۩۞۩ ★บุญโคมไฟระย้าดวงเอก☼ ดวงรอง ۩ วิหารแก้ว☆สมเด็จองค์ปฐม♥ ณ. วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

เชิญร่วมสร้างโคมไฟระย้าบูชาพระประธาน สมเด็จองค์ปฐม ในวิหารแก้ว

เป็นบุญที่ต่อเนื่อง พวกเราก็คงมาช่วยกันต่อไป....
โคมไฟย่อย ก็มีอีกหลาย ดวง ครับ

...............................................................................................

 

บัญชีร่วมบุญโคมไฟดวงเอก
พระตุดี โฆสิตธัมโม ธ.กสิกร สาขาลี้(ลำพูน) 347-2-27988-1

 

​

ภาพในวิหารแก้วสมเด็จองค์ปฐมเมื่อสำเร็จแล้วจะออกมาลักษณะนี้ครับ​

 

เห็นภาพนี้แล้วขนลุกซู่ทั้งตัวครับ นึกไม่ถึงว่าผมจะได้มีส่วนเป็นผู้ทำให้สิ่งที่เห็นอยู่ต่อหน้านี้ มีความยั่งยืนมากขึ้น ห่างไกลการซ่อมหรือการแขวนซาก เป็นขวัญเป็นกำลังใจของผู้มุ่งต่อพุทธภูมิหรือผู้ที่สรรเสริญพุทธ ธรรม สังฆนุภาพตั้งแต่ปฐมองค์ถึงอนาคตอันหาที่สิ้นสุดมิได้ ดังเช่นกระจกที่สะท้อนไป หาต้น หาปลาย ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่หากมองอีกแบบก็ว่า หาต้น หาปลายมิได้ ความจริงหาได้

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับการเข้ามายุ่งเกี่ยวของตนเอง และอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับทุก ๆ ท่านที่ทำให้เกิดภาพเช่นนี้บนมนุษยโลกให้เห็นด้วยตาเนื้อครับ

 

เป็นบุญตาและน่าปลาบปลื้มใจยิ่งนักที่ลูกได้มีส่วนร่วมในงานบุญยิ่งใหญ่เช่นนี้ ขอกราบอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมบุญผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและสมาชิกทุก ๆ คนค่ะ สาธุ

 

​

เพิ่มเติมความสบูรณ์วิหาร
หลังคา ผนัง ประตูหน้าต่าง พื้นวิหาร ประดับแก้วประกาย
...
​

<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

สวยงามมากๆเลยค่ะพี่ณรงค์ สวยงามจริงๆ

 

ผมขอร่วมโมทนาบุญและได้โอนเงินเพื่อร่วมทำบุญมีรายการดังนี้ครับ

1. ร่วมสร้างโคมไฟช่อระย้า วันที่ทำรายการ: 15/04/2009 12:25:19 PM.
หมายเลขอ้างอิง: TRTR090415288187
โอนเงินจากบัญชี: ###-2-48456-#
เพื่อเข้าบัญชี: 347-2-27988-1
จำนวนเงิน (บาท): 500.00
ค่าธรรมเนียม (บาท): 10.0

2. ทำบุญยอดช่อฟ้าวันที่ทำรายการ: 15/04/2009 12:26:04 PM.
หมายเลขอ้างอิง: TRTR090415288259
โอนเงินจากบัญชี: ###-2-48456-#
เพื่อเข้าบัญชี: 347-2-35822-6
จำนวนเงิน (บาท): 500.00
ค่าธรรมเนียม (บาท): 10.0

 

กราบโนาในมหากุศลกับคุณ โสภณ ด้วยครับ
ทำบุญรับปีใหม่ไทย คือสงกรานต์ ด้วยบุญความสว่างไสวโคมไฟดวงเอกและดวงย่อย ในวิหารด้วยครับ
กับบุญอันเป็นยอดของความสูง ช่อฟ้าวิหารแก้ว และได้บุญอันรวมลงแล้วกับปิดทององค์ปฐม
ได้อานิสงส์หลายต่อครับ สาธุ...

 

คาดว่าทุกห้างร้านขายปลีก ขายส่ง น๊อต สกรู คงเปิดกันพร้อมหน้าในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป สุขภาพร่างกายผมก็เริ่มฟื้น แข็งแรงพอเดินกรำแดดได้แล้ว ประมาณว่าวันจันทร์หรือวันอังคารนี้ ผมจะออกเดินตามล่าหาน๊อต ตั้งแต่ย่านโอเดี่ยนไปจรดคลองถม หากยังไม่พบก็อาจหาวิธีใหม่ คือ อาจหาแท่งสแตนเลส 6 เหลี่ยมที่มีขนาดพอจะสร้างน๊อตได้ ระยะนี้หากคุณพี่ปรีชามีเวลาโทรหาผมด้วยครับ จะได้นัดแนะกันถูก

ผมหาข้อมูลจากเน็ท พบว่า หายากมาก น๊อต สกรู ในขนาด ชนิดที่เราต้องการ นอกจากเดินสำรวจหากัน มีบางแห่งเป็นโรงงานรับกลึง แต่เท่าที่ผมดูจากขนาดของโรงงาน เขาอาจรับจำนวนที่ครั้งละหลาย ๆ ร้อยหรือหลายพันตัว อย่างไรก็ดี หากครั้งนี้ไปเดินหาไม่พบของ คุณพี่ปรีชาจะให้ผมลองติดต่อโรงงานรับกลึงก่อนก็ได้

แท่ง rod 6 เหลี่ยมที่จะนำมาทำน๊อต เท่าที่หาข้อมูลขณะนี้มีแต่แท่งทองเหลือง ส่วนแท่ง rod ทองแดงมักมีแต่กลมกระบอก ส่วนสแตนเลสมักเป็น bar แท่งครับ

 

น้อมโมทนาในบุญกุศลกับทุกท่านครับ
วันนี้ขอยกก้นตัวเองสักนิด(อิอิ ไม่มีหางให้ยก) คือผมมีนิสัยอยู่อย่าง
เวลาอยากได้อะไรหรือทำอะไร จะพยามให้ถึงที่สุด เอาจนได้ จนสำเร็จ

ผมมาเห็นความมุมานะของคุณ สมบูรณ์ ซึ่งออกจะคล้ายสไตล์ผม ในความพยาม
แม้จะยากและลำบากเพียงใด ก็ขอทำไว้ก่อน ผมยอมรับตรงนี้ครับ ขอชื่นชม
พระพุทธพจน์ที่ว่า "จะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร" ทุกอย่างมีทางออกทั้งนั้นครับ

เมื่อวานผมได้โทรทางไกล เรียนสายกับพระคุณเจ้าตุ๊ดี ได้คุยถึงเรื่องสายไฟสำหรับดวงเอกที่จะเดินใหม่แล้วครับ
คงไม่ยาก เพราะรูปการไม่มีอะไรมาก เจาะผนังด้านบน สอดสายตามขนาดที่คุณ สมบูรณ์ แนะนำมา แล้วเดินแบบไม่มีอะไรหุ้ม
กำลังให้คนงาน ช่างไฟมาวัดความยาวของสายไฟครับ

มีใครจะทำบุญพิเศษ ตรงนี้บ้าง (วันนี้ผมประกาศมั่ง)
สายไฟดวงเอง เป็นสะพานให้กระแสไฟ ได้เข้าจุดความสว่าง ให้กับโคมไฟระย้า
ยังไม่ทราบรายละเอียด ความยาว และราคาครับ

ครับกับงานบุญ แห่งนี้ มีกระทู้แยกออกปลีปย่อย เพื่อทำเฉพาะจุด มีหลายกระทู้ด้วยกัน
เมื่อเอามารวมกัน มองดูเป็นภาพรวม จะพบความสำเร็จเป็นขั้นๆนะครับ

สมเด็จองค์ปฐม ใกล้พร้อมที่จะปิดทองได้แล้ว รอฐานใหม่ทำเสร็จก็จะเห็นเวลาทำการปิดทองได้

วิหารแก้ว มียอดช่อฟ้าขึ้นแล้ว ก็จะมีความสวยงามมากขึ้น ซึ่งเราต้องทำกันต่อไป

โคมไฟระย้าดวงเอก ก็ถือว่าเราได้กันแล้ว ก็จะไหลไปหาดวงรองกันต่อไป

 

วันนี้วันเสาร์ยังรอโทรศัพท์จากคุณพี่ปรีชาอยู่ครับ

ระหว่างรอโทรศัพท์ก็ทดลองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ต้องทดลอง คุณภาพขั้วกระเบื้องของ BJB ก็ผ่านฉลุยอยู่แล้ว แต่ก็อดที่จะทดลองก่อนไม่ได้

เริ่มด้วยการดมขั้วกระเบื้อง BJB ขณะที่ยังไม่ได้เปิดไฟ ปรากฏว่าไม่มีกลิ่นใด ๆ เลย ไม่มีกลิ่นของกรดหรือด่างของเนื้อกระเบื้อง ( วันนั้นผมให้คุณกระเทียมดมขั้วกระเบื้องของเยอรมันอีกยี่ห้อหนึ่ง คุณกระเทียมบอกว่ามีกลิ่นฉุน นั่นเป็นเพราะเนื้อกระเบื้องบางยี่ห้อมีการผสมกรดหรือด่างร่วมในระหว่างการผลิต ทำให้เนื้อกระเบื้องยังดีไม่ถึงที่สุด )

ต่อมาก็เปิดไฟหลอดจำปา 40 วัตต์ ผ่านไป 2 - 4 นาทีก็จับขั้วไฟที่ตรงจุดสัมผัสที่ให้ความร้อนมากที่สุด คือตรงปลายขั้ว ความร้อนน่าจะถือว่ามากที่สุดในบริเวณขั้ว แล้วก็เลื่อนจับกลาง และจับก้นขั้ว ก็ได้ผลตามที่คาดหมาย คือ ตรงกลางเย็นกว่าตรงปลาย และตรงก้นแทบจะไม่เหลือความร้อนอยู่เลย แปลว่าเนื้อกระเบื้องของ BJB ระบายความร้อนได้เร็วและดีมากกว่าที่คาดคิดเสียอีก

ผมปล่อยเวลาให้ผ่านไปอีกนับสิบนาที แล้วจับใหม่ ความร้อนสะสมที่เพิ่มขึ้นมีมากกว่าที่คาดคิด ที่เดิมคาดไว้ว่า ตรงก้นผมก็ยังจับได้อย่างสบาย กลายเป็นว่า เวลาที่นานขึ้นถึง 10 กว่านาที ทำให้ความร้อนสะสม แม้กระทั่งตรงก้นขั้วก็มีความร้อนขึ้นมาก คาดว่าคงประมาณ 70 องศาเซลเซียส ( ตรงแก้วหลอดไฟผลิตความร้อนที่ประมาณ 120 องศาเซลเซียส )

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับขั้วพลาสติคของจีนแดงที่เมื่อวันนั้นผมกับทีมคณะและคุณกระเทียมทดลองแล้ว ความร้อนที่ขั้วพลาสติควันนั้นน่าจะร้อนถึงประมาณ 95 องศาเซลเซียส ซึ่งหมายความว่าการระบายความร้อนเป็นไปได้ช้าและไม่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับมีกลิ่นเหม็นไหม้อย่างรุนแรง แม้แต่มือที่จับขั้วพลาสติคแล้วก็มีกลิ่นไหม้ติด และทั้งความร้อนสะสม เนื้อพลาสติคที่ทนได้น้อยมาก กับคุณภาพจีนแดงที่ไม่ดี จึงเป็นสาเหตุให้ขั้วละลายภายในไม่กี่เดือน ทำให้โคมทั้งชุดอาจต้องแขวนซากก็ได้หากหาช่างซ่อมไม่ได้

ผมยุติการทดลองที่ประมาณนาทีที่ 20 เพราะเห็นว่า มันไม่สามารถจะร้อนเกินกว่า 70 องศาเซลเซียสไปได้ เมื่อปิดไฟแล้วก็ดมโดยทั่วไป ถอดหลอดออกแล้วดมภายในขั้ว ไม่ปรากฏกลิ่นใด ๆ เลยแม้แต่น้อยนิด เนื้อกระเบื้องเย็นตัวลงได้เร็วมาก ยังไม่ทันที่จะวางขั้วกระเบื้องจากการดม ความร้อนก็หายไปเกือบหมดแล้ว แสดงว่าคุณภาพขั้วกระเบื้องเยอรมันของ BJB นั้นดีเกินกว่าที่ผมคาดคิดไว้จริง ๆ ผมเชื่อมั่นในคุณภาพครับ รับรอง 100 ปี โคมดวงนี้ไม่ต้องซ่อมอะไรเกี่ยวกับขั้วแน่นอน

ขอแสดงความยินดีกับคุณณรงค์และทีมคณะที่จัดหาด้วยนะครับ ท่านได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่โลกนี้จะหาให้ได้แล้ว

 

อ้อ ลืมรายงาน ในระหว่างการทดลองเมื่อนาทีประมาณเกือบ 20 ผมได้ทดลองจับฉนวนสายไฟที่ทำจากยาง PVC สีเทา ที่ผมจับนี้เป็นชนิด VAF ตามรูป พบว่า ฉนวนสายมีความร้อนอยู่ตรงที่ติดกับขั้วกระเบื้องเพียงแค่ 1 เซ็นติเมตรเท่านั้น และเป็นความร้อนที่ต่ำมาก คือประมาณแค่หัวคนไข้อุ่น ๆ ในราว 39 - 42 องศาเซลเซียส ไม่เหมือนตอนที่ทดลองในขั้วพลาสติคที่ความร้อนตรงนี้จะจับแทบไม่ได้ ( เข้าใจว่าเมื่อเนื้อกระเบื้องระบายความร้อนได้เร็วและมากถึงที่สุด ความร้อนสะสมที่จะถูกผลักดันเข้าไปในสายไฟทองแดงและแผ่ความร้อนออกทางเนื้อ PVC ก็ต่ำไปด้วย ) เมื่อผ่านออกมาเพียง 1 เซ็นติเมตรจากเนื้อกระเบื้อง ฉนวนสายไฟไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

ถ้าตามทฤษฏีที่ว่าเนื้อกระเบื้องของ BJB ระบายความร้อนออกทางผิวกระเบื้องจนหมดและเร็วมากเช่นนี้ บางทีสายไฟที่เขาร้อยมาอาจไม่ต้องเปลี่ยน ยกเว้นสายไฟเมนภายในโคมที่เล็กเกินไป แต่สายไฟย่อยที่ผมขอตรวจซ้ำดูอีกครั้งก่อน หากใหญ่พอ เป็นชนิดดีพอ ก็อาจไม่ต้องเปลี่ยน เนื่องจากไม่ถูกความร้อนเลยแม้แต่น้อย

แต่อาจใส่ปลอกกันช๊อต มากกว่าปลอกกันความร้อนครับ

 

ดีจัง เมื่อเห็นคุณ สมบูรณ์ ทดลองแบบนี้ ได้ผลเป็นที่น่าดีใจยิ่ง
จากยอดที่ซื้อมา 160 ขั้ว ได้ส่งให้ดวงเอก 75 ขั้ว
เหลือที่ผม อีก 85 ขั้ว หากว่าวันข้างหน้ายังไม่มีที่ใช้ กับชุดอื่นอีก

ผมคิดว่าจะสร้างโคมไฟรูปฉัตร 9 ชั้น ด้วยตัวเอง ทำขนาดไม่ใหญ่มากนัก
สักขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสัก 1 เมตร สูง 1.5 เมตร (หรือตามความเหมาะสม)
แล้วใช้ขั้ว ที่เหลือนี้ประดับเป็นแท่งเทียน เหมือนโคมไฟดวงเอกนี้ ในทุกชั้นของโคมฉัตร น่าจะออกมาสวยครับ

เป็นเพียงความคิดที่อยากทำ หากขั้วไฟไม่มีที่ใช้ทางใด ก็จะขอสร้างโคมไฟรูปฉัตรต่อไป
จะทำด้วยตัวเอง อาศัยที่เป็นช่างกลโรงงานรุ่นเก๋ามาก่อนครับ
อาจทำสวยกว่าโรงงานผลิตก็ได้นา 555

 

ได้ตรวจดูสายไฟของโคมดวงเอกพบดังนี้

สายที่ไปเลี้ยงหลอดจำปาแต่ละหลอดเขียนไว้ว่า
600V 20AWG ซึ่งน่าจะเป็นมาตราฐานของทางอเมริกัน เมื่อมองดูด้วยตาเปล่าน่าจะมีขนาดสายเทียบเท่าประมาณ 1.0 หรือ 1.25 ตารางมิลลิเมตร

สายที่เป็นเมนใหญ่สุดของโคมดวงเอกเขียนว่า
300V 0.75 mm2 คือขนาด 0.75 ตารางมิลลิเมตร

จีนแดงนี่เขาเอาหัวเป็นหาง แล้วเอาหางมาเป็นหัว กล่าวคือ สายเมนต้องใหญ่กว่าสายเล็ก แต่นี่เขาเอาสายเล็กใหญ่กว่าสายเมน และจำนวนหลอดมากถึง 72 หลอด เขาใช้สายเมนแค่ขนาด 0.75 ตารางมิลลิเมตร ความร้อนน่าจะทำให้สายไฟลุกเป็นไฟได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ดังนั้น ผมจะขอเปลี่ยนสายเมน ส่วนสายเล็กหรือสายโหลดนั้น ผมมองจากตาเปล่าแล้ว ใหญ่เกินเสียอีก จึงไม่น่าต้องเปลี่ยน

เมื่อมาดูขนาดของรูที่เจาะ port ของจีนแดง เล็กเกินมาตราฐาน ทำให้ผมอาจต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้สายเมนใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ

 

รูเจาะ port เป็นองศาหักศอก 2 ขยัก ทำให้รู port ที่มีขนาด ID ประมาณ 11 มิลลิเมตร จะเล็กลงตอนเข้าช่วงหักศอกภายใน เอาไว้ผมคงต้องไปซื้อสายไฟขนาด 6 ตารางมิลลิเมตร 1 คู่ และ 4 ตารางมิลลิเมตร 1 คู่ บวกกับสาย .075 ตารางมิลลิเมตร 1 คู่ แล้วทดลองร้อยผ่านโค้งหักศอกนี้ก่อน หากขนาด 6 ตารางมิลลิเมตร 1 คู่บวก 0.75 ตารางมิลลิเมตรอีก 1 คู่ ไม่สามารถร้อยผ่านได้ ผมอาจต้องลดขนาดสายไฟลงเหลือ 4 ตารางมิลลิเมตร 1 คู่บวกกับ 0.75 ตารางมิลลิเมตรอีก 1 คู่

สิ่งที่ต้องทบทวนคือ สายไฟขนาด 4 ตารางมิลลิเมตรรับกระแสไฟต่อเนื่องที่กี่แอมแปร์ เดี๋ยวไปหาตารางเทียบขนาดสายไฟกับกระแสไฟก่อนครับ

 

สายขนาด 4 ตารางมิลลิเมตรทนกระแสไฟต่อเนื่อง 27 แอมแปร์ที่ฟรีแอร์

โคมไฟดวงเอกถือว่าเป็นการเดินสายแบบฟรีแอร์ได้ เพราะถึงแม้จะร้อยท่อระยะสั้น ๆ แค่ 2 เมตร ก็เรียกว่า ฟรีแอร์ ไม่ต้องเผื่อเรื่องสายยาวแอมแปร์ตก

ดังนั้น สายขนาด 4 ตารางมิลลิเมตรน่าจะใช้ได้เป็นอย่างดีในโคมดวงเอก


*********************************

ต่างจากสายไฟที่เดินตีกิ๊บมาจากกำแพงที่ห่างไกล ผมกำหนดขอให้เป็นขนาด 6 ตารางมิลลิเมตร เพราะมีเรื่องความยาวสายที่ไกลมากมาเป็นตัวแปรด้วย

 

คุณสมบูรณ์ ครับ หากมีค่าใช้จ่ายและต้องการใช้เงินกองกลาง ติดต่อไปที่ คุณ สุชาดา ได้ครับ
หรือแจ้งมาที่ผมก็ได้ ผมจะประสานให้ครับ

มียอดเหลือ ที่คุณกระเทียม เป็นเงิน 17,501 บาท ครับ

หากส่วนนี้ไม่ได้ใช้ก็จะโอนกลับไปไว้ในบัญชี พระคุณเจ้า ตุ๊ดี ต่อไป

เนื่องจากคุณ สมบูรณ์ เป็นผู้รู้เรื่องโคมไฟ มากที่สุด
อาจมีข้อเสนอดีๆ ก็อยากให้ลองนำเสนอ ดวงไฟดวงรอง ที่ดูเหมาะสม
และเข้ากับสถานการณ์ รูปแบบ ที่เรามีดวงเอก ดวงนี้แล้ว
อีกสามดวงช่อรองควรจะเป็นอย่างไร อยากให้นำเสนอมาเป็น ข้อพิจารณากันครับ

ข้อ ที่พึงพิจารณา ใช้กำลังไฟไม่มากนัก เพื่อประหยัดกระแสไฟ ราคาก็ไม่สูงจนเกินไป ทำนองนี้น่ะครับ
เพื่อเป็นข้อมูลในกาลข้างหน้า หากเรายังทำกันได้อีกน่ะครับ

คิดดูแล้วขั้วไฟที่เหลือ น่าจะนำมาใช้กับดวงรองได้ต่อไปนะครับ เราสามารถดัดแปลงมาใช้ได้แน่นอน
อย่างน้อยเราก็ได้ขั้วไฟที่ดีที่สุดในโลก ใช้ในวิหารแก้วทั้งหลัง ดีเหมือนกัน<O

 

ตอบคุณณรงค์และตอบทุก ๆ ท่านด้วยนะครับ

เรื่องโคมดวงเอกนี้ ผมยอมรับว่า รูปแบบ รูปลักษณ์ ที่มีเชิงเทียน มีระย้าย้วยลักษณะแหวกม่าน ก้นกะทะ เป็นลักษณะที่มีความโดดเด่นในทุกประเทศทั่วโลก คือนิยมกันแทบทุกประเทศทั่วโลก ค่ายผู้ดีอังกฤษมีศัพท์เรียกรูปทรงนี้กันเลยทีเดียว ถ้าผมจำไม่ผิดอาจเรียกว่า โคมเชิงเทียนยุควิตอเรีย Victoria candle lamp chandelier ถ้าเป็นฝรั่งเศสก็อาจเรียกเป็นภาษาอังกฤษคล้าย ๆ กันว่า โคมเชิงเทียนหลุยส์ 14 Louis 14 candle light chandelier แม้แต่ในเมืองจีนก็นิยมรูปแบบนี้เช่นกัน ภาษาแต้จิ๋วเรียก หล่าเจ็กเต็งลั้ง หรือ จีนกลางเรียก ล่าจู๋เหม่ยซุเติง

ตามที่ผมเคยยกย่องสายตาของคุณณรงค์ไปแล้วนั้น ไม่มีเสแสร้งมายา ผมกล่าวชมด้วยความจริงใจว่าตาแหลม คือเลือกรูปทรงก่อน ส่วนคุณภาพนั้นผมต้องขอออกตัวนิดนึงว่า จีนแดงเขาอาจนึกไม่เหมือนเรา เขาใช้สาย 0.75 จำนวน 2 คู่สายโดยแชร์โหลดได้ไม่ดี คือสายคู่นึงไปแชร์โหลดถึง 66 หลอดจำปา ส่วนอีกคู่สายนึงไปแชร์โหลดแค่ 6 หลอดจำปา ในคอนเซปต์ของเขาอาจคิดว่า การเปิดโชว์ไฟนั้นแค่ไม่เกิน 15 นาที ซึ่งความคิดเช่นนี้ผิดพลาดมหันต์ ถ้าสายไฟร้อนเกินไปเนื่องจากควรต้องใช้สายขนาด 2.5 ตารางมิลลิเมตรเป็นอย่างต่ำสุดนั้น แล้วมาใช้สาย 0.75 ตารางมิลลิเมตร ไฟจะไหม้ท่วมสายไฟภายในโคมอย่างรวดเร็ว และแน่นอน ไฟจะช๊อต และเกิดความเสียหายชนิดแก้ไขไม่ได้หากไปช๊อตตรงบริเวณ port นอกจากกลึง port ใหม่ซึ่งค่อนข้างหาคนกลึงยาก

นอกจากความผิดพลาดเรื่องสายไฟที่เล็กเกินไปแล้ว ผมต้องขอยกย่องจีนแดงในเรื่องอื่น ๆ ครับ ความจริงผมเป็นคนหัวนิยมยุโรป เนื่องจากผมเคยอิมพอร์ตสินค้าประเภทนี้ คือคริสตัลแชนดิเลียเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นเวลานานปี ผมเห็นว่าจีนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องงานโลหะได้ดีมาก เช่น การใช้เหล็กเป็นแกนกลาง ในโคมระย้าคริสตัลของยุโรป ส่วนมากเลยนะครับ เขาใช้ทองเหลืองเป็นแกนกลาง ซึ่งทองเหลืองสวยก็จริง ไม่ขึ้นสนิมก็จริง แต่การรับน้ำหนัก การทนต่อแรงดึงของน้ำหนักสู้เหล็กไม่ได้ และจีนก็ทำได้ดีตรงที่ใช้แกนกลางขนาดใหญ่สะใจดี เขาใช้เหล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางต่ำสุด 16 mm. แต่เนื่องจากวิวัฒนาการการสอดสายไฟยังล้าหลังเล็กน้อย เขาทำข้อต่อภายใน pipe ได้เล็กกว่ามาตราฐานยุโรปเล็กน้อย ทำให้ port ข้อหนึ่ง เล็กกว่าปกติเล็กน้อยซึ่งไม่น่าเป็นอุปสรรค์สำหรับผม

ผลงานของจีนแดงโรงงานนี้ประทับใจผมแทบทุกด้าน ไม่ว่างานเหล็ก งานกลึง งานเจาะ port ที่มีผิวเรียบ งานการทนแรงดึงของน้ำหนักโคม งานชุบทองเค งานเจาะช่องหว่างเว้นระยะเม็ดคริสตัล งานร้อยเม็ดคริสตัลที่ใช้กิ๊บโบว์แทนการร้อยด้วยมือมนุษย์ แทบทุกงานประทับใจผมหมด อาจจะยกเว้นอีกข้อก็คือการแพคกิ้งเม็ดแก้วที่ขี้เหนียวกระดาษไปหน่อย ทำให้เม็ดแก้วบางเม็ดกระทบกันเป็นรอย

ที่สำคัญที่สุดที่จะอดกล่าวไม่ได้คือ ราคาถูกมากที่สุดในรอบร้อยปี ผมไม่ได้กล่าวเกินความจริงนะครับ ในรอบร้อยปี ไม่เคยมีใครทำโคมคริสตัลแชนดิเลียได้ในราคาถูกขนาดนี้ ถูกยิ่งกว่าทำเองแบบไม่เอาค่าแรง ถูกแบบว่า ซื้อเฉพาะเม็ดแก้วคริสตัลก็ประมาณนี้แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเฟรมตัวเรือนโครงเคร่าที่ห้อยเม็ดแก้ว

ท่านใดที่อยู่ในวงการภายในของคริสตัลแชนดิเลียลองพูดออกมาจากใจสิครับ ว่าผมพูดผิดตรงไหน ถ้าผิดผมยอมให้ทำโทษได้เลย

โคมดวงบริวารนั้น ผมเห็นว่า ซื้อชุดเดียวกันในซีรีส์เดียวกันก็ได้ ส่วนคุณภาพเราก็มาเน้นกัน ซึ่งไม่ยาก ไม่ใช่อุปสรรค์ครับ

ส่วนเรื่องการกินไฟนั้น เนื่องจากรูปทรงเชิงเทียนที่ต้องใช้หลอดจำปาเป็นตัวชูโรง จึงไม่อาจลดจำนวนหลอดตรงเชิงเทียนได้ แต่ไปลดจำนวนหลอดภายในโคมได้ โดยผมจะไม่ลดจำนวนขั้ว หากเห็นว่ากินไฟ ก็แค่หมุนหลอดจำปาซึ่งอยู่ภายในโคมออก เพียงแค่นี้ก็ลดกระแสไฟได้แล้วครับ ระหว่างการหมุนหลอดออก ขอให้ผู้ที่อยู่ด้านล่างมองว่า เมื่อหมุนหลอดใดออกแล้วไม่มีผลต่อความสวยงาม ก็หมุนหลอดนั้นออกครับคอนเฟิร์มครับว่า

โคมบริวารก็เลือกซีรีส์เดียวกับโคมดวงเอกนั่นแหละครับ ดีแล้ว ทุกอย่างแก้ไขได้ไม่ยาก

 

กราบขอบพระคุณในคำแนะนำของพระวรวิทย์ที่โทรมาแนะนำว่า ควรใช้เครื่องควบคุมการหรี่ไฟ ซึ่งจะทำให้อายุของหลอดจำปายืดออกไปอีกหลายเท่าตัว ไม่ต้องปีนนั่งร้านไปเปลี่ยนบ่อย ๆ และจะช่วยลดค่ากระแสไฟอีกด้วย

เรื่องนี้ผมเคยมีประสบการณ์เล่าไปแล้ว แต่ขอเล่าใหม่อีกที ครั้งหนึ่งผมเคยไปแถวบ้านหม้อ ไปพบคนที่เขาสั่งพันหม้อหรี่ไฟขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาต้องทดลองกันเลยว่า หม้อหรี่ไฟ หรือ เครื่องควบคุมการหรี่ไฟ dimmer switch ขนาดยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ มีวิธีการสร้าง 2 วิธี คือการสร้างอย่างนึง กดไฟให้หรี่โดยไม่ลดค่ากระแสไฟ กับอีกอย่างนึงคือช่วยลดค่ากระแสไฟด้วย เวลาเขาส่งของ เจ้าของขอให้ทดลองนำหม้อมิตเตอร์วัดไฟมาลองเลย ซึ่งผมยอมรับว่า ผมไม่เก่งในเรื่องเครื่องขนาดใหญ่ขนาดนี้ หากท่านใดจะสั่งก็ต้องใช้สูตรนี้ครับ หลอด 72 หลอด หลอดละอย่างน้อยต้องเผื่อว่า 40 วัตต์หรือหากไม่เกรงใจก็ต้องเผื่อถึง 60 วัตต์ ( เพราะหลอดจำปาเต็มที่มีถึง 60 วัตต์ ) อย่างต่ำก็เริ่มที่ 3000 วัตต์เต็ม หรือ 4500 วัตต์เต็ม ส่วนราคานั้นผมไม่ทราบเพราะส่วนมากต้องสั่งทำ

dimmer swith ที่ขายกันทั่ว ๆ ไปจะมีแค่ 500 วัตต์และเต็มที่แค่ 800 วัตต์เท่านั้นครับ