ทำบุญ หวัง ได้บุญ จะผิดไหม ครับ

ปักธงชัย · 29 กุมภาพันธ์ 2012

ผมทำบุญแล้ว หวังอนิสงฆ์ผมบุญที่ทำ จะผิดไหม ครับ

อินทิราธา · 29 กุมภาพันธ์ 2012

วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ อยากทราบเหมือนกันค่ะ

รัศมีสีทอง · 29 กุมภาพันธ์ 2012

ไม่ผิดครับ ถูกต้องเลย เพราะเป็นอธิษฐานบารมี พระพุทธเจ้าก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ด้วยอำนาจของบุญกุศลนะครับ สั่งสมไปเรื่อยๆ เราต้องเกาะความดีคือบุญกุศลก่อน ยิ่งเกาะมากเท่ารัยยิ่งดีมากเท่านั้น เพราะเป็นอนุสติให้เราระลึกถึงความดีไม่ให้เราประมาทมัวเมาในชีวิต หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายก็ต้องใช้บุญกุศลทั้งนั้นเป็นทางดำเนินชีวิตในวัฏสงสาร ท่านกล่าวว่า บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกในการท่องเที่ยวในวัฏสงสาร ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปนะครับ เร่งทำบุญเยอะๆเข้าไว้

รัศมีสีทอง · 29 กุมภาพันธ์ 2012

เราเกาะบุญบ่อยๆดีกว่าปล่อยให้ใจเกาะชั่วนะจ๊ะเลือกเอาจะเป็น เทวดา เป็นพรหม อย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ที่ดี หรือจะปล่อยให้ตนเองตกอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉานเลือกเอาครับ แต่ถ้าเป็นผมจะภาวนาให้มากพร้อมกับการทำบุญอย่างอื่นด้วย เพราะการภาวนาเป็นทางตรงเลยครับที่จะให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เป็นการย่อการวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลง สุดท้ายก้ไปนิพพานด้วยอำนาจบุญครับ ไม่มีใครไปนิพพานด้วยอำนาจบาปหรอก ไม่มีทั้งในอดีต ปัจจุบันและไม่มีในอนาคตตลอดไปและตลอดไป........

ปุณบพิธ · 29 กุมภาพันธ์ 2012

กิเลสละเอียด... มีไปเถอะครับ ถ้าไม่มี ละกิเลสหมดไม่ได้นะเออ

Kenny17 · 1 มีนาคม 2012

ไม่ผิดหรอกครับ หลวงปู่เหรียญท่านว่า คนที่ทำบุญไม่หวังในบุญกุศลนั้นไม่มี นอกจากพระพุทธองค์หรือพระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่หวังอะไรเพราะท่านเหล่านั้นพ้นจากโลกนี้ไปแล้ว แต่สำหรับปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ทำบุญต้องหวังผล หวังให้บุญกุศลนั้นช่วยให้เราเป็นคนดีและนำพาเราให้ข้ามวัฎสงสารได้ในที่สุด

LungKO · 3 มีนาคม 2012

ไม่ผิดครับ ทำบุญย่อมไม่ผิด และบัณฑิตท่านสรรเสริญ ควรทำไว้เยอะ ๆ
แต่มีอานิสงส์ต่างกัน คือ เราทำบุญแบบหวังผล ก็จะได้ไปสวรรค์มีชั้นจาตุมหาราชิกาเป็นต้น
ยิ่งถ้าเราทำแบบเห็นว่าเป็นความดี ก็ทำไป ด้วยใจบริสุทธิ์ ก็ได้อานิสงส์อีกแบบหนึ่ง
หรือเราทำด้วยเห็นว่านั่นเป็นประเพณีของตระกูลเราที่เคยทำมา เราก็ทำตามก็ได้ผลอีกแบบหนึ่ง ฯ

เราสามารถค้นดูได้ในเรื่องสวรรค์แต่ชั้น มาจากการทำบุญด้วยจิตระดับใด ก็จะได้ผลบุญต่างกันครับผม ฯ

 [FONT=&quot]สวรรค์ในพระพุทธศาสนา[/FONT]
 http://th.wikipedia.org/wiki/[FONT=&quot]สวรรค์[/FONT]

[FONT=&quot]สวรรค์ในความเชื่อทางพระพุทธศาสนา แปลว่า ภูมิหรือดินแดนที่มีอารมณ์เลิศด้วยดี จำแนกออกได้เป็น [/FONT]6[FONT=&quot] ชั้น คือ จตุมหาราชิกา[/FONT], [FONT=&quot]ดาวดึงส์[/FONT], [FONT=&quot]ยามา[/FONT], [FONT=&quot]ดุสิต[/FONT], [FONT=&quot]นิมมานรดีและ ปรนิมมิตวสวัตดี[/FONT]
 [FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]พระสุตตันตปิฎก ออนไลน์[/FONT]
Larntum Suttanta-Pitaka Online
[FONT=&quot]พระไตรปิฎกเล่มที่ 23 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 15[/FONT]
[FONT=&quot]อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ปัณณาสก์ มหายัญญวรรค[/FONT]
 http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=[FONT=&quot]23[/FONT]&lstart=[FONT=&quot]1366[/FONT]&lend=[FONT=&quot]1462[/FONT]

[FONT=&quot] ทานสูตร[/FONT]
[FONT=&quot] [๔๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา[/FONT][FONT=&quot]ใกล้จัมปานคร ครั้งนั้นแล อุบาสกชาวเมืองจัมปามากด้วยกัน เข้าไปหาท่าน[/FONT]
[FONT=&quot] พระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าว[/FONT][FONT=&quot]กะท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มี[/FONT]
[FONT=&quot] พระภาค พวกกระผมได้ฟังมานานแล้ว ขอได้โปรดเถิด พวกกระผมพึงได้ฟัง[/FONT][FONT=&quot]ธรรมีกถาของพระผู้มีพระภาค ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย[/FONT][FONT=&quot] ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายพึงมาในวันอุโบสถ ท่านทั้งหลายพึงได้ฟังธรรมีกถาใน[/FONT][FONT=&quot]สำนักพระผู้มีพระภาคแน่นอน อุบาสกชาวเมืองจัมปารับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว[/FONT][FONT=&quot]ลุกจากที่นั่ง อภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ต่อมา ถึงวันอุโบสถ อุบาสก[/FONT][FONT=&quot]ชาวเมืองจัมปาพากันเข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควร[/FONT][FONT=&quot]ข้างหนึ่ง ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรพร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปา เข้าไป[/FONT][FONT=&quot]เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ครั้น[/FONT][FONT=&quot]แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานเช่นนั้นนั่นแล[/FONT][FONT=&quot]ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมีหรือหนอแล[/FONT][FONT=&quot]และทานเช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก[/FONT][FONT=&quot]พึงมีหรือพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสารีบุตร ทานเช่นนั้นนั่นแล[/FONT][FONT=&quot]ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมี และทาน[/FONT][FONT=&quot]เช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก พึงมี ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทาน[/FONT][FONT=&quot]เช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก[/FONT]
[FONT=&quot] อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนใน[/FONT][FONT=&quot]โลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] พ. ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังมีความหวังให้ทาน มีจิต[/FONT][FONT=&quot]ผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้[/FONT]
[FONT=&quot] เสวยผลทานนี้ เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่อง[/FONT][FONT=&quot]ลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์ ดูกร[/FONT]
[FONT=&quot] สารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทาน[/FONT][FONT=&quot]เห็นปานนี้หรือ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทาน มีจิต[/FONT][FONT=&quot]ผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจักได้[/FONT]
[FONT=&quot] เสวยผลทานนี้ เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย[/FONT][FONT=&quot]แห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่[/FONT]
[FONT=&quot] แล้ว ยังมีผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ดูกรสารีบุตร ส่วนบุคคลบางคน[/FONT][FONT=&quot]ในโลกนี้ ไม่มีหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน[/FONT]
[FONT=&quot] ไม่คิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แล้วให้ทาน แต่ให้ทานด้วยคิดว่า[/FONT][FONT=&quot]ทานเป็นการดี เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม[/FONT][FONT=&quot] เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์[/FONT][FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทาน[/FONT]
[FONT=&quot] เห็นปานนี้หรือ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มี[/FONT][FONT=&quot]จิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไป[/FONT]
[FONT=&quot] แล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี เขาผู้นั้นให้ทาน[/FONT][FONT=&quot]นั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาสิ้น[/FONT]
[FONT=&quot] กรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่[/FONT][FONT=&quot]ความเป็นอย่างนี้ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า[/FONT][FONT=&quot]ทานเป็นการดี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็[/FONT]
[FONT=&quot] ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย[/FONT][FONT=&quot]แห่งเทวดาชั้นยามา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว[/FONT]
[FONT=&quot] ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ[/FONT][FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดา[/FONT][FONT=&quot]มารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี แต่ให้ทานด้วย[/FONT][FONT=&quot]คิดว่า เราหุงหากิน สมณะและพราหมณ์เหล่านี้ ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้[/FONT][FONT=&quot]จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหาไม่สมควร เขาให้ทาน คือ ข้าว[/FONT][FONT=&quot] ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ[/FONT]
[FONT=&quot] หมดความเป็นใหญ่ แล้วยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ[/FONT][FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า[/FONT]
[FONT=&quot] เราหุงหากินได้ สมณะและพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะ[/FONT][FONT=&quot] ไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร แต่ให้ทานด้วย[/FONT]
[FONT=&quot] คิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี[/FONT][FONT=&quot] วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษี[/FONT]
[FONT=&quot] วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี บูชามหายัญ ฉะนั้น เขาให้ทาน คือ[/FONT][FONT=&quot]ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี เขาสิ้นกรรม สิ้น[/FONT][FONT=&quot]ฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เรา[/FONT][FONT=&quot]จักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี ฯลฯ[/FONT]
[FONT=&quot] และภคุฤาษี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิด[/FONT][FONT=&quot]ความปลื้มใจและโสมนัส เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย[/FONT]
[FONT=&quot] แห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็น[/FONT][FONT=&quot]ใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อ[/FONT]
[FONT=&quot] เราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส แต่ให้ทานเป็น[/FONT][FONT=&quot]เครื่องปรุงแต่งจิต เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม[/FONT]
[FONT=&quot] เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์[/FONT][FONT=&quot] ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้[/FONT]
[FONT=&quot] ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลผู้ไม่มีความหวังให้ทาน[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เรา[/FONT]
[FONT=&quot] ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี[/FONT][FONT=&quot] ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราไม่ควรทำให้เสีย[/FONT][FONT=&quot]ประเพณี ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้[/FONT][FONT=&quot]หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร ไม่ได้ให้ทานด้วย[/FONT][FONT=&quot]คิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี[/FONT][FONT=&quot] วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาช[/FONT][FONT=&quot]ฤาษี วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี ผู้บูชามหายัญ ฉะนั้น และไม่ได้[/FONT][FONT=&quot]ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานนี้ จิตจะเลื่อมใส จะเกิดความปลื้มใจและ[/FONT][FONT=&quot]โสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เขาให้ทานเช่นนั้นแล้ว เมื่อตายไป[/FONT][FONT=&quot]ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ[/FONT]
[FONT=&quot] หมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือ ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ดูกร[/FONT][FONT=&quot]สารีบุตร นี้แลเหตุปัจจัย เป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบางคนในโลกนี้[/FONT]
[FONT=&quot] ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก และเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบาง[/FONT][FONT=&quot]คนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ[/FONT]
[FONT=&quot] จบสูตรที่ ๙[/FONT]
http://larndham.net/cgi-bin/stshow.pl?book=[FONT=&quot]23[/FONT]&lstart=[FONT=&quot]1366[/FONT]&lend=[FONT=&quot]1462[/FONT]

[FONT=&quot]หมายเหตุ พระสุตตันตปิฎก ออนไลน์ นี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ[/FONT]
[FONT=&quot]การแสดงผลหรือลำดับพระสูตร หากพบข้อผิดพลาดกรุณาแจ้งได้ที่ [/FONT]phaisarn_pt@yahoo.com

เราต้องทำบุญไว้เยอะ ๆ แล้วเอาบุญที่มีระดับต่างกันนั้น เป็นเครื่องชำระจิตให้สะอาดไปเรื่อย ๆ เป็นลำดับขั้นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีบุญอยู่ในจิต
เหมือนใช้เรือข้ามฟาก พอข้ามแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องแบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย เพราะไม่จำเป็น คือเราไม่ต้องการเรืออีกแล้ว
แต่เราจะข้ามน้ำได้ เราต้องมีเรือ และคนขับเรือที่แข็งแรง (สติสัมปชัญญะ ที่แข็งแรง)

คือ 1.เราต้อง เลิกทำบาปทั้งหมดด้วยกาย วาจา ใจ (อปุญญาภิสังขาร), 2.เราต้องทำบุญทุกระดับให้ครบวงจร (ปุญญาภิสังขาร)3. ต้องไม่มีอเนญชาภิสังขาร คือฌานที่ 4 สิ่งเหล่านี้ต้องหมดไปจากจิต เหล่านี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ในวันมาฆบูชา ที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว ฯ

ปักธงชัย · 1 มีนาคม 2012

การเลือกเนื้อนาบุญ จะทำให้จิตรไม่บริสุทธิ์ ได้บุญน้อยลงไหม ครับ
ปัจจัยเงินเรามีจำกัด เราก็ต้องเลือก สิ่งที่ดีที่สุด เป็นอกุศลไหม ครับ

artmaster · 1 มีนาคม 2012

ปักธงชัย said: ↑

การเลือกเนื้อนาบุญ จะทำให้จิตรไม่บริสุทธิ์ ได้บุญน้อยลงไหม ครับ
ปัจจัยเงินเรามีจำกัด เราก็ต้องเลือก สิ่งที่ดีที่สุด เป็นอกุศลไหม ครับ
Click to expand...

เป็นการทำบุญอย่างชาญฉลาดครับ ยิ่งถ้าทรัพย์ที่หามาได้ค่อนข้างลำบากยิ่งต้องหาเนื้อนาบุญที่รับปัจจัยทานนั้น มันจะบังเกิดบุญได้มากครับ ตั้งแต่ต้นปีที่แล้วผมได้ทำบุญกับพระอริยเจ้าบ่อยมาก ตั้งแต่นั้นมา เงินผมไม่เคยขาดกระเป๋าเลยครับ นี่คือผลทานที่ได้ในปัจจุบัน ในชาติต่อไปคุณก็ไม่อดแน่นอน ผู้รับทาน เปรียบเสมือน ผืนนา ผู้ให้เปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่โปรยไปในนาข้าว ถ้าผืนนาไม่ดี คือผู้รับศีลไม่บริสุทธิ์ ผลผลิตก็ไม่งอกงามหรือไม่โตเลย ที่สำคัญทรัพย์ของเราต้องบริสุทธิ์ด้วยคือหามาได้โดยสุจริตครับ

artmaster · 1 มีนาคม 2012

เวลาผมจะทำบุญอะไร..ผมจะไปหาอานิสงส์ก่อนว่า ถ้าทำอย่างนี้บุญที่ได้คืออะไร พอผมรู้แล้ว ผมก็ไปทำแต่ระหว่างทำนั้น ผมจะไม่ตั้งจิตต้องการสิ่งนั้น(เพราะมันได้แบบนั้นอยู่แล้ว) แต่ผมจะตั้งจิตว่า นิพพานะ ปัจจโย โหตุ เม หรือ ขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรมครับ
อย่างที่ คุณLungKoZone<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5785008", true); </SCRIPT> บอกไว้ถ้าหวังผลในทาน จะได้สวรรค์ชั้นไม่สูงครับ
ทำไปเถอะครับจะหวังหรือไม่หวัง อย่างน้อยๆก็เป็นกิเลสที่ดีครับ

loveview · 1 มีนาคม 2012

โอ้เป็นความรู้เพิ่มเติมนะค่ะเนี่ย อย่างนี้เวลาทำบุญก็ต้องนึกถึงบุญให้มากๆแล้ว

ปุณบพิธ · 1 มีนาคม 2012

ปักธงชัย said: ↑

การเลือกเนื้อนาบุญ จะทำให้จิตรไม่บริสุทธิ์ ได้บุญน้อยลงไหม ครับ
ปัจจัยเงินเรามีจำกัด เราก็ต้องเลือก สิ่งที่ดีที่สุด เป็นอกุศลไหม ครับ
Click to expand...

ไม่ได้น้อยลงครับ
ดวงจิตนั้นเหมือนกันหมด จะเป็น มนุษย์ หรือ สัตว์ ต่างๆ
แต่ทำทานให้สัตว์ต่างๆ ย่อมได้ผลน้อยกว่ามนุษย์ผู้เลวทรามต่ำช้า
ทำให้มนุษย์ผู้เลวทรามต่ำช้า ย่อมได้ผลน้อยกว่ามนุษย์ปกติ
ทำให้มนุษย์ปกติ ย่อมได้ผลน้อยกว่ามนุษย์ผู้มีศีลธรรม
ตามลำดับชั้นไปครับ

Chang_oncb · 2 มีนาคม 2012

ทุกอย่างในโลกนี้ สำเร็จได้ด้วยจิต

ทำบุญ ปรารถนาบุญ จะผิดได้อย่างไร หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนว่า การทำบุญ คือการทำความดี
ขอขอบคุณ ท่าน wancha ช่วยค้นหาข้อมูล
หลังอาหารกลางวันแล้ว เข้าที่พักเพื่อลงรับแขกตามปกติ เมื่อว่างงานจิตมีกังวล จึงหางานให้จิตทำคือนึกถึงพระไตรปิฎก ด้วยเมื่อคืนวันที่ ๑๘ หลับยาก จึงเอาหนังสือพระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ มาอ่าน พอดีไปพบเรื่องที่ถูกใจเรื่องหนึ่งคือเรื่อง เทวดากบ เรื่องมีมาในพระไตรปิฎกเล่มที่๒๖หน้า๗๔ดังนี้
ขอให้นามว่า กบเทวดา หรือเทวดากบ ตามบาลีท่านว่า พระพุทธเจ้าตรัสถามเทวดากบว่า นั่นใครมีผิวพรรณสวยงามมาก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์ และยศสว่างทั่วจักรวาล ไหว้เท้าทั้งสองของตถาคตอยู่<o </o
เทวดากบกราบทูลว่า เมื่อชาติก่อนข้าพระองค์เป็นกบเที่ยวหาอาหารอยู่ในถ้ำ เมื่อข้าพระองค์ฟังธรรมของพระองค์อยู่คนเลี้ยงโคได้ฆ่าข้าพระองค์ ข้าพระองค์ตายจากความเป็นกบไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวรรณะ ยศ ฤทธิ์ เยี่ยงนี้ เพราะมีจิตเลื่อมใส ฟังธรรมะของพระองค์เพียงครู่เดียว สำหรับท่านที่มีโอกาสฟังนาน ๆ มีหวังไปนิพพานสิ้นทุกข์ เป็นดินแดนสิ้นโศก สิ้นความเร่าร้อนพระเจ้าข้า<o </o
เป็นอันว่าเรื่องนี้ยืนยันว่า สัตว์เดรัจฉานก็ทำบุญได้ ตามที่นักเทศน์ชอบเทศน์กันว่า เทวดา พรหม สัตว์ ทำบุญไม่ได้ เป็นอันว่าท่านลืมอ่านพระไตรปิฏกที่เขียนมาแล้วนี้ ซึ่งเขียนตามบาลีในพระไตรปิฏก ( คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

Chang_oncb · 2 มีนาคม 2012

ตัวอย่างทำบุญ หวังได้บุญ คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในกรรมฐานจัดว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน (การระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์) ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีกายสว่างไสวมาก การสร้างพระถวายด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมากเป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"พุทธะปูชา มะหาเตชะวันโต" แปลว่า "การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชอำนาจมาก"

jintanakarn · 3 มีนาคม 2012

ถ้าหวังแล้วไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนและผู้อื่นเดือดร้อนก็ไม่น่าจะผิดอะไร

Chang_oncb · 3 มีนาคม 2012

การทำบุญ หรือการทำความดี ได้ผลโดยอัตโนมัติ แม้ไม่หวังจะได้

ขอขอบพระคุณ ท่านพลน้อย
กาละวันหนึ่ง บุรุษอริยเมตไตรยนั้นได้ออกมาตรวจตราดูไร่แตงโมของตนซึ่งกำลังมีผลดกอยู่ เต็มไร่ ขณะที่ออกมายืนดูอยู่นั้นก็ได้เห็นฝูงลิงพากันมาลักแตงโมกินเป็นอาหาร บุรุษหนุ่มจึงวิ่งไล่กวดฝูงลิงเพื่อให้หนีไป
บังเอิญ วันนั้น สมเด็จพระบรมศาสดามาถึงไร่แตงโมของบุรุษอริยเมตไตรย ประทับยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง บุรุษหนุ่มได้วิ่งไล่ลิงไปถึงสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับยืนอยู่นั้น และได้เหยียบเอาพระฉายา เงาขององค์พระบรมศาสดาโดยมิทันได้สังเกต
ครั้น บุรุษหนุ่มเหลียวไปเห็นพระพุทธองค์ก็เกิดมีความเลื่อมใสเป็นกำลัง ตรงเข้าไปถวายอภิวาทแล้วจึงนำแตงโมจากไร่ของตน๗ผลด้วยกัน น้อมนำเข้าไปถวายพระองค์ แต่ว่าแตงโมผลหนึ่งนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมีรอยหนูเจาะกัดกินเสียก่อน
เมื่อ พระพุทธเจ้าทรงรับผลแตงโมจากบุรุษหนุ่มอริยเมตไตรยแล้ว จึงได้ตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนบุรุษ กุศลผลทานที่ท่านได้นำเอาแตงโม๗ผลมาถวายแก่ตถาคตนี้ จะเป็นปัจจัยให้ท่านได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชอันประเสริฐในระหว่าง กลางแห่งศาสนาของตถาคต และท่านจะได้ช่วยยกย่องศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไป ก็แต่ว่า ผลกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาของตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมที่ท่านนำแตงโมไม่บริสุทธิ์ มีรอยหนูเจาะมาถวายตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมนั้นจะส่งให้ท่านบังเกิดเป็นมนุษย์มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ที่ศีรษะของท่านจะมีรอยแผลเป็น ดุจรอยหนูเจาะแตงโม ครั้นต่อมา ท่านจึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใส มีร่างกายงามผุดผ่องดุจสีทอง[www.marateebook.com]

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ทำบุญ หวัง ได้บุญ จะผิดไหม ครับ

ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

อินทิราธา เป็นที่รู้จักกันดี

รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

รัศมีสีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

ปักธงชัย เป็นที่รู้จักกันดี

artmaster Active Member

artmaster Active Member

loveview สมาชิกใหม่

ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

ทำบุญ หวัง ได้บุญ จะผิดไหม ครับ

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา