วยนะครับ ท่านจึงได้เขียนรอยจารเอาไว้(ซึ่งถ้าคนที่ดูลายมือหลวงปู่เป็น จะทราบว่าพระกสิณที่หลวงปู่ลงมือจารด้วยองค์เองนั้น มีอยู่ไม่กี่องค์หรอกนะครับ) ส่วนด้านหลังที่องค์หลวงปู่เขียนเลข 88 นี้ ผมมั่นใจว่าหลวงปู่ท่านคงทิ้งปริษณาธรรมเอาไว้ ถึงอายุไขที่ท่านจะอยู่ถึงอายุ 88 ปีครับ แสดงถึงญาณหยั่งรู้อนาคต และญาณหยั่งรู้วาระกรรมต่างๆได้ ล่วงหน้าหลายสิบปี หรืออาจมากกว่านั้นไม่มีประมาณ อยู่ที่ท่านจะบอกหรือไม่บอกเท่านั้นครับ..

ก่อนที่หลวงปู่ท่านละสังขารไม่นาน ท่านก็เคยฝากวัตถุมงคลบางอย่างกับผมเอาไว้ เมื่อนับดูก็มีทั้งหมด 88 องค์เช่นกัน และไม่นานท่านก็ละสังขารไปเมื่ออายุได้ 88 ปีเต็มครับ

 

หลวงปู่พิศดูละสังขารเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2554 อายุได้ 88 ปี

พอหลวงปู่ละสังขารได้เพียง 3 วัน หวยงวดวันที่ 16 เมษายน 2554 ยังออกเลขท้ายตัวบน 88 อีกด้วย ลูกศิษย์ถูกกันถ้วนหน้าครับ บางคนถูกได้เงินเป็นล้านครับ
งวดต่อมาก็ยังออก 88 ข้างล่างอีก ช่วงนั้นเรื่องราวของหลวงปู่พิศดูมีการพูดกล่าวขานกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะใน จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงกรุงเทพฯ คนที่ไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อหลวงปู่พิศดู ก็ได้รู้จักกันนับตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ และตลอดไปด้วยครับ

 

พระไม่ค่อยสวย แต่ว่ามีคุณภาพสูงนะครับ..

​

เหรียญพระมหาอุปคุต เนื้อตะกั่วเทหยอดแม่พิมพ์

เป็นชุดที่เทกันลองแม่พิมพ์ดูครับโดยใช้เนื้อตะกั่วชนวนต่างๆ พระชุดนี้เทกันตอนสมัยที่ทำเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรก คือพอปั๊มเหรียญชุดนี้เสร็จ ก็นำมาเทตะกั่วหยอดแม่พิมพ์ดู แต่พอเทออกมาพระไม่ค่อยสวย ฝีมือแบบชาวบ้านๆ จึงระงับการทำไว้เพียงแค่นั้น เพียง 18 องค์ครับ และกดเป็นเนื้อผงได้อีก 1-2 องค์ จึงนำมาตอกโค๊ตเอาไว้ด้วย แล้วนำไปฝากหลวงปู่ช่วยอธิษฐานให้ หลังจากที่ได้ถวายเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกไปได้ไม่นาน เพราะฉะนั้น พระชุดนี้จึงไม่ได้เข้าอธิษฐานพร้อมกับเหรียญพระมหาอุปคุตรุ่นแรกนะครับ..
แล้วจึงถวายพระชุดนี้ให้กับทางวัดเขาน้ำซับไว้แจกพวกนายช่าง และคนที่มาช่วยงานในวัด
ด้านหลังมีทั้งแบบเรียบ และแบบหลังลายผ้าครับ และส่วนใหญ่จะมีลงเหล็กจารแทบทุกองค์(โดยลูกศิษย์หลวงปู่..)
ส่วนแม่พิมพ์ทั้งหมดได้ทำลายไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานได้จึงสบายใจได้ครับ.. รวมถึงพระรุ่นอื่นๆด้วย ครับ

 

​

 

​

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ไม้โพธิ์นิพพานแกะ

สร้างเมื่อปี 2553 โดยคณะศิษย์ท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง โดยใช้ไม้โพธิ์นิพพาน ที่หักลงมาเองของวัดเทพธารทอง

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ
ตามตำราระบุไว้ว่าต้องใช้วัสดุในการจัดสร้างจากไม้มหามงคล 3 ประการ คือ

1.ไม้โพธิ์นิพพานให้ใช้กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก ที่หักลงมาเองตามธรรมชาติ ที่ไม่ได้ไปตัดไปโค่นลง
2.ไม้ยอป่า ที่เกิดงอกกลางตอไม้
3.ไม้คูณที่ตายพราย คือ เป็นต้นไม้คูณที่ตายไปเองโดยธรรมชาติ

ส่วนที่นำมาสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ถวายให้องค์หลวงปู่อธิษฐานนั้นเป็นไม้โพธิ์ในวัดเทพธารทองที่หักลงมาเอง ในวันที่หักลงมานั้นเป็นวันพระด้วย ถ้าหากผมจำไม่ผิดวันที่หักลงมาเป็นวันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 (ผลลับ+กัน= 9) ซึ่งก็น่าแปลกอีกเช่นกันว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นแขนงต้นโพธิ์จากประเทศอินเดีย นำมาปลูกที่วัดเทพธารทอง ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 9 โมง 9 นาที ซึ่งตอนที่กิ่งโพธิ์นี้หักลงมามีลมพายุพัดแรง เสียงกิ่งโพธิ์หักลงมาเสียงดังสนั่น หลวงปู่ท่านจึงสั่งให้ให้จัดการ เลื่อยเก็บเอาไว้ และให้ทำไม้เท้ามาถวายให้ท่านด้วย ที่เหลือก็ไปจัดการกันเอาเองหลวงปู่อนุญาติ และหวยงวดนั้นก็ยังออก 09 อีกด้วย หลายคนก็ได้โชคลาภกันไป
พอเก็บไม้โพธิ์นิพพานกิ่งนี้ไว้หลายปีจนแห้งสนิทดีแล้วจึงได้นำมาแกะสลักเป็น พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ได้จำนวน 12 องค์ โดยลักษณะเป็นรูปพระลอยองค์ปางสมาธิมีพระพักตร์ 9 หน้า หมายถึงท่านมหาเศรษฐีทั้ง 9 องค์ซึ่งล้วนเป็นพระอริยะบุคคลขั้นโสดาบัน
ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี

2.ยัสสะมหาเศรษฐี

3.สุมนะมหาเศรษฐี

4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี

5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี

6.เมณฑกะมหาเศรษฐี

7.โชติกะมหาเศรษฐี

8.สุมังคละมหาเศรษฐี

9.พระนางวิสาขา มหาอุบาสิกา

ซึ่งมีเคล็ดลับอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาสร้างเป็นรูปพระพักตร์ท่านมหาเศรษฐีทั้ง 9 นั้น พระพักตร์เพียง 1 องค์ ใน 9 องค์ จะไม่มีพระเกศเพราะเป็นรูปสมมุติของสตรีเพศ(พระนางวิสาขา)

พอแกะเป็นรูปองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำมาบรรจุมวลสารมหามงคลอย่างยิ่ง เช่น เกศาพระอริยะเจ้าที่มีมหาบารมีสูงส่ง 9 องค์ ได้แก่
- เกศาสมเด็จพระสังฆราช
- เกศาหลวงปู่ภัททันตะ อาสภะเถระ
- เกศาหลวงตาพระมหาบัว
- เกศาครูบาพรหมมา พรหมจักรโก
- เกศาหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
- เกศาหลวงปู่จาม
- เกศาครูบาชัยวงศาพัฒนา
- เกศาพระราชพรหมญาณ (ฤาษีลิงดำ)
- เกศาครูบากฤษดา สุเมโธ
(ในจำนวนพระเกศาอริยะธาตุเหล่านี้ มีทั้งพระอรหันต์ และพระอริยะมหาโพธิสัตว์)

และบรรจุผงพุทธะมงคลขององค์หลวงปู่พิศดู และมวลสารต่างๆที่เป็นสุดยอดของแต่ละสำนัก ที่คัดสรรแล้วว่าเป็นสายพุทธคุณ และทางเมตตาล้วนๆ จากนั้นจึงทำการปิดประทับด้วยแผ่นเงินบริสุทธิ์ ตอกโค๊ตกำกับ
และได้นำเข้าขอความเมตตาจากองค์หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตให้ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2553 ซึ่งตรงกับวัน พฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 เวลา 9 โมง 9 นาที เป็นต้นไปจนถึงวันสมโภชน์ในวันพิธี ตักบาตรพระมหาอุปคุต ในวันเพ็ญพุธขึ้น 15 ค่ำ และองค์หลวงปู่ยังอธิษฐานต่อให้อีกสองวัน รวม 9 วัน จึงนำกลับมา รวมความแล้วมีแต่ 9
องค์หลวงปู่พิศดูท่านเรียกพระชุดนี้เป็นนามมหามงคลอย่างยิ่งว่า พระล้านโกฏิ (อภิมหาเศรษฐี) .
จากนั้นได้ส่งพระขึ้นไปทางภาคเหนือให้ช่างได้แกะสลักฐานด้วยงาช้างแท้ๆ หุ้มที่ฐานพระอีกทีหนึ่ง และเคลือบด้วยสีผึ้งสุริยะคลาส จึงนำขึ้นขอความเมตตาท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง สวดสรรเสริญคุณให้อีกรอบ และท่านยังเมตตาจารอักขระใต้ฐานที่เป็นงาช้างด้วยยันต์ ผู้ชนะสิบทิศ ซึ่งเป็นยอดแห่งยันต์ทั้งปวง ซึ่งยันต์นี้เป็นอักขระตั๋วเมือง ถอดเป็นหัวใจพระหัวใจธรรมอริยะชั้นสูง ใครผู้ใดมีไว้ครอบครองสักการะบูชาจะชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีใครทำอันตรายแก่ผู้บูชายันต์นี้ได้ จะไปแข่งค้าขาย หรือแข่งขันอันใดขอให้เชื่อมั่นในพุทธานุภาพอย่างจริงใจ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เลยแล..ฯ

คาถาบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ (ทุกสำนัก)

ตั้ง นะโมตัสสะ...ฯ 3 จบ

มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว

ธัญญะธารานิ ปะวัสสันตุ ธนัญชัย ยัสสะยะถาคะเร

สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา

ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ

จะอะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ โชติกะ สุมังคะ สัสสะ

จะ มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร

เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม

ซึ่งวิชาการสร้างและเสกพระมหาเศรษฐีนวโกฏินี้เป็นวิชาที่สูงมาก แรงมาก ผู้ที่จะทำการเสกนั้นต้องประกอบด้วยมหาบารมีธรรมชั้นสูงจริงๆจึงจะทำได้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างเป็นรูปลักษณ์สวยงามและเข้าพิธีปลุกเสกตามอย่างพระเครื่องทั่วๆไปไม่ เพราะถ้าทำได้เพียงแค่นั้นอานุภาพที่ได้ก็ไม่ถึงครึ่งของสิ่งที่ควรจะเป็น ส่วนมากผู้ที่จะทำพระมหาเศรษฐีนวโกฏิสำเร็จ ต้องเป็นพระอริยะบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งและจะต้องมีบารมีธรรมที่ถึงพร้อม และสามารถอัญเชิญบารมีธรรมของท่านอริยะมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน มาสถิตได้อย่างแน่นอนด้วย จึงจะสมเหตุสมผล

ผมจึงขอลงประวัติการสร้างเครื่องรางชั้นสูงที่มีองค์หลวงปู่ และท่านครูบากฤษดาเป็นผู้อธิษฐานไว้ ซึ่งได้บังเกิดขึ้นอีกวาระหนึ่งแล้ว ด้วยประการทั้งปวง จะได้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการสร้างอยู่จริง แต่เราคงไม่ต้องไปหาที่ไหนเพราะว่าสร้างจำนวนทั้งหมดแค่ 12 องค์ครับ

 

ท่านเจ้าบ้านกลับมาแล้ว ลงรูปเด็ดๆให้ชมกันบ้างครับ

 

น้อมกราบนมัสการบูชาพระคุณ องค์หลวงปู่พิศดู ครับผม

สวัสดีครับผม พี่เอ็กซ์(พี่ทุเรียนทอด) , ป๋าบัตติ , พี่มอส,พี่โจ้
พี่แอ้ม, พี่ตั้ม , คุณพ่อหนูนา , พี่ศีลเตโช , พี่นสิทธิ , พี่เป็ดเยาราช
คุณหมอจิมมี่ และ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ศิษย์องค์หลวงปู่พิศดู ทุก ๆ ท่าน ครับผม
คิดถึงบ้านนี้ครับ อาจจะมีเงียบไปบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ลืมกันครับผม

 

สวัสดีครับ คุณ Pong55 และศิษย์หลวงปู่พิศดูทุกๆท่านครับ บ้านนี้บางครั้งอาจเงียบไปบ้างแต่ไม่เหงาครับ ยังมีข้อมูลเรื่องราว ประสบการณ์ต่างๆให้อ่านมายมายครับถ้าไม่มีเรื่องเล่าใหม่ๆ ผมชอบย้อนไปอ่านเรื่องที่ท่านเจ้าบ้านเขียนไว้ครับ รู้จักหลวงปู่จากบ้านหลังนี้ ชอบบ้านหลังนี้มากๆครับ