สัมผัสในสิ่งมหัศจรรย์ การมองพระอาทิตย์ได้ด้วยตาเปล่า

เรื่องบางเรื่องรู้ได้เฉพาะตนคือต้องลองปฏิบัติด้วยตนเองจึงจะรู้ว่ามันมีจริงหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ลองก็อย่าไปปรมาสเค้าให้เป็นวจีกรรมแก่ตนเองเลยท่าน

 

ขออภัยด้วยนะครับ ที่ไม่ทราบถึงเจตนาอันแท้ของท่าน จขกท
แต่ถ้านำมาเพื่อประโยชน์ในการต่อยอดเจริญกรรมฐาน
ที่ท่านปฏิบัติอยู่ ด้วยจิตอันเป็นกุศล ผมก็ขออนุโมทนาด้วย

ผมเองก็เห็นด้วยกับท่าน ธรรม ชาติ และ ท่าน nopphakan ที่ได้กล่าวไว้นะ
คือ หากเราพิจารณาเห็นประโยชน์ มันก็เกิดประโยชน์ได้
หากเราพิจารณาเห็นว่าเป็นโทษ มันก็ย่อมจะเป็นโทษได้ เช่นกัน
ขอให้สังเกตดูอารมณ์ใจเราด้วยว่า สิ่งนี้เป็นไปเพื่อ กุศล หรือ อกุศล

บางท่านที่มีของเก่า เคยเพียรในทางด้านนี้มา ก็ไม่น่าเป็นห่วงสักเท่าไหร่
แต่ถ้าบางท่านไม่มีอะไรเลย และด้วยจิต ณ ปัจจุบัน ที่ยังรู้ไม่เท่าทันกิเลสตนเอง
จนเกิดความอยากจะได้ อยากจะมี อย่างเขา... (โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ศึกษาโดยตรง)
อันนี้เราต้องพิจารณามองไว้ทั้งสองด้านสองแง่ นะครับ ว่าเจตนาของเรานี้
จะนำมาซึ่งการก่อเกิดโทษ แก่เขาหรือไม่ ประโยชน์มากกว่า อย่างไร ?

จริง ๆแล้ว ก็ไม่ค่อยอยากจะแนะนำในทางนี้สักเท่าไหร่
เพราะอะไร ? ผมขอยกลิงค์มาให้อ่านนะครับ
คล้าย ๆ เรื่องเพ่งมองพระอาทิตย์นี่ล่ะ เคยเล่าไว้มานานแล้ว

[URL="http://palungjit.org/posts/6570243[/URL]


ก็ไม่ได้มีใครสอนให้ทำ และ เด็กที่อายุเพียงเจ็ดแปด ขวบ
คงจะยังไม่รู้จักว่า กสิณ คืออะไร อภิญญา คืออะไร ปัตจัตตัง คืออะไร
ซึ่งเป็นเพียงเพราะสภาวะที่เด็กมีความรู้สึก อยากรู้ อยากเห็น เท่านั้น

ยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ยังเผลอไปเพ่งมองอยู่บ้าง ก็พยายามจะลดละครับ
เพราะรู้ว่าโทษที่สะสมมาในวัยเด็กนั้น ตอนนี้ส่งผลใดแก่เราแล้ว...
จึงขอฝากไว้ให้พิจารณา และต้องขออภัยอย่างยิ่งด้วยครับ

 

ขอบคุณสำหรับทุกควาามคิดเห็น ตอนแรกตกใจเกี่ยวกับมีการบอกมาของคนที่โทรมาหาว่ากระทู้นี้โดนลบแล้ว แต่ณปัจจุบันเจ้าของเวปหรือผู้ดูแลได้นำกลับมาใหม่ ต้องขอขอบคุณที่เห็นเจตนารมณ์ของผมที่จะช่วยเหลือ มนุษย์ผู้ตกยาก และสิ่งที่ประเสริฐที่สุดคือการที่เราจะขอพรให้พ่อหลวงเราได้สุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน อยู่กับพวกเราไปนานแสนนาน

ขอบคุณครับ

 

เรื่องผู้ดูแลเว็บที่นำกระทู้คุณกลับมาผมเห็นด้วย

เพื่อเป็นมุมมอง และได้เห็นว่าแบบนี้ก็มี

ทางศาสนาพุทธสอนว่า "ไม่มีใครทำเราได้ นอกจาก เราทำตัวเราเอง"

เท่าที่เรียนมา ศีล ๕ ที่ทำให้คนเป็นปรกติ มีมาก่อน

ศาสนาพุทธในยุคนี้ หลักคำสอนลัทธิของคุณเป็นอย่างรล่ะ

ส่วนเรื่องพ่อหลวงคุณจะขอพรเหมือนเป็นการเคารพ เทิดทูน

หรือตอบแทน ก็ขออนุโมทนา แต่การที่จะทำให้พระองค์ทรงเบา

พระวรกาย และเบาพระทัย ลองหาศึกษาพระราชดำรัส

และน้อมนำมาปฏิบัติจะดีกว่าไหม?

 

ผมโทรไปหาคุณ snakejoke เมื่อสักครู่ครับ
ตอนแรกผมมองดวงอาทิตย์ไม่ได้เลย แต่พอคุณ snakejoke เปิดให้แล้วพอมองดวงอาทิตย์ได้บ้างครับ
แต่ที่น่าแปลกใจพอกลับเข้าที่ห้องแล้วผมเห็นนิมิตเหมือนกับตอนที่ฝึกกสิณไฟครับ

 

http://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&v=nGX61xq1Smw&NR=1

Stella:Lord Noctis... You can see the light...
(ท่าน ลอร์ด น๊อคติส ท่านเห็นแสงนั้น...)

Stella:Right?
(ใช่มั้ย?)

Stella: Was that what you were looking at from downstairs?
(นั้นคือสิ่งที่ท่านมองมาตั้งแต่ขึ้นบันไดมาเลยสินะ?)

Noctis:... Pretty much. When did you start seeing it?
(...ใช่ เธอเริ่มมองแสงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?)

Stella:When I was a child.
(ตั้งแต่ยังเด็กเลยคะ)

Noctis:A near death experience I presume?
(ฉันคิดว่านั้นคือ"ประสบการณ์เฉียดตาย"ใช่มั้ย ? )

Stella:Yes... you too?
(ใช่ ...ท่านด้วยหรอ?)

Noctis:It was pretty horrible...
(มันช่างน่าน่ากลัวจริงๆ)

Stella:The Goddess Etro shall open the gate welcoming the the souls of the dead.
(เทพธิดา เอทโทร จะเปิดประตูเพื่อต้อนรับดวงวิญญานของเหล่าคนตาย)

Stella:When that occurs, a bright light shall shine down through the skies from the land of the dead.
(ซึ่งเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น ดวงดาวจะส่องแสงอยู่ฟากฟ้าบนผืนแผ่นดินแห่งความตาย)

Stella:That is the legend.
(ซึ่งนั้นคือตำนาน)

Stella:It's a Tenebrae legend.
(ตำนานของ เทเนเบร (Tenebrae))

Noctis:We've got the same legend here.
(เรามีตำนานที่เหมือนๆกัน)

Stella: Did the light give you power?
(แสงนั้นให้พลังแก่ท่านหรือไม่?)

Noctis:No. I don't need anything like that. I'm fine how I am.
(ไม่ ฉันไม่ต้องการอะไรแบบนั้นหรอก ฉันสบายดีอยู่แล้ว)

Stella:I know, right?
(หม่อมฉันรู้ ถูกต้องใช่มั้ย?)

Stella:No matter what kind of power it is, if it's at the cost of somebody's life...
(ไม่ว่าพลังเหล่านั้นจะเป็นชนิดไหน แต่ถ้าต้องมาจากชีวิตของใครสักคน...)

Stella:It would give me nightmares.
(มันเป็นฝันร้ายของหม่อมฉันเลยทีเดียว)

Noctis:Same. It's a ridiculous bedtime story... You shouldn't talk to other people about the light.
(เช่นเดียวกัน มันเป็นนิทานก่อนนอนที่น่าหัวเราะมาก ... เธอไม่ควรไปคุยกับคนอื่นเรื่องแสงนั้นนะ)

Stella:How come?
(อย่างไร?)

Noctis:Being different from others can cause a lot of trouble...
(ความแตกต่างของผู้อื่น สามารถสร้างปัญหาได้มากมาย)

Noctis: Don't you think?
(เธอไม่คิดว่างั้นหรอ?)

Stella:But if it's just a bedtime story, what do you think the light really is?
(ถ้านั้นคือนิทานก่อนนอน ท่านคิดว่านั้นคือแสงอะไร?)

Noctis:It's just something that's there.
(ก็แค่บางอย่างที่อยู่บนนั้น)

Noctis:Isn't that good enough?
(แค่นั้นก็ดีพอแล้วนี่?)

Noctis:Um...
(อืม...)

Stella:Stella.
(สเตลล่า)

Noctis:Stella... I should be going.
(สเตลล่า ฉันคิดว่าฉันควรต้องไปได้แล้ว)

Stella:Thank you for your time, Prince Noctis.
(ขอขอบคุณสำหรับเวลาของท่าน เจ้าชาย น๊อคติส)

Noctis:Just Noct is fine.
(เรียก น๊อค ก็พอ)

Stella:... I have to go too.
(หม่อมฉันก็ต้องไปแล้วเช่นกัน)

Stella:I feel like I've received something from the light tonight.
(ในคืนนี้ หม่อมฉัน รู้สึกว่าได้รับอะไรบางอย่างจากแสงนั่น)

Stella:... I got a chance to speak with you.
(...ที่ได้คุยกับท่าน)

Noctis:Well now you'll have nightmares.
(ดีล่ะ ตอนนี้เธอเจอฝันร้ายแล้วล่ะ)

Stella:You're mean one aren't you, Prince Noctis.
(ท่านนี้ใจร้ายจังนะ เจ้าชายน๊อคติส)

Noctis:Noct.
(น๊อคท์)

Stella:I'll call you that the next time we meet.
(หม่อมฉันจะเรียกท่านเช่นนั้นแล้วกันเมื่อเราได้พบกันครั้งต่อไป)

Stella:You should come to Tenebrae some time. I'll show you around.
(ท่านน่าจะมาเยี่ยมเยือน Tenebrae บ้างนะ หม่อมฉันจะได้พาท่านเที่ยวชม)

Noctis:That sounds interesting. I'll think about it.
(น่าสนใจนะ จะเก็บไปคิดแล้วกัน)

?:Who are you?
(ใครน่ะ?)

จบไปจากบทสนทนาระหว่าง สองพระนางคู่นี้ จากทั้งวีดีโอรวมถึงบทสนทนานนั้น เผยบางอย่างว่า ทั้งตัว น๊อคติส และ สเตลล่า ไม่ตระหนักถึงพลังที่พวกเขาทั้งคนได้รับ น่าแปลกตรงที่พวกเขาสามารถเห็น"แสง"ได้ตั้งแต่ยังเด็ก แสดงว่าพลังนั้นหลับไหลอยู่ในตัวทั้ง 2 แล้ว เพียงแค่รออะไรบางอย่างปลุกขึ้นมา หรือเปล่า?

 

เรื่องจริงหรือพูดเล่นครับเนี่ย แล้วถ้าเรื่องจริง ท่านมองทะลุเสื้อผ้าด้วยหรือเปล่าครับ (ถ้าได้จะเปิดตาด้วยครับ แฮะ ๆๆๆๆ)

 

ผมก็สามารถทำได้ครับ แต่ผมไม่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้เหมือนคุณ

 

ข้อพึงระวังในการดูดวงอาทิตย์ !!

1. การจ้องดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า จะทำให้ตาบอดในระยะยาว
2. การดูดวงอาทิตย์ผ่านกล้องโทรทรรศน์โดยปราศจากแผ่นกรองแสงอาทิตย์ จะทำให้ตาบอด
ในทันที
3. การจัดกิจกรรมดูดวงอาทิตย์ จะต้องมีผู้มีความรู้กำกับอยู่ตลอดเวลา

notice : คำว่าระยะยาวก็คงพอจะรู้นะ ว่าบั้นปลายชีวิตของพวกท่านจะเป็นเช่นไร?? หากพวกท่านยังไม่เชื่อ ผมเตือนคุณแล้ว

 

ผมเคยดูสารคดีอันหนึ่งที่สาววัยชราชาวจีนในชนบทตาเธอบอด เพราะสมัยสาวๆเธอชอบเพ่งมองอวงอาทิตย์ และทำงานในไร่กลางแดดจ้าทุกวัน

 

ดวงตามีคู่เดียว เสียหายไป ลำบากนะครับ ใครจะใช้วิธีนี้มีวิธีอื่นเยอะแยะ ที่จะปฏิบัตินะครับ

 

มาพูดถึงการทำให้คนมองเห็นแล้วบางคนมองได้ยากหลี่ตาหรือมองได้ไม่นาน บางคนมองได้นานในครั้งเดียวสรุปคือ
1. คนที่มีกุศลมูลเดิมสูงและเคยเป็นฤาษีฝึกการมองพระอาาทิตย์นั้น แค่ได้คุยกับผม ผมก็สามารถเปิดได้โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย (จิตจะเปิดรับโดยอัตโนมัติ)
2. คนที่มุศลมูลเดิมต่ำลงมาจากระดับที่1.ต้องมีการสวดแบบสั้น คือสัญญานะแล้วสูดลมหายใจเข้าทำห้าครั้ง และขอชื่อนามสกุลจริงเพื่อการขออนุญาติจากเบื้องบน
3. สุดท้ายสำหรับคนที่มีกุศลในระดับต่ำลงมาอีก ต้องโทรคุยกันและพาสวดบทยาว คือ สายสัญญานะ สูดลมหายใจเข้า ทำห้าครั้ง สายนะมะทะนะ ทินะทินะ พะนะมะมินะ สายพัดจุฬียะ อุดถัง อุดถัง นาคราช นะ นะ นะ นะ โสดพัดจุฬี สายปั่นๆหายสายเหล็กไหลลงค์สิทธิ์พระเนินสัญญา ขอองค์พระสุริยะ องค์ต้นบรมครู จงประทานพรให้ข้าพเจ้าเห็นพระอาทิตย์ด้วยเถิด และกุศลที่ข้าพเจ้าได้มองพระอาทิตย์ขอมอบให้แก่ มารในกาย เทพในการ อย่าได้มาต้านการมองพระอาทิตย์เลย ขออนุโมทนาบุญ สัญญาสายนะ แล้วก็มองพระอาทิตย์

คือต้องขอพรให้เทพกับมารในการ เพราะเขาจะเป็นตัวต้านทำให้เรามองได้ไม่นานหรือยังเคืองตาอยู่ สุดท้ายก็จะมองได้แบบสบายตาครับ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกระทู้ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และการมองในระยะยาวที่ว่าจะทำให้ตาบอดนั้น คงไม่จริงครับ ถ้ามองได้ก็จะไม่ตาบอดพระแสงไม่ได้ทำลายสายตา ยกตัวอย่างเคสศึกษา คือคุณยายอายุ72ปี ปฏิบัติสายสัญญาบารมีมา 4 ปี ท่านผ่าตัดต้อกระจกมาไม่านานมานี้ หมอตาบอกห้ามมองแสงแดด ถ้ามีแสงให้ใส่แว่นดำตลอดเวลา แต่ท่านก็เชื่อผม ลองมองพระอาทิตย์ สุดท้ายก็มองได้แบบเย็นตา ตอนนี้ตาสู้แสงอาทิตย์ได้และไม่ใส่แว่นเลย คนสายตาสั้น สายตาเสีย ก็มีมาขอให้ผมทำให้มองพระอาทิตย์ได้ ผมก็ประทานพรไป เขาก็บอกว่าเขาสบายตาเมื่อมองพระอาทิตย์ ดังนั้นผู้ไม่เชื่อก็ไม่ว่าอะไร หลักวิทยาศาตาร์ไม่สามารถมาใช้วัด หลักอภิญญาได้ นานาจิตตังครับ

 

กาลามสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อน ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ความเชื่อไม่ผิดหรอกครับถ้าไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แต่ต้องดูด้วยว่าทำอย่างนั้นแล้วเราจะได้ประโยขน์อะไรจากความเชื่อนั้นๆด้วยนะครับ

 

ได้ไปทำบุญเพื่อประเทศ คงมีโอกาสได้เจอกันนะครับ
วันที่5 ไปที่นครสวรรค์ไปงานบวงสรวงอย่างาหนึ่งนี่แหละ
วันที่ 8 ไปสุพรรบุรีไปยกช่อฟ้า ไปบรรจุหัวใจเพชรพญานาคกับหลวงพ่อปาน
วันที่ 9 ไปกาญจนบุรีไปเทปูนหล่อพระปฐม บรรจุเพชรพญานาคกับบรรจุแผ่นโภคทรัพย์

คงได้เจอกันสำหรับคนที่เข้ามาอ่านในเว็ปพลังจิต นะครับผม

 

วันนี้ได้โทรหาคุณjokeแล้วได้ทำตามที่คุณjokeบอก มองพระอาทิตย์แล้วไม่แสบตาสำหรับผมเป็นจริงครับ สิ่งใดถ้าทำแล้วเราเจริญในการปฏิบัติ ผมว่าน่าจะลองดูนะครับ .....ขอกราบอนุโมทนา สาธุในสิ่งที่คุณjokeทำครับ...............คนไทยถ้าตั้งใจไม่แพ้ชาติใดในโลก...........

 

วันนี้เดินทางครับไปกทม. ตื่นตีสี่ อาบน้ำแต่งตัว เขาห้องพระ ดับล้าง ลงองค์พระธรรม แล้วเตรียมตัวเดินทาง เพื่อน พี่ น้องคนไหน ที่อยู่กทม. ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันนะครับ ผมพักอยู่แถวมีนบุรี และวันที่11-12จะไปทำเรื่องเรียนต่อที่ราม ถ้าใครอยู่ใกล้ก็ไปทักทายกันได้นะครับ

 

พานบายสีสู่ขวัญที่ทำพิธีพราหมณ์ ที่วัดหลวงพ่อเดิม จ.นครสวรรค์ ร่วมสร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อเดิม

โดยช่วงที่ทำพิธี ตอน พี่ชายที่ทำหน้าที่เป็นพราหมณ์สวดขนผมลุกขึ้นทั้งตัว สัมผัสถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านมาอำนวยการ และในที่สุดผมก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นคือ สามารถมองฟ้าในเวลากลางคืนจะเห็นแสงเป็นสิบดวงติดตา เวลามองฟ้า และมองดวงดาวมีการเคลื่อนที่มากกว่าเดิม เห็นดาวตกบ่อยขึ้น และดาวแต่ละดวงจะมีแสงรอบตัวออกมารอบๆและมีการเคลื่อนที่ไปมาได้ระยะสั้นๆครับ

 

ภาพที่เกิดขึ้นจากขอบารมีองค์พระสุริยะให้ข้าพเจ้าเดินทางได้ปลอดภัย โดยไปกทม. และก็เกิดเหตุการณ์เล็กๆน้อยๆคือมีมารมาทำให้เจ็บหัวใจ ปวดแขนซ้ายขวาปวดหลัง แต่ก็หายปวดเมื่อถึงกทม.ครับ

 

คุณ จขกท. ทำหน้าที่เกี่ยวกับพลังพิเศษมานานแค่ไหนครับ
พอดี ไม่มีอะไรจะถาม ก็ถามไปอย่างนั้น ไม่ซีเรียสนะครับ

 

ผมยืนยันว่าคุณไม่ได้บ้า ผมก็ชอบมองเล่นเองมาก่อนแต่ผมมองเห็น
เป็นรูปคนยืนอยู่เงาดำๆ ข้างพระอาทิตย์เลยเรียกท่านว่าพระอินราชา
เมื่อสักครู่พออ่านกระทู้คุณผมก็ลองไปมอง ผมมีชื่อว่าศรีอารีย์ ผมรู้
สึกว่าตัวเองคือ ปลาบู่ ที่ทำนายว่าเขื่อนแตก ผมชอบมองแต่มองไม่นาน
เพราะเบื่อ แต่ผมยืนยันว่าคุณมีของเก่า เรื่องฤษี พอผมมองเสร็จเดินกลับมาเล่นคอม
ตาผมมันกับมีพลังด้าน ตาทิพย์เพิ่มขึ้น เพราะผมมีทิพย์จักษุยาน มองแล้วเห็น พลังงาน
สีดำ คือวิญญาณ คนตลอดเวลา ถ้าเพ่งทำสมาธิ สักแปปเดียว ผมรู้สึกระลึกชาติได้
แถมผมเคยมาคุยกับคุณไปรอบแล้วในชาติก่อน นี่คือการกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ผมรู้คุณมา นครสวรรค์ วัดหลวงพ่อเดิมเพราะผมอ่านกระทู้คุณ คุณมีความเกี่ยวเนื่องกับผมในชาติก่อน
ผมมีกระทู้ตามไปอ่านได้ ผมยังสงสัยว่าพอหลับตา ภาพดวงอาทิตย์ติดตาเหมือนตอนผมเพ่งแสงเทียน
ช่วงที่อยากฝึก กสิน แต่มันเป็นอะไรที่ผมเบื่อเลยเลิก ผมมามุ่งเรื่องสร้างความเชื่อให้คนเชื่อว่าผมคือปลาบู่
คุณพอจะมองเห็นอะไรไหมว่าผมคือ ปลาบู่จริงไหม

http://palungjit.org/threads/มีเรื่องแปลกเกิดกับผมข้อมูลดันไปตรงกับคำนายน้ำท่วมก่อนที่ผมจะมาเข้าเวปนี้.424781/page-9