ธรรมะ คือ ธรรมชาติ จงนำกายสู่ความดีงาม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พระวัดหัวเขา, 2 กันยายน 2009.

  1. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805
    ธรรมะ คือ ธรรมชาติ <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ข้อคิด ข้อพิจารณา ธาตุทั้งหลาย ล้วนอาศัยธาตุเป็นแดนเกิด เราจะดำรงอยู่ได้ด้วยธาตุทั้งหลายสร้างสามัคคีอยู่ หากธาตุขาดสมดุล ร่างกายที่เป็นธาตุ ย่อมขาดสมดุลธรรมชาติสร้างสรรพสิ่งในโลกที่ประกอบไปด้วยการประชุมกันแห่งธาตุ การพิจารณาธาตุจึงเป็นสิ่งสำคัญ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    "การพิจารณาก่อนจึงบริโภค กินเพื่ออยู่ เพื่อทรงกายนี้ บำบัดเวทนาอันเกินจากความหิว"

    กายเป็นองค์ประกอบด้วยธาตุทั้งสี่ ที่เราท่านรู้ดี ในความไม่จีรัง เป็นไปตามสภาพแห่งการเข้าสู่สภาพเดิม คือดับไป ดังคำว่าธาตุสู่ธาตุ ธาตุอาศัยธาตุ ในความรู้ที่คนเราควรรู้คือ การเป็นที่อาศัยของจิต จิตเป็นเจ้านายแห่งกาย เมื่อกายดับจิตก็จากไปเหมือนเจ้าเรือน เมื่อเรือนไฟไหม้เจ้าเรือนก็จากไป

    ความสำคัญแห่งการรู้ว่า กายไม่ใช่ของเรา เราก็ไม่ควรที่จะให้ความรัก ความหลงในกาย เราควรพิจารณาแล้วหันมาใช้กายให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด โดยฝึกกายทำแต่ในสิ่งดี มีประโยชน์เช่น เอากายมารักษาศีล เอากายมาเจริญเมตตาภาวนา ฝึกปฏิบัติธรรม เที่ยวแสวงหาในเรื่องที่เป็นบุญ ไม่ต้องกลัวลำบาก กายไม่เคยบ่ ใจเท่านั้นที่บ่(เพราะกิเลส ความหลง ความไม่รู้)
    เพราะใจที่ยึดติดในกาย ให้ความสำคัญ เหมือนเจ้าเรือนให้ความสำคัญในเรือนของตน

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อุปทานขันธ์ทั้งห้าเป็นทุกข์" กายทิ้งสู่ผืนดิน ใจไปสู่ความดี ความชั่ว เหมือนเจ้าเรือนหนีเอาตัวรอดจากกองไฟ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ฉะนั้น..เราไม่ควรสงสารกาย จงใช้กายให้เต็มที่ในการบุญการกุศล ใช้กายเข้ามารักษาศีล ใช้กายเจริญเมตตาภาวนาทำทุกข์ให้สิ้นไปด้วยความที่ไม่จีรังแห่งกาย..

    คำว่า"อุปาทานขันธ์" ในความหมายคือ ความเข้าไปยึดติดในกาย มีความเห็นว่าจีรัง มีความสวยงาม คงทนถาวร <O:p</O:p

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า....

    “การพิจารณาในรูปกายโดยรวมว่า สิ่งที่ประกอบอยู่ในกายนั้นเป็นสิ่งปฏิกูล เป็นรังแห่งโรค มีดิน น้ำ ไฟลม ประชุมรวมกันเกิดเป็นรูปใหญ่เรียกว่า“มหาภูตรูป” มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    จึงไม่ควรยึดถือ
    <O:p</O:p
    จงเพียรสร้างความดีเพื่อหนีทุกข์
    เพื่อความสุขข้างหน้าพาสดใส
    จิตสว่างด้วยกรรมดีที่ทำไป <O:p</O:p
    สำเร็จได้ด้วยกรรมดีทีทำมา
    หารู้ไม่ว่าสิ่งนั้นมันไม่เที่ยง <O:p</O:p
    มันไม่ใช่เสบียงที่พึ่งพาจะอาศัย <O:p</O:p
    บุญและบาปเท่านั้นชักนำไป <O:p</O:p
    ซึ่งหาใช่ตัวกายนี้ที่สำคัญ....<O:p</O:p

    แล้วพบกันใหม่ในเรื่อง "นครแห่งกาย "

    ..ขอจงเจริญในธรรม...

    <O:p</O:p
    “พระวัดหัวเขา”

    <O:p</O:p
    <O:p;aa44</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 00533_24.jpg
      00533_24.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      121
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2009
  2. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    สาธุ ...ขอกราบเรียนถามพระคุณเจ้าที่ว่าใช้กายมารักษาศีล เจริญภาวนา นี่เป็นอย่างไรขอรับ...ผมยังไม่เข้าใจ
     
  3. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805

    <> ขอโมทนาสาธุ.... ในคำถามที่ได้ถามมา... ขอตอบว่า.....

    <> พระพุืทธเจ้าตรัสว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สำเร็จได้ด้วยใจ"

    <> ใจเป็นนาย แห่งสิ่งทั้งปวง ...... จะทำสิ่งใด ล้วนมีใจเป็นผู้กำหนด ดี ชั่วล้วนมีกายเป็นผู้กระทำ เราเกิดมาล้วนมีกิจที่ต้องกระทำ จะดีจะชั่วล้วนอยู่ที่การกระทำ ดังมีคำว่า"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เมื่อเรามารู้ชั่ว รู้ดี เราก็ควรเลือกดีเป็นที่พึง ทีอาศัย เพราะมีดีย่อมมีสุข ....

    <> ที่ว่ากายเป็นศีล ก็เพราะกายทำแต่สิ่งดีงาม มีความปกติไม่ผิดข้อห้ามที่พระพุทธเจ้าห้าม รักษาระมัดระวังกาย พากายในทางที่ๆดี ..... เช่นเมื่อมีการบวชพราหมณ์ที่สำนักใด ก็พากายไป หรือพากายไปนั่งสมาธิภาวนา เป็นต้น

    <> กายไปวัด กายก็เป็นกุศล กายไปช่วยเหลือ คนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยกิจกรรมในที่ๆเป็นประโยชน์ เป็นไปเพื่อส่วนรวมกายก็เป็นกุศล เมื่อทำกายในลักษณ์ที่กล่าวมา กายก็เป็นศีล เพราะกายทำแต่สิ่งดีงาม ไม่ผิดข้อห้าม ไม่เป็นไปเพื่ออกุศล ..... แต่ถ้านำกายไปทำกิจกรรมที่ผิดข้อห้ามที่พระพุทธเจ้า กายก็เป็นอกุศล เป็นไปเพื่อโทษ เพื่อทุกข์ ....

    <><> จงพากายไปในทางที่ดีมีประโยชน์ การเหมือนเรือ ใจเหมือนคนขับเรือ ถ้าคนขับเรือ ขับไปผิดทางก็จะไม่ได้ประโยชน์ กายก็เช่นกัน ถ้าพาไปในทางที่ผิด ย่อมเกิดทุกข์ เกิดโทษ แน่นอน....

    <><> ดังนั้น... "ควรทำกายให้เหมือนแม่น้ำ" เพราะแม่น้ำให้ประโยชน์แก่โลกมาก....

    <><> เมื่อเรารู้ว่าสิ่งใดดี เราก็พากายไปกระทำ ในสิ่งนั้น... เราก็ได้ชื่อว่า นำกายไปสู่ความเป็นปกติ ไม่มีทุกข์ มีโทษ ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า "กายมีศีล หรือกายได้รักษาศีลแล้ว" ...

    <> ขอเจริญในธรรมปฎิบัติ .....

    ..... สาธุ... สาธุ ...

    <><> พระวัดหัวเขา ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2009
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    นมัสการ .............ขอถามธรรมะ ครับ.

    อนัตตาในความหมายของท่าน คือ อะไร ?
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    หัดแพ้เสียบ้าง....ชนะมามากแล้ว!!<!-- google_ad_section_end -->

    อนุโมทนา พระคุณเจ้า เจ้าค่ะ
     
  6. พระวัดหัวเขา

    พระวัดหัวเขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,562
    ค่าพลัง:
    +4,805
    เจริญพร..คุณโยม

    ขออนุโมทนาในคำถาม ขอตอบว่า...

    "อนัตตา" ในความหมายคือ ความไม่มีตัวไม่มีตน

    เมื่อพิจารณารูปกายแล้ว จะเห็นตามความเป็นจริงว่า กายนั้น ประกอบด้วยธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ เมื่อรู้ความจริงก็จะคลายความยึดถือในรูปขันธ์

    ก็เหตุที่เราเห็นความจริง เพราะร่างกายไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเราได้เลย นี้คือความไม่มีตัวตนของร่างกาย เช่น เมื่อเราป่วย เราไม่สามารถบังคับมันไม่ให้ป่วยได้

    เส้นผม เราไม่สามารถบังคับไม่ให้มันหงอกได้ เช่นเดียวกัน แม้แต่เส้นผมเส้นเดียว เราก็ไม่สามารถยึดถือได้ ไม่สามารถสั่งให้มันดำตลอดเวลาได้ ยังหงอกขาวโพลน

    ฟันก็เช่นเดียวกัน มันย่อมหักคลอนทีละซี่สองซี่ ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเรา

    เมื่อเราดูทั้งภายนอก ภายในทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ไม่สามารถที่บังคับให้มันคงที่ได้

    โลกทั้งโลก ไม่มีอะไรเลย ยึดถืออะไรไม่ได้เลย

    ขอจงเจริญในธรรม

    พระวัดเขา

    ;aa44
     
  7. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    อนุโมทนา สาธุ กับท่านอาจารย์พระวัดหัวเขา

    เป็นกระทู้สีขาวไม่มีปนเปื้อน...
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    "แม้แต่เส้นผมเส้นเดียว ยังไม่สามารถยึดถือได้"

    ขออนุโมทนาบุญด้วยเจ้าค่ะ

    Numsai
    pity_pig
     
  9. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    นมัสการ พระวัดหัวเขา..........

    อ้างอิง ...ก็เหตุที่เราเห็นความจริง เพราะร่างกายไม่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเราได้เลย นี้คือความไม่มีตัวตนของร่างกาย เช่น เมื่อเราป่วย เราไม่สามารถบังคับมันไม่ให้ป่วยได้

    เส้นผม เราไม่สามารถบังคับไม่ให้มันหงอกได้ เช่นเดียวกัน แม้แต่เส้นผมเส้นเดียว เราก็ไม่สามารถยึดถือได้ ไม่สามารถสั่งให้มันดำตลอดเวลาได้ ยังหงอกขาวโพลน


    ฟันก็เช่นเดียวกัน มันย่อมหักคลอนทีละซี่สองซี่ ไม่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเรา

    เมื่อเราดูทั้งภายนอก ภายในทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ไม่สามารถที่บังคับให้มันคงที่ได้

    โลกทั้งโลก ไม่มีอะไรเลย ยึดถืออะไรไม่ได้เลย

    ความไม่มีตัวตนที่จะบังคับมันได้ เราต้องหลอกตัวเองไหมครับ เพราะมันเห็นตัว มีตนอยู่ กายที่แข็งแรงแล้วป่วย ผมที่ดำแล้วหงอก ฟันที่ดีอยู่แล้วหักคลอน มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไปเป็นธรรมดาของกาย ซึ่งเรารักษา ย้อม และใส่ใหม่ได้ อย่างนี้เราจะเรียกว่าบังคับให้มันอยู่ใช้การได้เหมือนปกติ มันคือ ตัวตนที่บังคับได้ไหม ครับ
     
  10. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    ร่างกายจะเป็นไปอย่างไรให้เอาใจรับรู้และยอมรับธรรมดาของมันเป็นอย่างนั้นสักแต่ว่าอยู่ร่วมกับมันไปตายเมื่อไรเลิกคบส่วนเรื่องของการดูแลรักษาเอาใจเป็นหลักว่า เราดูและรักษามันเนี่ยเพื่อบรรเทาทุกจากเวทนา หรือทุกข์จากการเคอะเขินในสังคม อันนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเพื่อความสวยงาม เพื่อความคงทนตลอดเวลาเมื่อไร นั่นคือผิดทางครับ เอาเจตนาของใจเป็นใหญ่ครับท่านผู้พัน สมมติท่านผู้พันต้องการข้ามคลอง(วัฏฏะ)ไปฝั่งตรงข้าม(นิพพาน) มันจำเป็นต้องมีเรือ(ร่างกาย)แต่เมื่อระหว่างเรือกำลังข้ามคลองเกิดมันรั่วขึ้นมา ถามว่าท่านผู้พันจะต้องอุดรักษาเรื่อไหม แน่นอนต้องอุดอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้ว จำเป็นไหมต้องแบกเรือขึ้นฝั่งไปด้วย ลองพิจารณาดูนะครับ
     
  11. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983


    ไม่ใช่กรณีนี้ครับ...........

    คำนี้น่าจะแปลไปได้มากกว่าที่จะมาสรุปเฉพาะในเรื่องของกายอย่างเดียว ควรจะมี คำที่แปลแล้วครอบคลุมในทุกเรื่องได้ทั้งหมดทุกเรื่อง เพราะต้องนำความคิดนี้มารวบยอดในการพิจารณา ทุกปัญหา สู่จุดสุญญตา .....

    เราได้มีโอกาสที่นักบวชท่านมาสู่สถานนี้แล้ว อย่าพลาดโอกาสครับ สงสัยมานานแล้ว และเหมือนจะสรุปได้ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่เช่นเดิม......อย่าสงสัยในตัวผม แค่อยากรู้ในสิ่งที่ไม่ทราบว่าจะถามใคร..นะครับ.
     
  12. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    พอดีผ่านมาขอแสดงความเห็นหน่อยนะครับ ที่ว่าไม่มีตัวตนบังคับไม่ได้
    ตามความคิดผมเห็นว่า กายหรือส่วนประกอบของกายเรา เกิดขึ้น ตั้งอยู่
    และดับไปเราไม่สามารถบังคับ ให้มันอยู่กับเราหรือคงสภาพเดิมได้ มันจึงเป็น
    ที่มาของคำว่าไม่มีตัวตนครับ
    .....สิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ท่านหมายถึงธาตุเดิม มันกลายเป็นอดีต
    ไปแล้วหาตัวตนไม่ได้แล้วในปัจจุบัน สิ่งที่ท่านนำมาใส่ใหม่หรือย้อมใหม่
    มันไม่ใช่ของเดิมครับ มันอยู่นอกเหนือกฎแห่งไตรลักษณ์
     
  13. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    คุณ บุญพิชิต ครับ

    ตรงนี้ก็ทราบอยู่ครับ เหมือนกับพระท่านอธิบายไว้ข้างบนครับ แต่ผมว่าน่าจะมีที่ละเอียดยิ่งกว่านี้ครับ เช่น สิ่งของของเรา ครอบครัวของเรา ลูกของเรา สมบัติของเรา ..................ฯลฯ จะใช้ อนัตตา มาพิจารณากับสิ่งเหล่านี้ อย่างไร ? ถ้า ความหมาย คือ ความไม่มีตัวตนที่จะบังคับได้.
     
  14. จีโอ14

    จีโอ14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +262
    คุณผู้พันจุ้น อยากหาไอ้ที่ละเอียด..ก็หา.ไปซิครับ..แนวทางก็มีแล้วนี้

    ของอย่างนี้..ละเอียดใคร..ละเอียดมัน..

    ถ้าบอกกันแล้วรู้ได้เหมือนกันหมด..อย่างนั้น..คนที่อ่านพระไตรปิกฎจนจบ..มิใช่จะได้อรหันตผลกันหมดหรอครับ..

    ตัวอย่าง..ง่าย ๆ

    คำว่า..เมื่อเห็นก็สักแต่ว่าเห็น..เมื่อได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าได้ยิน..

    ท่านพาหิยะ..ฟังจบ..ก็บรรลุอรหันตผล..

    แล้ว..เรา ๆ ท่าน ๆ อ่านจบ..ได้อะไรกันบ้างครับ

    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น..ละครับ..

    คุณผู้พันจุ้น..ครับ..อย่าหาว่า..สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ..เลยนะครับ

    อยากได้ความละเอียด..ก็ภาวนา..ให้เกิดปัญญา..เอาเองซิ..

    การไปจดไปจำปัญญาผู้อื่น..ถึงจะจำได้มากเท่าไร..ก็ไม่พบความจริงหรอก..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2009
  15. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    การทำวิปัสนาหรือการปฏิบัติท่านว่า ต้องดู ต้องรู้เฉพาะตัวเราครับ อย่าไป
    สนใจสิ่งอื่นหรือบุคคลอื่น ถ้าจะพูดถึง "ความไม่มีตัวมีตน"ในกรณีของ
    ครอบครัวหรือทรัพย์สมบัติ ความหมายมันคือ สักวันเราก็ต้องจากสิ่งเหล่า
    นี้ไป ยามเมื่อเราตายทรัพย์สินเราเอาไปไม่ได้ สิ่งนั้นย่อมตกเป็นของคนอื่น
    ...หรือแม้กระทั้งครอบครัว ต้องมีสักวันที่จะต้องตายจากกัน อาจเป็นเรา
    หรือไม่ก็คนใดคนหนึ่งในครอบครัว จะต้องตายจากกันไปก่อน ถ้าเราจะ
    พิจารณา ในกรณีที่บุคคลในครอบครัวตายก่อนก็คือ เราไม่สามารถบังคับ
    ให้คนๆนั้นไม่ตายหรือให้อยู่กับเราต่อไป นั้นแหละครับคือความไม่มีตัวตน
    ของครอบครัว
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, ผู้พันจุ่น, wintakarukae </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ขอบคุณ คุณ จีโอ14 และคุณ บุญพิชิต ..

    ก็ขอรอคำตอบจากพระวัดหัวเขา ผู้สืบทอดคำสอน ผมต้องการคำแปล และความหมาย ในฐานะที่ท่านศึกษามาด้านนี้โดยเฉพาะ เราต้องการความรู้จากท่าน เพื่อให้ถูกต้อง ตรงความหมายแท้จริง พวกท่านกับผม ต่างก็ได้ศึกษามาบ้างพอทราบอยู่ ธรรมนั้นถ้าเข้าสู่ภูมิความรู้ของจิตแล้ว เราก็มีภูมิคุ้มกันความชั่ว ความเลวได้ระดับนั้น ถ้าเราไม่ทราบความหมาย หรือแปล ความหมายผิด เราก็ หลง ไม่เข้าสู่กระบวนของธรรมนั้น เพราะ ไม่รู้ ก็ไปไม่ถูกที่ไม่ถูกทาง ไม่รู้แล้วไปนั่งสรุปเอง เหมือนเล่นพระคนเดียว พระแท้แต่ทำไมไม่มีคนซื้อ....

    การที่มันไม่มีตัวตนเป็นเหตุให้บังคับมันไม่ได้ กับ ความไม่สามารถคงอยู่สภาพเดิมได้ เป็นอันเดียวกันหรือเปล่า ? ผลของมัน คือ ไปสู่สภาพที่ ไม่มี...หรือ. เสื่อมสลาย สูญไป หรือจาก มีตัว เป็น ไม่มีตัว คิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย..

    ถ้าผมถามว่า จิต ก็ไม่มีตัวตน จิต เป็นอนัตตา หรือเปล่า แต่บังคับได้นะ..........ผมว่า พวกท่านคงรุมด่าผมเป็นแน่เลย แต่ผมยอมละเพราะกลัวว่าคิดคนเดียวแล้วไม่เหมือนคนอื่น โดนด่าแล้วได้ความรู้ ดียังดีกว่า หลงอยู่คนเดียว ยอมละวะงานนี้ โดนเป็นโดน .... เอ........ใครนะที่ชอบด่าคำนี้ นึกไม่ออก สงสัยจะหลงซะแล้ว.
     
  18. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    GO AHEAD...............ท่าน นิวรณ์ สวัสดี ครับ.
     
  19. นิยายธรรม

    นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    สมเด็จองค์ปัจจุบันทรงตรัสสอนว่า" จงใคร่ครวญอย่างนี้เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย พ่อแม่ ลูกเมีย ทรัพย์สมบัติก็ไม่มี ร่างกายนี้เราสักแต่ว่าอาศัยมันอยู่มันตายเมื่อไรทุกอย่างไม่มีความหมาย ตายคราวนี้เราจะไปนิพพาน " ท่านให้ตั้งกำลังใจอย่างนี้ทั้งก่อนนอน และก่อนตื่น อย่างน้อย ครั้งละ 10 นาที ถ้าตายแล้วไปนิพพานได้ทุกคน (เข้าใจแค่ไหนแล้วแต่กำลังใจของแต่ละคนนะจ๊ะ) ฝากไว้ให้คิด
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677

    ลองอ่านรายละเอียดในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัส เรื่อง อนัตตาในขันธ์ ๕ ต่อท่านพระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ.ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ...จนสำเร็จพระอรหันต์ น่าจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น ตาม link ด้านล่างนี้...


    http://www.nkgen.com/33.htm


    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...