ตามรอยเตลิยะบาบาจากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ

ตามรอยเตลิยะบาบาจากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ

"พระพุทธองค์ดำ หนึ่งในองค์ประธานแห่งนาลันทา บัดนี้ได้ประดิษฐานในแผ่นดินไทย และนับแต่นี้จะเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์ความเชื่อมโยงระหว่างเมืองพุทธในยุคปัจจุบันอย่างไทยกับศูนย์กลางเผยแผ่พระธรรมในอดีต"

โดย...กรกิจ ดิษฐาน


นักเขียนชื่อดังผู้หนึ่งเคยกล่าวว่า อินเดียเป็นประเทศที่มีเทพยดาไม่น้อยกว่า 2 ล้านองค์ คำกล่าวนี้ไม่เกินเลยแม้แต่น้อย เพราะในความเป็นจริง อินเดียเป็นประเทศที่แออัดไปด้วยเทวสถาน เทวรูป ศาลบูชาขนาดย่อม หิ้งบูชา ระงมไปด้วยเสียงสวดภาวนา และคำอ้อนวอนแม้กระทั่งในยามราตรี อาจกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียท่วมท้นยิ่งกว่าชาติใดในโลก


คณะสงฆ์ประกอบพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธองค์ดำองค์จริงและองค์จำลอง

ไม่เฉพาะเพียงเทพในศาสนาฮินดูเท่านั้นที่ชาวอินเดียสักการะ แต่ยังรวมถึงรูปเคารพในศาสนาอื่นๆ รวมถึงพระพุทธรูปที่ยังเหลือรอดจากการทำลายล้างของคนต่างศาสนาในอดีต
แม้ว่าอินเดียเป็นดินแดนพุทธภูมิ เป็นแผ่นดินที่พระพุทธองค์ทรงประกาศพระศาสนา แต่ในวันนี้พระธรรมคำสอนได้เลือนหายไปจากแผ่นดินแห่งนี้ยาวนานหลายร้อยปี ตราบจนกระทั่งเกิดขบวนการฟื้นฟูศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่เมื่อเร็วๆ นี้
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ศาสนาพุทธในอินเดียเริ่มเสื่อมถอยลงจากการรุกคืบของแนวคิดของศาสนาฮินดู และการรุกรานของกองทัพของคนต่างศาสนา มรดกของศาสนาพุทธที่หลงเหลือในอินเดียทุกวันนี้ จึงหาสิ่งที่สมบูรณ์ครบถ้วนได้ยากยิ่ง
แต่พุทธปฏิมาบางองค์กลับรอดพ้นจากการทำลายโดยกาลเวลาและน้ำมือของมนุษย์ได้ราวปาฏิหาริย์ ท่ามกลางซากปรักหักพังของศาสนสถานที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยของชาวพุทธที่เคยรุ่งเรืองมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 จนถึงศตวรรษที่ 12 เป็นสถานที่เก็บรักษาสรรพวิชาต่างๆ ทุกสาขา และเป็นที่บ่มเพาะนักปราชญ์ชาวพุทธมากมาย ผู้ร่วมกันประกาศพุทธธรรมไปทั่วทุกทิศ จนกระทั่งล่มสลายลงจากน้ำมือผู้รุกราน

ณ มุมเล็กๆ ของหมู่บ้านที่รายล้อมด้วยซากที่เหลืออยู่มหาวิทยาลัยนาลันทา ปรากฏศาลาหลังย่อมอันเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ชาวอินเดียทั้ง 13 หมู่บ้านในอาณาบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยนาลันทาว่า มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะอำนาจในการเยียวยารักษาโรคภัยต่างๆ

ที่ร่ำลือกันไปทั่วอินเดียจนถึงแผ่นดินไทยก็คือ พระพุทธรูปองค์นี้เป็นเพียงพระพุทธรูปองค์เดียวที่เหลือรอดจากการทำลายล้างมหาวิทยาลัยนาลันทา เมื่อศตวรรษที่ 12

ชาวบ้านในแถบนั้นเรียกขานพระพุทธรูปองค์นี้ว่า เตลิยะบาบา หรือหลวงพ่อน้ำมัน บ้างก็เรียกโมต้าบาบา หรือหลวงพ่ออ้วน พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรียกขานด้วยความเคารพอย่างยิ่งตามลักษณะของหินสีดำที่นำมาสลักเสลาเป็นองค์พระปฏิมาว่า พระพุทธองค์ดำแห่งนาลันทา
มูลเหตุที่ชาวบ้านเรียกขานพระพุทธรูปองค์นี้ว่า หลวงพ่ออ้วน ก็เพราะด้วยพุทธลักษณ์ที่สมบูรณ์ พระพักตร์อวบอูม
ส่วนเหตุที่ขนานนามว่า หลวงพ่อน้ำมัน มีที่มาจากการที่ชาวบ้านบูชาพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยน้ำมันหอมพิเศษอย่างดี โดยนำมาชโลมทั่วองค์พระจนปรากฏเป็นเงาปลาบและขับสีของเนื้อศิลาเหลือบดำจนกลายเป็นสีเหลือบเขียวเข้มคล้ายมรกตงดงามยิ่งนัก หลังจากนั้นชาวบ้านจะซับน้ำมันนั้นจากองค์พระเพื่อนำมาเก็บไว้เป็นมงคลชีวิต
ว่ากันว่า น้ำมันบูชาที่ว่านี้ยังมีสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค ตามความเชื่อถือของชาวบ้าน


ตำรวจและชาวอินเดียในบริเวณใกล้เคียงร่วมในขบวนแห่พระพุทธองค์ดำ


เรื่องเล่าเกี่ยวกับอิทธิปาฏิหาริย์ที่เล่าขานจากปากต่อปากยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ดังเช่น ไม่นานมานี้มีความพยายามของทางการอินเดียที่จะเคลื่อนย้ายพระพุทธองค์ดำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนาลันทา แต่ปรากฏว่าไม่สามารถขยับองค์พระได้ อีกทั้งยังเกิดอาเพศต่างๆ นานา จนต้องล้มเลิกแผนการในที่สุด

แต่อิทธิปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือบารมีของพระพุทธองค์ดำที่นำพาศาสนิกชนชาวไทยนับร้อยนับพันให้ดั้นด้นมาถึงดินแดนพุทธอันห่างไกลด้วยจิตใจไม่ระย่นระย่อ

เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา และเผยแพร่ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธองค์ดำ ผู้เขียนได้รับความอนุเคราะห์จากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ และบริษัท ไทยประกันชีวิต ในการเดินทางสู่อินเดีย เพื่อร่วมในพิธีบวงสรวงขออนุญาตจัดสร้าง และพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธองค์ดำจำลอง เพื่อนำมาประดิษฐานยังประเทศไทย

คณะของเราเริ่มต้นการเดินทางสู่นครปัตนะ หรือเมืองปาฏะลีบุตรในอดีต ปัจจุบันคือเมืองหลวงของรัฐพิหาร รัฐที่ยากจนที่สุดของอินเดีย แต่เป็นรัฐที่รุ่มรวยด้วยมรดกทางศาสนา ในฐานะที่เป็นแผ่นดินที่พระพุทธองค์ทรงประกาศพระธรรมเมื่อครั้งพุทธกาล
การเดินทางตามรอยพระพุทธองค์ดำ ตามการเรียกขานของคณะศรัทธาจากเมืองไทยเริ่มต้นอย่างแท้จริง ระหว่างเมืองปัตนะกับเมืองราชคฤห์ มุ่งสู่นาลันทา เราลัดเลาะไปตามเส้นทางอันยากลำบากบวกกับความร้อนระอุเหลือทน ไม่ใช่อุปสรรคแม้แต่น้อย แต่คล้ายกับเป็นการพิสูจน์แรงศรัทธาของสาธุชน ผู้ตามหาร่องรอยของพุทธศาสนาในถิ่นพุทธภูมิ

วันที่ 14 พ.ค. คือฤกษ์ดีในการประกอบพิธีครั้งสำคัญในการอัญเชิญบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธองค์ดำจากอินเดียมาสถิตยังพระพุทธองค์ดำจำลองที่จะอัญเชิญมาประดิษฐานยังวัดไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่
คณะของเราได้รับการต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งจากชาวบ้านนับร้อยในบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยนาลันทา และสถานที่ประดิษฐาน “เตลิยะบาบา” ของพวกเขา โดยผู้ประกอบพิธี ประกอบไปด้วย ครูบาชัยมงคล ชัยธัมโม จากวัดไทรย้อย จ.แพร่ ซึ่งเป็นประธานฝ่ายสงฆ์จากประเทศไทย และพระอาจารย์วิฑูรย์ อาจารสุโภ จากวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ไทยในประเทศอินเดีย โดยมีอาจารย์ญาณรวี จันทรากาศ มนตรี ประธานผู้บริหาร วัดไทยโพธิคำ แห่งพุทธคยา เป็นแกนหลักในพิธีการในครั้งนี้ พร้อมด้วยผู้ร่วมพิธีฝ่ายฆราวาสจากเดอะมอลล์ ไทยประกันชีวิต และสื่อมวลชนชาวไทยที่ติดตามไปรายงานข่าว

การประกอบพิธีการเป็นไปตามพิธีฝ่ายสงฆ์ มีการสวดภาวนาอัญเชิญบารมีของพระพุทธองค์ดำองค์จริงมาสถิตยังองค์จำลอง ซึ่งสลักขึ้นจากศิลาสีดำเฉกเช่นเดียวกันขนาดความสูง 22 นิ้ว หน้าตักกว้าง 15 นิ้ว ประทับบนฐานดอกบัว พุทธลักษณะงดงามเยี่ยงภาพประทับของพระพุทธองค์ดำองค์จริง หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหลายแล้ว ได้มีการจัดขบวนรถม้าและมโหรีแห่แหนจากศาลาพระพุทธองค์ดำไปยังมหาวิทยาลัยนาลันทา ก่อนที่จะอัญเชิญกลับมาพร้อมคณะ ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยแรงศรัทธาของชาวอินเดียและผู้แสวงบุญจากเมืองไทย


ขบวนรถม้าแห่แหนพระพุทธองค์ดำองค์จำลอง

ทั้งนี้ พระพุทธองค์ดำได้รับการอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ MCC HALL ชั้น 4 เดอะมอลล์ บางแค เพื่อเป็นองค์ประธานในงาน “วิสาขบูชา สักการะพระพุทธองค์ดำ นาลันทา จากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ” ซึ่งจัดโดยห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ กับบริษัท ไทยประกันชีวิต ระหว่างวันที่ 21-30 พ.ค.นี้ ก่อนที่จะนำไปประดิษฐานเป็นการถาวร ณ วัดไทรย้อย อ.เด่นชัย จ.แพร่
มหาวิทยาลัยนาลันทา อันเคยเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธองค์ดำ แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังสุดลูกหูลูกตา เป็นพยานว่าครั้งหนึ่งสถานที่เวิ้งว้างห่างไกลเช่นนี้ เคยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ แต่ได้ถูกหลงลืมมานานหลายร้อยปี

วันนี้มหาวิทยาลัยนาลันทากำลังถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง ด้วยน้ำพักน้ำแรงของชาวพุทธทั่วโลก รวมถึงรัฐบาลอินเดีย ที่ต้องการส่งเสริมให้สถานที่แห่งนี้ให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาของโลกอีกครั้ง

แม้ว่าชื่อของนาลันทาจะไม่คุ้นหูของพุทธศาสนิกชนชาวไทยมากนัก แต่การอัญเชิญพระพุทธองค์ดำจำลองครั้งนี้ นับเป็นนิมิตหมายอันดีในการส่งเสริมให้คนไทยร่วมกันพลิกฟื้นให้ชมพูทวีปกลับมาเป็นพุทธภูมิอย่างภาคภูมิอีกครั้ง
พระพุทธองค์ดำ หนึ่งในองค์ประธานแห่งนาลันทา บัดนี้ได้ประดิษฐานในแผ่นดินไทย และนับแต่นี้จะเป็นประหนึ่งสัญลักษณ์ความเชื่อมโยงระหว่างเมืองพุทธในยุคปัจจุบันอย่างไทยกับศูนย์กลางเผยแผ่พระธรรมในอดีต ในดินแดนที่พุทธองค์ทรงประกาศอริยสัจ 4 อันเป็นอมตะ



ตามรอยเตลิยะบาบาจากชมพูทวีปสู่สุวรรณภูมิ

 

สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O
ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่

www.tangnipparn.com<O
<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา



</O>