คำสอนหลวงปู่ขาว"บุญ บาป สวรรค์ นรก นิพพาน"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย โลกุตตระ, 18 กรกฎาคม 2010.

  1. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    [​IMG]




    ..............มีผู้ถามหลวงปู่ขาว อนาลโย ว่า “คนส่วนมากสงสัยเรื่องบุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน ว่าจะมีจริงดังธรรมท่านสอนไว้หรือไม่ หนอ พระพุทธเจ้าผู้สอนธรรมเหล่านี้ก็เข้าสู่นิพพานไปนานสองพันกว่าปีแล้ว พระวาจาของพระองค์ จะยังศักสิทธิ์อยู่หรือไม่หนอ ดังนี้มีมากในชาวพุทธเราเองนี้แล สงสัยและพูดกันอยู่ทั่วไป” หลวงปู่ขาวตอบว่า

    “ ข้อนี้น่าเห็นใจ เมื่อไม่รู้ไม่เห็นประจักษ์กับตัวเองตามที่ท่านบอกไว้ อดสงสัยไม่ได้ เป็นธรรมดาคนมีกิเลสตัวมืดมิดปิดทวาร แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าสนใจในเหตุผลอรรถธรรมอยู่แล้ว ก็มีทางจะรู้จะเห็นและเชื่อได้ไม่สุดวิสัย ข้อสำคัญเราเป็นลูกชาวพุทธที่ทรงประกาศสอนธรรมไว้ด้วยความถูกต้อง แม่นยำตามหลักแห่งสวากขาตธรรม ที่ตรัสไว้ชอบแล้วทุกแง่ทุกมุมไม่มีผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงแม้แต่น้อย จึงควรยกศาสดาเป็นหลักใจไว้จะดีกว่ายกความสงสัยไว้ทำลายใจ <O:p</O:p

    ส่วนความเข้าใจว่าบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานไม่มี นั้น เป็นเรื่องของกิเลสปิดใจไว้ ไม่ยอมให้สัตว์โลกรู้เห็นสิ่งที่เป็นอยู่นั้นตามความเป็นจริงของสิ่งที่มีที่เป็น ไม่ใช่ดินฟ้าอากาศมาปิดเรื่องบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน เหล่านั้น แม้พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ตลอดพระสาวกของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ก็ไม่มีพระองค์ใดเคยรู้เคยเห็นมาก่อนที่ธรรมยังไม่เข้าสู่พระทัยและสู่ใจ ต้องปฏิบัติลูบๆคลำๆ กรรมดำกรรมขาวไปก่อน
    <O:p</O:p
    ดังพระพุทธเจ้าของเราที่เคยกล่าวไว้ในพระประวัติว่า ทรงบำเพ็ญทดลองหลายวิธีจึงทรงพบเงื่อนแห่งความถูกต้อง อันเป็นสายทางที่ให้ตรัสรู้ธรรม วิธีนั้นคือ อาณาปาณสติ กำหนดลมหายใจเข้าออก โดยมีสติปัญญา สังเกตในวิธีการที่ทรงบำเพ็ญ จนปรากฏผลเป็นความสงบเย็นและแน่พระทัยว่าถูกทาง



    [​IMG]

    ปฐมยามก็ทรงบบรรลุบุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติหลังจากไม่เคยบรรลุมาก่อน ได้ประจักษ์พระทัยหายสงสัย โดยไม่มีใครบอกกล่าว มัชฌิมยามก็ทรงบรรลุจุตุปปาตญาณ ทรงรู้ความจุติและความคิดของสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณได้ โดยไม่มีใครบอกกล่าว พอปัจฉิมยามก็ทรงบบรรลุอาสวักขยญาณ ญาณความรู้แจ้งความสิ้นไปแห่งอาสวะกิเลสทั้งมวล ไม่หลงเหลือในพระทัยเลย พร้อมด้วยวิชชา 3 อภิญญา 6 เป็นต้น ทะลุถึงโลกวิทู รู้แจ้งโลกในและโลกนอกตลอดทั่วถึง หายสงสัยโดยประการทั้งปวง

    สิ่งใดมีทั้งดีและชั่วตลอดธรรมอันประเสริฐเลิศเลอเหนือโลกสงสาร ก็ทรงรู้เห็นและยอมรับมีว่าเป็น ไม่ทรงลบล้าง และทรงปฏิบัติตามสิ่งที่มีที่เป็นนั้นๆ ตามที่ทรงเห็นควรว่าควรปฏิบัติต่อสิ่งนั้นๆ อย่างไรบ้าง และทรงสั่งสอนมวลสัตว์ด้วยวิธีการที่ทรงปฏิบัติและทรงรู้เห็นมา เป็นศาสนธรรมที่คงเส้นคงวาด้วยความถูกต้อง แม่นยำมาตลอดปัจจุบัน เพราะความจริงไม่ขึ้นกับกาลเวลาและสถานที่ ไม่เกี่ยวกับการทรงพระชนม์และปรินิพพานของพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลาย แต่ขึ้นอยู่กับความจริงที่เคยมีเคยเป็น อย่างไรมีอยู่เป็นอยู่ อย่างนั้น
    <O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าแลสาวกทั้งหลาย ได้ทรงปฏิบัติและรู้เห็นบาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มาแล้วอย่างเต็มพระทัย จึงทรงนำความจริงนั้นๆ มาประกาศธรรมสอนโลก และทรงเป็นศาสดาเต็มองค์ รู้เห็นธรรมเต็มพระทัย มิได้มีอะไรปลอมแปลงแฝงอยู่ในพระทัยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งที่รู้ที่เห็นและที่สั่งสอนจึงเป็นของจริงเต็มส่วน ควรแก่การปฏิบัติตาม ด้วยความหายสงสัยหายกังวลอย่างยิ่ง ถ้าลงพระพุทธเจ้าเป็นที่ปลงใจเชื่อไม่ได้แล้วจะไปเชื่อใครได้ในไตรภพ คนๆ นั้นก็ว่าหมดหวังและหมดทางเยียวยารักษา ถ้าเป็นโรคก็สุดวิสัย คอยแต่ลมหายใจเท่านั้น ถ้าเตรียมหีบเตรียมโลงก็ควรแล้ว เดี๋ยวจะเน่าเฟะเต็มบ้าน
    <O:p</O:p
    ที่กล่าวมาเหล่านี้คือ ข้อยืนยันของพระพุทธเจ้าที่เป็นศาสดาและนำธรรมมาสอนโลก ส่วนกิเลสตัวพาสัตว์โลกให้สวมแว่นตาดำ มองอะไรเป็นเป็นหลังหมีไป ทั้งตัวนั้นมันมีคุณสมบัติอะไร สัตว์โลกจึงเชื่อมันเอาหนักหนา ถึงกับไม่ยอมรับความจริงอะไร สัตว์โลกจึงเชื่อมันเอาหนักหนา ถึงกับไม่ยอมรับความจริงอะไรจากธรรมบ้างเลย กิเลสหมดทั้งโคตรแซ่พ่อแม่ลูกเต้าเหล่าหลานเหลนของมันมีกิเลสตัวใด โคตรแซ่ใดบ้างอุตริเกิดไปเห็นสวรรค์ นิพพาน แม้เพียงขณะสายฟ้าแลบ พอจะมีแก่ใจมาบอกและชักชวนสัตว์โลกไปสวรรค์ นิพพาน กันบ้าง มีแต่หลอก มันต้มตุ๋นสัตว์โลกฉุดลากสัตว์โลกให้ไปตกนรก ทั้งเป็นทั้งตายเรื่อยมา ตั้งแต่ต้นกำเนิดของมันโน่น ทั้งมันปฏิเสธว่านรกไม่มี แต่แล้วก็มันนั่นแลจับสัตว์โยนลงหม้อนรกทั้งเป็นทั้งตาย ด้วยความใจดำ น้ำโสโครกที่สุด ไม่มีอะไรจะเป็นจอมหลอกลวงสัตว์โลกอย่างแยบยลกว่ากิเลสชนิดต่างๆ
    <O:p</O:p
    ความมุ่งหมายของกิเลสเป็นอย่างนี้ คือ ถ้ามันจะบอกสัตว์โลกตามความเป็นจริงว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน มี สัตว์โลกก็ตะเกียกตะกายละบาป บำเพ็ญบุญเพื่อหลีกนรก ไปสวรรค์ นิพพาน จากมันเสียหมด มันก็จะขาดรายได้จากสัตว์โลกอย่างพินาศขาดสูญ ฉะนั้นมันจึงปิดหูปิดตาปิดใจ สัตว์โลกจึงไม่มีทางรู้เห็นได้ ฉะนั้น กิเลสมันผูกมัดตามัดใจของสัตว์โลกไว้ก็เช่นเดียวกัน

    <O:p</O:p
    ดังนั้นชาวพุทธเราจงพยายามแก้สิ่งที่มัดตามัดใจออกด้วยการปฏิบัติจิตภาวนาเป็นสำคัญ ให้สติปัญญาเกิดภายในใจ จะพังผ่านกำแพงแห่งความมืดบอด ที่มันปิดไว้ออกได้โดยลำดับจนหมดสิ้นไป มองเห็น บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน อย่างทะลุปรุโปร่งประจักษ์ใจหายสงสัยโดยไม่ต้องมีใครมาบอกแหละ หลังจากนั้นยังจะได้เห็นกลหลอกลวงของกิเลส วิชาต้นตุ๋นของกิเลสได้อย่างชัดเจน หายสงสัย

    <O:p</O:p
    ฟังซิหลานๆ อยากฟังปู่พูด ให้ฟังอย่างเปิดใจ ใครจะว่าบ้า ปู่ก็ไม่โกรธเขา เพราะทราบแล้วว่าเขาคนนั้นคือ เครื่องมือทำลายของกิเลส ที่มันมาทำลายศาสนธรรมและทำลายจิตใจในสัตว์โลกมามากต่อมากแล้ว ปู่จึงไม่หลงกลมันไม่ตื่นมัน แม้มันจะยกมาทั้งโคตรแซ่มาด่าปู่ ปู่ก็ไม่โกรธ นอกจากจะหัวเราะขบขันเพลงกล่อมของมันที่ร่ายออกมาเพียงตื้นๆ ผิวเผินนิดเดียวเท่านั้น มิได้ลึกซึ้งกว้างขวางและไพเราะจับใจเหมือนศาสนธรรมอันประเสริฐเลิศเลอเหนือโลกทั้งสามเลย ทั้งเป็นธรรมรื้อขนสัตว์โลกขึ้นมาจากนรกเมืองคนและนรกเมืองผี ที่กิเลสตบตาปิดใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีมามากต่อมากแล้ว
    <O:p</O:p
    บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน เหล่านี้เป็นของมีมาดั้งเดิม กิเลสทุกประเภทจะเสกสรรให้มีขึ้นและจะลบล้างทำลายให้ฉิบหายไปไม่ได้ เพราะเป็นธรรมชาติและมีอยู่ดังเดิมปราศจากสิ่งใด ผู้ใดไปก่อสร้างไปปรุงแต่ง ไปลบล้างทำลาย บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพาน อยู่เหนืออำนาจกิเลสที่ไปอาจเอื้อมทำลายได้ แต่อยู่ตามหลักธรรมชาติของตน

    <O:p</O:p
    หลานๆ และชาวพุทธผู้เรียนและปฏิบัติธรรมมีอำนาจและสว่างกระจ่างแจ้งเหนือกิเลสทั้งปวง จงเรียนและปฏิบัติให้ถึงใจ ถึงธรรม อย่ามัวมั่วสุมอยู่ในห้องขังของกิเลส ให้มันกดขี่บังคับและร้องเพลงขับกล่อมให้เคลิ้มหลับไม่มีวันตื่นจากหลับ จะหลงอยู่ร่ำไปนัก จะเสียใจให้ตัวเองภายหลังจะว่าปู่ไม่บอก ปู่นะเห็นทุกข์ที่มันโยนให้แบกหามอย่างล้นหัวใจไม่มีที่เก็บมาแล้ว กลัวหลานๆ และชาวพุทธทั้งหลายจะแบกหามทุกข์ที่มันโยนมาให้แบกหามไม่มีวันปลงวางต่อไปตลอดอนันตกาล และไม่มีวันจบสิ้นลงได้ จึงได้เตือนแล้วเตือนเล่า ราวกับว่า ตะโกนบอกว่าอันตรายใหญ่หลวงมาแล้วรีบพากันหาที่หลบภัยโดยเร็วเดี๋ยวอันตรายจะเข้ามาถึงตัว ที่หลบภัยคือ ศีล ทาน การกุศลทุกประเภท จงจับให้มั่นถ้าอยากแคล้วคลาดปลอดภัย อย่าดื้อรั้นเชื่อกิเลสจนไม่ยอมฟังเสียงธรรมตะโกนบอก จงรับฟัง รีบตั้งตัวด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรมเสียแต่บัดนี้ จะไม่เสียกาลเวลาไปเปล่า


    [​IMG]



    *************************************************************************************<O:p</O:p
    <O:p
    ทีมา : คัดลอกจากหนังสือ ละบาป – หาบบุญ อำนวยชัยให้ บริบูรณ์พูนผล หลวงปู่ขาว อนาลโย หน้า129-138
    </O:p
    <O:p</O:p<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    (ต่อ)

    [​IMG][​IMG]





    “ฟังหลวงปู่โปรดคราวนี้ราวกับฟ้าดินถล่มทีเดียวแหละ หลานชื่นใจไม่เสียชาติเกิด ได้ดื่มธรรมที่ปู่เทศน์โปรดวันนี้อย่างถึงใจ แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่นิดๆ ขอปู่ได้โปรดเมตตาด้วย”

    “โปรดอะไรอีก ก็โปรดมามากแต่มากจนไม่มีอะไรโปรดตอบ เหลือแต่ขันธ์ที่หายใจแขม่วๆ รอเวลาที่จะแตกดับอยู่เท่านั้น จะให้โปรดเรื่องอะไรว่ามา”

    “คำว่า บาป บุญ นรก สวรรค์ นิพพานเหล่านี้ มีอยู่ในโลกไหนกันแน่ปู่”

    “มีอยู่ท่ามกลางแห่งโลกกมนุษย์ แต่มิใช่มนุษย์ มิใช่เปรต ผี เทวดา อินทร์ พรหม มิใช่ต้นไม่ ภูเขา มิใช่ดิน น้ำ ลม ไฟ มิใช่วัตถุแร่ธาตุต่างๆ ในโลกสมมติ นิพพานอยู่ในวิมุตติสถาน แต่มิใช่มีอยู่ในชื่อที่ว่านิพพานนั้นๆ และวิมุตติธรรมที่กล่าวถึงเหล่านี้มีอยู่ตามหลักธรรมชาติของตน มิได้ขึ้นอยู่กับวัตถุ บุคคลใดสิ่งใดทั้งสิ้น สิ่งที่จะรับทราบธรรมเหล่านี้ได้ มิใช่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และมิใช่วิชาทางโลกทุกๆ แขนงและเรียนวิชาธรรมจนจบพระไตรปิฏก ตลอดเครื่องพิสูจน์ใดๆ ที่โลกใช้กัน มีใจเท่านั้นที่ปรับตัวด้วยหลักธรรมปฏิบัติและรู้เป็นประจักษ์พระทัยและใจมาแล้วมากต่อมาก จนไม่อาจนับอ่านจำนวนท่านเหล่านี้

    แม้พระองค์พระองค์เดียวมิได้ถามกันและถามใครเลย ทรงปฏิบัติจิตภาวนาโดยหลักธรรมที่จะทำให้รู้ให้เห็นก็ทรงรู้ทรงเห็นขึ้นกับตนเอง ฉะนั้นการที่จะแก้ความสงสัยให้หายไป บาป บุญ เป็นต้นนั้น ต้องพิสูจน์กันด้วยการปรับจิตใจ โดยการปฏิบัติธรรมมีจิตภาวนาเป็นสำคัญ จนรู้เห็นประจักษ์ใจแล้ว ความสงสัยแม้จะเคยครองหัวใจมาตั้งกัปป์ตั้งกัลป์หรือวันเกิดก็วูบลงไปในทันที มิได้อ้างกาลเวลาที่เคยยึดครองหัวใจมาเลย เช่นเดียวกับความมืด แม้จะเคยมืดมาตั้งกัปป์ตั้งกัลป์ก็ตาม เพียงเปิดไฟสว่างจ้าขึ้นเท่านั้นความมืดก็หายไปเองมิได้อ้างกาลเวลาที่เคยมืด

    ฉะนั้น การรู้เห็นบาป บุญเป็นต้น ตลอดสัจธรรมทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ไม่จำต้องมีกาลสถานที่มาเกี่ยวข้องและขีดกัน ความจริงเท่านั้นจะเปิดความจริงขึ้นมา ให้ผู้ปฏิบัติจริงได้รู้เห็นความจริงที่มีอยู่ทั้งหลายได้ประจักษ์ใจ โดยไม่อ้างกาลว่าสมัยโน้นสมัยนี้

    เพราะธรรมเป็นปัจจุบันธรรมดาตลอดมา กาลไหนๆ แม้สวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ก็เป็นปัจจุบันธรรมสดๆ ร้อนๆ ควรแก่การนำมาพิสูจน์ สิ่งลี้ลับทั้งหลายซึ่งเป็นปัจจุบันธรรมเช่นเดียวกันได้อย่างไม่มีปัญหา

    ที่เป็นปัญหาอันใหญ่โตในหัวใจสัตว์ไม่ให้มองเห็นความจริงทั้งหลายได้ ก็มีกิเลสที่ทำให้มืดบอดอย่างเดียวเท่านั้น พาสร้างบาปแล้วลงนรกทั้งที่โกหกว่าบาปไม่มี นรกไม่มี

    แต่สัตว์โลกโดนไม่หยุดหย่อนผ่อนคลายบ้างเลย ส่วนบุญ สวรรค์ นิพพาน ไม่ต้องกล่าวถึงเพราะเป็นธรรมชาติที่มันไม่ต้องการให้สัตว์โลกคิดและสนใจอยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะขาดผลรายได้และนโยบายของมัน

    ว่าไงนี้ที่นี้ปู่ ได้อธิบายให้จนหมดพุงแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อธรรมก็เท่านี้ไม่สามารถจะอธิบายได้ละเอียดกว่านี้ได้ ประการหนึ่งจงทำความเข้าใจว่า คำว่า บาปมี นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี นั้น ธรรมชาติเหล่านี้มีอยูทำนองเดียวกับคำว่า “ธรรมมีอยู่” แต่ไม่สามารถสัมผัสธรรมชาติเหล่านี้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กายได้ เพราะมิใช่วิสัยของกันและกัน มันเป็น อฐานะ คือเป็นไปไม่ได้ มีใจเท่านั้นสัมผัสได้แต่ผู้เดียว เมื่อปรับใจภาคปฏิบัติให้เหมาะสมกับธรรมชาตินั้นและธรรมชาตินั้นๆ แล้ว ความจริงก็มี เท่านี้” .......ฯลฯ

    ***********************************************************************************
    ทีมา : คัดลอกจากหนังสือ ละบาป – หาบบุญ อำนวยชัยให้ บริบูรณ์พูนผล หลวงปู่ขาว อนาลโย หน้า129-138<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    [​IMG]



    พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หลายรูปได้สั่งสอนและยืนยันในคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่องบุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน มีปรากฏ ให้ทราบ อยู่เรื่อยมา

    หลวงปุ่ขาว อนาลโย เป็นอีกท่านหนึ่งซึ่งได้สอนเรื่อง บุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน และยืนยันในเรื่องเหล่านี้อย่างหนักแน่น ด้วยความเมตตาในหมู่สัตว์ เพื่อไม่ให้หลงอยู่ในวัฏฏะสงสาร

    .....คำสอนท่านซาบซึ้งเข้าถึงใจยิ่งนัก... ข้าพเจ้าจึงได้พิมพ์บทความคำสอนท่านในเรื่องนี้ เพื่อเผยแผ่เป็นพุทธบูชา

    .....ขออนุโมทนากับกุศลจิตของทุกท่าน ด้วยครับ

    หมายเหตุ ผู้โพส ได้ไปซื้อหนังสือ หนังสือ ละบาป – หาบบุญ อำนวยชัยให้ บริบูรณ์พูนผล หลวงปู่ขาว อนาลโย เล่มละ 100 บาท จากร้านหนังสือซีเอ็ด สาขาธาตุพนม อ่านแล้วซาบซึ้งในเนื้อหามาก โดยเฉพาะ เนื้อหาเกี่ยวกับ บุญ บาป นรก สวรรค์ นิพพาน ดูตามเวปต่างๆ แล้ว ไม่มีเนื้อหาของเรื่องนี้ อยากจะเผยแผ่ธรรมะในเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้อ่าน จึงได้พิมพ์ด้วยตนเอง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พิพม์เรียบร้อยแล้วก็นเผยแผ่เวป ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2010
  4. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    การคุมใจ

    [​IMG]



    .....พระพุทธเจ้าว่าเราตถาคตเป็นผู้แนะนำสั่งสอนทาง ทางออกจากโลก ทางไปสวรรค์ก็ดี ทางไปนิพพานก็ดี เราตถาคตเป็นผู้แนะนำสั่งสอนให้เท่านั้นแหละ ตนนั่นแหละ พวกอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายต้องทำเอาเอง แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระสาวกทั้งหลาย ก็ทำเอาเองทั้งนั้น ตนแหละทำให้ตน ตนจะออกจากโลกก็แม่นตน ตั้งอกตั้งใจทำใส่ตน ตนจะติดอยู่ในโลกก็แม่นใจของตนไม่อยากไปเพราะหลงตนหลงตัว

    ทางปฏิบัติน่ะเราก็ได้ยินได้ฟังมาแล้ว แล้วก็ตั้งอกตั้งใจปฏิบัติเอา พระพุทธเจ้าแนะนำสั่งสอนหรือครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอน ก็ไม่หนีจากกายคตา คือปัญจกรรมฐานนี่แหละ ต้องพิจารณาเราจะพิจารณานอกมันไปก็เป็นนอกไปเสีย ไกลไปเสีย เพื่อให้จิตให้ใจนั่นแหละรู้จักสกนธ์กายอันนี้ รู้จักก้อนอันนี้ว่ามันเป็นอย่างหนึ่ง มันเป็นของกลาง ไม่ใช่ของใครสักคน เรานี้ได้สมบัติอย่างดีคือ สกนธ์กายนี้มี ตา หู จมูก ลิ้น กายดี มีใจดี ได้สมบัติอันดีมาใช้ เราจะใช้สอยมัน เราจะเดินทางไปสวรรค์ก็ดี จะเดินทางไปพระนิพพานก็ดี ต้องอาศัยอันนี้ จะมีแต่ดวงจิตอย่างเดียวก็ไม่สำเร็จอะไรหมดทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าได้เทศน์ไว้ว่า มโนปุพฺพงคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ธรรมทั้งหลายจะทำดี ทำกุศลดี ก็ใจนี่แหละเป็นผู้ถึงก่อน เป็นผู้ถึงพร้อม จะทำบาปอกุศลก็ใจนี่แหละ จะผ่องแผ้วผ่องใสเบิกบานก็ใจนี่แหละ จะเศร้าหมองขุ่นมัวก็ใจนี่แหละ ใจเศร้าหมองขุ่นมัวแล้วก็ไม่มีความสุขอยู่ในโลก จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข ครั้นใจผ่องแผ้วละก็ พระพุทธเจ้าท่านว่า มนสา เจ ปสนฺเนน บุคคลผู้มีใจผ่องแผ้วดีแล้ว แม้จะพูดอยู่ก็มีความสุข แม้จะทำอยู่ก็มีความสุข ตโต นํ สุขมเนฺวติ อยู่ที่ไหนๆก็มีความสุข มีความสุขเหมือนกะเงาเทียมตนไป ฉายา ว อนุปายินี เหมือนเงาเทียมตนไป ไปสวรรค์ก็ดี มนุษย์ก็ดี

    เพราะเหตุนั้นแหละ ให้เราพากันตั้งใจอบรม ตั้งสติไว้ที่ใจ ควบคุมใจให้มีสติสัมปชัญญะ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ การทำการพูดการคิด ก็อย่าให้มันผิดมันพลาดไป ควบคุมให้มันถูก ครั้นมันผิดมันพลาด เราก็มีสติยั้งไว้ ละ ปล่อย วาง ไม่เอามัน ทางมันผิดน่ะ พระพุทธเจ้าแสดงไว้ ทางไปนรก ทางไปสวรรค์ ทางไปพรหมโลก ทางไปพระนิพพาน พระองค์ก็บอกไว้แล้ว ใหวางกายให้เป็นสุจริต วาจาให้บริสุทธิ์ ใจให้บริสุทธิ์ นี้ทางไปสวรรค์ ทางมามนุษย์ ทางไปพระนิพพาน ให้บริสุทธิ์อย่างนี้ ทางไปนรกนั่นเรียกว่าทุจริตนั้น ทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันนี้ทางไปนรก เราจะเว้นเสียไม่ไปละ รู้จักแล้ว เราจะไปแต่ทางที่ราบรื่น ทางสบาย การเดินก็ทางกายวาจาใจเท่านั้นแหละ ผู้ที่จะเที่ยวเอาภพเอาชาติ นับกัปป์นับกัลป์ไม่ได้ตั้งแต่โลกเป็นโลกมา คือดวงจิตของเรานี่เอง ดวงจิตของเรานี่เองเป็นผู้ก่อกรรมก่อเวรแล้วก่อเล่า ไม่เบื่อสักที ก็แม่นดวงจิตของเรานี่แหละ เพราะเหตุนั้นเราจึงต้องอบรมจิตของเราให้ดี ให้ใจรู้เสีย ใจนี่แหละมันเป็นผู้หลงจนนับภพนับชาติไม่ได้ ภพน้อยภพใหญ่เที่ยวอยู่ในสังสารจักรนี่ จึงให้เข้าใจเสียว่าเจ้ากรรมนายเวรคือใจ ตัดกรรมแม่นใจ ดวงใจอันเดียววิญญาณอันเดียวเป็นตัวกรรม แต่งกรรมเสียแล้วให้เวียนตายเวียนเกิดที่นี่ ไม่เลิก เรารู้จักแล้ว เราต้องควบคุมใจ แนะนำสั่งสอนใจ ทำใจของเราให้ผ่องแผ้ว ว่าเอาย่อๆนี่แหละ กว้างขวางก็ได้ยินมาพอแฮง (แรง) แล้ว เอาย่อๆ ควบคุมใจเท่านั้นแหละเดี๋ยวนี้ ใจนี้ เจ้าของนรกก็แม่นใจนี่แหละม่าง (เลิก,ทิ้ง) นรกก็แม่นใจนี่แหละ ครั้นมันไม่ดีละก็ร้อนเป็นทุกข์เหมือนใจจะขาด ครั้นใจไม่ดีละมันกลุ้มใจเป็นทุกข์จนฆ่าตัวตายนี่แหละ ถือว่าเราเป็นเรานี่ก็เพราะใจนี่แหละไม่ใช่อื่นดอก เพราะมันไม่รู้ท่านเรียกว่าอวิชชา ตัวใจนี่แหละอวิชชา เราจึงควรสดับตรับฟังแล้วก็ค้นคว้าพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผล

    ทุกข์มันมาจากไหน ให้พิจารณาทุกข์ก่อน ทุกข์เป็นของจริงอันประเสริฐ มันมาจากไหนค้นขึ้นไปซิ เห็นแต่มาจากโง่นั่นแหละ ดวงจิตเป็นผู้โง่ มันต้องเป็น มันต้องเดือดร้อน มันถึงใคร่ มันถึงปรารถนา มันถึงอยากเป็นนั่นเป็นนี่ มันไม่อยากเป็นนั่นเป็นนี่ เพราะเกลียดเพราะชัง มันชังมันก็ไม่อยากเป็น แล้วก็หาของมาแก้ไข หาคิดอีหยังมาทา หนังเหี่ยวก็เอามาทาลอกหนังออก มันได้กี่วัน มันก็เหี่ยวอย่างเก่านี่หาทางแก้ดู ท่านว่าวิภวตัณหา มันเป็นกับดวงใจ เราสดับรับฟังอยู่ อบรมอยู่ทุกวันนี้ ทำความเพียรอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากรู้จักใจของเรา ครั้นรู้แล้ว ก็คุมเอาแต่ใจนี่ ขัดเกลาเอาแต่นี่ สั่งสอนเอาแต่นี่ ให้มันรู้เท่าสังขารนี่แหละ มันไม่รู้เพราะมันโง่ว่าแม่นหมดทั้งก้อนนี้ เป็นตัวเรา เป็นผู้หญิง ผู้ชาย ยึดถือไปยึดถือออกไปโดยรอบๆ แผ่นดินยึดในตัวยังไม่พอ ยึดแผ่นดินออกไปอีก นี่แหละเพราะความหลงก็ยึด ทั้งการทำงานทุกสิ่งทุกอย่าง เรียนวิชาศิลปะทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพื่อจะบำรุงบำเรอครอบครัวของตนบำรุงบำเรอตนให้เป็นสุข บำรุงพระศาสนา ค้ำจุนพระศาสนาก็เป็นการดี ขอให้รู้เท่าแล้วอย่าไปยึดมันเท่านั้นแหละ

    ในปฏิจจสมุปบาท ท่านว่า อวิชชาให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยเกิดวิญญาณ วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป ท่านว่าให้ดับความโง่อันเดียวเท่านั้น ผลดับหมด เพราะธรรมทั้งหลายไหลมาแต่เหตุ ธรรมทั้งหลายก็คือ ดีก็ดี ชั่วก็ชั่ว ไหลมาแต่เหตุความโง่ ความไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นตัวตนก็ได้รับผลเป็นสุขเป็นทุกข์สืบไป ท่านเรียกว่า วัฏฏะ การวน วนไม่มีที่สิ้นสุด เราท่องเที่ยวอยู่นี่ตั้งแต่แผ่นดินเป็นแผ่นดินมาแล้ว ทุกคนนี่แหละ คุณหมอก็ดี คุณหญิงก็ดี เกิดมาชาตินี้นับว่าบุญบารมีอันพวกท่านทั้งหลายได้อบรม ศีล ๕ ศีล ๘ รักษาอุโบสถ รักษากรรมบถ ๑๐ จึงเป็นผู้สมบูรณ์ เกิดมาก็ไม่เป็นผู้เกียจคร้าน ไม่เป็นผู้มักง่าย มีความพอใจแสวงหาวิชาศิลปะจนได้เป็นใหญ่เป็นโตเป็นสูง นี่ก็เพราะบุญกุศลของเราได้สร้างสมอบรมมา จึงว่า ปุพเพกตปุญญตา คือได้สร้างสมไว้แล้วแต่กาลก่อนแล้วก็ได้เกิดในประเทศอันสมควร ประเทศอันสมควรก็หมายเอาสกนธ์กายอันนี้ หรือจะหมายเอาแผ่นดิน ฟ้า อากาศ ก็ได้ หรือจะหมายเอาประเทศที่มีพระพุทธศาสนาตั้งมั่นถาวร และมีอาจารย์นักปราชญ์แนะนำสั่งสอนได้ อันนี้ก็ว่าประเทสอันสมควร ปุพเพกตปุญญตา พวกเราได้เคยอบรมสร้างสมบุญกุศลมาหลายภพหลายชาติแล้ว จึงเป็นผู้บริบูรณ์สมบูรณ์ แล้วก็ได้เกิดในประเทศอันสมควร ประเทสเราได้นับถือพระพุทธศาสนาตั้งแต่บรรพบุรุษจนตราบเท่าทุกวันนี้ เราก็ได้นับถือพระพุทธศาสนาแล้วก็ได้ตั้งตนไว้ในที่ชอบ คือตั้งตนไว้ในการสดับตรับฟัง ทราบทุกสิ่งทุกอย่าง ในทางโลกก็ดี เกื้อกูลอุดหนุนโลกให้เจริญ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำอัตตประโยชน์ ประโยชน์ของตนก็ได้แล้ว ประโยชน์ของผู้อื่นของโลกก็ได้อยู่ นี่แหละชื่อว่าตั้งตนไว้ในที่ชอบ แล้วก็ตั้งตนอยู่ในศีล ในการภาวนา ตั้งตนอยู่ในการสดับรับฟัง นี่เรียกว่า อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนในที่ชอบ ท่านกล่าวว่าเป็นมงคลอันประเสริฐสุด ให้มีสติควบคุมใจของตน อันนี้ก็ชื่อว่าตั้งตนไว้ในที่ชอบอย่างสูงสุด

    นี่แหละ ให้ควบคุมดวงจิตของเราให้รู้จักเสีย เจ้ากรรมนายเวรก็คือดวงจิตของเรานี่แหละ ผีนรกก็เป็นดวงจิตอันนี้ สวรรค์ก็เป็นดวงจิตอันนี้ พรหมโลกก็ดวงจิตอันนี้ ครั้นรู้จักแล้ว ก็ทำความเพียรต่อไปจนเกิดนิพพานความเบื่อหน่ายในอัตภาพของตนที่เป็นมาหลายภพหลายชาติ การเกิดเวียนไปเวียนมาก็ไม่ได้อะไร มีแต่การสดับรับฟัง มีแต่การบริจาคให้ทาน มีแต่ศีลของตนเท่านี้เป็นอริยทรัพย์ทรัพย์ภายในติดตามไปกับดวงจิตของเราทุกภพทุกชาติ จิตเมื่อมันทำความชั่วไว้แล้วก็ไม่ลืม ใครไม่ต้องการสักคนหมดทั้งนั้นความชั่วบาปกรรม ให้คิดดู แต่นักโทษเขาลักเขาปล้นสะดมแล้ว เขาก็หลบหนีไปซ่อนอยู่ตามป่าเขาตามถ้ำตามดง เพราะเขาไม่ปรารถนาจะให้พวกตำรวจไปจับเขา อันนั้นมันก็ไม่พ้นดอกบาปน่ะ ฉันใดก็ดี ครั้นทำลงไปแล้ว ทำบาป อกุศลจิตก็เป็นผู้จำเอา ไปตกนรกก็แม่นดวงจิตนั่นแหละเป็นผู้ไปตก อัตภาพคือร่างกายของเรานี้มันก็นอนทับดิน ส่วนดินมันก็เป็นดิน ส่วนน้ำมันก็เป็นน้ำ ส่วนลมส่วนไฟมันก็เป็นลมเป็นไฟของเก่ามัน ครั้นพ้นแล้วก็กลับมาถือเอาดินเอาน้ำของเก่าอีกเท่านั้นแหละแล้วก็มาใช้ดินน้ำลมไฟนี่แหละครบบริบูรณ์ เอามาใช้ในทางดีทางชอบ ก็เป็นเหตุให้ได้สำเร็จมรรคผลพระนิพพาน พระพุทธเจ้าสร้างบารมีก็อาศัยดินอันนี้แหละ ประเทสอันสมควรอันนี้แหละ สาวกจะไปพระนิพพานตามพระพุทธองค์ก็อาศัยอัตภาพอันนี้ ครั้นไม่อาศัยอัตภาพอันนี้ มีแต่ดวงจิตหรือมีแต่ร่างซื่อๆ ก็ไม่สำเร็จอะไรหมดทั้งนั้น เหมือนกันทั้งนั้น พวกเทพยดาได้ชมวิมานชมความสุขอยู่ตลอดชีวิตชมบุญชมกุศล ก็ทำเอามาแต่เมืองมนุษย์ ครั้นจุติแล้วก็ได้ไปเสวยผลบุญกุศลของตน ครั้นหมดบุญแล้วก็ลงมาเมืองมนุษย์มาสร้างอีกแล้วแต่จะสร้างเอา อันชอบบุญก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเอาบุญ อันชอบบาปก็ตั้งหน้าตั้งตาทำเอาบาป เหมือนพระเทวทัตนั่นเอง ต่างคนต่างไปอย่างนั้น

    อาตมาบอกไว้เท่านั้นว่า ให้มีสติคุมดวงจิต สัตว์นรกก็แม่นจิต สัตว์อเวจีก็แม่นจิต พระอินทร์พระพรหมก็แม่นจิต ที่เข้าพระนิพพานก็แม่นจิต ไม่ใช่ใคร จิตไม่มีตนมีตัว จิตเหมือนวอก (ลิง) นี่แหละแล้วแต่มันจะไป บังคับบัญชามันไม่ได้ แล้วแต่มันจะปรุงจะแต่ง บอกไม่ได้ไหว้ไม่ฟัง เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าให้วางมันเสีย อย่าไปยึดถือมัน ก็จิตนั่นแหละมันถือว่าตัวกู อยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง ก็แม่นจิตนั่นแหละเป็นผู้ว่า มันไม่มีตัวไม่มีตนดอก แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสียให้ดับวิญญาณเสีย ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก ก็นั่นแหละพระนิพพานหละ แน่ะพระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น มันไม่อยู่ที่อื่น นรกมันอยู่นี่ พระนิพพานก็อยู่นี่ อย่าไปค้นที่อื่น อย่าไปพิจารณาที่อื่น ให้ค้นที่สกนธ์กายของตน ให้มันเห็นเป็นอสุภะอสุภัง ให้เห็นเป็นของปฏิกูล ให้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายมันนั่นแหละ แต่กี้มันเห็นว่าเป็นของสวยของงามของดี ดวงจิตนั่นเมื่อมีสติควบคุมมีสัมปชัญญะค้นหาเหตุผล ใคร่ครวญอยู่ มันเลยรู้เห็นว่าอัตภาพร่างกายนี้เป็นของปฏิกูล ของเน่าเปื่อยผุพัง แล้วมันจะเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย จิตเบื่อหน่าย จิตไม่ยึดมั่นแล้ว

    เรียกว่า จิตหลุดพ้น ถึง วิมุตติ วิมุตติ คือความหลุดพ้นจากความยึดถือ หลุดพ้นจากอุปทานความยึดมั่นถือมั่น พ้นจากภพจากชาติ ตั้งใจทำเอา....



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    *****************************
    ที่มา คำสอนหลวงปู่ขาว - ลานธรรมเสวนา - หน้า 2.35
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2010
  5. Phra Atipan

    Phra Atipan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,301
    กราบเท้าหลวงปู่ที่เครารพ อนุโมทนาสาธุ

    [​IMG]
     
  6. fullmoonsun

    fullmoonsun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +2,321
    Anumothana......Sathu
     
  7. sattra

    sattra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +51
    อ่านแล้วทำให้เกิดมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้นอีกตั้งเยอะ ขอบคุณที่เอาข้อความดีๆมาให้อ่านให้คิด ข้อความดีๆแบบนี้เวลาได้อ่านแล้วความศรัทราที่เราหมดไปมันจะกลับคืนมาเสมอ ขออนุโมทนาครับ
     
  8. P.S._FabriNET

    P.S._FabriNET เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2010
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +803
    กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ท่านได้นำคำสอนของหลวงปู่่มาเผยแผ่ให้ชาวพุทธได้เข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นครับ อนุโมทนาสาธุครับ
     
  9. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    <DD>
    [​IMG]</O:p>

    </DD>
     
  10. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
    จากความไม่รู้ ทำให้รู้ จากความไม่เข้าใจ ทำให้เข้าใจ จากความโง่ ทำให้ฉลาด จากความไม่ปฏิบัติ ทำให้ต้องลงมือปฏิบัติ ทุกสิ่งอยู่ที่ตัวของเราเอง
     
  11. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    มนุษย์ผู้มีกิเลสเกาะติด ปิดทวารทั้งห้า ก็ย่อมมืดมนไม่รู้ชั่วดีเคลือบแคลงสงสัยในคุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ และอริยสัจจะธรรม อันมีวิจิกิจฉาในจิตใจ ... พูดยากเหลือเกินที่จะบอกให้คนไ่ม่รู้ไม่เห็นยอมเชื่อในธรรมชาติ ...
     
  12. พญาไท010

    พญาไท010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +281
    มีใครสังเกตมั้ยว่าภาพที่ 4 ของหลวงพ่อ กับในหลวง รู้สึกว่าแปลกๆมั้ย
     
  13. Soul Mate

    Soul Mate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +356
    ขอชำระล้างจิตด้วยการสวดมนต์ภาวนาบทมหาสันติงหลวง และ ทานมังฯ ... ช่วงเข้าพรรษานี้ค่ะ..

    @ K.พญาไท010 ภาพพรมน้ำมนต์ใช่ใหมคะ ... เหมือนมีใครมากันเยอะเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กรกฎาคม 2010
  14. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    สาธุ คำสั่งสอนของพระอริยะสงฆ์ที่ท่านกล่าวไว้แล้วนั้น ดีแล้ว ชอบแล้ว ประเสริฐแล้ว เป็นความจริงอันเป็นสัจจะสูงสุดในโลกแล้ว ลูกขอน้อมนำเข้ามาสู่ใจ หากยังเกิด ลูกขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆชาติไป ด้วยเทอญ
     
  15. vajrapaniputr

    vajrapaniputr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2006
    โพสต์:
    60
    ค่าพลัง:
    +340
    อนุโมทนาครับ

    จะยินดีเป็นผู้ให้ จะไม่หดหู่เศร้าหมอง ไม่จองหองเย่อหยิ่ง
    จะนิ่งทำจิตให้สงบ จะคบคนดีเป็นมิตร ไม่คิดยกตนข่มท่าน
    การงานจะไม่คั่งค้าง จะวางตนให้เหมาะสม ข่มจิตใจไม่ลุ่มหลง
    คงมั่นและกล้าหาญ ความเกียจคร้านจะงด จะอดใจไม่ผูกโกรธ
    โปรดการรักษามารยาท ความประมาทจะไม่มี ความตระหนี่จะขจัด
    ปฏิบัติจะไม่ลำเอียง หลีกเลียงการวิวาทด้วยสติและปัญญา อัตตาจะไม่ยึดติด
    ไม่คิดผูกพยาบาท สงเคราะห์ญาติตามสมควร ขนขวายการทำบุญ
    อุดหนุนบุตรและภรรยา(สามี) ใช้วาจา(วจี)ก่อประโยชน์ เห็นโทษอบายมุขทั้งปวง
    ไม่ล่วงเกินและเบียดเบียน เรียนให้รู้ซึ้งอริยสัจ ศึกษาศิลปศาสตร์ให้หลากหลาย
    ว่านอนสอนง่ายเป็นนิจ ไม่ยึดติดในลาภสักการ์ ริษยาจะไม่มี
    พรหมวิหารสี่อยู่ที่ใจ ไม่ฝักฝ่ายคนพาล จะทำงานด้วยอิทธิบาท
    ใจปราศจากมัวเมา เอาการวางเฉยด้วยสติเป็นที่ตั้ง ฟังธัมมะเป็นประจำ
    คุณธรรมจะไม่บกพร่อง ยึดครรลองแห่งอริยมรรค ดำรงรักษ์ยุติธรรม์
    แบ่งปันลาภที่ได้มา ตลอดเวลาจะดำรงสัมปชัญญะ จะละมายาให้สิ้น
    รักษาศีลห้าเป็นเนืองนิจ กิจเป็นบาปจะไม่ยุ่ง มุ่งปัจจุบันยิ่งกว่าอดีตและอนาคต
    อดทนได้ในสภาพที่เป็นอยู่ เลี้ยงดูพ่อแม่ให้ถ้วนครบ ผู้ที่ควรเคารพจะไหว้กราบ
    จะสุภาพและอ่อนโยน ทำตนดีสม่ำเสมอ จะไม่เผลอลืมสติ
    ปิยวาจาจะรักษา ภาวนาเป็นเนืองนิจ จะเลี้ยงชีวิตให้พอเหมาะ
    จะบ่มเพาะความซื่อตรง จะมั่นคงต่อสัจจะ ประหยัดทรัพย์ที่หาได้
    จะไม่โกรธเพื่อชนะโกรธ จะไม่โปรดเอาแต่ขอ ไม่ก่อและจองเวร
    ไม่เป็นคนฟุ้งซ่าน จะยึดมั่นพระตถาคต จะงดทุจริตทั้งปวง
    หลีกให้พ้นบ่วงทิฏฐิมานะ จะวิริยะในทางที่ถูก จะปลูกปัญญาด้วยศีลสมาธิ
    ปรารถนาดีและจริงใจ มั่นคงอยู่ในทางสายกลาง ไม่เหินห่างจากวินัย
    ทำจิตให้แจ่มใสเป็นนิจ คิดพอใจในสิ่งที่มีอยู่ จะต่อสู้เพียรเผากิเลส
    ขอให้รุ่งเรืองเดชและบารมี<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  16. มดปลวก

    มดปลวก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +42
    <!-- google_ad_section_start -->อนุโมทนาครับ

    ซักวันหากเรามุ่งมั่นจริง ก็จะเห็นความจริงนั้นด้วยตัวเราเอง อย่าให้ชาตินี้ต้องสูญเปล่าเลย...สาธุ...
     
  17. Sun smile

    Sun smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +366
    อาตมาบอกไว้เท่านั้นว่า ให้มีสติคุมดวงจิต สัตว์นรกก็แม่นจิต สัตว์อเวจีก็แม่นจิต พระอินทร์พระพรหมก็แม่นจิต ที่เข้าพระนิพพานก็แม่นจิต ไม่ใช่ใคร จิตไม่มีตนมีตัว จิตเหมือนวอก (ลิง) นี่แหละแล้วแต่มันจะไป บังคับบัญชามันไม่ได้ แล้วแต่มันจะปรุงจะแต่ง บอกไม่ได้ไหว้ไม่ฟัง เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าให้วางมันเสีย อย่าไปยึดถือมัน ก็จิตนั่นแหละมันถือว่าตัวกู อยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง ก็แม่นจิตนั่นแหละเป็นผู้ว่า มันไม่มีตัวไม่มีตนดอก แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสียให้ดับวิญญาณเสีย ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก ก็นั่นแหละพระนิพพานหละ แน่ะพระพุทธเจ้าบอกอย่างนั้น มันไม่อยู่ที่อื่น นรกมันอยู่นี่ พระนิพพานก็อยู่นี่ อย่าไปค้นที่อื่น อย่าไปพิจารณาที่อื่น ให้ค้นที่สกนธ์กายของตน ให้มันเห็นเป็นอสุภะอสุภัง ให้เห็นเป็นของปฏิกูล ให้เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายมันนั่นแหละ แต่กี้มันเห็นว่าเป็นของสวยของงามของดี ดวงจิตนั่นเมื่อมีสติควบคุมมีสัมปชัญญะค้นหาเหตุผล ใคร่ครวญอยู่ มันเลยรู้เห็นว่าอัตภาพร่างกายนี้เป็นของปฏิกูล ของเน่าเปื่อยผุพัง แล้วมันจะเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่าย จิตเบื่อหน่าย จิตไม่ยึดมั่นแล้ว

    เรียกว่า จิตหลุดพ้น ถึง วิมุตติ วิมุตติ คือความหลุดพ้นจากความยึดถือ หลุดพ้นจากอุปทานความยึดมั่นถือมั่น พ้นจากภพจากชาติ ตั้งใจทำเอา....


    ตามดู ตามรู้ ตามทัน ดวงจิตก็จะ ไม่ยึด ไม่ถือ ไม่มั่น..
    สุดท้ายก็คงจะได้พบกับความ "ว่างเปล่า" ที่แท้จริง !
    ลูกหลานคนนี้..จะพยายามเตือนสติของตนเองต่อไป
    หากท้อแท้กับคำว่า "เหนื่อย" ก็คงไม่รู้ค่าของคำว่า "เพียร"
    ขอกราบ กราบ กราบ หลวงปู่เจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  18. อวิชานาคา

    อวิชานาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +345
    อนุโมทนาอย่างสูงครับ

    คำสอนของหลวงปู่ ช่างถึงใจยิ่งนัก ดุจดั่งคำสอนของพระอาจารย์ใหญ่มั่นเลย สาธุ
     
  19. สาธุโชค

    สาธุโชค Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +76
    ลูกขอน้อมนำเข้ามาสู่ใจ หากยังเกิด ลูกขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆชาติไป ด้วยเทอญ สาธุ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...