หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    ข้อคิดเตือนใจ

    [FONT=&quot]การไล่หาพระเครื่องดีๆดังๆที่เขาว่าดีเพื่อมาใช้บูชาติดตัวก็เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง ทั้งลำบากต่อครอบครัวและทำให้จิตใจว้าวุ่นกระวนกระวายอยากมีอยากได้ บางครั้งได้มาแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะแท้จะเก๊ หรือทันพระเกจิองค์นั้นๆทำไว้จริงหรือไม่ หรือเป็นของเสริมในภายหลัง และแบบที่ว่าแท้ก็เชื่อถือต่อๆกันมาตามที่คนขายบอกไว้ตามแนวทางที่เขากำหนด ซึ่งมีทั้งที่แท้จริงๆและแท้ตามแนวทางที่บางคนลิขิตขึ้นมาใหม่ ทำให้บางคนก็ไม่กล้าแขวนเดี่ยวในพระองค์ที่เช่าหามาแพงๆด้วยซ้ำไปทั้งๆที่ไล่เสาะหามานานและเสียเงินไปไม่น้อย
    [/FONT]
    [FONT=&quot]จึงเห็นหลายคนแม้ว่าจะใส่สร้อยพระหลายเส้นรวมแล้วเกือบสิบๆองค์ ยังไม่นับที่เหน็บกระเป๋าและแขวนรอบเอวอีกไม่รู้เท่าไร แต่ยังไม่วายพกใส่กระเป๋าสะพายแขวนไว้อีกดังจะเห็นได้มากมายในสนามพระทุกที่ ลองถามตัวเองดังๆดูว่า คนเหล่านั้นล้วนแต่มีพระเครื่องดังๆดีๆแทบทุกอย่างที่เรายังไม่มีด้วยซ้ำไป ทำไมเขาเหล่านั้นยังไม่หยุดเสาะหากันเสียที เพราะอะไร? แล้วเราจะต้องเดินทับไปบนทางสายนี้อีกยาวนานเท่าไรจึงจะสุดเส้นทางฝัน?[/FONT]


    เครดิต หนุ่มเมืองแกลง
     
  2. naicharty

    naicharty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +394
    พระพุทธปฐวีธาตุชุดพิเศษ ที่พ่อแม่ครูอาจารย์จะมอบให้สำหรับนักรบธรรม ไว้เพื่อการนำไปภาวนา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1000559.jpg
      P1000559.jpg
      ขนาดไฟล์:
      302.4 KB
      เปิดดู:
      1,145
    • P1000561.jpg
      P1000561.jpg
      ขนาดไฟล์:
      365.6 KB
      เปิดดู:
      1,072
    • P1000569.jpg
      P1000569.jpg
      ขนาดไฟล์:
      177.9 KB
      เปิดดู:
      1,026
    • P1000570.jpg
      P1000570.jpg
      ขนาดไฟล์:
      228.8 KB
      เปิดดู:
      142
    • P1000571.jpg
      P1000571.jpg
      ขนาดไฟล์:
      440.6 KB
      เปิดดู:
      781
    • P1000573.jpg
      P1000573.jpg
      ขนาดไฟล์:
      307.4 KB
      เปิดดู:
      109
    • P1000581.jpg
      P1000581.jpg
      ขนาดไฟล์:
      253.2 KB
      เปิดดู:
      98
    • P1000601.jpg
      P1000601.jpg
      ขนาดไฟล์:
      278.7 KB
      เปิดดู:
      11,583
    • P1000602.jpg
      P1000602.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.8 KB
      เปิดดู:
      12,438
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    งามแท้สมเด็จหลวงพ่อทวด

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  4. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ
    ขอกราบหลวงปู่แหวนและพระเกศาธาตุ สาธุ
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พุทโธอัปปมาโณ
    ธัมโมอัปปมาโณ - สังโฆอัปปมาโณ


    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER>
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอน โดยให้หลักไว้ดังนี้
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ๑. การคิดถึงเรื่องราวในพระสูตร หรือในพระธรรมวินัยก็ดี จงคิดให้ได้สาระธรรมคือธรรมในธรรม แห่งเรื่องราวในบทนั้นๆ อย่ามุ่งหวังเอาแต่เพียงความจำได้ ให้วกเข้าสู่สัจธรรม ธรรมคือของจริงอยู่เสมอ แล้วพวกเจ้าจักได้ประโยชน์ และเพลิดเพลินอยู่ในธรรมนั้นๆ อย่างหาที่สุดมิได้ นี่แหละเจ้าที่เขาเรียกว่า ธัมโมอัปปมาโณ<O:p></O:p>
    ๒. ในนั้นมีพระอริยสงฆ์ หรือพระอริยเจ้าเป็นตัวดำเนินเรื่อง ชี้ให้เห็นชัดในกฎของกรรมของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ให้เห็นอริยสัจคือทุกข์อันสืบเนื่องมาจากกฎของกรรมนั้นๆ ให้เห็นอริยมรรค คือ การบำเพ็ญเพียรเพื่อพ้นทุกข์ ที่ติดอยู่ในสักกายทิฎฐินั้นๆ จนในที่สุดให้เห็นว่าท่านทำอย่างไร จึงได้ซึ่ง อริยผล ในการแสวงหาความพ้นทุกข์ได้ นี่ก็ เป็นสังโฆอัปปมาโณ<O:p></O:p>
    ๓. เรื่องราวที่เกิดมาเป็นพระสูตรก็ดี พระธรรมวินัยก็ดี พระอภิธรรมก็ดี มาจากคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้า ซึ่งประกาศซึ่งพระธรรม อันเป็นหนทางพ้นทุกข์ อันเป็นแนวทางให้พระอริยสงฆ์เดินตามทางปฏิบัตินี้มาแล้วพ้นทุกข์ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทุกๆ พระองค์ตรัสเหมือนกันหมด ให้ดับที่เหตุแห่งธรรมนั้น พระพุทธเจ้าเป็นผู้แสดงธรรมให้งามทั้ง ๓ กาล อาทิ กัลยานัง(งามเบื้องต้น คือ งามด้วยศีล มีอธิศีล - มีกรรมบถ ๑๐ พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔) มัชเฌกัลยานัง (งามท่ามกลาง คือ งามด้วยสมาธิจิต มีอธิจิต หมดอารมณ์ ๒ พ้นจากการเกิดมีขันธ์ ๕) ปาริโยสานะกัลยานัง (งามที่สุด คือ งามด้วยปัญญา มีอธิปัญญาตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน ไปนิพพานได้) ยังบุคคล - พรหม - เทวดา ให้งามด้วย ศีล - สมาธิ - ปัญญา ได้เข้าถึงอริยมรรค อริยผล หมดจดแล้วจากกิเลสตามลำดับ นี่ก็เป็น พุทโธอัปปมาโณ นะ<O:p></O:p>
    ๔. เพราะฉะนั้นการใคร่ครวญในพระธรรมวินัยก็ดี ในพระสูตรก็ดี ในพระอภิธรรมก็ดี เป็นการระลึกถึงพุทธรัตนะ ธัมมะรัตนะ สังฆะรัตนะ เป็นธรรมพ้นโลกที่เจริญอยู่ในจิตของพวกเจ้าอยู่ตลอดเวลา ที่ยังระลึกนึกถึงอยู่นั้น<O:p></O:p>
    ๕. แต่จงอย่าลืม พระในพระสูตรก็ดี ในพระธรรมก็ดี ขันธ์ ๕ ของท่านไปไหน ตายหมดแล้วใช่ไหม (ก็รับว่าใช่) ก็จงคิดให้ลงที่ตนเองว่า ในไม่ช้าร่างกายของเราก็ตาย อย่าหลงลืมความตาย ให้ระลึกนึกถึงเอาไว้เสมอ<O:p></O:p>
    ๖. แล้วจงคิดว่า ท่านแต่ละองค์นั้นตายแล้ว จิตของท่านไปไหนกันบ้าง พ้นทุกข์ถาวรก็มี พ้นทุกข์ชั่วคราวก็มี กลับลงสู่อบายภูมิ ๔ ให้เกิดทุกข์หนักก็มี ให้ธรรมของท่านสอนในธรรมของเรา พิจารณาและถามจิตของตนเองอยู่เนืองๆ ปรารถนาภพชาติใดเป็นที่ไป ปรารถนาพ้นทุกข์อย่างถาวร ปรารถนาพ้นทุกข์ชั่วคราว ปรารถนากลับมาจุติใหม่ให้เกิดทุกข์ หรือปรารถนาอบายภูมิ ๔ เป็นที่ไป ท่านทั้งหลายเป็นครู เป็นบทเรียนสอนเรา สอนธรรมหรือกรรมอันเป็นการกระทำ อันเกิดจากกาย - วาจา - ใจ ของตนเองเป็นที่ตั้ง สอนให้รู้ว่าธรรมที่เบียดเบียนทำให้ทุกข์ในสถานไหนบ้าง ธรรมที่ไม่เบียดเบียนทำให้สุขในสถานไหนบ้าง<O:p></O:p>
    ๗. พวกเจ้ายังเป็นเสขะบุคคลอยู่ (บุคคลที่ยังต้องตัดกิเลสอยู่) ศึกษาจุดนี้ให้ดีๆ แม้แต่พระตถาคตเจ้าทั้งหลายก็เป็นครู ร่างกายของพระตถาคตเจ้าพ้นโลกไม่ได้ ในที่สุดก็ดับขันธ์ เข้าสู่พระปรินิพพาน แต่จิตของพระตถาคตเจ้าสอนธรรมพ้นโลก ผลของการออกสู่อภิเนษกรมณ์บรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณ จิตตถาคตพ้นโลกแล้ว มีศีล - สมาธิ - ปัญญา ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานแล้ว จึงออกประกาศพระธรรมคำสั่งสอน รื้อขนเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์ หลุดพ้นจากห้วงวัฏฏะสงสาร ทำหน้าที่พระบรมศาสดา ประกาศพระพุทธศาสนา ตามวาระที่ได้บำเพ็ญบารมีมาตามสมควรแล้ว พระตถาคตเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ต้องทิ้งร่างกาย<O:p></O:p>
    ๘. เจ้าจงอย่าลืมจุดนี้ ที่ครูทุกท่านสอน มรณานุสสติควบคู่กับลมหายใจเข้า - ออก เหมือนดั่ง องค์สมเด็จพระบรมครู องค์ปัจจุบันตรัสสอนพระอานนท์ว่า ตถาคตนึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก หรือนัยหนึ่งยืนยันกับพระสารีบุตรว่า ตถาคตมากด้วยอานาปานัสสติ<O:p></O:p>
    ๙. ถ้าหากพวกเจ้าอยากได้ดี จงอย่าลืม ๒ จุดนี้ อานาปาทำให้มีสติแจ่มใสระลึกได้อยู่ตลอดเวลา จิตมีกำลังตั้งมั่น การรู้ลมเข้าออก คือ รู้ความไม่เที่ยง หรือนัยหนึ่งความเที่ยงว่า จักต้องตายแน่นอน ในความไม่เที่ยงแห่งลมเข้าหรือลมออกนั้น ๒ จุดนี้จักต้องควบกันไว้เสมอ เชื่อมโยงเข้าไว้ให้ได้เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ความประมาทจักไม่มี (ทรงหมายความว่าการรู้ลมหรืออานาปาอยู่เสมอ หากลมหยุดความตายก็มาถึง)<O:p></O:p>
    ๑๐. เมื่อเห็นความไม่เที่ยงของลม เห็นความตาย ก็ย่อมเห็นร่างกายไม่เที่ยงไปด้วย เห็นธาตุ ๔ หรือแม้แต่วิญญาณธาตุ ก็เห็นหมดว่าไม่เที่ยง ความหลงใหลใฝ่ฝันในร่างกายก็จักน้อยลงไปตามลำดับ เห็นไปทั้งเมื่อธาตุ ๔ ไม่เที่ยง บกพร่องอยู่ตลอดเวลา ความเสื่อมของธาตุ ๔ มีความสกปรกเป็นที่รองรับ ไหลเข้า - ไหลออกอยู่ตลอดเวลา เป็นของน่าเบื่อหน่าย เป็นของนำมาซึ่งความทุกข์ เมื่อพิจารณาอย่างนี้ก็ได้ชื่อว่าเข้าถึงครู คือ ได้วิชชามาจริง แล้วนำมาปฏิบัติให้จริง ผลที่ได้ก็จักเป็นผลจริงในทุก ๆ ประการ

    อย่ามุ่งเอาชนะใครให้มุ่งเอาชนะใจตนเอง<O:p></O:p>

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้<O:p></O:p>
    ๑. ปัญหาหรืออุปสรรคอะไรจักเกิดขึ้น จงอย่าเสียใจ ให้ถือว่านั่นคือข้อสอบอารมณ์จิตเป็นสำคัญ ทุกอย่างสำคัญที่กำลังใจ ตั้งมั่นเข้าไว้ให้อยู่ในธรรมพ้นโลก<O:p></O:p>
    ๒. ธรรมทางโลกจักกระทบเท่าใด นั่นแหละคือไม้เรียวของครูที่ขับเคี่ยวจิตใจ ให้มีกำลังเข้มแข็งยิ่งขึ้น เราไม่หวังจักรบชนะใคร เราหวังรบเพื่อชนะใจของตนเอง<O:p></O:p>
    ๓. ให้คิดเสียใหม่ว่า ขณะนี้เป็นโอกาสดีแล้ว ที่ได้พบกับการทดสอบกับอารมณ์เยี่ยงนี้ อย่าทำกำลังใจให้ขาดทุน ถ้าจักสอบผ่านก็ต้องตรวจบารมี ๑๐ ให้ครบ มันจักบกพร่องบ้าง ก็รีบดึงกำลังใจเข้มแข็งต่อสู้ใหม่ ไม่ใช่สู้กับเขา แต่สู้กับอารมณ์ใจของเราที่ถูกกระทบนั้น อย่าได้หวั่นไหว<O:p></O:p>
    ๔. ตรวจสอบวาระจิตเข้าไว้ อย่ามุ่งเอาชนะใคร ให้มุ่งเอาชนะความไม่พอใจ หรือพอใจในอารมณ์ของจิตตนเป็นสำคัญ และให้ไตร่ตรองใคร่ครวญเข้าไว้ รู้กระแสธรรมในจิตของตนอยู่ตลอดเวลาว่า นี่ดำรงอารมณ์ไว้เยี่ยงนี้ ในขณะจิตนี้อยู่ในศีล อยู่ในธรรมอันเพื่อ โลกุตรวิสัย หรือเปล่า อย่าให้อารมณ์จิตแฉลบออกนอกทางธรรมปฏิบัติเป็นอันขาด เผลอบ้างก็ดึงเข้ามาสู่ทางธรรมใหม่ ต่อสู้เรื่อยไป<O:p></O:p>
    ๕. อิทธิบาท ๔ จงรักษาไว้ให้เต็ม เหนื่อยหน่อย แต่ก็สมควรทำ ทำให้จริงแล้วผลที่ได้จักจริงเป็นที่น่าพอใจ

    อย่าเฉยอย่างลิง ที่กลัวไม้เรียว<O:p></O:p>

    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้<O:p></O:p>
    ๑. ขอให้พวกเจ้ายุติกรรมที่จักจองเวรกับบุคคลที่มาก่อกวนการทำงานให้กับพระพุทธศาสนา ในวัดท่าซุงของพวกเจ้าลงเสียให้ได้ จงให้อภัยแก่เขา เพราะในไม่ช้าผลของกรรมที่เขาทำเอาไว้ จักสนองเขาเองในภายหน้า เพลานี้จิตของเขาไม่มีความสุข เป็นทุกข์ เพราะไฟโมหะ - โทสะ - โลภะ เผาผลาญ<O:p></O:p>
    ๒. พวกเจ้าจงยังจิต ให้สงบอยู่ ในธัมมวิจยะ ต่อไปเถิด อริยสัจหรือกฎของกรรมเที่ยงแท้อยู่เสมอ ขอให้ไตร่ตรองจุดนี้ให้ดีๆ สร้างอภัยทานให้เกิด จิตจักมีความสงบเยือกเย็นและจักยอมรับนับถือในกฎของกรรม จิตจักไม่เป็นเวรเป็นภัยแก่ตนเอง คือ รักษาอารมณ์ของตนไว้ให้สงบสุขด้วยพรหมวิหาร ๔ ไม่เบียดเบียนตนเอง ทั้งทางกาย - วาจา - ใจ ก็จักพลอยไม่เบียดเบียนกาย-วาจา-ใจของผู้อื่นด้วย<O:p></O:p>
    ๓. รักษาพรหมวิหาร ๔ เอาไว้ให้ดีๆ ที่ให้พวกเจ้าวางเฉยกันใน ๒ - ๓ วันนี้ เพื่อให้รู้จักข่มใจอยู่ในตัวอุเบกขาบ้าง ถ้าไม่สั่งอย่างนั้น ก็จักไม่รู้จักอุเบกขากันเลย (ก็ยอมรับว่าเฉยได้ตามคำสั่งเท่านั้น แค่ได้ชั่วคราว)<O:p></O:p>
    ๔. นั่นเป็นเพียงระงับชั่วคราว ยังไม่ใช่ของจริง เพราะยังไม่ถูกกระทบกระทั่ง เพียงแต่ให้รู้ว่า ระงับให้สงบแล้ว แล้วเป็นสุขอย่างนี้แหละ (ก็นึกถึงลิงที่ถูกฝึกให้อยู่นิ่งๆ เพราะกลัวไม้เรียว สภาพจิตในขณะนี้ก็เป็นอย่างนั้น)<O:p></O:p>
    ๕. ทรงตรัสว่า ถูกต้อง ใหม่ๆ ลิงจักไม่ยอมเฉย ที่ต้องยืนเฉยๆ เพราะกลัวไม้เรียว แต่พอนานๆ ไปถูกขนาบเข้าบ่อยๆ ลิงก็รู้ว่า นี่เขาสั่งให้ยืนเฉยๆ แต่พวกเจ้าเป็นมนุษย์ ต้องรู้จักใช้ปัญญา มิใช่จักมายืนเฉยๆ อย่างลิงกลัวไม้เรียวไม่ได้ คือ เมื่อถูกสั่งให้เฉยเพื่อจักได้รู้จักตัวอุเบกขาเอาไว้ คือ การรู้จักระงับอารมณ์ไม่ให้ดิ้นรนไปในเรื่องต่าง ๆ ใหม่ ๆ ก็ไม่รู้ว่าเฉยจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร (อย่างลิง) เมื่อถูกสั่งให้เฉย ควรจักพิจารณาตามไปว่า อารมณ์เฉยนั้นเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ (ให้รู้ด้วยตนเอง และยอมรับว่าเป็นสุข)<O:p></O:p>
    ๖. เมื่อเป็นสุข ควรจักเฉยต่อไปไหม ให้ถามตนเองอยู่อย่างนี้ ไม่ใช่ทำตัวเหมือนลิง คิดแต่กลัวไม้เรียวอย่างเดียว ต้องใช้ความเพียรบวกปัญญา ให้จิตมันยอมรับความจริงจนวางเฉยได้ในทุก ๆ กรณี นี่เรียกว่าอุเบกขา ทั้งกาย - วาจา - ใจ โดยยอมรับกฎของกรรม อภัยทานเกิดที่ตรงนี้<O:p></O:p>
    ๗. บุคคลหากพรหมวิหาร ๔ ทรงได้ไม่เต็มทั้ง ๔ ตัว คำว่าจักอภัยทานให้แก่ผู้ใดนั้นเป็นของไม่จริง เพราะยังเป็นผู้ไม่รู้จักอภัยทานให้แก่กาย - วาจา - ใจของตนเองก่อน ขอให้พวกเจ้ารู้จุดนี้ให้ดีๆ

    รู้ธรรมพ้นโลกดีกว่ารู้ธรรมในโลก<O:p></O:p>

    หลวงพ่อฤๅษีท่านเมตตา มาสอนเรื่องนี้ไว้ มีความสำคัญดังนี้<O:p></O:p>
    (สาเหตุมาจากเพื่อนของผม ท่านชอบสนใจเรื่องของคนโน้นคนนี้ แล้วนำมาคิดฟุ้งซ่าน เป็นนิวรณ์ทำปัญญาของตนเองให้ถอยหลังอยู่บ่อยๆ)<O:p></O:p>
    ๑. จะสนใจประวัติของเสือโน่น เสือนี่ไปทำไม ไม่เห็นจะมีประโยชน์ ให้มาสนใจปฏิปทาการปฏิบัติให้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ไม่ดีกว่าหรือ<O:p></O:p>
    ๒. คนเรานี่แปลก อยากรู้โน่นรู้นี่ในสิ่งที่เป็นธรรมอยู่ในโลก ธรรมที่พ้นโลกกลับไม่ค่อยจะสนใจกัน เรื่องของชาวบ้านที่ผ่านไปแล้ว เป็นธรรมของชาวโลก หาสาระอะไรไม่ได้ สู้เอาเวลามาปฏิบัติธรรมกันดีกว่า<O:p></O:p>
    ๓. ธรรมของพระพุทธเจ้าท่าน ล้วนเป็นธรรมพ้นโลก อยากได้มรรคผลทางธรรมระดับไหน พระองค์มีสอนไว้หมดแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะทำได้จริงจังสักแค่ไหนเท่านั้น พระองค์เป็นเพียงผู้ชี้แนะหัวข้อธรรม บอกวิธีปฏิบัติให้เกิดผลไว้โดยละเอียด แต่การปฏิบัติให้เกิดผลอยู่ที่ตัวเรา จะทำจริงสักแค่ไหนเท่านั้น<O:p></O:p>
    สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตา ตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้<O:p></O:p>
    ๑. รู้ธรรมพ้นโลกดีกว่ารู้ธรรมในโลก ศึกษาสาระจุดนี้เข้าไว้ เพื่อรู้ประโยชน์อันพึงจักเกิดแก่จิตสืบไปในภายหน้า อย่าสนใจพร่ำเพรื่อ<O:p></O:p>
    ๒. ให้รู้ไว้ด้วยว่า สิ่งใดควรรู้ สิ่งใดไม่ควรรู้ สิ่งใดควรละ สิ่งใดควรยึด นี่เจ้าจักต้องรู้ไว้ และนำเอาไปปฏิบัติด้วย<O:p></O:p>
    ๓. การรู้เรื่องของบุคคลอื่น อันเป็นธรรมของโลก ช่วยให้พ้นโลกไม่ได้ แล้วจักไปตามรู้ เพื่อประโยชน์อันใด<O:p></O:p>
    ๔. จักเป็นการดี ที่เจ้านำเทปท่านฤๅษีไปเปิดฟังในขณะทำงาน จักได้มีทั้งการปฏิบัติธรรมไปในตัวเสร็จ และเป็นการระงับอารมณ์ฟุ้งซ่านของจิตได้เป็นอย่างดี<O:p></O:p>
    ๕. อย่าเพิ่งไปคิดว่า งานจักออกมาในลักษณะไหน การคาดการณ์ล่วงหน้าเป็นการสร้างความทุกข์ให้แก่จิต สู้ทำงานไปเรื่อย ๆ ดีกว่า ทำโดยเต็มความตั้งใจที่จักทำเพื่อพระนิพพาน งานจักออกมาในรูปเช่นใดก็ตาม ก็ขอให้มีความพอใจ เพราะเจ้ามีความตั้งใจทำเต็มที่แล้ว<O:p></O:p>
    ๖. กลับมากล่าวถึงเรื่องการฟังเทปธรรมะ ฟังแล้วต้องนำคำสอนนั้น ๆ มาพิจารณาคิด - ใคร่ครวญให้เกิดปัญญาด้วย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>

    [​IMG]
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1210215.JPG
      P1210215.JPG
      ขนาดไฟล์:
      239.9 KB
      เปิดดู:
      3,402
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    "พุทโธอัปปมาโณ"
    พระพุทธานุภาพ ไม่มีประมาณ

    คุณสมบัติ บอกผมในความฝันว่า "ผมเหาะไม่ไหว เพราะผมห้อยพระหนักมาก" (คุณภูเบศวร์)

    หลายท่านในที่นี้ คงสงสัยว่าพวกเราสามคน (ดร.นนต์ ดร.ณัฐชัย และผม) ไปพบกันที่กรุงเทพฯนั้น เพื่ออะไร และได้อะไรมากัน

    ผลของกิจกรรมต่างๆที่กระทำมาร่วมกันมาตลอด 2 วัน เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เช้ายันดึก,เช้ายันค่ำ พวกเราได้ต่างเรียนรู้ พิสูจน์ ทดลอง การรับรองผล เรื่องพลังพระพุทธานุภาพ จากบุคคลสำคัญระดับสูง 3 ท่านร่วมกัน ต่างเป็นพยานบุคคลให้กันและกัน พร้อมทั้งมีพยานบุคคลนับ 10 ท่าน(2 เหตุการณ์)

    ตอนนี้ยังไม่ได้บอกว่าสิ่งต่างๆนั้นคืออะไร เพราะต้องเรียบเรียงช่วยๆกัน เสริมข้อมูลให้สอดคล้องกัน สำหรับผมมีผลออกมาเป็นรูปธรรมแล้วว่า คงได้ ลด ละ เลิก ในการอัญเชิญพระพิมพ์ให้วุ่นวาย ตัดนิยามคำว่า พลังกี่เท่า แรง ไม่แรง อิทธิคุณทรงด้านไหน ฯลฯ จักไม่มีในนิยามของเราสามคนอีกแล้ว เพราะวัตถุมงคลของหลวงปู่เจ้าประคุณฯสมเด็จโตทุกอย่าง ภายใต้เงื่อนไขเพียงข้อเดียว...จักได้แปรสภาพเป็นเท่าเทียมกันและไร้ประมาณเช่นกัน...

    ในการอัญเชิญวัตถุมงคลติดตัว คงมีสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำกับพระพุทธปฐวีธาตุกายสิทธิ์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ เพื่อช่วยในการปรับธาตุขันธ์ อธิษฐานจิตและร่วมทำสมาธิ ส่วนพระพิมพ์ที่อยู่ในมือ ระดับพื้นฐานคือ 150x ขึ้นไปจนถึงระดับ...ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  7. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    โมทนาบุญ สาธุ สาธุ กับนรธทุกๆท่านครับ มหัศจ..... ผมสะกดไม่ถูกครับเพราะว่า ไม่มีประมาณ ไม่มีที่สิ้นสุด
     
  8. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    หน้าตา ท่านหมอหน้าตาละม้ายคล้ายกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ
    กราบ กราบ กราบ
     
  9. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ขอน้อมจิตกราบท่าน พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน อริยบุคคลผู้เป็นว่านวงศ์ขององค์พุทธะ ธรรมของท่านกลั่นมาจากธรรมของพระพุทธองค์ ผู้พ้นแล้วย่อมกลับมาช่วยเหลือผู้อยู่ข้างหลัง นี้คือ งานสุดท้ายในภพสุดท้ายของท่าน

    เมื่อวานขณะนั่งฟังธรรมจากท่านอาจารย์หมอ ผมสัมผัสได้ว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำเสด็จมา ผมจึงน้อมจิตเข้าไปกราบแทบเบื้องบาทของท่าน ความปีติก็หลั่งไหลมา อีกสักพักองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเสด็จมา จากที่ท่าน ดร.ณัฐชัยบอก ผมจึงได้โน้มจิตเข้าไปกราบสักการะพระพุทธองค์ด้วยจิตปีติล้น .... ผู้ใดสัมผัสได้ รู้เอง... ถึงแล้ว รู้เอง... เป็นปัตจัตตัง
     
  10. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 สิงหาคม 2013
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    มหัศจรรย์ หรือ อัศจรรย์ ก็ยังนับว่าธรรมดาไปครับ หุหุ
     
  12. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    ผู้ที่เข้าถึงสิ่งที่เป็นพลังงานที่หาที่สิ้นสุดมิได้ (infinity) นั้น จักมีสักกี่คน เหตุของผู้นั้นย่อมมาจากผลของการได้บำเพ็ญบุญบารมีแบบประเมินมิได้เช่นกัน

    ธรรมป็นของโลก
    แต่ผู้เห็นธรรมนั้น เป็นผู้อยู่เหนือโลก
    และผู้เข้าถึงธรรม ย่อมสัมผัสสิ่งเหนือโลกได้

    ผู้เข้าถึงธรรม ผู้อยู่เหนือโลก ผู้สัมผัสสิ่งเหนือโลกได้นั้น
    มิได้พึ่งมาบังเกิดขึ้นเฉพาะในภพนี้ แต่สะสมและเป็นมาหลายภพหลายอสงไขยมากแล้ว (ขั้นปรมัตถบารมี) เพียงแต่การลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพนี้ บางคนก็ลงมาเพื่อเก็บเศษแสนกัปให้เต็ม บางคนลงมาเพื่อพระนิพพาน บางคนอาสาลงมาสืบต่อศาสนา บางคนลงมาตามพุทธประเพณี...อันนี้กล่าวถึงเฉพาะบุุคคลที่บำเพ็ญขั้นสูงสุดคือ ปรมัตถบารมีเท่านั้น

    นักรบธรรมทั้งหลาย เมื่อจิตท่านโน้มมาแล้ว รู้ตัวแล้ว รู้ตัวละคนสงสัยบ้าง ก็จงค้นหาจริตของตัวเอง ค้นหาใจของตัวเอง พิสูจน์ด้วยตนเอง ปฏิบัติด้วยตนเอง แล้วสิ่งมหัศจรรย์ทางจิต สิ่งมหัศจรรย์ทางโลก สิ่งมหัศจรรย์ต่างมิติ ก็จะหลั่งไหลเข้ามาให้ท่านเรียนรู้ เมื่อเรียนรู้จนหายสงสัย การละวางซึ่งเป็นที่สุดนั้น ก็จะบังเกิดขึ้นเป็นขั้น เป็นตอน เป็นอัตโนมัติ.... ถึงเอง รู้เอง

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กันยายน 2011
  13. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    พุทธะ เป็นของเย็น
    ธรรมะ เป็นของเย็น
    พระนิพพาน เป็นของเย็น

    ผู้เข้าถึงธรรม คืออริยบุคคล (โสดาบันถึงอรหันต์ จนถึงที่สุดคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ย่อมอยู่ในกระแสเย็น
    ผู้ที่เข้าสู่กระแสเย็นแล้ว ย่อมไม่ไหลย้อนกลับไปสู่กระแสร้อนได้อีกเลย
     
  14. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    นักรบธรรมทั้งหลาย จงสังเกตว่า เมื่อท่านอยู้ใกล้บุคคลใด แล้วรู้สึกสัมผัสได้ว่า บุคคลผู้นั้นมีแต่ความเย็น...ที่แผ่ซ่านออกมา จงเชื่อมั่นว่า นั่นแหละคือ บุคคลที่เข้าถึงธรรมแล้ว
     
  15. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    โมทนา สาธุ สาธุ ชอบด้วยทุกประการ
     
  16. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    โมทนา สาธุ กราบ กราบ:cool:
     
  17. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181

    การที่ผมได้ฝันถึงท่านสมบัติ
    (อยู่ในชุดขาว เหมือนที่ถ่ายรูปมาให้ดูตอนไปภูดานไห) คล้องพระเต็มคอหลายเส้น เหงื่อชุ่มตัว(เหมือนท่านนาคน้อย) พูดกับผมในท่าเหนื่อยหอบจากการปีนป่ายเขา ว่าไม่คล่องแคล่ว คล่องตัว เพราะคล้องพระอยู่เต็มคอ คงมีนัยยะอะไรนำมาให้นรธ.พิจารณา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สุดแล้วแต่ใจของผู้ได้รับรู้รับทราบ ว่าจะมีมุมมองไปในทางใด มิได้พาดพิงหรือปรามาสแต่อย่างใด
    แม้ว่าเรายังไม่เคยได้พบหน้ากันเลยทั้งท่านสมบัติ ท่านดร.นนท์
    ท่านดร.ณัฐชัย เมื่อวันที่ได้เจอกัน ก็ไม่รู้สึกเหมือนเป็นคนที่เจอกันครั้งแรก กลับรู้สึกเหมือนวันรวมญาติอย่างนั้น
    ได้สนทนากันเกี่ยวกับมงคลวัตถุสูงค่าที่หลั่งไหลมาให้เราได้พบเจอนั้น ไม่ใช่ว่าเราขวนขวายด้วยใจที่เต็มไปด้วยโลภะ
    เพราะลำพังแต่เราผู้เดียวให้คล้องทุกองค์ที่มีแม้อยากจะทำก็คงทำไม่ได้ และคงไม่ต่างอะไรกับยักษ์แบกแท่นตามฐานพระประธานหรือฐานพระเจดีย์ตนใดตนหนึ่ง
    แต่เรารู้สึกถึงว่า เพื่อการจักได้ทะนุบำรุงพระศาสนา ส่งต่อให้ผู้อื่นให้ได้รับสิ่งมงคลนั้นไว้คุ้มครองสงเคราะห์เขาต่อไป และเพื่ออัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมายังที่อันสมควร มายังบุคคลอันเหมาะสม เพื่อได้เก็บรักษาไว้สืบทอดจนถึงลูกหลาน สืบทอดให้ยาวนานตราบชั่วยุกาลศาสนา ดังเจตนารมณ์ของผู้สร้างสิ่งมงคลเหล่านั้น
     
  18. nontayan

    nontayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    832
    ค่าพลัง:
    +976
    เมื่อถึงเวลา ฟ้าก็ปิดไม่อยู่

    "หลวงปู่โต พรหมรังสี"

    เมื่อถึงกึ่งพุทธกาล ฟ้าก็ปิดไม่อยู่
    "ดร.นนต์"
     
  19. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>มูริญโญ่, nontayan, chantasakuldecha, somlatri, สมาชิกธรรม </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีครับท่าน ศรุษ ( เรียกท่านน้อง กลัวจะโกรธ ) ฮิฮิฮิ
     
  20. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    เรียน นรธทุกท่าน ผมมีความรู้สึกว่า "องค์สร้างบารมีธรรม" ของผมหนักคอมากๆๆ มีอาการมึนหัวเฉพาะเมื่อวานนี้ครับ แต่วันนี้สบายปรือยกเว้นที่คอผมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...