พุทธภูมิ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ธรรมะ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย IT Man, 23 เมษายน 2012.

  1. talkingjit

    talkingjit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +80
    การเดินทางไปปฎิบัติธรรมที่วัดภูดานไห

    เมื่อวันที่ 4-10 พ.ค. 2555 ผมและครอบครัวได้เดินทางไปกราบนมัสการพระพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ที่วัดภูดานไห จ.กาฬสิน เพื่อให้ท่านช่วยชี้แนะแนวทางในการปฎิบัติธรรม ซึ่งท่านได้สั่งสอนชีัแนะแนวทางปฎิบัติธรรมที่ถูกต้องให้กับผมและตรอบครัวอีกทั้งยังมีเมตตาให้คณะของผมได้ออกบิณฑบาตรกับท่านในตอนเช้าพร้อมกับครูร่วมชาติ และคุณภูเบสซึ่งได้เดินทางมาสมทบ และยังได้พาคณะของผมไปกราบพระพุทธบาทน้ำทิพย์อีกด้วย ตลอดระยะเวลาที่ผมได้อยู่ปฎิบัติธรรมกับท่านที่วัดภูดานไห ท่านไดัเมตตาดูแลคณะของผมเป็นอย่างดี ผมขอ กราบ กราบ กราบ ท่านดัวยตวามเคารพและเทอดทูน และผมได้ถ่ายรูปมาให้ดู มีบางรูปที่แปลกๆมาให้พิจารฌากันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2012
  2. ทิพย์ธรรม

    ทิพย์ธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +24
    จากที่ดิฉันและครอบครัวได้ไปกราบองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ที่วัดภูดานไห เมื่อวันที่ 4-10 พค.55 ซึ่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้เมตตา จนดิฉันและครอบครัวรับรู้ถึงกระแสแห่งความเมตตาที่ท่านมีให้ตลอดเวลาที่อยู่ปฏิบัติธรรมที่ภูดานไห จนถึงเวลาที่ต้องลากลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ภาพขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านเมตตามาส่งยังติดอยู่ในใจมิรู้ลืม ดิฉันขอกราบ กราบ กราบ ท่านด้วยความเครารพเหนือเศียรเกล้าตลอดจนไปค่ะ
     
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    "เรากล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ เราไม่กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นกล้าทำ
    เราหยุดในสิ่งที่คนอื่นไม่หยุด เราไม่หยุดในสิ่งที่คนอื่นหยุด"

    ขอนอบน้อมกราบ กราบ กราบ องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
    ไว้เหนือเศียรเกล้าตลอดเวลา

    ขอขอบคุณและโมทนาบุญกับท่านภูเบศวร์และญาติธรรมทุกท่าน
    ที่ได้ร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์จากการเข้าปฏิบัติศึกษาธรรมะ
    ณ พุทธสถานภูดานไห ในวาระวันฉัตรมงคล,วันพืชมงคลปี 55

    IT Man/14.05.55
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สรุปยอดทำบุญร่วมสร้างกุฏิคุณแม่ชม
    และหรือ ร่วมสร้างห้องน้ำ ห้องส้วมในพุทธสถานภูดานไหดังนี้

    1. คุณสมบัติ เพ็งพล 5,000-
    2. คุณอภิชน ประมุข<!-- google_ad_section_end --> 1,001-
    3. คุณจักราธร 509-
    4. ท่าน ดร.นนต์ 3,000-
    5. คุณหนุ่ม (พยัคฆภูมิพิสัย,มหาสารคาม) 1,000-
    6. คุณพิเชฐ (สมาชิกธรรม) 1,000-
    7. คุณปรเมษ แผนวงษ์ 900-
    8. คุณสุรีรัตน์ เหลืองสุริยา 1,000-
    9. คุณเก่ง 100 บาท
    10. คุณครูสมลักษณ์ 2,000-
    (อ้างอิง)
    11. คุณภูเบศวร์ 2,000-
    12. คุณสมรชัย 5,000-

    รวม 22,510 บาท
    โมทนาสาธุในบุญกุศลนี้ทุกประการครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  5. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    <TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 6130877" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=center>ทิพย์ธรรม</TD><TD class=alt1>จากที่ดิฉันและครอบครัวได้ไปกราบองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ที่วัดภูดานไห เมื่อวันที่ 4-10 พค.55 ซึ่งองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้เมตตา จนดิฉันและครอบครัวรับรู้ถึงกระแสแห่งความเมตตาที่ท่านมีให้ตลอดเวลาที่อยู่ปฏิบัติธรรมที่ภูดานไห จนถึงเวลาที่ต้องลากลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ภาพขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านเมตตามาส่งยังติดอยู่ในใจมิรู้ลืม ดิฉันขอกราบ กราบ กราบ ท่านด้วยความเครารพเหนือเศียรเกล้าตลอดจนไปค่ะ<!-- google_ad_section_end --> </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่ได้ร่วมเดินทางไปปฏิบัติธรรมและร่วมสร้างพุทธสถานภูดานไหกับพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ในวาระนี้ ขอความสุขความเจริญ แลสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรม จนกว่าจะเข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    14 พฤษภาคม 2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2012
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    งดงามหลายครับ ยินดีนำเด๊อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ธรรมะ 7 ข้อของหลวงปู่ขาว อนาลโย

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    ธรรมะ 7 ข้อของหลวงปู่ขาว อนาลโย


    ๑. พระพุทธเจ้าว่าเราเป็นผู้แนะนำสั่งสอนทาง ทางออกจากโลกก็ดี ทางไปสวรรค์ก็ดี ทางไปนิพพานก็ดี เราตถาคตเป็นผู้แนะนำสั่งสอนให้เท่านั้นแหละ ตนนั่นแหละ พวกอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายต้องทำเอาเอง แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระสาวกทั้งหลายก็ทำเอาเองทั้งนั้น ตนและทำให้ตน ตนจะออกจากโลกก็แม่นตนตั้งอกตั้งใจทำใส่ตน ตนจะติดอยู่ในโลกก็แม่นใจของตนมาอยากไป เพราะหลงตนหลงตัว

    ๒. ธรรมทั้งหลาย จะทำดีทำกุศลก็ใจนี่แหละเป็นผู้ถึงก่อน เป็นผู้ถึงพร้อม จะทำบาปอกุศลก็ใจนี่แหละ จะผ่องแผ้วแจ่มใสเบิกบานก็ใจนี่แหละ จะเศร้าหมองขุ่นมัว ก็ใจนี่แหละ ใจเศร้าหมองขุ่นมัวแล้วก็ไม่มีความสุขอยู่ในโลก จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข ครั้นใจผ่องแผ้วละก็ พระพุทธเจ้าท่านว่า มนะสาเจปนะสันเนนะ บุคคลผู้มีใจผ่องแผ้วดีแล้ว แม้จะพูดอยู่ก็มีความสุข แม้จะทำอยู่ก็มีความสุข ตโตนะ สุขะมัธเนวติ อยู่ที่ไหน ๆ ก็มีความสุข มีความสุขเหมือนเงาเทียมตนไป

    ๓. ทุกข์เป็นของจริงอันประเสริฐ มันมาจากไหน ค้นขึ้นไปซิ เห็นแต่ว่ามาจากโง่นั่นแหละ ดวงจิตเป็นผู้โง่ มันจึงต้องเป็น ต้องเดือนร้อน มันจึงใคร่ มันจึงปรารถนา มันจึงอยากเป็นนั่นเป็นนี่ มันไม่อยากเป็นนั่นเป็นนี่เพราะเกลียด เพราะชัง มันชังมันก็ไม่อยากเป็น แล้วก็หาของมาแก้ไข หาคิดอีหยังมาทา หนังเหี่ยวก็เอามาทา ลอกหนังออก มันได้กี่วัน มันก็เหี่ยวอย่างเก่า

    ๔. อวิชชา (เป็นเหตุ) ให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป ท่านว่าให้ดับความโง่อันเดียวเท่านั้น ผลดับหมด เพราะธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ ธรรมทั้งหลาย ดีก็ดี ชั่วก็ดี ไหลมาแต่เหตุ คือความโง่ ความไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นตัวเป็นตน ก็ได้รับผลเป็นสุข เป็นทุกข์สืบไป ท่านเรียกว่า วัฏฏะ การวน วนไม่มีที่สิ้นสุด

    ๕. จิตเมื่อทำความชั่วไว้แล้วมันก็ไม่ลืม ใครไม่ต้องการสักคนหมดทั้งนั้นความชั่วบาปกรรม ให้คิดดู นักโทษเขาลักเขาปล้นสะดมแล้ว เขาก็หลบหนีไปซ่อนอยู่ตามป่าตามเขาตามถ้ำตามดง เพราะเขาไม่ปรารถนาจะให้พวกตำรวจไปจับเขา อันนั้นมันก็ไม่พ้นดอก บาปน่ะ

    ๖. นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดอายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย อายตนะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ เห็นรูปมากระทบตา เกิดวิญญาณขึ้นที่นี่ เสียงมากระทบหู เกิดวิญญาณขึ้นที่นี่อีก (ถ้า) รูปดี ก็เกิดความยินดี ชอบใจ เป็นสุขเสทนา อยากได้ (ถ้า) รูปไม่ดี เกลียดชัง เกิดทุกขเวทนา ไม่อยากได้ ก็เป็นทุกขเวทนาขึ้น ตัณหาเกิดขึ้น…..เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่นว่าขันธ์ของตน ตัวของกู กูไปอยู่ที่โน่น ก็ไปอยู่ที่นี่ กูเป็นพระ กูเป็นเณร เมื่อมีอุปาทาน ……ก็เป็นเหตุให้อยาก……เป็นเหตุให้เกิดภพ คือกามภพ รูปภพ อรูปภพ เกิดภพแล้วเป็นเหตุให้เกิดชาติ เกิดชาติเป็นเหตุให้เกิดชรา มรณะ เกิดโสกะ ประเทวะ ทุกขโทมนัสอุปายาส ความคับแค้นอัดอั้นตันใจอยู่ในสังขารจักร นี่แหละ (ถ้า) ดับความโง่อันเดียวเท่านั้นแหละ ผลไม่มี ดับเหตุแล้ว ผลก็ดับไปตามกัน

    ๗. กุลบุตรผู้รักษาศีล ถึงพร้อมด้วยศีลบริบูรณ์แล้ว ย่อมมีความสุข แม้จะเข้าไปคบหาสมาคมกับบริษัทใด ๆ ก็ตาม บริษัทกษัตริย์ก็ตาม บริษัทคหบดีก็ตาม บริษัทสมณพราหมณ์ก็ตาม เป็นผู้องอาจกล้าหาญ ไม่มีความครั่นคร้ามต่อผู้คน เพราะคิดว่าเราบริสุทธิ์ดีแล้ว ถึงไม่มีความรู้ก็ตาม ไม่คิดกลัวว่าคนอื่นเขาจะมาโทษเราว่าเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์อย่างนั้นอย่างนี้ ไม่คิดอย่างนั้น ไม่กลัว แล้วก็เป็นที่รักของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นที่รักแก่สัตว์ทั้งหลายด้วยกัน คนผู้มีศีลดีแล้วย่อมใจเย็น จิตมันหยั่งเข้าไปถึงกัน

    ที่มา : อนาลโยวาทะ ธรรมโมวาท ของพระอาจารย์ขาว อนาลโย
    วัดถ้ากลองเพล อุดรธานี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  8. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    สวัสดี ครับ
    ผม นายอภิเสฐ บุญพวงขอร่วมบูญสร้างกุฎิ และห้องน้ำ กับ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ ดังนี้ ครับ
    1.คุณแม่ ประมวล แพรขาวถวายปัจจัย 1000 บาท
    2.ผมและครอบครัว ถวายปัจจัย500 บาท
    โอนเข้าบัญชี คุณ แม่ชม 4160396194เมื่อวันที่ 12-5-2012
    ทีอยู่ 20/36 หมู่ 9หมู่บ้านปาร์ครุ่งเรือง
    ต.หนองปรือ อ. บางละมุง จ. ชลบุรี
    20150

    .......................................................................

    ขออนุโมทนาในกุศลที่ทุกท่านได้กระทำแล้วทุกประการครับ
    อนึ่ง สิ่งที่ผมได้คุยกับท่านอภิเสฐไว้ แล้วผมจะส่งสิ่งมงคลที่ผมได้รับมาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ไปให้นะครับ เพื่อให้คุณแม่ของท่านใช้ในการภาวนา เช่นเดียวกันกับที่พ่อแม่ครูอาจารย์ส่งพระพุทธปฐวีธาตุมาให้ผม เพื่อมอบให้บิดาของผมใช้ในการภาวนา เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของโรคร้าย

    ขอผลานิสงส์ในครั้งนี้ ได้โปรดย้อนกลับไปรักษาอาการเจ็บป่วยของคุณแม่ของคุณอภิเสฐ ให้บรรเทาเบาบางลงไปในที่สุดนะครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    14 พฤษภาคม 2555
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สรุปยอดทำบุญร่วมสร้างกุฏิคุณแม่ชม
    และหรือ ร่วมสร้างห้องน้ำ ห้องส้วมในพุทธสถานภูดานไหดังนี้

    1. คุณสมบัติ เพ็งพล 5,000-
    2. คุณอภิชน ประมุข<!-- google_ad_section_end --> 1,001-
    3. คุณจักราธร 509-
    4. ท่าน ดร.นนต์ 3,000-
    5. คุณหนุ่ม (พยัคฆภูมิพิสัย,มหาสารคาม) 1,000-
    6. คุณพิเชฐ (สมาชิกธรรม) 1,000-
    7. คุณปรเมษ แผนวงษ์ 900-
    8. คุณสุรีรัตน์ เหลืองสุริยา 1,000-
    9. คุณเก่ง 100 บาท
    10. คุณครูสมลักษณ์ 2,000-
    (อ้างอิง)
    11. คุณภูเบศวร์ 2,000-
    12. คุณสมรชัย 5,000-
    13. คุณแม่ประมวล แพรขาว 1,000-
    14. คุณอภิเสฐ บุญพวงและครอบครัว 500-
    15. คุณฉันทะธรรม 2,888-
    รวม 26,898 บาท

    โมทนาสาธุในบุญกุศลนี้ทุกประการครับ
    IT Man/15.05.55<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    เรียน ท่านสมบัติ

    ในวาระที่ผมได้ไปภูดานไหเมื่อเร็วๆนี้ และได้พบกับคณะคุณสมร คุณรังสรรค์ ได้รับทราบถึงการได้ร่วมทำบุญหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อ พุทธสถานภูดานไห แต่ด้วยท่านไม่ได้แจ้งให้ได้รับรู้รับทราบโดยทั่วกัน
    ในระหว่างการเดินทางกลับก็ได้สนทนากันในหลายเรื่อง โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นความประทับใจกับการได้มาที่ภูดานไห และผมก็ได้พูดคุยในเรื่องการร่วมบุญในส่วนรายละเอียดเพื่อที่จะได้มาแจ้งในบอร์ดให้หลายท่านได้รับรู้รับทราบ จะได้ร่วมอนุโมทนากัน
    แม้ว่าทางคณะคุณสมร คุณรังสรรค์จะมองในจุดเพียงแค่เจตนาภายในก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่ต้องประกาศให้ใครทราบก็ตาม
    แต่ในส่วนตัวผมก็ได้เสนอมุมมองว่าผู้ที่ได้รับรู้รับทราบจะได้เห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจกันจากหลายฝ่าย จากศรัทธาหลายที่หลายถิ่น ที่มีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ต่อองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ ไม่เพียงแต่เหล่าเทพ เทวา หรือผู้มีญานเท่านั้นที่ได้ทราบถึงการทำบุญ แต่พวกเราทั้งหลายถ้าได้รับรู้รับทราบก็จะได้อนุโมทนาบุญกันด้วย
    ทางคณะคุณสมรจึงได้ส่งรายละเอียดมาให้ทราบ ดังนี้ครับ


    ดิฉันขอส่งรายละเอียดในการร่<wbr>วมทำบุญกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ที่วัดภูดานไห 2 วาระ ดังนี้

    วาระแรกช่วงสงกรานต์ 14 - 15 เม.ย. 55
    1. คุณสมร และครอบครัว ถวายตู้เย็น 1 เครื่อง ราคาประมาณ 10,400 บาท และ ค่าอิฐหินปูนทรายและกระเบื้<wbr>องปูห้องครัว รวมประมาณ 7,000 กว่าบาท และถวายเงิน 2,000 บาท (แล้วแต่จะเห็นสมควร)
    2. คุณรังสรรค์ พงษ์เจริญไทย คุณกาญจนีย์ พุ่มแพ และคุณสมสมัย อ้นอารีย์ ถวาย พัดลม 1 เครื่อง และกระติกน้ำร้อน

    วาระที่สอง ช่วงวันที่ 5 - 10 พค.55
    สายของคุณสมร ได้ร่วมทำบุญมาดังนี้่
    1.คุณสมร พงษ์เจริญไทย คุณเผอิญ รัตน์ตัญญู และครอบครัว ถวายปัจจัยร่วมทำบุญ 17,000 บาท และค่าสีห้องครัวและอุปกรณ์ โถชักโครกห้องน้ำแม่ชม
    และค่ากระเบื้องห้องน้ำแม่ชี<wbr>คอย ประมาณ 5,000 กว่าบาท
    2.คุณเอ็งเซี้ยง แซ่แต้ 500 บาท
    3.คุณนิตยา พรรณรังษี 200 บาท
    4.คุณพ่อปุนปิว แซ่ซีโถ่ว คุณแม่ฮับยี แซ่หยี่ และคุณแม่แจ่ม พรรณรังษี 300 บาท
    5.คุณเกษม พรรณรังษี และคุณลัคณา นิลกล่ำ 200 บาท
    6. ร้านพรรณรังษีการพิมพ์ 1,000 บาท
    7. คุณวิภาวรรณ ทรรทุรานนท์ 500 บาท
    8. คุณชฎาพร ไวชมภู 500 บาท
    9. สายคุณชลัดดา ชุ่มเดชะ 1,260 บาท
    10. คุณรังสรรค์ พงษ์เจริญไทย และครอบครัว ถวายปัจจัยร่วมทำบุญ 6,000 บาท สมร พงษ์เจริญไทยและครอบครัว
    11.คุณรังสรรค์ และคุณสมร ถวายพัดลมตัวใหญ่ 1 เครื่อง (2,500 บาท)
    12.คุณเผอิญ ถวายกล้องถ่ายรูปฟูจิ 1 ตัว


    ผมก็ขออนุโมทนาในบุญกุศลทั้งหลายที่หลายๆท่านได้ร่วมทำบุญมา ขออานิสงค์ผลบุญนั้นได้อำนวยให้ทุกท่านได้รับความสุข ความเจริญในชีวิต ได้พบความสว่างไสว เจริญในธรรม ตราบถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ.

    นรธ.ภูเบศวร์
    15 พ.ค. 2555
     
  11. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    เล่าเรื่องความฝัน

    เมื่อคืนนี้ก่อนรุ่งเช้า ผมก็ได้ฝันเรื่องราวต่างๆสัพเพเหระ ตามประสาปุถุชนคนธรรมดาทั่วไปที่ปรุงแต่งฟุ้งซ่านไปตามประสาจิต แต่เห็นว่า หากมองให้เป็นธรรม มันก็เป็นอุบายธรรมมาสอนใจได้ เลยนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

    ผมฝันไปว่าได้เข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง นัยว่าเป็นร้านหนังสือ มีหนังสือต่างๆมากมาย ได้เดินดูเพลินๆไปจนมาพบ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ผมรู้จักเหมือนเป็นคนขายหนังสือตรงแผงนั้น ในความจำของผม ท่านเป็นผู้ที่อยู่ในสำนักทรงเจ้าเรียกได้ว่าเป็นร่างทรงองค์ปู่ฯ ทำนองนั้น
    ท่านเห็นผมก็ได้กล่าวกับผมว่าหนังสือที่กองอยู่ข้างหน้านี้หยิบไปได้เลยยกให้
    ผมมองดูหนังสือที่กองอยู่เล่มบางๆเหมือนนิตยสารพระทั้งหลายที่วางขายตามแผงหนังสือ เกี่ยวกับพระเครื่อง อิทธิปาฏิหารย์ ร่างทรงองค์เทพ คาถาอาคม หรือเรื่องเกินวิสัยคนทั่วไปจะหยั่งรู้ อะไรทำนองนี้ บ้างเก่าหน้าปกขาด บ้างก็ฝุ่นจับเพราะถูกทิ้งไว้นาน
    ผมคว้าหนังสือกองนั้นมา เปิดดูผ่านๆตา ไม่มีอะไรสะดุดโดนใจ สุดท้ายแล้วก็เดินออกจากอาคารหลังนั้นมา โดยไม่ได้หยิบหนังสือกองนั้นมาเลยสักเล่ม
    หลังจากตื่นขึ้นมาก็ได้หยิบยกความฝันมาพิจารณา ได้ข้อคิดข้อธรรมว่า ความรูุ้ต่างๆนั้นมีมากมาย แม้แต่ความรู้ที่เราชอบอ่านชอบฟัง เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ก็จริง แต่ความรู้นั้นหากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้ถูกจริตโดนใจในอันที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราในการละวางตัวตน ถอดถอนกิเลส หรือยกระดับจิตให้สูงขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ เรียนรู้ ศึกษาไปทั้งหมด เพราะเราคงไม่มีเวลามากพอที่จะทำเช่นนั้น หรือหากรู้มากอ่านมาก จนก่อเกิดทิฐิมานะในอัตตาตัวตนก็อาจจะเป็นเหมือนเต่าที่แบกคัมภีร์ไว้บนหลังแต่ไม่ได้รับประโยชน์จากคัมภีร์นั้นเลย

    ได้ข้อคิดมุมมองอีกมุมมองหนึ่งว่า บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นสาระดังเช่นความฝันของผมหากมองเห็นประโยชน์มันก็เป็นสาระได้ บางอย่างที่เราได้เห็น ได้ยินได้ฟัง ดูจะเป็นสาระ แต่มองไม่เห็นประโยชน์อันใดต่อตัวเราเลย มันก็ไร้ซึ่งสาระได้


    ขอเจริญในธรรม
    นรธ.ภูเบศวร์
    15 พ.ค. 2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2012
  12. Indhus

    Indhus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +113
    คุณภูเบศวร์ เขียนเล่าได้ใจความดีจังเลย ผมล่ะตั้งท่าว่าจะเขียนสภาวะธรรมที่ได้เรียนรู้ระหว่างเล่นน้ำทะเลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    เขียนไปเขียนมา ยังหาที่ลงไม่ได้สักที ก็เลยเทียวกดปุ่มอนุโมทนาอยู่ร่ำไป เนื่องจากเขียนไม่เก่ง สำนวนก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง
    แต่ก็พยายามเขียนเรื่อย ๆ หากเรียบร้อยเมื่อไหร่คงได้เอามาลงให้ได้อ่านดูครับ
     
  13. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157

    ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของทุกท่าน
    ขอผลานิสงส์ที่ทุกท่านได้กระแล้ว จงย้อนกลับไปให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญ มั่งมีศรีสุข สงบร่มเย็น แลสุกสว่างสดใสทั้งทางโลกและทางธรรม จนกว่าจะเข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    15 พฤษภาคม 2555
     
  14. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181

    สวัสดีครับ คุณอินทัช
    ก็มาเล่าสู่กันฟังแลกเปลี่ยนประสบการณ์มุมมองในทางธรรมของแต่ละท่านแต่ละคน หากเป็นไปโดยธรรมก็อาจก่อเกิดประโยชน์ได้แง่คิดนำไปปรับใช้
    เราก็มาสนทนาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันบนพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของผู้เปิดบอร์ด(IT Man)และหลายท่านในกลุ่มก็มุ่งหมายเพื่อให้เป็นพื้นที่แห่งธรรม พื้นที่แห่งบุญกุศล เพื่อจรรโลงจิตวิญญาน พระศาสนาให้เจริญสถาพรตราบนานเท่านาน
    ให้เป็นพื้นที่แห่งความประภัสสร สะอาด สว่าง และนำไปสู่ความสงบภายใน ไม่กระทบก้าวล่วงผู้ใดให้เสียหายหรือสะเทือนต่อศรัทธาอันเป็นไปโดยชอบของบุคคล หรือกลุ่มบุคคล
    ก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างครับ ความเป็นจริง สิ่งที่เรารับรู้ก็มีเรื่องราวที่เรียบเรียงอยู่ในตัวเอง เพียงแค่เรานำออกมา ก็คงเป็นไปอย่างที่เราเรียกว่าตามทำนองคลองธรรม
    บางครั้งบางทีก็เป็นได้ด้วยธรรมทำงานจากสภาวะธรรมบางอย่างที่เกิดขึ้น หรือสภาวะที่จะรองรับธรรมนั้น เหมือนดังเช่นที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาแสดงต่อพวกเราในแต่ละวาระ ซึ่งท่านได้พูดให้ฟังในเรื่องดังกล่าวและตามความเข้าใจของผม
    สำหรับปุถุชนอย่างเราเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นภายในจิต จะเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็จากความปรุงแต่งของจิตเรา แต่ก็ยังคงนำมาเป็นอุบายธรรมได้ ซึ่งเราก็ไม่ได้สำคัญมั่นหมายอะไรในเรื่องราวนั้น
    ผมรอคอยอ่านประสบการณ์ของคุณอินทัชและหลายๆท่านนะครับ คงจะได้นำมาเล่าสู่กันฟังในเร็วๆนี้นะครับ

    ขอเจริญในธรรมครับ
    ภูเบศวร์
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขอบคุณสำหรับบทสรุปความฝันและตีเป็นธรรมของท่านภูครับ

    ...หลังจากตื่นขึ้นมาก็ได้หยิบยกความฝันมาพิจารณา ได้ข้อคิดข้อธรรมว่า ความรูุ้ต่างๆนั้นมีมากมาย แม้แต่ความรู้ที่เราชอบอ่านชอบฟัง เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ก็จริง แต่ความรู้นั้นหากไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ได้ถูกจริตโดนใจในอันที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราในการละวางตัวตน ถอดถอนกิเลส หรือยกระดับจิตให้สูงขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องรับรู้ เรียนรู้ ศึกษาไปทั้งหมด เพราะเราคงไม่มีเวลามากพอที่จะทำเช่นนั้น หรือหากรู้มากอ่านมาก จนก่อเกิดทิฐิมานะในอัตตาตัวตน ก็อาจจะเป็นเหมือนเต่าที่แบกคัมภีร์ไว้บนหลังแต่ไม่ได้รับประโยชน์จากคัมภีร์นั้นเลย

    ได้ข้อคิดมุมมองอีกมุมมองหนึ่งว่า บางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นสาระดังเช่นความฝันของผมหากมองเห็นประโยชน์มันก็เป็นสาระได้ บางอย่างที่เราได้เห็น ได้ยินได้ฟัง ดูจะเป็นสาระ แต่มองไม่เห็นประโยชน์อันใดต่อตัวเราเลย มันก็ไร้ซึ่งสาระได้...

    พักหลังมานี่...สงสัยผมจะทานทุเรียนบ่อย จึงลืมฝันไปครับ

    วันพรุ่งนี้ทั้งวัน ผมจะเดินทางไปงานฌาปณกิจศพคุณย่าบุญ(สมบูรณ์)ที่ จ.กำแพงเพชร ครับ หลังจากที่ได้เดินทางไปมอบสิ่งอันเป็นมงคล เช่นพระพุทธปฐวีธาตุ ธรรมะสั่งลาตามภูมิธรรมที่มีน้อยนิด รวมทั้งขอความเมตตาจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์โปรดแผ่เมตตาถึงท่านในวันที่ 10 พ.ค. ท่านก็ได้จากเราไปเมื่อเช้าวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ท่านเป็นพี่สาวติดกันกับคุณพ่อผม น่าจะเป็นลูกคนที่ 9 หรือ 10 นิแหละ เนื่องจากอายุมาก (82 ปี) จึงขอเรียกท่านว่าคุณย่าครับ
     
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ธรรมะจากกฏระเบียบภูดานไห

    [​IMG]
    1. ไปไม่ลา มาไม่ไหว้ เป็นวิสัยของคนพาล
    2. จงเอาแต่ใจที่เป็นธรรม อย่าเอาแต่ใจที่ไม่เป็นธรรม
    3. ศีล วินัย กฎระเบียบ เป็นเครื่องอยู่ของคนดี ส่วนคนเลวไม่ชอบปฏิบัติตาม
    (เพิ่มเติม)
    4. ถูกใจ ไม่ถูกธรรม อย่าทำ

    Link: กฏระเบียบภูดานไห
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013
  17. beer7beer

    beer7beer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +123
    อนุโมทนา ครับ ท่าน ดร.นนต์
    ตั้งใจแล้วว่าจะหาโอกาสเข้าไปกราบและฟังพระธรรมจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช สักครั้ง และหากถึงวาระในการบำเพ็ญภาวนาของผมแล้ว ก็คงอาจจะได้รับ "พระพุทธปฐวีธาตุ" มาใช้เพื่อการบำเพ็ญภาวนา ดังนักรบธรรมท่านอื่นๆบ้างนะครับ (ช่วงนี้งานยุ่งเหลือเกิน เสาร์อาทิตย์ติดเรียนตลอด)
    ด้วยความเคารพอย่างสูง
    อภิชน ประมุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2012
  18. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    ด้วยความยินดีครับ
    ผมและเหล่านนักรบธรรม ยังรอโอกาสที่จะได้พบกันในอีกไม่นาน และพุทธสถานภูดานไห มีความยินดีต้อนรับผู้แสวงบุญทุกท่านครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    16 พฤษภาคม 2555
     
  19. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ขอขอบพระคุณท่านดร.นนต์เป็นอย่างสูงครับ ในทุกกิจการดำเนินงานบุญ
    โมทนาบุญกับญาติธรรมทุกๆท่านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจเสียสละปัจจัยเพื่อร่วมสร้างพุทธสถานภูดานไห เพื่อให้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมสำหรับผู้แสวงบุญทั้งหลายได้พำนักอาศัยเพื่อบำเพ็ญบุญกุศลสู่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ทั้งปวง.....

    ยินดีมากครับ สำหรับเรื่องพระเครื่องสายวังสำหรับผู้ร่วมทำบุญนั้นผมก็หวังเพียงเพื่อจักได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนบุญ คนที่เชื่อและศรัทธา อยากให้ได้ของดีที่เรารู้ เรามี และพร้อมที่จักกระจายมอบไปสู่ผู้ที่มีศรัทธาและปราถนาที่จักมีไว้ครอบครองเพื่อคุ้มครองตนเองและคนใกล้ชิดอันเป็นที่รักยิ่ง และเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจในการกระทำคุณงามความดีทั้งหลาย ผมปิติและสุขใจเป็นอย่างยิ่งครับหากเป็นที่ประทับใจพอใจของทุกท่านที่ได้รับไปบูชา ก็นับว่าบรรลุเป้าหมายที่ผมตั้งไว้ครับ....เพื่อเชิดชูพระสายวังให้เป็นที่รู้จักและเกิดความศรัทธาเชื่อมั่น ยอมรับ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็เพื่อทำนุบำรุงและสืบต่อพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวตราบ 5000 ปีครับ.....

    ปล.อีกสักระยะผมจักนำพระสมเด็จรุ่นปี 2408 หน้าเดียวมามอบตอบแทนญาติธรรมที่ร่วมทำบุญนะครับ .....จักนำภาพมาลงให้ชมก่อนครับ

    ขอเจริญในธรรม
    สมาชิกธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2012
  20. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    เมตไตรยพยากรณปริวรรต


    [​IMG]
    พระพุทธปางลีลา ศิลปะยุคสุโขทัย
    เนื้อความย่อ

    พระอชิตะเป็นพระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูกับพระอัครมเหสีกาญจนา ท่านบวชแล้วได้ติดตามพระพุทธเจ้ามายังกรุงกบิลพัสดุ์ คราเสด็จมาครั้งแรกนั้น พระมหาปชาบดีโคตมีไม่ได้ถวายสิ่งใดเป็นพิเศษแด่พระพุทธเจ้า คราวนี้จึงตั้งพระทัยจะถวายผ้าสาฎกเนื้อดี เพื่อให้ทรงทำเป็นจีวรทรง

    พระนางทรงวางแผนผลิตผ้าอย่างละเอียด เริ่มแต่เพาะเมล็ดฝ้ายในอ่างทอง เก็บ ดีด ปั่น เพื่อให้ได้เส้นด้ายพระองค์เองทั้งหมด แล้วจ้างช่างหูกฝีมือเลิศทอเป็นผ้าเนื้อดี สัมผัสนุ่มนวล เสร็จแล้วทรงใส่ผอบแก้วเจือของหอม นำไปทูลถวายในพระนิโครธาราม

    พระศาสดาทรงต้องการอนุเคราะห์ให้พระนางได้กุศลมาก และสงฆ์รุ่นต่อไปจะได้ไม่ขาดแคลนปัจจัย ๔ จึงตรัสให้ถวายแก่สงฆ์ ถวายเป็นสังฆทาน ยังความผิดหวังให้เกิดแก่พระนางมาก เพื่อบรรเทาความเสียพระทัยนั้น จึงตรัสพระธรรมเทศนา “ทักขิณาภิวังคสูตร” ว่าด้วยการจำแนกชนิดของทานว่า หากถวายทานเจาะจงผู้รับก็จะได้อานิสงส์น้อย หากถวายเป็นสังฆทานก็จะได้อานิสงส์มาก ทั้งไม่ต้องกังวลว่าจะได้ผู้รับทุศีล เพราะสงฆ์ไม่มีทุศีล

    พระนางทรงสดับแล้ว น้อมผ้าเข้าไปถวายพระสารีบุตร แต่ท่านไม่รับ ถวายแก่พระโมคคัลลานะ ท่านก็ไม่รับ แม้พระผู้ใหญ่อื่นๆ ก็ไม่รับ พอถึงพระบวชใหม่คือพระอชิตะ ท่านก็รับ ทำให้พระนางเสียพระทัยอีกครั้ง

    พระศาสดาทรงต้องการให้พระมาตุจฉาเกิดศรัทธาพระอชิตะ จึงทรงโยนบาตรหายไปในอากาศ พระอสีติมหาสาวกกราบทูลขออนุญาตตามหาบาตร แต่ไม่มีใครได้บาตรมา พระอชิตะจึงกระทำสัตยาธิษฐานว่า หากตนจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ก็ขอให้บาตรนั้นมาปรากฏในมือ ทันทีที่อธิษฐานจบ บาตรก็มาปราฏในมือ ยังความปลื้มปีติให้เกิดแก่พระมาตุจฉา

    พระอชิตะนำผ้าสาฎกคู่ใหม่ที่ได้รับ ผืนหนึ่งผูกเป็นเพดาน ผืนหนึ่งฉีกทำม่านไว้ภายในพระคันธกุฎีที่ประทับของพระศาสดา แล้วเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ พระพุทธเจ้าทรงทราบแล้วตรัสพยากรณ์ให้พระอานนท์ฟังว่าความปรารถนาของอชิตภิกษุจักสำเร็จในกาลที่มนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี...
    พระอชิตะเป็นพระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรู ติดตามเสด็จมาพระนครกบิลพัสดุ์
    พระราชโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรู จักเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หน้า

    ในกาลพุทธบาทศาสนาพระสัพพัญญูแห่งเรานั้น พระเมตไตยโพธิสัตว์มาบังเกิดในครรภ์แห่งนางกาญจนาเทวี พระอัครมเหสีพระเจ้าอชาตศัตรูราช ครั้นถ้วนกำหนดทศมาศก็ประสูติจากมาตุคัพโภทร ได้นามกรบัญญัติว่า พระอชิตราชกุมาร ครั้งทรงวัยวัฒนากาล เมื่อพระราชบิดาเลื่อมใสในพระสัพพัญญูพุทธศาสนาแล้ว ได้เห็นพระบวรรูปสิริแห่งพระศาสดาจารย์แลได้สวนาการพระธรรมเทศนาก็มีพระทัยศรัทธาโสมนัส จึงมาดำริว่า พุทธานุภาพนี้เป็นอัศจรรย์โดยยิ่ง แลบุคคลผู้ใดมิได้บำเพ็ญทานรักษาศีลสมาทานอุโบสถ แลมิได้กระทำกุศลบำเพ็ญบารมีต่างๆ ก็มิอาจตรัสรู้พระสัพพัญญุตญาณ ผิฉะนั้นควรอาตมะจะตัดซึ่งบ่วง คือ ฆราวาส ละเสียซึ่งหมู่ญาติทั้งปวง มิได้อาลัยในโภคสมบัติออกบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อจินตนาดังนี้บมิได้ช้า ก็ทูลลาพระราชบิดาให้ทรงอนุญาตแล้วจึงพาบริวาร ๑,๐๐๐ ออกบวชได้อุปสมแล้ว ก็เล่าเรียนพระพุทธวจนะได้เป็นอันมาก ก็สำแดงธรรมบอกกล่าวพระไตรปิฎกแก่เพื่อนพรหมจรรย์ทั้งปวง
    ครั้นในกาลอุปโภคสมัย เมื่อทักษิณวิภัตตสมาคม พระมหาปชาบดีโคตมีถวายคู่ผ้าแก่พระศาสดาจารย์ กาลนั้นผู้เป็นเจ้าก็รับซึ่งยุคลพัตรทั้งคู่

    พระพุทธเจ้าเสด็จมาพระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งที่ ๒
    พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงวางแผนทอผ้าสาฎก

    บัดนี้จะได้รับพระราชทานวิสัชนา ในอนุบุพพิกถาแถลงความในเดิมเหตุว่า ในสมัยครั้งหนึ่ง พระบรมครูเสด็จมาสู่กรุงกบิลพัสดุ์เป็นวารคำรบสอง เสด็จสถิต ณ นิโครธาราม ในกาลนั้นพระมหาปชาบดีโคตรมีพุทธมาตุจฉา จึงทรงพระจินตนาการด้วยพระกมลเบิกบานเบญจปรีดาปราโมทย์ ว่าจำเดิมแต่พระลูกเจ้าของอาตมะมาสู่พระนครนี้ อาตมะมิได้ถวายซึ่งวัตถุสิ่งใดเลย ผิวจะถวายโภชนาหารเล่า บรรดาตระกูลทั้งหลายเป็นอันมากมีขัตติยมหาศาลเป็นอาทิ ก็คอยจะถวายปณีตาหารบิณฑบาตอยู่ทั้งสิ้นด้วยกัน มิฉะนั้นอาตมะจะถวายซึ่งจีวรสาฎกเถิด แท้จริง ผ้าทั้งหลายอันมีในราชคฤหสถาน ผ้าที่หาค่ามิได้ก็มีเป็นอันมาก แต่มิได้ยินดีเต็มศรัทธาอาตมา อย่าเลย อาตมะจะปั่นฝ้ายด้วยหัตถ์ของอาตมาเอง แล้วจะทอให้เนื้อละเอียดดีโดยยิ่งที่จะได้กุศลราศีแก่อาตมาโดยมาก ทรงพระดำริฉะนี้แล้ว จึงให้ช่างทองตีอ่างแล้วไปด้วยทองสุก ๗ อย่าง แล้วให้กรางทองปนกับมัตติกาชาติแลเปือกของหอมอันเจือด้วยจตุมธุรสใส่ลงเต็มอ่างทองทั้ง ๗ แล้วเพาะลงซึ่งเม็ดฝ้ายในอ่างทองนั้น รดด้วยน้ำนมโคอันเจือด้วยกรางทองใส่ลง
    ครั้นต้นฝ้ายออกปอยเหลืองดังสีทองดอกกรรณิการ์ แล้วพระมหาปชาบดีก็ทรงเก็บฝ้ายนั้นด้วยพระหัตถ์แล้วใส่ลงในผอบทอง แลทรงเลือกทรงหีบทรงดีดทรงปั่นด้วยพระหัตถ์มิให้ผู้อื่นกระทำ เส้นด้ายนั้นละเอียดยิ่งนักมีสีเหลืองดุจทอง จึงให้หามาซึ่งช่างหูกฝีมือเอก ให้บริโภคซึ่งปณีตาโภชนาหารอันระคนไปด้วยจตุมธุรส แล้วให้ตกแต่งกายนุ่งห่มประดับด้วยวัตถาลังการาภรณ์ต่างๆ แลที่โรงหูกนั้นก็ให้ดาดเพดานในเบื้องบน ห้อยพวงดอกไม้มีข้าวตอกเป็นคำรบห้า แล้วเสด็จลงไปสู่โรงหูกกับด้วยฝูงนางบริวาร ทอดพระเนตรการซึ่งทอผ้านั้นเป็นนิจทุกวันมิได้ขาด กระทำภายในพระราชวัง

    นำผ้าสาฎกคู่ เข้าถวายในนิโครธาราม ตรัสให้ถวายสงฆ์มีผลกุศลมากกว่า

    แลการทอนั้นสำเร็จได้ผ้าสาฎกสองผืนโดยยาว ๑๔ ศอก กว้าง ๗ ศอกเสมอกัน มีพรรณอันงามรุ่งเรืองดุจกาญจนามาศ เนื้อก็ละเอียดมีมุทุสัมผัสเป็นอันดี แลพระภูษาทั้งคู่เป็นพัสตร์อันหาค่ามิได้สมควรแก่พระสัพพัญญูจะทรง จึงพับใส่ลงในผอบแก้วแล้วยกขึ้นประดิษฐานทูลเหนือพระเศียรเกล้า เสด็จแวดล้อมด้วยคณาเนกนางสักยราชกัญญาอันถือซึ่งสิ่งมีธูปเทียนแลดอกคันธบุปผาสุพรรณภาชนะเป็นอาทิ กับทั้งผ้าทั้งหลายอื่นอีกแสนผืน มีราคาผืนละแสนกหาปณะ ใส่ในผอบทองแสนหนึ่งกับผ้าอื่นอีกพันผืน ราคาผืนละพันกหาปณะใส่ในผอบเงินพันหนึ่งให้ถือตามเสด็จไปสู่นิโครธาราม
    ครั้นถึงก็เข้าไปสู่สำนักพระทศพล ซึ่งทรงสถิตบนท่ามกลางพุทธบัลลังก์ ประดับด้วยพระสงฆ์สาวกแวดล้อม รุ่งเรืองด้วยพระสิริวิลาศเป็นอันงาม ดุจศศิมณฑลล้วนแวดล้อมด้วยคณาเนกดาราทั้งปวง อันเลื่อนลอยอยู่บนคัคนัมพรประเทศ เสด็จประเวศในข่ายพระฉพิธพุทธประภาพรรโณภาส ทรงถวายอภิวาทด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วทอดทัศนาพระสรีราพยพแห่งพระพุทธองค์อันทรงพระสิริเสาวภาคย์ ก็ประกอบด้วยเบญจปีติซ่านซาบไปทั่วพระสกลกาย บังเกิดพลวสิเนหาในพระศาสดาจารย์ จึงทรงเผยฝาผอบแก้วแล้วพระหัตถ์ทั้งสองจับซึ่งยุคลพัสตร์ พลางนมัสการกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้ทรงพระภาค อันว่าสุวรรณวัตถยุคลนี้อันใหม่ ข้าพระองค์หีบดีดปั่นฝ้ายด้วยหัตถ์ของตนอุทิศแด่พระทศพล จงทรงพระมหากรุณาอนุเคราะห์ รับซึ่งภูษาทั้งคู่นี้เพื่อจะให้มีประโยชน์แลสุขแก่ข้าพระพุทธเจ้าสิ้นกาลช้านาน
    พระพิชิตมารจึงตรัสตอบว่า ดูกรโคตมี จงถวายวัตถยุคลนี้แก่สงฆ์ จะมีผลานิสงส์มากยิ่งกว่าถวายอุทิศแด่ตถาคต ได้ชื่อว่าบูชาตถาคตแลสงฆ์ทั้งปวง แลพระมหาปชาบดีก็กราบทูลอาราธนาให้พระสัพพัญญูทรงรับถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ก็ตรัสให้ถวายแก่สงฆ์เหมือนดังนั้น มิได้ทรงรับ
    ตรัสให้ถวายแก่สงฆ์ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ
    ให้พระมาตุจฉาได้กุศลเจตนาครบ ๖ (ปรารภพระพุทธเจ้า ๓ ปรารภสงฆ์ ๓)
    และภิกษุสงฆ์ได้ลาภตลอดอายุพระศาสนา

    จึงมีคำปุจฉาว่า ไฉนพระมหาปชาบดีถวายแต่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์มิได้ทรงรับ ดำรัสให้ถวายแก่สงฆ์นั้นด้วยเหตุเป็นประการใด? วิสัชนาว่า เหตุจะทรงอนุเคราะห์แก่พระมาตุจฉาด้วยพุทธอาโภคว่า พระมหาปชาบดีปรารภในตถาคตพร้อมไปด้วยเจตนาทั้งสาม คือบุพเจตนา แลบุคคลเจตนา อปราปรเจตนาฉันใด ก็จงปรารภในสงฆ์ให้พร้อมเจตนาสามเหมือนฉะนั้น ประมวลเข้าด้วยกันเป็นเจตนาทั้ง ๖ บริบูรณ์ แลวัตถุทานนั้นจะมีผลมาก ประพฤติเป็นไปเพื่อจะให้มีประโยชน์แลสุขกาลช้านานจึงตรัสห้ามถึงสามครั้ง ให้ถวายแก่สงฆ์เพื่อจะยังชนทั้งหลายซึ่งบังเกิดภายหลังให้เกิดจิตคิดการกระทำเคารพในสงฆ์จงมาก ประการหนึ่ง ทรงพระพุทธดำริว่า ตถาคตจะประดิษฐานอยู่ในโลกมิได้นานก็จะปรินิพพานเป็นแท้ แลเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว สาวกทั้งหลายจะลำบากด้วยจตุปัจจัยจะได้ด้วยยาก พระศาสดาแห่งตถาคตก็จะมิอาจวัฒนาการไปถ้วน ๕๐๐๐ พระวัสสา เบื้องว่าตถาคตให้ถวายแก่สงฆ์กาลบัดนี้ สืบไปในอนาคตลาภสักการบูชาก็จะปรากฏมีแก่สงฆ์ทั้งปวง ทรงทราบเหตุดังนี้จึงตรัสห้ามถึงสามครั้ง

    ทรงขอร้องให้พระอานนท์ช่วยกราบทูลให้ทรงรับ
    ตรัสชมว่าการบูชาอาจารย์เป็นเรื่องดี

    ลำดับนั้น พระมหาปชาบดีก็เสียพระทัยโทมนัสอาดูรด้วยความโศก จึงเข้าไปสู่สำนักพระอานนท์ ถวายอัญชลีกรแล้วตรัสวิงวอนว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้านี้มีโทษเป็นประการใด พระบรมครูจึงไม่ทรงรับภูษาของข้าพเจ้า นิมนต์ผู้เป็นเจ้าจงอนุเคราะห์เข้าไปทูลถามพระสัพพัญญูให้รู้เหตุแจ้งประจักษ์ พระอานนท์รับอาราธนาพระมหาปชาบดี จึงเข้าไปสู่สำนักพระชินสีห์ถวายวันทนาการกราบทูลว่า พระพุทธองค์จงทรงพระมหากรุณารับซึ่งยุคลพัสตร์ของพระมหาปชาบดี พระมหาปาชาบดีนี้เป็นพระมาตุจฉาได้อภิบาลบำรุงเลี้ยงพระองค์มาแต่กาลประสูติได้ ๗ วัน พระพุทธชนนีทิวงคต ได้ถวายขีรธารารสได้เสวยมาตราบเท่าจนกาลทรงพระเจริญ มีพระคุณมาก ประการหนึ่ง พระมหาปชาบดีก็ตั้งอยู่ในพระไตรสรณคมน์บรรลุแก่พระโสดา ทรงซึ่งศีลาจารวัตรตรัสรู้แจ้งพระจตุราริยสัจ บริบูรณ์ด้วยอเวจประสาทศรัทธาในพระโลกนาถ ปราศจากกังขาในรตนัตยาทิคุณ ควรจะทรงพระการุญภาพอนุเคราะห์โดยแท้
    เมื่อได้ทรงสดับจึงตรัสว่า ดูกรอานนท์ อันว่าบุคคลเห็นปานดังพระมหาปชาบดีฉะนี้ ก็ควรจะกระทำอัญชลีสามีจิต แลถวายจตุปัจจัยทานแก่บุคคลผู้เป็นอาจารย์ คือองค์ตถาคตโดยกิจประเภทตอบแทนคุณฉะนี้ บมิกระทำได้ด้วยง่าย ตถาคตจะกล่าวบรรยายซึ่งปาฏิบุคลิกทักษิณาทานโดยพิสดาร จะตรัสประเภทเหตุแห่งทานวิธีมีประการเป็นอันมาก ยากที่บุคคลจะรู้ทั่วถ้วนลักษณทักษิณาโดยนิราวเศษ

    ที่มา: ปฐมสมโพธิกถา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CC44.jpg
      CC44.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.3 KB
      เปิดดู:
      2,939
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...