มาวิเคราะห์คำทำนาย จากภัยธรรมชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 3 กรกฎาคม 2006.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ คือใคร ?

    [​IMG]

    คนธรรพ์

    มี 3 ประเภท คือ คนธรรพ์ชั้นสูง คนธรรพ์ชั้นกลาง และคนธรรพ์ชั้นล่าง
    • คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิขเทพบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน
    • คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ และเป็นบริวารของ คนธรรพ์ชั้นสูง
    • คนธรรพ์ชั้นล่าง อยู่บนพื้นมนุษย์ สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น นางตะเคียน นางตานี เป็นต้น
    คนธรรพ์มีความถนัดในการดนตรี การละคร ระบำรำฟ้อน ศิลปะ วรรณกรรม กวีนิพนธ์ เมื่อมีเทวสมาคมครั้งใด คนธรรพ์มักทำหน้าที่ขับกล่อมให้ความสำราญแก่ หมู่ทวยเทพทั้งหลาย คนธรรพ์นี้เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ทำบุญเจือด้วยกามคุณ

    วิทยาธร

    เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ มีศิลปศาสตร์ 18 ประการ เช่น โหราศาสตร์ แพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนตร์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธรมีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี

    กุมภัณฑ์

    มีรูปร่างแปลก หน้าตาพองๆ เป็นยักษ์ประเภทหนึ่งแต่ไม่น่ากลัวเหมือน ยักษ์ ไม่มีเขี้ยว ผมหยิกๆ ผิวดำ ท้องโต พุงโร กุมภัณฑ์มีตั้งแต่ชั้นสูงจนถึงชั้นล่าง มีหน้าที่ลงไปทรมานสัตว์นรกในยมโลก

    ทั้งคนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์ เป็นเทวดาที่อยู่ในการดูแลของท้าวธตรฐ ผู้ปกครอง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้านทิศตะวันออก


    ---------------------------------------------------
    * มก. คันธัพพกายสังยุต เล่ม 27 หน้า 573
    ที่มา http://www.dmc.tv/pages/guide/page11.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2006
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เทวดากับยักษ์ เป็นมิตรกันครับ ที่ไม่ถูกกันนั้นเป็นเทวดากับอสูร ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้ครับ

    อสุรกายภูมิ


    เป็นภูมิที่เกิด ที่อยู่ของสัตว์ ที่ไม่สว่างรุ่งโรจน์โดยไม่มีความเป็นอิสระและสนุกรื่นเริง เปรียบเหมือนนักโทษที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ สัตว์ในภูมินี้จึงชื่อว่า “อสูร” หมู่แห่งอสูรทั้งหลาย ชื่อว่า “อสุรกาย” อสูรมีอยู่ ๓ ประเภท คือ
    • เทวอสุรา ได้แก่ เทวดาอสูร (อสูรที่เป็นเทวดา)
    • เปตติอสุรา ได้แก่ เปรตอสูร (อสูรที่เป็นเปรต)
    • นิรยอสุรา ได้แก่ นิรยอสูร (อสูรที่เป็นสัตว์นรก)
    ๑. เทวดาอสูร

    มี ๖ ประเภท ได้แก่ (๑) เวปจิตติอสูร (๒) สุพลิอสูร (๓) ราหุอสูร (๔) ปหารอสูร (๕) สัมพรุติอสูร (๖) วินิปาติกอสูร อสูร ๕ ประเภทแรกเป็นปฏิปักษ์ต่อเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีสถานที่อยู่ใต้เขาพระสุเมรุ แต่ก็สงเคราะห์เข้าในจำพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ เพราะแต่เดิมก็เคยเป็นเทวดาอยู่ชั้นดาวดึงส์นั้นแหละ มีนครชื่อ อยุชฌปุระ ครั้นต่อมา เมื่อมฆมาณพ ได้ไปบังเกิดเป็นพระอินทร์ (ท้าวสักกเทวราช) อยู่มาวันหนึ่ง พระอินทร์ได้ออกอุบายประชุมเหล่าเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์นี้ เพื่อกำจัดพวกเวปจิตติอสูร (เทวดาเจ้าถิ่นเดิมที่มาอยู่ก่อน) โดยให้มีการเลี้ยงเหล้าแก่เทวดาทั้งหลายด้วย แต่พระอินทร์ได้กำชับเทวดาของตนว่าอย่าดื่มเหล้า เทวดาพวกเวปจิตติอสูรจึงพากันเมามายหมดสติ เมื่อได้โอกาสเหมาะ พระอินทร์และบริวารซึ่งเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ก็พากันรุมจับเทวดาพวกเวปจิตติอสูรโยนลงไปภายใต้เขาพระสุเมรุด้วยอำนาจฤทธิ์ ภายใต้เขาพระสุเมรุจึงเกิดมีนครที่คล้ายกันกับอยุชฌปุระในชั้นดาวดึงส์เทวโลก ต่างกันแต่ต้นไม้ คือ ที่ชั้นดาวดึงส์ มีต้นปาริจฉัตตกะ (ทองหลาง) ส่วนที่ใต้เขาพระสุเมรุ มีต้นปาฏลิ (แคฝอย) นี้เป็นที่อยู่ของพวกเทวดาเวปจิตติอสูรเหล่านี้เอง แต่พวกอสูรไม่รู้ตัวว่าถูกพระอินทร์และบริวารจับโยนลงมาอยู่ใต้เขาพระสุเมรุ เพราะมัวแต่เมาเหล้า เมื่อสว่างแล้วก็ยังไม่รู้ นครที่ใต้เขาพระสุเมรุก็คล้ายๆ กันกับที่ดาวดึงส์เทวโลก มารู้ตัวเอาตอนถึงฤดูต้นแคฝอยออกดอก ว่าตนเองมาอยู่ต่างถิ่นเสียแล้ว จึงพากันโกรธพระอินทร์กับบริวารมาก และเป็นปฏิปักษ์กับเทวดาชั้นดาวดึงส์มาจนกระทั่งทุกวันนี้ เคยแต่งกองทัพอสูรไปรบกับกองทัพพระอินทร์หลายครั้ง ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ถ้าฝ่ายใดแพ้ก็พากันหลบหนีเข้านครไป แล้วพากันปิดประตูเมืองเสีย ฝ่ายที่ชนะก็ถอยทัพกลับนครของตน เพราะไม่อาจจะตีฝ่าประตูนครเข้าไปได้ การทำสงครามระหว่างเทวดากับอสูร (เทวาสุรสงฺคาโม) เป็นเหมือนหุ่นรบกัน ไม่มีการบาดเจ็บล้มตายเหมือนกันการทำสงครามรบกันในมนุษย์โลก

    อสูรประเภทที่ ๖ วินิปาติกอสูร เป็นบริวารของภุมมัฏฐเทวดา มีรูปร่างสัณฐานเล็กกว่าเทวดาในชั้นดาวดึงส์ อำนาจก็มีน้อยกว่า อาศัยอยู่ตามป่า ตามเขา ตามต้นไม้ และศาลาที่เขาปลูกไว้ อันเป็นที่อยู่ของภุมมัฏฐเทวดาทั้งหลายในโลกมนุษย์นี้เอง

    ๒. เปรตอสูร มี ๓ ประเภท ได้แก่
    1. กาลัญจิกเปรตอสูร เปรตอสูรที่อาศัยอยู่ตามป่า ภูเขา หุบเหว ทะเล มหาสมุทร และ ตามเกาะ ในโลกมนุษย์นี้
    2. วิมานิกเปรตอสูร เปรตอสูรที่เสวยทุกข์ในเวลากลางวัน แต่พอเวลากลางคืนกลับได้เสวยสุขเหมือนเทวดาในชั้นดาวดึงส์
    3. อาวุธิกเปรตอสูร เปรตอสูรที่ประหัตประหารซึ่งกันและกันด้วยอาวุธต่างๆ เนืองนิจ
    ๓. นิรยอสูร

    คือ อสูรที่เป็นสัตว์นรก ที่ในอดีตชาติเป็นมิจฉาทิฏฐิมาก หรือได้ทำกรรมหนักเช่นกระทำผิดต่อบิดามารดาและสมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมเป็นต้น หรือฆ่าสัตว์เป็นต้น ทุกๆ วัน จึงได้ไปเกิดอยู่ในโลกันตริกนรก (พ้นจากภพ ๓ พ้นขอบจักรวาลออกไป อยู่ระหว่างชั้นล่างขอบจักรวาลทั้ง ๓ ที่มีเขตเชื่อมถึงกัน โลกันตริกนรกนี้อยู่ตรงกลางขอบจักรวาลทั้ง ๓ นั้นเอง นรกชั้นนี้มืดมิด) สัตว์นรกในชั้นนี้มีร่างกายสูง ๓ คาวุต มีเล็บยาวเหมือนเล็บค้างคาว ใช้เล็บเกาะอยู่ตามขอบกำแพงเขาจักรวาล หิวกระหายจัด เมื่อไต่ไปไต่มาใกล้กันเข้า ก็คิดว่า ได้พบอาหารแล้ว ต่างฝ่ายต่างกระโดดเข้าจะกัดกินกัน พอปล่อยมือก็จะพลัดตกลงไปในน้ำหนุนโลกอันเย็นจัด เมื่อลมปะทะก็ขาดตกลงไปในน้ำเหมือนผลมะซาง พอตกลงไปแล้วก็ละลายไปเหมือนก้อนแป้งตกลงไปในน้ำที่เค็มจัด
    ผู้ปฏิบัติถึงธรรมกายตรวจดูสัตว์ในภพภูมินี้แล้ว ได้เห็นว่า สัตว์เหล่านี้ยังไม่ตาย กลับฟื้นเป็นเหมือนเดิมขึ้นมาใหม่ เพราะวิบากกรรมที่เป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างแรงกล้า และได้เคยกระทำกรรมชั่วสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไว้มากแต่อดีตชาติ จึงต้องมาเกิดทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้นนานหนักหนา คือเมื่อใดที่พลัดตกลงไปในน้ำกรดเย็นยะเยือกเช่นนั้น ก็จะถูกน้ำกรดเย็นนั้นกัดกินละลาย ร่างสัตว์นรกนั้นเดือดฟู่อยู่ชั่วขณะหนึ่งก็สลายตัวไป สัตว์นรกนั้นได้รับความทุกข์ทรมานเจ็บแสบยิ่งนัก แล้วร่างที่สลายตัวไปแล้วนั้นก็กลับฟื้นเป็นขึ้นมาใหม่ ตะเกียกตะกายหนีขึ้นจากน้ำกรดเย็นนั้นด้วยตัวที่ซีดเซียว อิดโรย สั่นเทา ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเกาะอยู่ตามกำแพงเขาจักรวาลนั้นใหม่ ไม่ตายจริงๆ สักที เป็นอยู่อย่างนั้นนานเท่านาน จนไม่อาจนับวันเดือนปีได้ว่า เมื่อใดจะได้กลับมาเกิดในภพ ๓ อีก

    ที่มา http://www.dhammakaya.org/vijja/vijja_universe8_asura.php






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2006
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความสำคัญของวันพระ
    โดยคุณปรัชญาหาระ
    [​IMG]


    มีเพื่อนๆหลายคนครับที่ได้ถามถึงความสำคัญของวันพระ....ผมจึงได้ไปศึกษามาเล่าให้ฟัง เพื่อให้ได้ทราบเรื่องราวของวันพระอีกมุมหนึ่ง

    วันพระนั้นเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาเช่นกัน ซึ่งนับเอาการโคจรของดวงจันทร์เป็นเกณฑ์คือทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ๘ คำ เป็นต้น ซึ่งอย่างที่ได้เล่าแล้วครับว่าวันพระเป็นวันที่ได้รับพระบรมพุทธานุญาตจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มีได้เพื่อให้เป็นวันปวารณาทบทวนศีล ๒๒๗ ข้อ ทบทวนพระธรรมวินัยให้ชัดเจน และวันพระนั้นก็ยังเป็นวันที่ชาวพุทธทั้งหลายมาร่วมกันฟังเทศน์ฟังธรรมกันเพื่อขัดเกลาจิตใจด้วย ทั้งนี้จึงนิยมที่จะเตรียมข้าวเตรียมของเพื่อนำมาถวายพระเพื่อสั่งสมบุญทานกันในโอกาสนี้ด้วย

    ในอีกมิติหนึ่งนั้น วันพระก็เป็นวันสำคัญในภพอื่นด้วย (สวรรค์ และยมโลกนรก รวมถึงสัตว์ในทุคติที่สามารถรับบุญได้) ...ทั้งนี้ในรอบ ๑ เดือน หรือกึ่งเดือนก่อนวันพระซึ่งเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำหรือ ๘ ค่ำนั้น (วันที่พระจันทร์เต็มดวงหรือวันพระใหญ่) ใน ๑ เดือนดังกล่าวพวกเทวดาทั้งหลายจะรวบรวมเอาบัญชีบุญของมนุษย์ที่ทำความดีในเขตต่างๆนำส่งขึ้นไปเป็นลำดับๆ ตั้งแต่ระดับภุมมเทวา (พื้นดิน) ระดับรุกขเทวา (ยอดไม้) ระดับอากาสเทวา (ในอากาศ) รวบรวมกันเป็นทอดๆจนถึงชั้นจาตุมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นที่ ๑ใน ๖ ชั้น) ถวายแด่ท้าวจาตุโลกบาลทั้ง ๔ และท้าวจาตุโลกบาลทั้ง ๔ ก็นำถวายแด่ท้าวสักกเทราช (พระอินทร์) ในชั้นดาวดึงษ์ กระบวนการรวบรวมบุญของมนุษย์นี้จะใช้เวลา ๑ รอบถึงวันโกน

    เมื่อถึงวันโกนกระบวนการข้างต้นจะเรียบร้อยและ "บัญชีบุญ" ก็จะถึงมือท้าวสักกเทวราชเพื่อทรงนำเข้าสู่การประชุมในสุธรรมาเทวสภาในชั้นดาวดึงษ์นั้น ซึ่งการประชุมดังกล่าวจะถือเป็นเรื่องสำคัญ การนำเรื่องราวการทำบุญของมนุษย์มาประกาศในเทวสภานั้นเกี่ยวข้องกับความสุขและอายุของเทวดาโดยตรงเพราะเทวดานั้นได้เป็นเทวดาก็เพราะได้สร้างบุญในสมัยที่เป็นมนุษย์ เมื่อมาเสวยผลบุญในสวรรค์ก็ย่อมต้องการบุญต่อเนื่องต่อไปอีก จึงมีกระบวนการ "อนุโมทนาการทำความดี" ของมนุษย์ในทุกวันพระเพื่อให้อายุทิพย์ สมบัติทิพย์ ของตนยืนยาวต่อไปอีก หากในวันพระใดบัญชีบุญของมนุษย์มีมากและเป็นบุญสำคัญมากหลายๆอย่าง เทวดาก็จะยินดีกันมากและจะชื่นชมมนุษย์ผู้ทำความดีมาก นิยมที่จะให้กำลังใจมนุษย์หรือส่งเสริมมนุษย์ที่ทำดีให้มากขี้นเรื่อยๆไปด้วย แต่หากครั้งใดเทวดาพบว่ามนุษย์นั้นสร้างบุญกันน้อย เพราะมัวแต่ทำมาหากิน หรือแตกความสามัคคีรบราฆ่าฟันกันหรือละเลยเรื่องการเตรียมตัวไปสู่ปรโลกเทวดาก็จะไม่รื่นเริงอย่างที่เคยเป็นและจะพากันมารำพึงถึงความประมาทของมนุษย์นั้นเช่นกัน

    วันพระยังมีความสำคัญต่อสัตว์นรกที่พลัดไปตกในยมโลกด้วย เพราะเมื่อถึงวันพระ เจ้าหน้าที่ (ซึ่งเป็นกุมภัณฑ์) และพระยายมราชซึ่งเท่ากับเป็นเทวดาพวกหนึ่งในชั้นจาตุมหาราชิกาก็จะได้พักงาน (คือการหยุดทำหน้าที่พิจารณาโทษ) ๑ วัน หยุดลงโทษสัตว์นรกเสีย ๑ วันทำให้สัตว์นรกในยมโลกมีโอกาส "หายใจหายคอ" ได้บ้าง และโอกาสนี้เองหากสัตว์นรกได้คิดถึงบุญที่ตนได้เคยทำไว้สมัยเป็นมนุษย์ออก หรือมีผู้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ก็อาจพ้นภาวะของการเป็นสัตว์นรกได้ หรือแม้น้อยที่สุดก็จะได้รับลดหย่อนโทษให้น้อยลง
    ด้วยการที่วันพระเป็นโอกาสดีเช่นนี้ของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ ด้วยโอกาสที่วันพระเป็นวันแห่งการลงปาฏิโมกข์ของพระทุกรูปในวัดทุกวัด และพระภิกษุที่ผ่านการลงปาฏิโมกข์แล้วจะมีความบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นอีก เป็นเนื้อนาบุญของชาวพุทธได้เต็มที่มากขึ้นเช่นนี้ ...วันพระจึงเป็นวันที่มีความหมาย และชาวลานธรรมทุกคน ชาวพุทธโดยทั่วไปก็ควรอาศัยโอกาสนี้ในการทำทาน รักษาอุโบสถศีล และทำสมาธิให้จิตใจผ่องใสเพื่อให้มีบุญมากๆติดตัว ซึ่งเป็นการ "เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว" เช่นที่คุณพี่ดังตฤณได้กล่าวไว้ด้วยนะครับ
    ปรัชญาหาระ

    ที่มาของบทความ http://larndham.net/index.php?showtopic=20704&st=10

    ที่มาของรูปภาพ http://www.dmc.tv/pages/guide/page09.html
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า
    (คำทำนายจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล)
    [​IMG]
    พระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูเสด็จมาสองครั้ง ครั้งแรกมาบังเกิด ครั้งที่สอง มาด้วยชัยชนะ ไม่มีการเสด็จมาครั้งที่สามเพื่อรับผู้เชื่อไปลับๆ หนังสือมัทธิวบอกไว้อย่างชัดเจนว่า
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ***************
    ประกาศ...สู่ชาวพุทธ
    ***************

    โลกุตตระ ซึ่งคือ พระไตรปิฎก
    ได้กล่าวว่า "หยุด...ไป...หยุด...ไป"
    อยู่หลายครั้ง !!!

    หมายความว่า
    บัดนี้...
    หมดเวลาเล่นแล้ว
    ถึงเวลาที่จะต้องทำจริง
    ศีล สมาธิ วิชชา ความวิเศษต่างๆ ให้หยุดวางไว้
    ถึงเวลาที่จะต้องมาเดินบนทางตรง
    ด้วยธรรมเที่ยง ด้วยหลักสัจจะธรรม
    คือ "สัจจะ"

    หากผู้ใดไม่เชื่อใน "สัจจะ"
    โลกเขาจะไม่ให้อยู่
    เขาจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน

    ขอให้เชื่อ "สัจจะ...มีผลตอบแทน"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "อินตก-เทพทำนาย" ความเป็นไปและทางรอดของมนุษย์
    [​IMG]

    โดย นัฐดล บรรเทา นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์หนองคาย

    มหาบุรุษมหาตมะ คานธี เคยกล่าวไว้ว่า "ทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอต่อการดำรงชีพของคนทุกคน แต่ไม่เพียงพอต่อการสนองตอบกิเลสของคนคนเดียว" ซึ่งกิเลสความยากทำให้มนุษย์เป็นผู้กระทำต่อโลกมากจนเกินเยียวยา เช่น สงครามอ่าวเปอร์เซีย สงครามอิรัก สงครามทุนนิยม ทำให้เกิดเชื้อโรคใหม่ๆ เช่น โรคเอดส์ โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนก ทำให้เกิดภาวะธรรมชาติปั่นป่วนไร้สมดุลเช่น พายุเฮอร์ริเคนแคททรีนาที่ถล่มอเมริกา คลื่นยักษ์สึนามิหรือแม้แต่ปัญหาชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งอุบัติการณ์เหล่านี้ล้วนมีเหตุมาจากน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่มนุษย์จะต้องเลือกระหว่าง "ความหายนะ หรือความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์"

    ผู้เขียนขออนุญาตกล่าวถึงคัมภีร์ "อินตก-เทพทำนาย" ซึ่งตามตำนานเล่าว่า สามเณรคำ เป็นผู้พบคัมภีร์อินตก อันเป็นหนังสือเก่าแก่ใบลานสีได้ตกลงมาที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดอัตตะปือ(ประเทศลาว) ซึ่งผู้เขียนได้รับการเล่าขานอีกทอดหนึ่งถึงเหตุการณ์มหันตภัยของโลกยุคโลกาภิวัตน์(Gobailzation)

    หนังสืออินตก-เทพทำนาย ได้เขียนไว้ว่า "ฟังเอาท่อนคำกลอนโลกใหม่ ไผผู้ยังบ่ฮู้เขิงแก้วสีฮอนคน ฟังเด้อพี่น้องเพิ่นสิฮอนเอาคนดี ไผผู้มีศีลธรรมสิอยู่เขิงค้าง ไผเดินผิดเส้นทางทำตนเป็นคนชั่วมันสิลอดกระดั้งบ่มีค้างแผ่นเขิง เขิงแผ่นนี้ชื่อว่า "เขิงคำ" เป็นคำสอนของพ่อพุธเฮาตั้งเพิ่นได้วางเอาไว้โพธิ์ศรีแผ่นใหญ่สิเอาคนเข้าอยู่ซ่นโพธิ์ โพธิ์ต้นนี้บ่ได้ปลูกตามดิน เป็นโพธิ์ศรีโพธิ์ธรรมหว่านมาแต่เมืองฟ้า พระศรีอาริยะเพิ่นสร้างโพธิ์ศรีสามห่มไว้ ซึ่งเพิ่นสิมาเอาคนประเสริฐ เลือกแต่ผู้ล้ำเลิศ กระทำสร้างบ่อนดี"

    ในสังคมปัจจุบันผู้เขียนเห็นว่ามนุษย์ในแบบฉบับที่พระคัมภีร์กล่าวถึงใกล้จะหมดไปจากโลกเต็มทีแล้ว เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายตื่นได้แล้ว แสงธรรมจากพระพุทธเจ้ากำลังส่อง มองไปทางไหนก็เจิดจ้า แสงธรรมส่องมาหวังให้ปวงประชาและโลกกว้างนี้พ้นจากมารหมู่ และภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

    ดังนั้น เราทั้งหลายควรสำนึกในพระคุณของแผ่นดินที่อาศัยอยู่ ควรรีบทำความดีต่อโลกใบนี้ และเพื่อนมนุษย์อย่ามัวเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวอยู่เลย ซึ่งภัยพิบัติตามคำทำนายในหนังสืออินตก จะเกิดขึ้นในระหว่างช่วงปี พ.ศ.2547-2551

    ที่ผ่านมาคนทั้งโลกได้ตระหนักแล้วว่า แต่ละประเทศแต่ละทวีปล้วนถูกภัยธรรมชาติและหายนะต่างๆ ทำลายอย่างรุนแรง เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุขนาดใหญ่ แต่มนุษย์เราก็ยังเมินเฉยต่อภัยพิบัตินี้ เพราะยังเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่สามารถกำหนดหรือควบคุมได้

    อินตก-เทพทำนาย ยังได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า "ภัยพิบัติครั้งที่ 1 พ.ศ. 2547-2548 ไม่หนักเท่าใด ครั้งที่ 2 พ.ศ.2548-2549 หนักกว่าครั้งที่หนึ่งสามเท่า ครั้งที่ 3 พ.ศ.2549-2551 จะหนักมากที่สุด มีเมฆดำก้อนใหญ่ปกคลุมโลก ฝนที่ตกลงมาเป็นพิษ น้ำทะเลจะมีระดับสูง 100 เมตร ผัวเมียอยู่ๆ ก็จะไม่เห็นหน้ากัน ผู้คนจะล้มตายแบบฉับพลัน คนใจบาปจะมากฆ่าพ่อตีแม่ตัวเอง ศาสนาจะถูกเหยียบย่ำ เกิดสงครามใน 5 ทวีป ประชากรในโลกล้มตายมากมาย"

    ทางรอดจากหายนะ อินตก-เทพทำนายชี้ว่า "ถ้าจะพ้นภัยพิบัตินั้นให้ถือศีลกินทาน จงพากันท่องคาภาป้องกันภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในโลกใบนี้ คาถาว่าดังนี้ " ทิตะทิวาหะนะ มัญทะโลกะสิลา กันลาลาสะสานะลาละดิ สังสังสะหะนะตุเม มาละยาเล สาววาจา ตะนะสะปุระวา มาละนัง มาละจัง มาละนะ กำมัง สาละวาโส อุภิสะพุทธะโส นะโมพุทธายะ ทะละวาหะนะลาโล กะสิลาทะ ลาสาลิกา สวัสสะขีโหตุพาตุเม "

    ซึ่งคาถานี้ให้มนุษย์ที่มีบุญญาธิการอันประเสริฐ กระทำแต่ความดี ให้เขียนพระคาถาใส่ผ้าเหลือง มัดแขนหรือมัดหัว จะรอดปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เพราะในปัจจุบันมนุษย์ทั้งหลายที่หลงว่าตัวเองเก่งอยู่เหนือธรรมชาตินั้น กระทำคุณงามความดีนั้นมีเพียง 3 ส่วน กระทำบาปกรรมนั้น 7 ส่วน"

    ดังนั้น ผู้เขียนเห็นว่า มนุษย์เราควรตื่นจากโลกมายาของกิเลสตัณหาได้แล้ว เลิกหลงตัวเองว่าอยู่เหนือธรรมชาติได้แล้ว หยุดทำความชั่ว จงหันมาทำดีต่อโลกใบนี้กันเถอะ เพราะความดีเท่านั้นที่จะช่วยให้มนุษย์และโลกรอดพ้นจากหายนะและนำสุขมาให้

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ใช่แล้วครับ ทางคริสต์เรียกว่า "วันสิ้นโลก" และจะจบลงที่ "ผู้ขี่ม้าขาว" มาช่วยโลก ทางฮินดูเรียก "ผู้ขี่ม้าขาว" นี้ว่าเป็น "นารายณ์ปางที่ 10" ทางพุทธเรียก "ผู้ขี่ม้าขาว" นี้ว่า "พระเจ้าจักรพรรดิ์" หรือ "พระยาธรรมิกราช" ซึ่งพระพุทธเจ้าเราได้ทำนายไว้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ตอนกึ่งพุทธกาล

    จากคุณ Baphomet
    http://www.thaijaidee.com/forum/index.php?PHPSESSID=d04d827f14a889377cf532e3652be466&topic=1781.msg50818#msg50818
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2006
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ***************
    ประกาศ...สู่ชาวพุทธ
    ***************


    โลกุตตระ ซึ่งคือ พระไตรปิฎก
    ได้อุบัติเกิดขึ้นบนโลกแล้ว !!!
    เพื่อมาจัดสรรให้มนุษย์ ได้พบหลัสัจจะรรม
    โลกุตตระ ได้กล่าวว่า "หยุด...ไป...หยุด...ไป"
    อยู่หลายครั้ง !!!

    หมายความว่า
    บัดนี้...
    หมดเวลาเล่นแล้ว
    ถึงเวลาที่จะต้องทำจริง
    ศีล สมาธิ วิชชา ความวิเศษต่างๆ ให้หยุดวางไว้
    ถึงเวลาที่จะต้องมาเดินบนทางตรง
    ด้วย ธรรมเที่ยง ... ด้วย หลักสัจจะธรรม
    คือ "สัจจะ"

    หากผู้ใดไม่เชื่อใน "สัจจะ"
    โลกเขาจะไม่ให้อยู่
    เขาจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน !!!

    เพราะ...เป็นผู้ที่ไม่พร้อม ที่จะก้าวเข้าสู่ยุค พระศรีอาร !!!!

    ขอให้เชื่อ "สัจจะ...มีผลตอบแทน"

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    <!-- / message -->
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การมาของ“ท่านมะห์ดี”และ“กัลกียุค”<O:p</O:p

    [​IMG]

    <O:p</O:p
    ในศาสนาอิสลามและศาสนาฮินดูที่เป็นศาสนาหลักของโลกเช่นกัน ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะศาสนาอิสลามที่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกับศาสนาคริสต์อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าการแสดงความยอมรับต่อศาสดาที่เรียกว่านบีคนเดียวกันก่อนที่จะมาถึงท่านนบี มูฮัมหมัด ไม่ว่าจะเป็นอับราฮัม, มูซาหรือโมเสส, อีซาหรือพระเยซู ซึ่งในช่วงเวลาที่ก่อนที่ ”ท่านมะห์ดี” ซึ่งคล้ายๆ กับพระเมสซิอาห์ของคริสต์ หรือพระศรีอารยเมตไตรยของพุทธจะเสด็จมา ศาสนาอิสลามถึงกับบอกไว้ว่า อะไรต่างๆ ในโลกจะเสื่อมลงจนผู้ที่ยังยึดมั่นในความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า ต่อพระอัลเลาะห์ หรือยังยึดมั่นกับมาตรฐานและค่านิยมแบบผู้คนในยุคอดีตนั้น…จะเหลืออยู่น้อยมากจนแทบนับเป็นรายหัวได้เลย หรือจะต้องอึดอัดอดทนกับมาตรฐานหรือค่านิยมใหม่ๆ กันแบบแทบเป็นแทบตาย
    <O:p</O:p
    สำหรับศาสนาฮินดูนั้น มีการคาดคะเนไว้ล่วงหน้าถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่ความเสื่อมกันถึงขนาดที่เรียกว่าจะเกิดยุคที่ “มนุษย์จะต่ำช้าสามานย์” อย่างถึงที่สุด จนกระทั่งพระวิษณุที่เคยอวตารลงมาปราบยุคเข็ญของโลกในยุคต่างๆ ติดต่อกันมาแล้วถึง 9 ยุค ยังเกิดอาการจนปัญญา ถึงขั้นที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว นอกจากจะต้องทำลายมนุษย์ทั้งหลายทิ้ง แล้วสร้างโลกขึ้นมาใหม่ อย่างที่เรียกว่า “กัลกียุค” หรือยุคที่พระวิษณุอวตารลงมาเป็น “กัลกี” มือขวาถือดาบแห่งการทำลายล้าง ก่อนที่ “ยุคใหม่” จะถือกำเนิดขึ้น

    ที่มา http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2_print.php?mod=mod_ptcms&ContentID=997&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2006
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=558 border=0><TBODY><TR><TD style="WIDTH: 558px; WORD-WRAP: break-word" align=middle height=40>กัลยาวตาร</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 20px" vAlign=top align=right height=30>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=558 border=0><TBODY><TR><TD height=25></TD></TR><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>





    </TD></TR><TR><TD align=middle><TABLE width=320 border=0><TBODY><TR><TD class=font-th-content style="RIGHT: 0px; LEFT: 0px; WIDTH: 320px; WORD-WRAP: break-word">เมื่อโลกเยือนย่างเข้า กลียุค

    บาปบั่นบุญบี้บุก ทั่วหล้า
    ทั่วถิ่นทุกทางทุกข์ เหลือหลาย
    เกิดก่อกิเลสกล้า มล้างมลายธรรม

    ยามทรามลามสุดแล้ว ฉันใด
    จักเกิดท่านเทพไท้ จากฟ้า
    อวตารดับเภทภัย พาพ้น
    ปาฏิหารย์ประจักษ์หล้า แต่ต้องหวังขลัง

    วิษณุเทพผู้ รักษา
    ซึ่งหมั่นธำรงโลกา จากร้าย
    ปางสิบเสด็จมา ยามยาก
    มามุ่งพามารร้าย ดับสิ้นโสมม

    เป็นบุรุษขี่ม้า สีขาว
    มีดาบเชิดชูวาว แกว่งแกล้ว
    แต่ต้องจัก รอยาว เมื่อมา
    ปราบบาปให้คลาดแคล้ว ชื่อนั้น"กัลกี"

    จงตั้งตัวตั้งมั่น ไว้เถิด
    สักวันจักก่อเกิด ประจักษ์หล้า
    ครานั้นบาปจักเตลิด แพ้พ่าย
    จากบาปให้คลาดแคล้ว ทั่วทั้งสากล

    โปรดทำดีอย่าท้อ พวกเรา
    ยามบาปบุกมัวเมา อย่าใกล้
    ใครมัวหมุ่นปลุกเขา ช่วยเถิด
    เพราะว่าท่านเทพไท้ จักได้เสด็จมา


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>
    บทกวีโดย ขาว-กรมท่า
    ที่มา http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem88519.html



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2007
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,698
    ค่าพลัง:
    +51,933
    ********
    นครเมกกะ
    ********

    ภายใน แท่งหิน
    ใจกลางเมือง....สถานที่ศักดิ์สิทธิ์

    มี พระพุทธรูป...ปรางค์สมาธิ !!!

    หาก...ไม่เชื่อ
    โปรดติดตาม
    จะพิสูจน์...ให้เห็นกันทั่วหล้า ต่อไป

    จะเกิดสิ่งใด...ต่อ จิตใจชาวมุสลิม ???
    เมื่อ ความลับ ถูกเปิดเผย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "

     
  11. ppinter

    ppinter เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +289
    กรมธรณีสรุปเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประจวบฯรวม 4 ครั้ง

    28 กันยายน 2549 12:17 น.
    ภายหลังจากเมื่อเวลา 01.45 น.ที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.8 ริกเตอร์ มีศูนย์กลางบริเวณประเทศพม่า ห่างจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 70 กม. และประชาชนในบริเวณดังกล่าวรับความรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้นั้น
    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วันที่ 28 ก.ย. กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้สรุปเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่กระทบถึงบริเวณภาคใต้ตอนบนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว 4 ครั้ง ขนาด 3.7-4.3 ริกเตอร์ ตามช่วงเวลาดังกล่าว ดังนี้ วันที่ 27 ก.ย. เกิด 2 ครั้ง ขนาด 4.0 ริกเตอร์ เวลา 20.27 น. และ ขนาด 3.7 ริกเตอร์ เวลา 22.57 น. ส่วน วันที่ 28 ก.ย. เกิด 2 ครั้ง ขนาด 4.2 ริกเตอร์ เวลา 00.38 น. และ ขนาด 4.8 ริกเตอร์ เวลา 01.46น. สำหรับ พื้นที่ที่รับแรงสั่นทะเทือนอยู่ที่บริเวณอำเภอหัวหิน อำเภอเขาสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี และอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความรุนแรงที่รู้สึกได้ คือ รูปที่แขวนอยู่บนผนังสั่นสะเทือน กระจกและ ตู้เสื้อผ้าสั่นสะเทือน รวมถึงกระเบื้องหลังคาหล่น ทำให้บ้านเรือนบางส่วนเสียหายเล็กน้อย



    กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหว คาดว่าอาจเกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนในสหภาพพม่า หรือ เกิดจากการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนระนองที่พาดผ่านด้านทิศตะวันตกของจังหวัดระนอง ขึ้นมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณอ่าวไทยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ซึ่งในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางที่อำเภอสามร้อยยอด ขนาด 4.0 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2540 ขณะนี้กรมทรัพยากรธรณี ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับ ทสจ. ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเข้าสำรวจความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวในครั้งนี้โดยเร็วแล้ว พร้อมกันนี้จะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในเวลา 14.00น.วันที่ 28 ก.ย. ที่อาคารมรกต กรมทรัพยากรธรณี
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ผลกรรมแห่งการทำลายพระพุทธรูป
    [​IMG]
    27 ก.พ.44 - รัฐบาลตาลีบันแห่งอัฟกานิสถาน โดยนายมูลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ ผู้นำสูงสุด สั่งการ ให้ทำลาย พระพุทธรูปทุกองค์ที่อยู่ในประเทศ รวมถึงพระพุทธรูปองค์ที่สูงที่สุดในโลกรวม 2 องค์ อายุ กว่า 2,000 ปี ประดิษฐานที่จังหวัดบามิยัน ทางตะวันตกของกรุงคาบูล โดยอ้างว่าทำตามหลักศาสนา อิสลาม และพระพุทธรูปไม่ใช่สิ่งที่ศรัทธา เป็นเพียงส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถานเท่านั้น<SMALL> // สมาคมอนุรักษ์วัฒนธรรมและมรดกของอัฟกานิสถาน ระบุคำสั่งของตาลีบันที่ให้ทำลายรูปเคาร เป็น ความสูญเสียครั้งใหญ่เป็นโศกนาฏกรรมสำหรับชาวอัฟกันและชาวโลก เช่นเดียวกับศรีลังกาที่แสดงความ ตกใจ-เสียใจกับแผนการดังกล่าวของตาลีบัน (</SMALL>สำหรับพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 2 องค์ในจังหวัดบามิยัน เป็น พระพุทธรูปที่ถูกแกะเข้าไปในหน้าผาหินทราย องค์หนึ่งมีความสูง 50 เมตร (165 ฟุต) ถือเป็นพระพุทธ รูปยืนที่สูงที่สุดในโลก ขณะอีกองค์สูง 34.5 เมตร (114 ฟุต) ทั้ง 2 องค์สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 2

    <SMALL> 28 ก.พ.44 - </SMALL>นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ส่งหนังสืออุทธรณ์ถึงนายมุลลา โมฮัมหมัด โอมาร์ ผู้นำรัฐบาลทหารตาลิบัน ขอร้องให้ระงับคำสั่ง ทำลายพระพุทธรูป พร้อมเรียกร้ององค์กรทุกฝ่ายในอัฟกานิสถานร่วมกันปกป้องศาสนสถาน และโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ // ด้านรัฐบาลสหรัฐก็ได้ร่วมประณามรัฐบาลตาลิบันของอัฟกานิสถานเช่นกัน // ในขณะที่อิหร่านซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของอัฟกานิสถาน และปกครองด้วยหลัก ศาสนาอิสลามเช่นเดียวกันก็ตำหนิการกระทำของรัฐบาลตาลิบันว่า จะทำลายความสัมพันธ์กับรัฐบาลชาติอื่น พร้อมระบุเป็นเรื่องเหลวไหลมากที่คณะปกครอง ของตาลิบันมาอ้างว่าผู้ที่สั่งให้ทำลายพระพุทธรูปเป็นนักบวช


    [​IMG]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]8 ต.ค.44 [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 8 ต.ค.แจ้งความคืบหน้าของสงครามก่อการร้ายในประเทศอัฟกานิสถาน หลังจากที่ประธานาธิบดีบุช สั่งให้เปิดฉากการโจมตีเมื่อกลางดึกคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อกวาดล้างขบวนการก่อการร้ายของนายโอซามา บิน ลาเดน และรัฐบาลตาลีบันฐานที่ให้พักพิงและไม่ยอมส่งมอบตัวให้ทางการสหรัฐ สงครามครั้งนี้ อังกฤษได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐในทันที เลือกโจมตีโดยใช้ขีปนาวุธ โทมาฮอว์ค 50 ลำ เป็นอาวุธ โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เช่น สนามบิน ค่ายฝึกของพวกก่อการร้าย และ กองบัญชาการทหารของตาลีบัน ตามหลายเมืองใหญ่ของอัฟกานิสถาน เช่น กรุงคาบูล ตกเป็นเป้าการโจมตีอย่างน้อย 3 ครั้ง นอกนั้นก็ที่คันดาฮาร์ จาลาลาบัด และ มาซาร์-อี-ชารีฟ เป็นต้น เมื่อเทียบระยะเวลาห่างจากวันที่ 11 ก.ย.ที่สหรัฐถูกโจมตีด้วยการก่อวินาศกรรม อาคารเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ นครนิวยอร์ก อาคารเพนตากอน กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ชานกรุงวอชิงตัน กับการโจมตีอัฟกานิสถาน เวลาห่างกัน 26 วัน


    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][​IMG][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]
    อัฟกานิสถาน มีสภาพไม่ต่างจากดินแดนถูกสาป ที่ต้องเผชิญสงครามและความทุกข์ยากอันไม่มีที่สิ้นสุด
    [/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ล่าสุด อัฟกานิสถานกำลังมีแนวโน้มว่าต้องเผชิญหน้ากับหายนภัยทางมนุษยชาติครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่ง ผลจากการที่ประชาชนขาดแคลนอาหารและที่พักพิง ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวจะเลวร้ายลงในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อฤดูหนาวย่างกรายเข้ามา [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"ผมว่าคงไม่มีดินแดนใดต้องเผชิญหายนภัยร้ายแรงมากเท่านี้อีกแล้ว" ยูซุฟ ฮัสซัน โฆษกคณะข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) แสดงความเห็น พร้อมชี้ว่า แต่ไหนแต่ไรมา อัฟกานิสถานก็เป็นประเทศที่ต้องแบกรับภัยพิบัติอยู่เกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความแห้งแล้ง และอดอยากในบางพื้นที่ รวมถึงการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของผู้คนคราวละมากๆ [/FONT]

    ที่มา http://www.rakbankerd.com/01_jam/thaiinfor/country_info/index.html?topic_id=1153&db_file=&PHPSESSID=4c2ef5793c328c118a4cb86c05194998

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2006
  13. ganesha

    ganesha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +201
    ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าภัยพิบัติร้ายแรงอย่างนั้นยังไม่เกิดในยุคของเรา (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับไม่ได้ต้องการแย้งกับผู้ใด) ยุคที่ว่าประเทศไทยจะกลายมาเป็นจักรพรรดิราชาหรือมหาอำนาจนั้นไม่น่าทันยุคเรา และที่ว่าภาคใต้จะหายเหลือเพียงภาคกลาง ช่วงเพชรบุรีขึ้นไปนั้นผมว่าไม่มีนะ (ไม่เห็น) พันกว่าปีจากนี้ไปโลกเริ่มแย่มากๆ ทั้งโรคภัย และสภาพทรัพยากรที่เสื่อมไปตามกาลเวลาโดยการเสพของมนุษย์อย่างบ้าคลั่ง เฮ้อเอาเป็นว่าผมคิดเห็นเช่นนี้นะ ผิดถูกต้องรออนาคตเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันครับ
    ขอสิริแห่งจิตจงสถิตอยู่กับท่าน
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หินดำศักดิ์สิทธิ์ แห่งนครเมกกะ
    <CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 width="90%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle width="33%">[​IMG]</TD><TD align=middle width="33%">[​IMG]</TD><TD align=middle width="34%">[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle width="33%">แผ่นดินฮาราม (แผ่นดินต้องห้าม)</TD><TD align=middle width="33%">อาคารก๊ะอ์บะห์ (บัยตุลเลาะฮฺ)</TD><TD align=middle width="34%">หินดำศักดิ์สิทธิ์</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    อาคารก๊ะอฺบะห ตั้งอยู่กลางมัสยิดใหญ่ที่สุดในนครมักกะฮฺ ชื่อมัสยิดหะรอม ซึ่งมุสลิมถือว่าเป็นมัสยิดที่สำคัญที่สุดในโลก อาคารก๊ะอฺบะหฺก่อด้วยก้อนหินธรรมดาก้อนโตๆ รูปทรงอาคารเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ เป็นศูนย์กลางในการสักการะนมัสการพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวมาแต่โบราณ มาถึงสมัยท่านศาสดานุฮฺ หรือ โนอา ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ เมื่อน้ำลดแล้วอาคารก๊ะอฺบะหฺ ได้สูญสลายไป จนกระทั่งมาถึงสมัยท่านศาสดาอิบรอฮีมฯ ท่านผู้นี้ได้สร้างอาคารก๊ะอฺบะหฺขึ้นใหม่ในรูปลักษณะเดิม และบนรากฐานเดิม (ส่วนผ้าดำที่ปกคลุมอยู่นั้นได้ทำขึ้นสมัยหลัง) เสร็จแล้วท่านก็เรียกร้องผู้ศรัทธาในสมัยนั้น ให้ไปทำไปทำพิธีฮัจญ์ ณ สถานที่นั้น ต่อมาในสมัยท่านศาสดามุฮัมมัดฯ ประกาศศาสนาอิสลาม อาคารก๊ะอฺบะหฺ ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่บำเพ็ญฮัจญ์ ตามหลักการของศาสนาอิสลาม และขณะเดียวกันก็ถูกกำหนดให้เป็นทิศทางที่มุสลิมทั่วโลกหันหน้าไปสู่เมื่อทำพิธีนมัสการพระผู้เป็นเจ้า อาคารก๊ะอฺบะหฺ จึงได้รับชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า " บัยตุลเลาะหฺ" แปลว่าสถานที่แห่งพระผู้เป็นเจ้า ที่มุมหนึ่งของตัวอาคารมีก้อนหินสีดำสนิทก้อนหนึ่งบรรจุอยู่ในกรอบเงินเรียกชื่อว่า "หินดำ" เป็นก้อนหินโบราณที่มีอยู่ที่ก๊ะอฺบะหฺหลังเดิมตั้งแต่โบราณกาลจนไม่อาจประมาณเวลาได้ ศาสดาท่านก่อนๆ ตลอดจนผู้ศรัทธาในยุคก่อนๆ นับไม่ถ้วนเคยสัมผัสเคยจูบก้อนหินนี้มาแล้ว ท่านศาสดามุฮัมมัดฯ เองเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ท่านก็เคยสัมผัสเคยจูบหินก้อนนี้มาแล้ว มุสลิมทั่วไปจึงมีความชื่นชมที่จะได้เจริญรอยตามท่านศาสดาในการจูบหินก้อนนี้ด้วย ทั้งนี้มิใช่การเป็นการสักการะหิน และมิใช่เป็นการล้างบาปอย่างที่บางท่านเคยเข้าใจ
    ที่มาhttp://www.nitipat.net/alhaj/h4.htm

     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ท่านที่อยากได้ ข้อมูลเกี่ยวกับคำอ่านบาลีหรือคำแปลภาษาบาลี หาได้ที่เว็บตามนี้ครับ

    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
    <!-- / message --><!-- sig -->____________________________________________________


    http://www.balee.net/
    ดาวน์โหลดข้อมูลภาษาบาลี


    http://www.mahamodo.com/buddict/buddict_pali.asp
    บาลี-ไทย << พจนานุกรมภาษาบาลี


    http://learntripitaka.com/Download.html
    เลือกส่วนมหาเปรียญ เพียบ ครบหลักสูตร เชิญครับ ..


    มีสามเว็บนี้ที่เคยลองแวะไปดู เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ก็เลยลองเอามาให้ดูกัน


    <!-- / message -->
    <!-- / message --><!-- sig -->____________________________________________________


    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2006
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <CENTER>เทวดาไทย - เทวดาฝรั่ง</CENTER>
    [​IMG]

    <DD><DD>
    เมื่ออ่านวรรณคดี คำว่า​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2006
  17. ศิษย์น้อย

    ศิษย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    427
    ค่าพลัง:
    +3,047
    การทำนายอนาคตนั้น เป็นเรื่องยาก.......

    เพราะเหตุและปัจจัย ที่ทำให้ เหตุการณ์นั้น "เปลี่ยนแปลง" ได้

    หลายปัจจัย... และตลอดเวลา



    จำเหตุการณ์..ที่มีคำทำนายเรื่องภัยพิบัติหายนะ ต่างๆ ก่อนเข้าปี 2000 กันได้ไหมครับ..

    คำทำนาย...เป็นจริงๆ ขณะทำนาย..

    แต่ก็เปลี่ยนแปลงได้ เมื่อถึงเวลา...นั้นจริงๆ...

    ไม่ใช่ท่านทำนายไม่แม่นนะ ... แม่น แต่คำทำนายมันพลิก ..

    เพราะเหนือคำทำนาย เหนือเหตุการณ์ ยังมีผู้มี "บารมีใหญ่" ..

    เป็นผู้เปลี่ยนแปลงครับ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทูตสวรรค์ทั้ง 4 ทิศ

    [​IMG]
    ศาสนาคริสต์ได้กล่าวถึง "วันพิพากษาโลก" ( The Last of Judgement ) เพื่อให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า และเกรงกลัวต่อการกระทำความชั่ว วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาคริสต์ที่พระบุตรจะเสด็จกลับมาโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิพากษามนุษย์ในมาระโกบทที่ 13 ข้อ 24-27 ของหนังสือพระคริสตธรรมคัมภีร์ ( พระคริสตธรรมคัมภีร์. 1993 : 108) ได้กล่าวถึง วันสิ้นพิภพและการเสด็จมาพิพากษาโลกของพระเยซูคริสต์เจ้า ความว่า

    "ภายหลังเมื่อคราวลำบากนั้นพ้นไปแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งซึ่งมีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน เมื่อนั้นเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพ และพระสิริเป็นอันมาก เมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดปลายแผ่นดินโลกถึงที่สุดของฟ้า"

    เราอาจกล่าวได้ว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาแห่งประวัติศาสตร์การที่พระเยซูคริสต์เจ้าจะเสด็จกลับมาพิพากษาโลกอีกครั้งหนึ่งในวันสิ้นโลก ผู้ชอบธรรมเท่านั้น ที่จะถูกตัดสินให้ขึ้นสวรรค์ตลอดชั่วนิรันดร ส่วนคนอธรรมจะถูกปรับโทษให้ลงนรกนิรันดร ​

    ที่มา http://hu.swu.ac.th/ph/religion_christianity_god.htm
    <DD>
    สวรรค์ในศาสนาพุทธนั้นแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท ประเภทแรก คือ ฉกามาพจร สวรรค์หกชั้นแรกสำหรับเทพที่ยังเวียนว่ายตายเกิด และเทพผู้ทำหน้าที่ต่างๆให้กับโลก ผู้ที่ตายไปถ้าทำความดีก็ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์หนึ่งในหกนี้ จนหมดบุญ ชื่อเรียงลำดับนับแต่ต่ำสุดไปจนสูงสุด ก็คือ ​

    <DD>
    ๑. จตุมหาราชิก หรือ จตุมหาราช เป็นที่อยู่ของท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้รักษาทิศทั้งสี่ในโลกมนุษย์
    <DD>

    ๒. ดาวดึงส์ ที่ประทับของพระอินทร์
    <DD>
    ๓. ยามา

    <DD>
    ๔. ดุสิต ที่ประทับของพระโพธิสัตว์

    <DD>
    ๕. นิมมานรดี

    <DD>
    ๖. ปรนิมมิตวสวตี พญามารที่มาผจญพระพุทธเจ้าอยู่ชั้นนี้ เพราะเป็นผู้ที่ยังสัตว์โลกและผู้มีกิเลสให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ จึงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือเทวดา เพราะเทวดาเหล่านี้ก็ยังมีกิเลสเหมือนกัน ​
    </DD>

    ในตำนานพระศรีอาริย์จุติกล่าวว่า เมื่อพระศรีอาริย์มาปรากฏเป็นพระบรมจักรพัตราธิราช ในท่ามกลางพระพุทธศาสนานี้ พระอิศวรผู้เป็นเจ้าประกาศิตให้เทวดาลงมารักษาพระราชวังถึง 50,000 องค์ ยักษ์อีก 50,000 ตน นาคและครุฑก็จะเป็นมิตรกัน และจะมารักษาปราสาทราชวังด้วยเป็นจำนวนมาก

    เราจะเห็นได้ว่าคำทำนายทั้งสองแหล่งนี้สอดคล้องตรงกันมาก ในเรื่องของทูตสวรรค์ทั้ง 4 ทิศของศาสนาคริสต์ และท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ของศาสนาพุทธในการทำหน้าที่ลงมาช่วยงานของพระศรีอาริย์(บุตรมนุษย์ พระเยซู พระมะห์ดี พระกัลกีย์ ฯลฯ) ตามคำบัญชาของพระอินทร์(พระอิศวร) เพื่อปราบปรามความชั่วร้ายทั้งหลายให้หมดไปจากโลกนี้ และสร้างโลกใหม่ ซึ่งเป็นโลกแห่งความดีงาม ที่ผู้คนทั้งโลกจะมีแต่ผู้มีจิตใจสูงส่งด้วยคุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรม

    โอกาสที่ศาสนาทั่วโลกจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะเป็นไปได้สูงเพราะทุกศาสนามีความเชื่อตรงกันในเรื่อง วีรบุรุษขี่ม้าข้าว ที่จะมาช่วยกอบกู้โลกให้พ้นจากความชั่วร้ายเลวทรามทั้งหลายที่กำลังสร้างความเดือดร้อน อย่างแสนสาหัสให้กับมวลมนุษยชาติในโลกยุคปัจจุบันนี้
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    พระโอวาทพระแม่องค์ธรรม

    “ต่อให้ลูกเป็นเทพเทวาพุทธะมาเกิด
    หากไร้ซึ่งบุญกุศลยากกลับคืนนิพพาน<O:p
    ฟังแม่เตือนต้องวิริยะโดยทั่วกัน
    ช้าอีกก้าวยากที่จะได้สร้างบุญ”
    <O:p
    “เป็นผู้นำเป็นถันจู่ภาระใหญ่<O:p
    หนึ่งคนหลงอาจพาคนตกต่ำ<O:p
    หากผู้นำมีปัญญาสักหนึ่งคน<O:p
    จะเกิดผลนำคนหมื่นแสนบรรลุจริง"

    “โอวาทฝากถันจู่นำพุทธบริกร<O:p
    ต่างควรจะขยันหมั่นเพียร วิริยะ<O:p
    หาวิธีฉุดช่วยคนหลงส่งขึ้นฝั่ง<O:p
    รีบเร่งปลุกเวไนยฟื้นตื่นศรัทธา”
    <O:p
    “ใจจะต้องละมุนนุ่มเหมือนกลุ่มเมฆ<O:p
    เจตนาเช่นสายน้ำ ไม่ขาดสาย<O:p
    สมัครสมานเคารพกันทั้งน้อยใหญ่<O:p
    จะก้าวไปหรือทิ้งไว้ให้เห็นควร”
    <O:p</O:p
    “ถ้าคล้อยตามคนทำผิดโทษมหันต์<O:p
    บรรทัดฐานคือหลักธรรมตามครรลอง<O:p
    ความโลภโกรธรักลุ่มหลงจงตัดไป<O:p
    ธรรมกายจะใสสดหมดจดกัน

    “บุญยิ่งล้ำตำแหน่งสูงย่อมมีภัย<O:p
    ให้รอบคอบเหมือนอยู่ขอบเหวตกมาหนัก<O:p
    ปีนยิ่งสูงตกยิ่งหนักประจักษ์ชัด<O:p
    ลูกฉลาดไม่ควรพลาดเป็นคนโง่”<O:p

    “บำเพ็ญตนให้เกรงสามโบราณว่า<O:p
    พิจารณาเก่งเข้าใจคิดสะกิดตน<O:p
    สำรวมสามใครทำตามย้อนมองตน<O:p
    สี่ละเว้นอย่าพลั้งพลาดคือปราชญ์เมธี”<O:p


    บัดนี้กาลเวลาภัยพิบัติมาถึงแล้ว องค์ธรรมมารดาไม่อาจทนเห็นลูกๆ ถูกทำร้าย ดังนั้นจึงหย่อนสายทอง ลงไปชี้ทางสว่างเผยแผ่อนุตตรธรรมทั่วหล้า
    <O:p
    ส่ง"พระศรีอริยเมตตรัย"ปกครองเทวจักร มอบอำนาจให้บัญชาเหล่าทวยเทพรวมทุกศาสนาให้เป็นธรรมที่เที่ยงตรง พระบรรพจารย์เทียนหยาน นิรมานกายของหลิงเมี่ยวเทียนจุนคุมธรรมจักร มอบอำนาจให้บัญชาเหล่าทวยเทพบนนิพพานไม่เหลือพุทธบุตร แดนปัจฉิมก็ไม่เหลือพระโพธิสัตว์ ล้วนลงมายังโลกช่วยเหลือธรรม “ใต้ฟ้าดินนี้มีเพียงพระบัญชาขององค์ธรรมมารดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้คล้อยตามย่อมเจริญรุ่งเรืองผู้ฝ่าฝืนย่อมย่อยยับ ซึ่งแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

    การปกโปรดครั้งนี้ ในอดีตนั้นไม่เคยมีมาก่อน เป็นบุญสัมพันธ์พิเศษสนองกาลนี้อย่างพอเหมาะ บนโปรดภพเทวา ล่างโปรดวิญญาณภูตผี กลางโปรดสาธุชนชายหญิง รวมสรรพศาสตร์ให้คืนสู่รากอันเที่ยงตรง
    <O:p
    การขัดเกลาไม่ห่างจากการปฏิบัติจะต้องอดทนสั่งสอนคนตั้งมหาปณิธาน บำเพ็ญปฏิบัติอย่างแท้จริง ตนเที่ยงตรงแล้วช่วยให้ผู้อื่นเที่ยงตรง อย่าทำเพียงผิวเผินเพื่อเอาหน้าถูไถไปวัน ๆ หรือละทิ้งกลางคัน จะได้ไม่พาตนให้ตกต่ำยากที่จะกลับตัวใหม่
    <O:p
    แม้จะเป็นเหล่าเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงจุดิ หากไร้ซึ่งบุญกุศลแท้จริง ก็ยากกลับคืนสู่เบื้องบน โดยเฉพาะการเป็นผู้นำประธานธรรมสถานนั้นมีภาระหน้าที่ หนักมาก หนึ่งคนผิดพลาดเบาปัญญา คนพันหมื่นจะพากันตกต่ำ คนหนึ่งมีปัญญา คนนับหมื่นย่อมถูกยกระดับขึ้นด้วย จึงต้องมีความขยันขันแข็ง หาวิธีนำพาเวไนย ให้เกิดความศรัทธา มีจิตใจที่สามารถปรับเปลี่ยนพลิกแพลง ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ อย่าพากันไปสู่ความมัวหมอง ควรยึดหลัก"สัจธรรม"เป็นพื้นฐาน ขจัดรัก โลภ โกรธหลง ฟื้นฟูธรรมกายให้บริสุทธิ์
    <O:p</O:p
    ตำแหน่งยิ่งสูงยิ่งต้องระวัง หากพลาดพลั้งจะตกลงสู่เหวลึก ดังนั้นวาจาและการกระทำต้องสอดคล้องกัน มีความยำเกรงสาม ไตร่ตรองเก้า สำรวมสาม ข้อห้ามสี่ จึงจะเป็นเมธีอย่างแท้จริง
    <O:p
    ยำแกรงสาม<O:p></O:p>
    1. ยำเกรงในพระโองการฟ้า<O:p></O:p>
    2. ยำเกรงผู้มีคุณธรรม<O:p></O:p>
    3. ยำเกรงโอวาทอริยะ<O:p></O:p>
    ไตร่ตรองเก้า<O:p></O:p>
    1. ไตร่ตรองในการดู ให้รู้แท้<O:p></O:p>
    2. ไตร่ตรองในการฟัง ให้รู้ชัด<O:p></O:p>
    3. ไตร่ตรองสีหน้าตน ให้ดูดี<O:p></O:p>
    4. ไตร่ตรองท่าทีของตน ให้นพนอบ<O:p></O:p>
    5. ไตร่ตรองวาจา ให้พูดดี<O:p></O:p>
    6. ไดร่ตรองเคารพงาน ให้ตั้งใจ<O:p></O:p>
    7. ไตร่ตรองการถามไถ่ ให้ชัดเจน<O:p></O:p>
    8. ไตร่ตรองอารมณ์โทสะ ให้ระงับ<O:p></O:p>
    9. ไตร่ตรองสิ่งที่ได้ ให้รู้ควร<O:p></O:p>
    สำรวมสาม<O:p></O:p>
    1. ความนึกคิด วันนี้ดีหรือไม่<O:p></O:p>
    2. กับเพื่อนพ้อง ผิดคำสัตย์มีหรือไม่<O:p></O:p>
    3. ทบทวนสิ่งที่เรียน ให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ข้อห้ามสี่<O:p></O:p>
    1. สิ่งไม่ควรพูด อย่าพลั้งเผลอ<O:p></O:p>
    2. สิ่งไม่ควรมอง อย่ามอง สิ่งที่บัดสี<O:p></O:p>
    3. สิงที่ไม่ควรฟัง อย่าฟัง คำอัปรีย์<O:p></O:p>
    4. สิ่งไม่ควรทำ อย่าทำ ไร้จริยา<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2006
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อภิญญามาแล้วจ้า....!!!
    ยอดกล มหัศจรรย์ Criss Angle เดินบนน้ำ

    เป็นวีดิโอคลิป เชิญคลิ๊กเข้าไปชมได้เลยครับ
    http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=4429

    คราวนี้ พี่Criss แกเล่นกล ให้คนต้องตะลึงกันอีกแล้ว เล่นเดินดุ่มๆบนพื้นน้ำ ที่มีผู้คนกำลังเล่นน้ำกัน ให้ได้แตกตื่นกันไป โดยพี่Criss ก็ร้ายเหลือหลาย กลัวไม่เชื่อ จึงต้องทั้งถ่ายใต้น้ำ ให้เห็นจะว่าเดินอยู่จริงๆ ทั้งถอดรองเท้า พิสูจน์ ว่าไม่ได้แหกตา งงกับพี่แกจริงๆ
    ขอขอบคุณคุณ net

     

แชร์หน้านี้

Loading...