ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ตัวอย่างรูปในเวบครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • book1.html
      ขนาดไฟล์:
      8.5 KB
      เปิดดู:
      426
    • book2.html
      ขนาดไฟล์:
      8.5 KB
      เปิดดู:
      251
    • book3.html
      ขนาดไฟล์:
      8.5 KB
      เปิดดู:
      212
    • book4.html
      ขนาดไฟล์:
      7.7 KB
      เปิดดู:
      246
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เอาพระของเจ้าประคุณสมเด็จฯ เสกที่แจกฟรีมาโฆษณาให้ความรู้อีกแระ
    เดี๋่ย
    วเขาขอมาเยอะทำงัยดีล่ะ(good)
     
  3. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,293
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=big2 vAlign=bottom height=35>คุณเอาสตางค์ไว้ที่ไหน???</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD class=text2 vAlign=center width="65%" height=30></TD><TD class=text2 vAlign=center align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=10 width="100%" align=center bgColor=#f4f4ff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=300><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องเหรียญกับธนบัตรซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์อยู่นั้น อย่าได้ประมาทว่าเป็นของเล็กน้อย ซึ่งใครที่ทำการอันไม่บังควร ก็อาจจะเกิดเหตุอันไม่เป็นสิริมงคลแก่ผู้ล่วงละเมิดได้
    สมัยหนึ่ง มีชายหญิงคู่หนึ่ง ทำการค้าอะไรก็ขาดทุนล่มจมเป็นอันมาก ทั้งสองคนกลุ้มใจไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ควรจะแก้ไขอย่างไร
    วันหนึ่งได้ยินกิตติศัพท์เล่าลือหนาหูถึงท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ วัดเทพศิรินทร์ ว่าเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ จึงได้เดินทางไปเฝ้ารอท่านที่ระหว่างทางเดินจากกุฏิมาโบสถ์
    เมื่อท่านทำวัตรเย็นเสร็จก็ได้กราบขอความเมตตาเล่าเหตุการณ์โดยย่อถวาย ท่านนิ่งไประยะหนึ่งก็ถามชายหญิงทั้งสองว่า
    "ปกติแล้ว คุณเอาสตางค์ไว้ที่ไหน ?"
    อาผู้ชายตอบว่า
    "ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงครับ.."
    เมื่อได้ฟัง ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ จึงพูดเชิงสั่งสอนไปเลยทีเดียวว่า
    "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระโพธิสัตว์ คุณเอารูปพระโพธิสัตว์ไปใส่ไว้ในกางเกงได้หรือ ต่อไปนี้ให้เอาสตางค์ไส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อนะ ถ้าสตางค์อยู่ในกระเป๋าสตางค์ ก็ให้เอากระเป๋าสตางค์ใส่ไว้ในอกเสื้อ แล้วคุณจะพบแต่ความสุขความเจริญ.."
    เมื่อกราบลากลับมาแล้ว ชายหญิงทั้งคู่ก็ไม่เคยเอาเงินใส่กระเป๋ากางเกงหรือไว้ที่ต่ำอีกเลย และต่อมา บุคคลทั้งสอง ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มั่งมีทรัพย์สินเงินทองนับเป็นร้อยๆล้านไปเรียบร้อยสมดังคำของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯไปเรียบร้อยแล้ว......


    [​IMG]

    เมื่อได้ทราบ"ความนัย" ดังนี้แล้ว ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงอย่าได้ประมาทใน"พระบรมฉายาลักษณ์"ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะเป็นด้วยกรณีใดๆอีกต่อไป ชีวิตของท่านทั้งหลายก็คงจะประสพแต่ความเจริญรุ่งเรืองโดยทั่วกันทีเดียว.....

    จากเว็บไซท์ http://www.phuttawong.net (พุทธวงศ์)
    ขอขอบพระคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลดีๆครับ

    ส่วนเรื่องราวความเป็นมาของพระสมเด็จกรุวัดบางน้ำชน ผมจะนำมาเสนอโดยละเอียดขอเวลาเก็บข้อมูลอีกสักนิดเพื่อความถูกต้อง เซียนจะยอมรับไม่รับผมไม่รู้ต้องการเสนอความรู้ในอีกมุมมองเพื่อประโยชน์ของผู้อ่านเท่านั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง ถือเสียว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ก้แล้วกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    มหาโมทนาสาธุ
    เส้นผมบังภูเขา ต่อไปนี้ผมจะได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ซะที
    ขอบคุณพี่มากๆครับ
    (ping)
     
  5. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ขอแนะนำพระที่มีบารมีสามารถเสกวัตถุมงคลให้มีอานุภาพทางเรียกโชคลาภที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจนมีลูกศิษย์ที่เป็นแม่ค้าบ้างคนในจังหวัดอยุธยาถูกรางวัลที่1ได้เงินมาหลายล้านเพราะศัทธาท่านและทำการค้าขายดีไม่มีอับจน พระท่านนี้คือ หลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้ จังหวัดอยุธยา พระที่เป็นศิษย์ผู้พี่ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน น่าเสียดายที่ท่านมรณะภาพไปแล้วเหลือไว้เพียงขันธ์ที่ไม่เน่าเปื่อยให้กราบไหว้ที่วัด กับพระพิมพ์เหรียญต่างๆที่ท่านอธิฐานไว้ให้ ปัจจุบันราคาไม่แพงพอหาได้ลองหามาไว้บูชากัน ขณะพี่ใหญ่ยังเอ่ยปากว่าพระนี้ใส่แล้วถูกหวยมีโชคลาภดี
    ตัวอย่างพระของพลวงปู่สด วัดโพธิ์แตงใต้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขออนุญาติเจ้าของภาพที่นำมาเผยแพร่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 673171.jpg
      673171.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.4 KB
      เปิดดู:
      3,532
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มกราคม 2008
  6. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้คุณ วิศัลย์ ณ ระนอง ได้โอนเงินจำนวน 3000 บาทเข้าทุนนิธิฯแล้วครับ
     
  7. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ฟังรายละเอียดการทำบุญในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้โดยคร่าวๆจากพี่พันวฤทธิ์ถึงกับปิติอยากให้ถึงเร็วๆโดยจะได้ทำบุญถวายภัตราหารเช้าพระสงฆ์ที่อาพาธด้วยโรคกระดูกถึงประมาณ50กว่ารูปเหมาหมดทั้งตึกผู้ป่วยโรคกระดูก และถวายปัจจัยช่วยโรงพยาบาลสงฆ์ในประเภทต่างๆอีก รายละเอียดไว้ให้พี่เค้ามาแจงให้ฟังครับ
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    เมื่อคราวก่อนได้นำเสนอธรรมะจากเจ้าคุณโชดกฯ เรื่อง "ทางพ้นทุกข์" ไปแล้ว ในตอนนี้จะได้นำเสนอธรรมะของท่านต่อไป ซึ่งธรรมะหมวดนี้มีทั้งหมด 8 ตอนเป็นธรรมะทางด้านภูมิวิปัสสนา ซึ่งมีความละเอียดต่างจากพระอภิธรรมที่ผมเคยเรียน คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน แต่ก็นำเสนอเพียงให้ได้ผ่านตาบ้าง หากแม้พอปฏิบัติกันได้ก็ลองดู เพราะบางท่านอาจจะตรงกับจริตบ้าง ก็นับว่าเป็นกุศลแท้แก่ผู้นำเสนอ ก็เพียงพอ กับบุญที่ไม่ได้ซื้อหา แต่บุญอยู่ในใจ และการเฝ้าเพียรศึกษาและปฏิบัติอย่างถ่องแท้ และสม่ำเสมอ


    การเจริญวิปัสสนา เพื่อมีดวงตาเห็นธรรม ๑ (เจ้าคุณโชดก)
    <O:p</O:p
    <!--Main-->การเจริญวิปัสสนา คืออะไร

    ผู้ที่รู้จริงว่า การวิปัสสนากรรมฐาน หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า การวิปัสสนา คืออะไร นั้น มีน้อยนักหนา บางท่านก็นึกว่าเป็นเพียงการละทางโลกหันเข้าวัด เพื่อหาความสงบทางใจเท่านั้น บางท่านเข้าใจว่า การวิปัสสนาเป็นการนั่งทางในเท่านั้น เพื่อให้เห็นว่ามีอะไรอยู่ที่ไหน ซึ่งอาจให้คุณหรือให้โทษ หรือเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ บางท่านก็คิดว่า เป็นการบำเพ็ญตบะเพื่อให้มีฌานแก่กล้า จะได้แสดงอิทธิฤทธิ์หายตัว หรือถอดจิต หรือกายทิพย์ ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ หรือ อาจเสกเป่าสิ่งนั้น สิ่งนี้ให้เป็นสัตว์อย่างนั้น อย่างนี้ บางท่านก็เข้าใจเอาเองว่า การวิปัสสนาคือการพร่ำภาวนา หรือท่องบ่นบาลี เพื่อปลงโลก ให้ตก ของผู้ที่คลั่งศาสนา หรือไร้สติ หรือผิดหวังอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงหันเข้าหาศานาเป็นที่พึ่งโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ท่านเหล่านี้ไม่รู้ว่า แท้ที่จริงนั้น การวิปัสสนา คือ การนำตัวเข้าไปถึงแก่นธรรมของพระพุทธศาสนา คือ ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์

    เหตุใดจึงต้องชำระใจให้บริสุทธิ์? ก็เพราะใจของมนุษย์ปุถุชนนั้นไม่บริสุทธิ์หนาไปด้วยกิเลส มีโลภ โกรธ หลง ซึ่งคอยจูงใจให้ทำชั่วอยู่เป็นนิจ ถ้าใจได้รับการชำระล้าง ทำให้กิเลสหลุดออกไปได้สิ้นแล้ว มนุษย์ก็จะไม่มีโอกาสทำชั่ว จะทำแต่ความดี วิธีการใดที่มีจุดประสงค์ไปในทางอื่น ไม่ใช่เพื่อดับกิเลสให้หลุดพ้นแล้ว วิธีการนั้นไม่ใช่วิปัสสนากรรมฐาน


    การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สามารถจะทำให้ผู้ปฏิบัติมีจิตใจบริสุทธิ์เป็นขั้นๆ ไป ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า มีดวงตาเห็นธรรม หรือบรรลุมรรค ผล นิพพาน

    ความบริสุทธิ์ของจิตใจ ในขั้นแรก เรียกว่า โสดาปัตติผล
    ขั้นที่สองเรียกว่า สกทาคามิผล
    ขั้นที่สามเรียกว่า อนาคามิผล
    และขั้นสุดท้ายเรียกว่า อรหัตตผล ซึ่งเป็นขึ้นที่จิตใจบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง

    แต่เพียงได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้ขั้นต่ำที่สุด ผู้ปฏิบัติก็มีจิตใจเหนือปุถุชนธรรมดาสามัญแล้ว นับได้ว่า เป็นคนใจพระ เป็นอริยบุคคล


    ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชนมาแต่กำเนิด เลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่จำความได้ และเชื่อว่า มรรค ผล นิพพาน เป็นของมีจริง แต่คิดว่าในสมัยที่เรามีชีวิตอยุ่นี้และต่อๆ ไป เราหมดหวังเสียแล้วที่จะได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เพราะจิตใจของมนุษย์เราในทุกวันนี้หยาบขึ้นทุกที เนื่องจากความเจริญทางวัตถุธรรมได้พอกพูนทับถมหนักขึ้นๆ เป็นลำดับ แต่บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วโดยไม่ไหวหวั่นว่า มนุษย์เราในสมัยนี้และต่อๆไป ยังมีหวังที่จะได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน พระธรรมของพระพุทธองค์ ไม่มีกำหนดกาลเวลา เมื่อคนในสมัยพุทธกาลสามารถมีดวงตาเห็นธรรมของพระองค์ได้คนในสมัยนี้ หรือสมัยต่อๆ ไป ก็จะต้องมีความสามารถในทำนองเดียวกัน มิฉะนั้น พระธรรมของพระองค์ก็ไม่ใช่ของจริง

    การนำเสนอในตอนต่อไป คงเริ่มได้ในวันจันทร์ที่ 10/12 นี้ และจะทยอยลงให้ศึกษา 3-4 วัน/ครั้งจนกว่าจะครบทั้ง 8 ตอน<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ต่อไปจะขอแนะนำ link web ที่น่าสนใจให้พวกเราได้อ่านกัน เป็น file pdf. ซึ่งเป็นหัวข้อ "กราบหมอนก่อนนอน" ลองเข้าไปอ่านกันดูน๊ะครับ

    http://www.kanlayanatam.com/Mybookneanam/graap.pdf


    หมายเหตุ แค่ดูรูปพระพุทธรูปปางพิสดารในเล่มก็นับว่าเป็นบุญตาแล้วละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    สำหรับความคืบหน้าเรื่องทุนนิธิฯ นั้น ช่วงบ่ายจะเตรียมข้อมูลทั้งหมดมานำเสนอ ทั้งเรื่องเงินที่ยังคงมีเข้ามาอยู่ เรื่องงานบุญในวันอาทิตย์ที่ 9/12 นี้

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเมื่อวานได้รับทราบจากคุณสติคือ เรื่องการจัดทำข้อมูลของ พระสมเด็จกรุบางน้ำชน ซึ่งเสกโดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆัง ที่พระพิมพ์ของท่านนั้น ได้รับสมญานามว่า จักรพรรดิ์ แห่งวงการ นั้น หลายคนในที่นี้ที่เป็นขาประจำในกระทู้ส่วนใหญ่มีพระพิมพ๋ๆ นี้ไว้บูชาไว้คุ้มครอง และตกทอดเป็นสมบัติของลูกหลานแล้ว นับว่าเป็นมงคลแท้ เช่นเดียวกับผมที่แขวนท่านอยู่ตลอด คุณสติได้กรุณาแจ้งให้ทราบว่า เรืองที่จะเขียนเกี่ยวกับพระพิมพ์นี้ เริ่มเป็นรูปร่างขึ้นแล้ว ทั้งตัวบุคคล และสถานที่ ขาดเพียงการดำเนินการในรูปธรรมอีกนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งผมก็ตั้งใจไว้แล้วเหมือนกันว่าในหลักการเขียนจะใช้หลักเดียวกับการทำ thesis ในระดับ ปริญญาโท ซึ่งต้องประกอบด้วยข้อมูลเอกสาร การสัมภาษณ์และภาพถ่าย พร้อมข้อมูลอื่นๆ สนับสนุน ซึ่งต้องวาง task force หรือ mile stone ให้ดี เพื่อใช้ในกาจัดทำ ซึ่งหากเสร็จแล้ว ก็อาจจะแจกแต่ยังไม่ได้คิดว่าเป็นวิธีไหน และเมื่อไร เพราะจะต้องนำข้อมูลทั้งหมดปรึกษาประธานทุนนิธิทั้ง 2 ท่านด้วย แต่รับรองว่าในขั้นการทำงานจะพยายามทำใหดี ก็มีแค่ 3 คน แค่ผมกับคุณสติ และคุณโสระเท่านั้น ซึ่งก็มีภารกิจอื่นๆ แต่ไม่เป็นไร ตั้งใจทำ ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ ความรู้ในพระพิมพ์นี่ก็จะสูญหาย คงเหลือแต่พระพิมพ์ไว้คล้องคอเฉย ประวัติก้เลื่อนลอย คงแปลกพิลึกเหมือนกัน แต่รับรองอย่างหนึ่งคือพระพิมพ์นี้คุ้มตัวได้แน่นอนครับ ขอยืนยัน
     
  11. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,293
    วันนี้ผมและเพื่อนๆที่ทำงานได้รวบรวมเงินกันเพื่อโอนเงินเข้าทุนนิธิตามสลิบด้านล่างเรียบร้อยแล้ว ผมได้บอกบุญเพื่อนๆเพราะต้องการให้เพื่อนๆหรือญาติที่ไม่มีเวลาหรือโอกาสจะไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ด้วยตนเองจะได้มีส่วนร่วมในการสร้างบุญกุศล
    อย่าลืมว่าในยามค่ำคืนเทียนเล่มน้อยที่จุดสว่างเพียงเล่มเดียวก็ให้แสงสว่างเพียงน้อยนิด แต่ถ้ามีเทียนเล่มอื่นๆมาต่อเปลวไฟไปมากๆเข้าก็สามารถทำให้บริเวณนั้นสว่างไสวราวกับกลางวันได้เช่นกัน
    สิ่งที่น้อยนิดแต่ให้หรือเสียสละด้วยความยินดีและเต็มใจอันยิ่ง ย่อมมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผู้ให้มากกว่ามูลค่าของสิ่งที่เสียไป ที่สำคัญคือในขณะที่ให้หรือเสียสละนั้นให้หยุดใจนิ่งเพียงสักแป๊ปหนึ่งระลึกในใจว่าสิ่งที่เราได้กระทำนั้นเป็นการกระทำตามพุทธโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และแผ่ส่วนกุศลที่ได้กระทำนั้นไปให้ทั่วในจักวาลและเทพพรหม พ่อแม่ บรรพบุรุษ เจ้ากรรมนายเวร และ สรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ผมเชื่อว่าเมื่อเราทำสิ่งที่ดีเหล่านี้บ่อยๆเข้า เราก็จะเลิกทำในสิ่งที่ไม่ดีไปได้เองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องให้พระหรือใครมาสอนเราก็ยังได้นี่แหละครับที่โบราณเรียกว่า "จารีตศีล"
    ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับที่ได้ร่วมกันสร้างบุญกุศล
    เพื่อพระสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ ขอได้โมทนาบุญร่วมกันในครั้งนี้และต่อๆไปด้วยนะครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • slip1.jpg
      slip1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.5 KB
      เปิดดู:
      2,869
  12. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    โมทนาครับ นายสติ (อ.ปุ๊ก) สมเป็นศิษย์ที่ดีของพระอาจารย์ณรงค์วัดบ้านเพเพราะได้รับการสั่งสอนเพียงครั้งเดียวสามารถระลึกและนำมาใช้ได้จริง จารีตศีล และ การทำบุญไม่เลือกพระเพราะเราทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

    พี่ใหญ่บอกว่าถ้าอยากได้มากกว่านั้นให้ไปนอนค้างภาวนาที่วัดท่านซักคืนสองคืนท่านสามารถแก้ข้อติดขัดต่างๆในการภาวนาของเราได้ตรงจริงๆ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105

    ได้รับเรียบร้อยแล้วครับ
     
  14. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,293
    ขอแจ้งข่าวสักนิดหนึ่งนะครับ

    วันอาทิตย์ที่ 9 ธ.ค. 2550 เวลาประมาณ 7 โมงเช้า ที่โรงพยาบาลสงฆ์
    ถ้าท่านใดมีเวลาว่างจะมาร่วมช่วยกันทำบุญก็ได้นะครับ เพราะจะมีการ
    ถวายข้าวแด่พระสงฆ์ที่อาพาธ ประมาณ 50 กว่ารูป และนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิของโรงพยาลสงฆ์รวมทั้งการซื้อเลือดเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาลพระสงฆ์ที่กำลังอาพาธอยู่
    ส่วนหลังจากนั้นจะเดินทางไปกราบหลวงปู่อ่อนศรี ที่วัดเขาไม้แก้ว ชลบุรี
    ท่านเป็นพระสุปะฏิปันโนอีกองค์ที่พี่ใหญ่รับรองแล้ว และไปกราบเยี่ยมคารวะ
    ท่าน อ.ประถม อาจสาคร ด้วย ก็ขอเรียนเชิญทุกท่านด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    อัพเดทบุ๊คบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนเที่ยง ยอดเงินรวมทั้งหมด 22,619.- บาท โดยมียอดสุดท้ายได้รับแจ้งจากคุณสติว่ามาจากคุณพุทธันดรหรือคุณแด๋นคนบุญใหญ่นั่นเอง โอนมา 1,000.-บาท แต่ยังหาผู้บริจาคไม่ได้อีก 1 ท่าน โอนมาในวันนี้อีก 200.-บาท ดังนั้นเรื่องสรุปรายชื่อ อาจจะทำสรุปทีเดียวปลายเดือนนี้เลยครับ พร้อมกับนำรายชื่อให้พี่ใหญ่ทราบและโมทนาตามวิธีการของท่านเพื่อฝากบุญไว้กับท่านองค์ใหญ่ในภัทรกัปป์ คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามพระกกุธสันโท นั่นเอง

    ในการอัพเดทฯ นี้ ผมและคุณสติได้เบิกเงินออกมาจากบัญชี จำนวนเงิน 7,500.-บาท คงเหลือในบัญชี ณ วันที่ 6/12 นี้ จำนวนเงินทั้งสิ้น 15,119.-บาท ซึ่งสมุดบันทึกการเบิกจ่ายได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วกำลังทยอยบันทึกบัญชี เพื่อเตรียมสรุปยอดเสนอต่อประธานที่ปรึกษาและคณะทำงานในวันประชุมตามข้อบังคับในแต่ละเดือนต่อไป

    ทีนี้มาว่าถึงโครงการทำบุญในวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2550 นี้ มีกำหนดการและประมาณการทำบุญดังนี้

    1.ช่วงเช้าประมาณ 7.00 น. คณะทำงานและครอบครัวจะไปยัง รพ.สงฆ์เพื่อประเคนอาหารกล่องให้แก่พระสงฆ์ที่ตึกกระดูกทั้งตึก จำนวน 58 รูปทั้งหมด โดยเมื่อประเคนเสร็จพระท่านจะยถาฯ ให้ เมื่อเสร็จจากกลุ่มหนึ่ง ก็จะไปอีกกลุ่มหนึ่ง ท่านก็จะยถาฯ เหมือนกัน จนกว่าจะครบ คิดว่าจะกว่าจะเสร็จก็คงเหนื่อย เพราะวิ่งขึ้นลงหลายชั้น แล้วเราต้องประเคนถึงเตียงท่านองค์ต่อองค์ ในรายการนี้ จะใช้เงินทั้งหมด 1,450.-บาท (อาหารกล่องๆ ละ 25.-บาท)

    2.เงินที่เหลือจากข้อ 1. จำนวนเงิน 6,050.- บาท จะนำมาแยกเป็น 2 กองดังนี้
    2.1 จำนวนเงิน 2,050.-บาท จะนำไปบริจาคซื้อเลือดเพื่อถวายพระ
    สงฆ์ที่อาพาธ และต้องการใช้เลือดจากการบริจาค
    2.2 จำนวนเงิน 4,000.-บาท จะนำไปถวายเข้ากองกลางของ รพ.
    เพื่อสมทบเข้ามูลนิธิของ รพ.สงฆ์สำหรับใช้ในการรักษาอาการ
    เจ็บป่วยของพระสงฆ์ที่หมุนเวียนกันมาเข้ารับการรักษา ณ รพ.
    แห่งนี้

    โดยการทำบุญในรายการที่ 1 และ 2 นี้จะทำในวันเดียวกัน และจะได้นำใบอนุโมทนา หรือใบเสร็จรับเงินมาแสกนให้ดู และเก็บไว้ในแฟ้มหลักฐานการเงินของทุนนิธิต่อไป

    หลังจากการทำบุญข้างต้นตามรายการที่ 1 และ 2 แล้ว คณะทำงาน จะได้เดินทางไปบ้าน อ.ประถมฯที่ จ.ชลบุรี เพื่อนำบุญ และสมุดบัญชีไปให้ท่านได้ โมทนาบุญ และเยี่ยมเยียนครูอาจารย์ที่เคารพ หลังจากนั้น คณะฯ จะได้นำสังฆทานที่นำไปเองเดินทางไปถวายหลวงปู่อ่อนศรี ซึ่งเป็นพระศิษย์สายท่านอาจารย์มั่น ที่วัดถ้ำประทุน เพื่อถวายบุญและนำสมุดบัญชีทุนนิธิที่มีรายชื่อของทุกท่านให้หลวงปู่ฯ ท่านโมทนาด้วย โดยคาดว่าจะออกจากบ้าน อ.ประถมฯ ราว บ่ายโมงครึ่ง เพื่อไปให้ถึงวัดก่อน 3 โมงเย็น โดยได้ทราบจากพี่จิ๋ว ลูกชาย อ.ประถมฯ ด้วยว่า อาจารย์อยากจะไปด้วยเช่นกัน

    กำหนดการ และประมาณการค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็คงจะมีอยู่แค่นี้ สำหรับเดือน ธันวาคม เดือนมหามงคลนี้ สำหรับเดือนต่อไป ก็จะทำอย่างนี้เช่นเดิม

    สำหรับท่านที่ต้องการจะไปร่วมงานบุญตั้งแต่ประเคนอาหารกล่อง หรือได้ร่วมโมทนาบุญข้างต้น คณะทำงานขอเชิญเลยครับ มาช่วยกัน มารับการโมทนาจากพระสงฆ์ 58 รูป ในวันเดียวกัน ทำกันให้เห็นๆ นี่ละ ทำทุกเดือน ปีนึง ตกประมาณ 600 โมทนา ชีวิตมันจะไม่มีอะไรดีขึ้นก็ให้มันรู้ไปครับ



    สำหรับเรื่องเดิมที่จะนำเงินบริจาคไปช่วย พระที่ จ.สุรินทร์ที่พระสมรัก แจ้งเป็นเรื่องด่วนไว้ จำนวนเงิน 2,000.-บาทนั้น วันนี้ก่อนเที่ยง ผมได้โทรคุยกับพระสมรักแล้ว จึงทราบว่า พระองค์ที่เจ็บป่วยนั้น ท่านเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยได้รับเงินบริจาคกว่า สองแสนบาท และในขณะนี้แพทย์ให้ออกจาก โรงพยาบาลที่รักษาตัวกลับไปยังวัดแล้ว โดยคาดว่าจากอาการของโรคในระยะสุดท้ายท่านคงทราบตัวเองดี พระสมรัก จึงของดบริจาค แต่ยังคงมีอีกองค์หนึ่งซึ่งปวดศรีษะโดยไม่ทราบสาเหตุมาราว 4 ปีแล้ว ต้องการมาทำ tc scan ที่ รพ.ศิริราช ซึ่งหากพระสมรัก ติดต่อกับ รพ. ได้แล้ว จะได้ขึ้นกระทู้เพื่อรับบริจาคอีกครั้ง ผมจึงได้นำเงินที่เตรียมบริจาคไว้ตั้งแต่แรกปัดเข้า รพ.สงฆ์หมดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  16. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    อีกที่ถ้าจัดเวลาได้พอควรไปกราบไหว้ไว้เป็นศิริมงคลคือ หลวงพ่อเฉย พระพุทธรูปที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดใหญ่อินทรารามเพราะท่านผู้รู้บอกมาว่ามีญาณขององค์พระพุทธเจ้ากกุสันโธ องค์ปฐมแห่งภัทรกัปป์นี้

    งานนี้คงต้องหอบบุญกลับบ้านกัน ท่านใดสนใจไปร่วมกันติดต่อมาได้ยินดีทุกท่าน อาทิตย์นี้ 7 โมงเช้าเริ่มที่โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรก ไปทำบุญ กับมือ กับตา กับใจ ครับ

     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,790
    ค่าพลัง:
    +16,105
    ลองดูบัญชีครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,293
    คติธรรมคำสอน ของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
    เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) กล่าวว่า เคล็ดลับสู่ความสำเร็จสุดยอดในทางธรรม คือ จะต้องมีสัจจะอันแน่วแน่และมีขันติธรรมอันมั่นคง จึงจะฝ่าฟันอุปสรรค บรรลุความสำเร็จได้

    อาตมามีกฎอยู่ว่า เช้าตีห้าไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง อากาศจะหนาว ต้องตื่นทันที ไม่มีการผัดเวลา แล้วเข้าสรงน้ำ ชำระกายให้สะอาด แล้วจึงได้สวดมนต์และปฏิบัติสมถกรรมฐานหนึ่งชั่วโมง พอหกโมงตรงก็ออกบิณฑบาต เพื่อปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ฝึกจิตให้ได้ผลต้องตรงต่อเวลา กลับจากบิณฑบาตแล้ว ก็เอาอาหารตั้งไว้ ตักน้ำใส่ตุ่ม เสร็จแล้วฉันอาหารเช้า โดยปกติอาตมาฉันมื้อเดียวเว้นไว้มีกิจนิมนต์ จึงฉันสองมื้อ สี่โมงเช้าถึงเที่ยง ถ้ามีรายการไปเทศน์ ก็ไปเทศน์ตามที่นัดไว้ วันไหนไม่ติดเทศน์ก็จะปิดประตูกุฏิทันที ไม่ให้ใครๆเข้าไป ในช่วงเวลานั้นเป็นเวลาศึกษาตำรา เวลาบ่ายโมงจึงออกรับแขก บ่ายสามโมงไม่ว่าใครจะมาอาตมาจะให้ออกจากกุฏิไปหมด เพราะถึงเวลาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ฉะนั้น จุดสำคัญจงจำไว้ เราจะปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น ต้องมีสัจจะเพื่อตน โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร ถึงเวลาทำสมาธิต้องทำ ไม่มีการผัดผ่อนใดๆ ทั้งสิ้น
    หลักการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
    1. จะต้องมีสัจจะต่อตนเอง
    2. จะต้องไม่คล้อยตามอารมณ์ของมนุษย์
    3. พยายามตัดงานในด้านสังคมออก และไม่นัดหมายใครในเวลาปฏิบัติกรรมฐาน

    ดังนั้นเมื่อจะเป็นนักปฏิบัติธรรมจำเป็นจะต้องมีกฎเกณฑ์ของเราเพื่อฝึกจิตให้เข้มแข็ง

    ทางแห่งความหลุดพ้น
    เจ้าประคุณสมเด็จฯ มักจะกล่าวกับสานุศิษย์ทั้งหลายอยู่เสมอว่าชีวิตมนุษย์อยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปีก็ต้องตายและถูกหามเข้าป่าช้า ดังนั้นจึงควรประพฤติปฏิบัติอยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา เพื่อให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏท่านเปรียบเทียบว่า มนุษย์อาบน้ำ ชำระกายวันละสองครั้งเพื่อกำจัดเหงื่อไคลสิ่งโสโครกที่เกาะร่างกาย แต่ไม่เคยคิดจะชำระจิตให้สะอาดแม้เพียงนาที ด้วยเหตุนี้ ทำให้จิตใจของมนุษย์ ยุคปัจจุบันเศร้าหมองเคร่งเครียดและดุดัน ก่อให้เกิดปัญหาความพิการในสังคมความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน จนกระทั่งเกิดความขัดแย้ง และกลายเป็นสงครามมนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกัน

    แต่งใจ
    ขอให้ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองให้จงดีเถิดว่า ร่างกายของเรานี้ไฉนจึงต้องชำระทุกวันทั้งเช้าและเย็นจะขาดเสียไม่ได้ทั้งที่หมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ แต่ยังมีกลิ่นไม่น่าอภิรมย์ออกมา แม้จะพยายามหาของหอมมาทาทับ ก็ปกปิดกลิ่นนั้นไม่ได้ ...ใจของเราล่ะ ซึ่งเป็นใหญ่กว่าร่างกายเป็นผู้สั่งบัญชางาน ให้กายแท้ๆ มีใครเอาใจใส่ชำระสิ่งสกปรกออกบ้าง ตั้งแต่เล็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันสั่งสมสิ่งไม่ดีไว้มากเพียงใด หรือว่ามองไม่เห็นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง ทำความสะอาดหรือ

    กรรมลิขิต
    เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้ ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต

    อดีตกรรม ถ้ากรรมดี เสวยอยู่
    ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว ย่อมลบล้าง
    อดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล วิบากตน
    ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง
    เรื่องกฎแห่งกรรม ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว เขาถือว่าเป็นกฎแห่งปัจจังตัง ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เอง ถึงเอง แล้วจึงจะเข้าใจ

    นักบุญ
    การทำบุญก็ดี การทำสิ่งใดก็ดี ถ้าเป็นการทำตนให้ละทิฏฐิมานะทำเพื่อให้จิตเบิกบาน ย่อมเสวยบุญนั้นในปรภพ มนุษย์ทุกวันนี้ทำแบบมีกิเลส ดังนั้น บางคนนึกว่าเข้าสร้างโบสถ์เป็นหลังๆ แล้วเขาจะไปสวรรค์หรือเปล่า เขาตายไปอาจจะต้องตกนรก เพราะอะไรเล่า เพราะถ้าเขาสร้างด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นการทำเพื่อเอาบุญบังหน้าในการเสวยความสุขส่วนตัวก็มี บางคนอาจเรียกได้ว่าหน้าเนื้อใจเสือ คือข้างหน้าเป็นนักบุญ ข้างหลังเป็นนักปล้น


    ละความตระหนี่มีสุข

    ดังนั้นบุญที่เขาทำนี้ถือว่า ไม่เป็นสุข หากมาจากการก่อกรรม บุญนั้นจึงมีกระแสคลื่นน้อยกว่าบาปที่เขาทำเอาไว้หากมีใครเข้าใจคำว่า บุญ นี้ดีแล้ว การทำบุญนี้จุดแรกในการทำก็เพื่อไม่ให้เรานี้เป็นคนตระหนี่ รู้จักเสียสละเพื่อความสุขของผู้อื่น ธรรมดาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อมีทุกข์ก็ควรจะทุกข์ด้วย เมื่อมีความสุขก็ควรสุขด้วยกัน

    อย่าเอาเปรียบเทวดา
    ในการทำบุญ สิ่งที่จะได้ก็คือ ระหว่างเราผู้เป็นมนุษย์เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้จะเป็นมงคล ทำให้จิตใจเบิกบานดีนี่คือการเสวยผลแห่งบุญในปัจจุบัน ทีนี้การทำบุญเพื่อจะเอาผลตอบแทนนั้น มนุษย์นี้ออกจะเอาเปรียบเทวดา ทำบุญครั้งใด ก็ปรารถนาเอาวิมานหนึ่งหลังสองหลัง การทำบุญแบบนี้เรียกว่า ทำเพราะหวังผลตอบแทนด้วยความโลภ บุญนั้นก็ย่อมจะไม่มีผล ท่านอย่าลืมว่า ในโลกวิญญาณเขามีกระแสทิพย์รับทราบในการทำของมนุษย์แต่ละคนเขามีห้องเก็บบุญและบาปแห่งหนึ่งอันเป็นที่เก็บบุญและบาปของใครต่อใครและของเรื่องราวนั้นๆ กรรมของใครก็จะติดตามความเคลื่อนไหวของตนๆนั้น ไปตลอดระหว่างที่เขายังไม่สิ้นอายุขัย

    บุญบริสุทธิ์

    การที่สอนให้ทำบุญโดยไม่ปรารถนานั้นก็เพื่อให้กระแสบุญนั้นบริสุทธิ์เป็นขั้นที่นึ่ง จะได้ตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ แต่ถ้าตามไม่ทันในปัจจุบันชาติ ก็ติดตามไปให้เสวยผลในปรภพ คือ เมื่อสิ้นอายุขัยจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ฉะนั้น เขาจึงสอนไม่ให้ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน สิ่งดีที่ท่านทำไปย่อมได้รับสนองดีแน่นอน

    สั่งสมบารมี

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับนักปฏิบัติธรรมแล้ว การทำบุญทำทานย่อมเป็นการส่งเสริมการปฏิบัติจิตให้บรรลุธรรมได้เร็วขึ้นเป็นบารมีอย่างหนึ่ง ในบารมีสิบทัศที่ต้องสั่งสม เพื่อให้สำเร็จมรรคผลนิพพาน

    เมตตาบารมี

    การทำบุญให้ทานเพียงแต่เรียกว่า ทานบารมี หากบำเพ็ญสมาธิจิตจนได้ญาณบารมี และโดยเฉพาะการบำเพ็ญทุกอย่างนั้น ถ้าท่านให้โดยไม่มีเจตนาแห่งการให้ ให้สักแต่ว่าให้เขาท่านก็ย่อมได้กุศลเรียกว่าไม่มากและทัศนคติของอาตมาว่าการบำเพ็ญเมตตาบารมีในภาวนาบารมีนั้นได้กุศลกรรมกว่าการให้ทาน

    แผ่เมตตาจิต

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า

    อานิสงส์การแผ่เมตตา
    ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเมื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเรา หรืออีกนัยหนึ่งว่าเราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้ เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหายเป็นปกติดั่งเดิมได้

    ประโยชน์จากการฝึกจิต
    ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิแน่วแน่ เมื่อจิตนิ่งก็รู้ตน เริ่มพิจารณาตน รู้ตนเองได้ ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญานี้เรียกว่า ปัญญาภายในจากจิตวิญญาณ ซึ่งเราจะใช้ปัญญานี้ได้แน่นอน เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นในชีวิตตลอดระยะเวลาอันยาวนานข้างหน้า นี่คือประโยชน์ของการฝึกจิตแล้ว คุณของสมาธิยังเป็นพลังป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัย เจ็บป่วยได้ กล่าวคือ การบำเพ็ญจิต จนจิตสงบนิ่งแล้ว ระบบต่างๆทางประสาทจะได้รับการพักผ่อน เป็นการปรับธาตุในกายให้เกิดพลังจิตเข้มแข็ง กายเนื้อก็จะแข็งแรงกระชุ่มกระชวยด้วย โลหิตในร่างกายจะหมุนเวียนสะดวกขึ้น ความตึงเครียดตามร่างกายและประสาทต่างๆ จะผ่อนคลายเป็นปกติ โรคต่างๆจะลดน้อยลงโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หายป่วยได้ด้วยการฝึกจิตและเดินจงกรม

    คัดลอกจากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากเว็บไซท์ http://www.phuttawong.net (พุทธวงศ์)
    ขอขอบพระคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลดีๆครับ
     
  19. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,293
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=big2 vAlign=bottom height=35>"ไม่ประมาท"ในธรรมสมาธิ มีอะไรบ้าง????</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%" border=0><TBODY><TR><TD class=text2 vAlign=center width="65%" height=30></TD><TD class=text2 vAlign=center align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=10 width="100%" align=center bgColor=#f4f4ff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff height=300><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์ตลอด 45 พรรษาแล้วทรงเปล่งปัจฉิมวาจาก่อนดับขันธปรินิพพาน ณ เมืองกุสินารา ว่า
    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"
    (มหาปรินิพพานสูตร ฑี.ม. 10/143/180)
    ความหมาย "ความไม่ประมาท"คือการที่สติกำกับตัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทำสิ่งใดๆ จะไม่ยอมถลำ สู่ทางเสื่อม และไม่ยอมพลาดโอกาสในการสร้างความดี.
    ซึ่ง "ความประมาท"ในธรรมปฏิบัตินั้น แท้จริงแล้ว อาจจำแนกได้ถึง 11 ประการคือ
    1. ไม่ทำกิจโดยเคารพ คือนั่งสมาธิไปอย่างนั้นๆ ไม่ศึกษาว่าทำถูกต้อง ถูกวิธีหรือไม่ ทำผิดก็คิดว่าทำถูก ทำน้อยก็คิดว่าทำมาก จึงได้รับผลไม่เต็มที

    2. ไม่ทำติดต่อกัน คือนั่งสมาธิแบบเดี๋ยวจริงเดี๋ยวหย่อน เหมือนธารน้ำที่ไม่เชื่อมต่อกัน ก็กลายเป็นร่องน้ำเป็นหย่อมๆ ไป

    3. ทำๆ หยุดๆ คือนั่งสมาธิไปช่วง เลิกนั่งไปอีกช่วงเหมือนกระแตที่วิ่งๆ หยุดๆ แม้ช่วงที่ได้นั่งสมาธิจะได้ผลอย่างดี แต่หากทำๆ หยุดๆ แล้วก็ ยากที่จะเอาดีได้ เหมือนนักกีฬาที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง หากซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้าง ก็ยากที่จะก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้

    4. ทำอย่างท้อถอย คือนั่งสมาธิเหมือนคนซังกะตายเหมือนลูกจ้างที่ทำงานไม่เต็มแรง

    5. ทอดฉันทะ คือทำแบบเลื่อนลอย ทำแบบหมดรัก"ความรัก" จะก่อให้เกิดพลังอย่างน่าอัศจรรย์

    6. ทอดธุระ อาการหนักกว่า ทอดฉันทะอีก คือไม่สนใจทำแล้ว

    7. ไม่ติด คือทอดธุระแล้วก็ชะล่าใจ ชักนั่งสมาธิไม่ติดแล้ว ผุดลุกผุดนั่ง

    8. ไม่คุ้น คือพอทิ้งไปมากเข้าบ่อยเข้า ครั้นมานั่งสมาธิอีก ก็เหมือนมาเริ่มต้นใหม่ เหมือนไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน รู้สึกอึดอัดขัดข้องไปหมดก็ต้อง อดทน...อดทน...แล้วก็ อดทน ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เอง ไม่ควรท้อถอย หรือหมดกำลังใจ

    9. ไม่ทำจริงๆ จังๆ คือทำแบบเช้าชาม เย็นชาม ทำพอได้ชื่อว่าทำ

    10. ไม่ตั้งใจทำ คือทำแบบถูกบังคับให้นั่ง ทำแบบให้คิดจะเอาดี อันที่จริงจะตั้งใจนั่งสมาธิกับไม่ตั้งใจช่วงเวลานั้นก็ใช้เวลาเท่ากัน ไหนๆ จะต้องเสียเวลาแล้วก็น่าจะทำให้ดีที่สุด

    11. ไม่หมั่นประกอบ คือนานๆ ทำที ทำที่ก็ทำแต่น้อย เช่นนั่งสมาธิปีละ3 ครั้งครั้งละ 10 นาทีเป็นต้น พระพุทธองค์ท่านทรงสอนให้เราสันโดษในปัจจัย 4แต่ไม่ใช่สันโดษในการสร้างความดี ความดีเป็นสิ่งที่ต้องสร้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    เหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ บัณฑิตไม่อิ่มด้วยความดี โดยเฉพาะความดีที่เกิดจากการนั่งสมาธิเจริญภาวนา
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#ffffff cellSpacing=1 cellPadding=5 width=250 align=center bgColor=#f4f4f4 border=0><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff><!-- [​IMG] -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากเว็บไซท์ http://www.phuttawong.net (พุทธวงศ์)
    ขอขอบพระคุณที่เอื้อเฟื้อข้อมูลดีๆครับ</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ขอร่วมทำบุญด้วยนะคะ โอนเงินแล้วตามสลิป อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...