สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    [​IMG]ถาม: การที่หลวงพ่อได้อยู่ใกล้ชิด และรู้จักหลวงพ่อวัดปากน้ำมานาน อยากให้เล่าถึงเรื่องเด่นๆของท่าน?
    [​IMG]ตอบ: ท่านนี่ ... ความจริงหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ท่านเป็นพระปฏิบัติ แม้ในตอนกลางคืนท่านก็สอนวิชชาคือมีฝ่ายหนึ่งเป็นอุบาสิกา ... คือแม่ชีที่อยู่อีกด้านหนึ่ง โดยมีฝากั้นอยู่ ส่วนตัวหลวงพ่อท่านก็อยู่อีกด้านหนึ่ง ก็มีพระอยู่กับท่านบ้าง
    วิธีปฏิบัติของท่านนี้ทีแรก ๆ เราก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร เพราะว่าเราก็เดินแค่ ๑๘ กาย
    แล้วก็พิสดารกาย แล้วก็เดินวิชชาไปอย่างที่ท่านเคยสอน เราก็เดินวิชชาไปตามที่ท่านสั่ง
    เราก็เห็นตลอดนะ ทางฝ่ายแม่ชีเขาก็เดินวิชชาของเขาตลอด
    อันนี้เขาก็มีเวรกันคืออย่าง ๒ ทุ่มถึงเที่ยงคืน เป็นเวรที่ ๑
    เที่ยงคืนถึงตี 4 เป็นเวรที่ ๒
    ตี 4 ถึงแปดโมงเช้าเป็นเวรที่๓
    จากแปดโมงเช้าถึง ๑๒ โมงเป็นเวรที่ ๔
    ๑๒ โมงถึง 4 โมงเย็นเป็นเวรที่ ๕
    ไปเรื่อย ๆ เขาอยู่กันคนละ 4 ชั่วโมง
    [​IMG]ถาม: อันนี้ก็เป็นเรื่องเด่นของหลวงพ่อวัดปากน้ำเรื่องหนึ่ง?
    [​IMG]ตอบ: อันนี้ที่เขาเรียกว่า“ โรงงาน” เป็นแหล่งที่ทำวิชชา พอคนไม่รู้ไม่เข้าใจ เลยคิดว่าหลวงพ่อทำโรงงานบุ้งกี๋บ้างอะไรบ้าง
    [​IMG]ถาม: หลวงพ่อวัดปากน้ำมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะเผยแพร่วิชชาธรรมกายให้ได้รู้จักกันทั่วไปท่านได้พูดถึงความหวังของท่านอย่างไรบ้าง?
    [​IMG]ตอบ: ความจริงวิชชาธรรมกายนี่
    ที่ท่านทำ ก็เพื่อจะปราบความชั่วให้หมดไปจากตัวเราพูดง่าย ๆ ก็คือต้องการทำกิเลสให้หมดไป
    แต่ว่ากิเลสที่มีอยู่ในตัวเรามันมีมานานแล้ว
    ทีนี้เราจะเอาวิชชาธรรมกายเข้าไปปราบมันก็ปราบได้ แต่ในส่วนละเอียดมันก็ยังไม่หมด
    เพราะมันมีมากท่านก็แนะนําวิธีปฏิบัติให้
    และให้เดินตามหลักวิชชาของท่าน
    ท่านก็ได้เผยแพร่มานาน โดยความมีความประสงค์ว่าต้องการให้กิเลสมันหมดไปนี่คือความหวังของท่าน
    กิเลสต้นธาตุฝ่ายต่ำซึ่งในตอนแรกเราก็ยังไม่รู้
    ส่วนวิชชาฝ่ายขาว ก็คือพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมภาคขาว คือเรายังไม่ทราบมาก่อนว่ามีต้นธาตุต้นธรรมมีอยู่๓ภาค
    คือภาคขาว ภาคดำ ภาคกลาง
    ทีหลังเรามาเป็นธรรมะแล้ว เราถึงได้รู้
    ได้ค่อย ๆรู้ มาเป็นลำดับแล้วท่านเคยบอกว่าวิชชาของท่านนี้“ ถ้าทำยังไม่ถึง๑๐ปี ก็ยังไม่รู้เรื่องดี”
    ท่านบอกว่า ๑๐ ปีไปแล้วค่อยรู้เรื่องดี
    [​IMG]ถาม: ถ้าอย่างนั้นหลวงพ่อสด ก็มีความปรารถนาในส่วนลึก ๆ ที่อยากจะให้คนทั้งหลาย ได้รู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ในวิชชาธรรมกาย?
    [​IMG]ตอบ: คือหมายถึงว่าถ้าเราทำวิชชาถึง ๑๐ ปีแล้วนี่
    ก็จะรู้วิชชาอะไรมากขึ้น ประโยชน์ได้มากขึ้นมีความรู้ความละเอียดมากขึ้น เมื่อเราได้เข้าถึงลึกซึ้งถึงความละเอียดมากกว่าก็ทำให้การทำวิชชาของเราละเอียดมากขึ้น

    [​IMG]ถาม: ธรรมกายนั้น จริงๆแล้วคืออะไร
    [​IMG]ตอบ: “ ธรรมกาย” ตามหลักนั้น
    หมายถึงเป็นธรรมขันธ์ เป็นวิสุทธิขันธ์
    คือเป็นกายละเอียด ที่มีสภาพเป็นอสังขตธาตุอสังขตธรรม คือไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
    ไม่เหมือนกายมนุษย์กายทิพย์ กายพรหม อรูปพรหม
    ที่เป็นกายสังขตธาตุ สังขตธรรม
    ซึ่งหมายถึงว่า มันยังมีปัจจัยปรุงแต่งอยู่
    มันยังแก่ ยังเจ็บ ยังตายได้
    ส่วนกายธรรม ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย
    [​IMG]เพราะฉะนั้นมันจึงตรงกันข้ามกับเบญจขันธ์และเป็นธรรมขันธ์
    [​IMG]ถาม: สภาวะจิตของผู้เข้าถึงธรรมกายเป็นการชั่วคราวหรือไม่?
    [​IMG]ตอบ: ถ้าพูดถึงได้ธรรมกายแล้วและเดิน ๑๘ กายแล้วมันไม่ใช่ชั่วคราว ซึ่งหมายความว่ามีธรรมกายติดอยู่ในตัวตลอดเวลา
    เราจะเข้าธรรมกายเมื่อไรก็ได้ แต่ถ้าเข้าได้เพียงปฐมมรรค ยังไม่ได้เดินเข้าถึงธรรมกายนั้น
    ก็ยังไม่เห็นธรรมกายนะ เพราะว่าถ้าถึงธรรมกายแล้วและเดิน ๑๘ กาย ธรรมกายจึงจะติด
    สัมภาษณ์

    พระราชพรหมเถรหลวงปู่วีระ คณุตฺตโม
    นิตยสารธรรมกายเล่ม๑
    ( เป็นวารสารของวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายที่จ.ปทุมธานี)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    (หมายเหตุ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายที่จ.ปทุมธานี

    ผู้บริหาร และ นโยบายคนละชุดกัน)
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    UL85zSJM62vjecCqZk3edkGkF6x_6Zg9465XCa0A2lxtI4cOdmsRfV3zyvbmI&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-7.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    มูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำ บริจาคเงินสมทบทุน “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์
    .
    เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 เวลา 14.30 น. มูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำ ร่วมบริจาคเงินจำนวน 500,000 บาท สมทบ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในกิจกรรม หรือโครงการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหทัยทิพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้การสนับสนุนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเหล่าทหารที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    [​IMG]ขอเชิญอุบาสก-อุบาสิกา เข้าอบรมพระกัมมัฏฐาน ตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ปลายปี ๒๕๖๘ รุ่นที่ ๘๘ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ระหว่างวันที่ ๑-๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๘ ณ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี แห่งที่ ๑ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    ติดต่อสอบอุบาสิกาปูนา 061-624-6295
    [​IMG]ปฏิบัติธรรมวันละ 5 รอบเวลา
    เวลา 05.00-06.30 น. ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา
    เวลา 08.30-10.30 น. ปฏิบัติธรรม
    เวลา 10.45-12.00 น. พระสงฆ์รับบิณฑบาต
    ขอเชิญสาธุชนนำภัตตาหาร มาใส่บาตรพระสงฆ์ สามเณร
    เวลา 13.00 น. ฟังธรรม
    เวลา 16.00 น. แบ่งกลุ่มเจริญภาวนา
    เวลา 18.00 น. ฟังสวดพระอภิธรรม อุทิศถวายหลวงป๋า
    เวลา 19.00 น.-20.30 น. ทำวัตรเย็นและเจริญภาวนา
    [​IMG]วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ได้เปิดการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปีแก่พระภิกษุสงฆ์และสาธุชนทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ ในการดำเนินกิจกรรม ๓ ประการ คือ
    [​IMG]๑. เพื่อสร้างพระในใจตนเองและผู้อื่น เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของสาธุชนให้กว้างขวางออกไป
    [​IMG]๒. เพื่อสร้างพระวิปัสสนาจารย์หรือวิทยากรให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และให้งดงามพร้อมด้วยศีลาจารวัตร เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น เป็นที่พึ่งทางใจแก่สาธุชนได้อย่างแท้จริง ได้ช่วยกันสืบบวรพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวยิ่งๆ ขึ้นไป
    [​IMG]๓. เพื่อรักษาและสืบต่อธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า ให้ถูกต้องสมบูรณ์ ตามที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้สั่งสอนและถ่ายทอดเอาไว้
    [​IMG]กรุณาอ่านกฎระเบียบอย่างละเอียด ก่อนทำการสมัคร
    (สมัครได้ที่วัดโดยตรงในวันงาน) ระเบียบของผู้ปฏิบัติธรรม มีดังนี้
    [​IMG]๑. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติรวมกันที่ศาลาปฏิบัติธรรมตามกำหนดการประจำวันอย่างเคร่งครัด
    [​IMG]๒. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องหลีกเลี่ยงการพูดคุยกัน ทั้งระหว่างผู้ปฏิบัติธรรมและบุคคลภายนอก
    [​IMG]๓. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องงดใช้เสียง ขณะทำกิจกรรมในศาลาปฏิบัติธรรม ตลอดระยะเวลาที่อยู่ปฏิบัติธรรม
    [​IMG]๔. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องวางภาระทุกอย่าง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรม
    [​IMG]๕. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติธรรมตามแนวทางวิธีปฏิบัติของสำนักและต้องปฏิบัติตามแนะนำของพระวิปัสสนาจารย์อย่างเคร่งครัด
    [​IMG]๖. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องไม่เล่าผลของการปฏิบัติกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระวิปัสสนาจารย์
    [​IMG]๗. ผู้ปฏิบัติธรรมงดใช้โทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต ในขณะปฏิบัติธรรม
    [​IMG]๘. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องงดเสพสิ่งเสพติดทุกชนิด
    [​IMG]๙. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องไม่ออกนอกสภานปฏิบัติธรรม ยกเว้นได้รับ อนุญาตจากพระวิปัสสนาจารย์/ผู้รับผิดชอบ
    [​IMG]๑๐. ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสุขภาพจิตที่ดี
    [​IMG]๑๑. ผู้ปฏิบัติธรรมมีปัญหาหรือไม่ได้รับความสะดวกใดๆสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบได้
    [​IMG]๑๒. ผู้ปฏิบัติธรรมจะต้องติดบัตรตลอดโครงการและคืนบัตรเมื่อสิ้นสุดโครงการ
    [​IMG]ท่านใดประสงค์ทำบุญ รายการต่างๆ ดังนี้
    ๑.ทำบุญสนับสนุนโครงการอบรมพระกัมมัฏฐาน
    ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 422-0-31266-6
    ๒.ทำบุญถวายภัตตาหาร/น้ำปานะ
    ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 422–0–39401–1
    ๓.ทำบุญค่าน้ำ/ค่าไฟ ภายในวัดหลวงพ่อสดฯ
    ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 422-0-39404-5
    [​IMG]ส่งหลักฐานโอนเงินและรับใบอนุโมทนาบัตร
    ทางไลน์ Line ID: @info.wat06


    https://line.me/ti/p/~@info.wat06
    [​IMG]090-595-5164
    #สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดราชบุรี
    #วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม #ดำเนินสะดวก #ปฏิบัติธรรม #รักษาศีล
    #หลวงพ่อสด #หลวงป๋า #ธรรมกาย #สมาธิ #สวดมนต์ #สงบ #พุทธศาสนา #ทำบุญ #ทุกคน


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    (หมายเหตุ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายที่จ.ปทุมธานี

    ผู้บริหาร และ นโยบายคนละชุดกัน)
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    “ปรนิมมิตวสวัตดี”
    #ดูความเป็นไปของเทพบุตร/เทพยดา
    ในชั้น “นิมมานรดี”



    มีทิพยวิมานล่องลอยอยู่ในอากาศระดับรองลงมา เทพบุตร เทพธิดาในชั้นนี้ เมื่อ ปรารถนาหรือต้องการเสวย/เสพกามคุณ ๕ ใด-อย่างใด-เวลาใด ก็เนรมิตกามคุณนั้นขึ้นเสวย/ เสพ ตามความพอใจของตน และก็มีความยินดี-พอใจ-เพลิดเพลินอยู่ในอารมณ์นั้น
    มี “ท้าวสุนิมมิต” เป็นจอมเทพ ซึ่งเมื่อท้าววสวัตดีต้องการ ท้าวสุนิมมิตก็จะแปลง กายเป็นพญาช้างทรงชื่อ “นาฬาคิรีเมขล์” เป็นพาหนะถวายงานแด่ท้าววสวัตดี และได้ยิน ว่า ท้าวสุนิมมิตก็ได้กลับเป็นสัมมาทิฏฐิมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะและได้อธิษฐานเข้าสู่พุทธภูมิ บำเพ็ญบารมีเพื่อความเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วยเช่นกัน
    ทั้ง ๒ ภูมินี้ คือ “ปรนิมมิตวสวัตดี” และ “นิมมานรดี” จัดเป็น “มารโลก” คือ โลกของมาร บริษัทบริวารของจอมเทพทั้ง ๒ ภูมินี้ มีทั้งที่เคยได้ฟังธรรม ได้แก่ “มงคลสูตร”, “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร”, “มหาสติปัฏฐานสูตร” และ/หรือ “มหาสมัยสูตร”,
    “ราหุโลวาท- สูตร”, “สมจิตตสูตร” แล้วได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคล หรือได้กลับใจเป็น สัมมาทิฏฐิผู้นับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และมีทั้งที่ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ก็ไม่น้อย เฉพาะ เทพยดาที่เป็นปุถุชนทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อจุติ (ตาย/เคลื่อนจากภพภูมิ) ที่จะได้มาบังเกิดเป็นเทพยดา หรือแม้เป็นมนุษย์อีกนั้นน้อยนัก
    [​IMG]แต่ที่ได้ไปบังเกิดในทุคคติภูมิ คือ ไปเกิดเป็นเปรต หรือสัตว์นรก-อสุรกายหรือสัตว์เดรัจฉานนั้น มีมากต่อมากนัก เหตุเพราะเมื่อได้มาเกิดเป็น เทพยดาและได้เสวยสุขด้วยกามคุณจนลืมทุกข์แล้ว ยังมีอัธยาศัยที่เป็นมารคอยขัดขวาง คุณความดี และปล่อยจิตใจตกอยู่ใต้อำนาจของอวิชชา-กิเลส-ตัณหา อุปาทาน กรรมและกิเลส ตัณหา จึงพาให้ไปเกิดในทุคคติภูมิแทบทั้งสิ้น ด้วยประการฉะนี้ แล
    เทพบุตร/เทพธิดา ผู้เป็นปุถุชนในมารโลกนี้ ชื่อว่า “มาร” เพราะเมื่อยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ มีอัธยาศัยคอยขัดขวางการบำเพ็ญคุณความดี ดังตัวอย่างเช่น ทั้งท้าววสวัตดี (พญามารเดิม) และเทพธิดามาร ได้เคยเป็นผู้คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคล ดังเช่น ได้เคยผจญพระมหาโพธิสัตว์เจ้า มิให้ล่วงพ้นจากแดนกาม ซึ่งอยู่ในอำนาจครอบงำของตน คำว่า “มาร” จึงมีความหมาย อีกประการหนึ่งว่า ธรรมชาติที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากคุณความดี กล่าวคือ ธรรมชาติที่คอย ขวางกั้นไม่ให้บุคคลบรรลุคุณความดี หรือให้ตายจากคุณความดี โดยที่สุดขวางกั้นมิให้ บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เป็นต้น
    “มาร” ตามความหมายนี้มี ๕ อย่าง คือ “กิเลสมาร”
    -มาร คือกิเลส ๑
    -ขันธมาร" มาร คือความเจ็บไข้ ๑
    -อภิสังขารมาร” มาร คืออภิสังขารที่ปรุงแต่งด้วยบาป-อกุศลกรรม ๑
    -เทพ/เทวบุตรมาร” มาร คือเทพบุตร (ถ้าเป็นหญิงก็เรียกว่าเทพธิดามาร) ๑ และ
    -มัจจุมาร” มาร คือความตาย อีก ๑
    ต่อจากชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และ นิมมานรดี


    หลวงป๋า
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927


     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    ดูความเป็นไปในสวรรค์ชั้น “ดุสิตาภูมิ”



    [​IMG]เทวดาในชั้นนี้ก็สถิตอยู่ในวิมานตั้งลอยอยู่ในอากาศ และเป็น “อากาสัฏฐเทวดา” เทวดาในชั้นดุสิตนี้ย่อมถึงพร้อมด้วยความยินดีและแช่มชื่นอยู่ในทิพยสมบัติอันเป็น สิริมงคลยิ่งของตน ทิพยวิมานและทิพยสมบัติก็ละเอียดประณีตและสว่างไสวรุ่งโรจน์ ยิ่งกว่าของเทพยดาที่เป็นปุถุชนอื่นทั้งหลาย จอมเทพในชั้นนี้ ชื่อว่า “ท้าวสันดุสิต” มี หลายองค์
    สำหรับผู้ประพฤติสุจริตธรรม ได้แก่ ประพฤติอยู่ในกายสุจริต วจีสุจริต และ มโนสุจริต และ/หรือ ปฏิบัติไตรสิกขา อบรมกาย-วาจา ใจ โดยทาง ศีล-สมาธิ-ปัญญา อันเป็นปณีตกุศล และ/หรือ ผู้ประพฤติธรรมสูงยิ่งขึ้นไปอีก ให้เจริญขึ้นเป็นอธิศีล-อธิจิต- อธิปัญญา ด้วยการเจริญกัมมัฏฐาน ๔๐, โพธิปักขิยธรรม ๓๗, วิปัสสนาภูมิ 5 เป็นต้น ทั้งหลาย เมื่อก่อนทำกาละ (ตาย) ยังไม่เสื่อมจากคุณธรรมดังกล่าว ย่อมไปบังเกิดใน ชั้นดุสิตาภูมินี้โดยมาก และ เป็นเทพบุตรทั้งสิ้น แม้เทวดาที่เป็นบริวารอันเกิดขึ้นในวิมาน ด้วยอำนาจบุญบารมีของแต่ละท่านก็ล้วนเป็นเทพบุตรทั้งนั้น
    [​IMG] นอกจากพระโพธิสัตว์เจ้า ผู้ดำรงอยู่ในสัจจานุโลมิกญาณภูมิแล้วเทพบุตร ในชั้นดุสิตาภูมินี้ เมื่อได้ฟังธรรม มี “มงคลสูตร”, “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” และ/หรือ “มหาสมัยสูตร” เป็นต้น ย่อมได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคลตามระดับภูมิธรรม ต่างๆ ที่ปฏิบัติได้ เป็นจำนวนมาก สำหรับท่านที่บรรลุพระอรหัตตผล พิจารณาปัจจเวกขณ์ แล้ว ก็จะปรินิพพานในวันนั้นเลยทีเดียว
    [​IMG]อนึ่ง พระโพธิสัตว์ ทุกๆ พระองค์ ก่อนที่จะมาบังเกิดในมนุษยโลก และได้สำเร็จ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นภพสุดท้ายนั้น ก็ย่อมบังเกิดอยู่ในชั้นดุสิตาภูมินี้ทั้งหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มาบังเกิดในอนาคต เช่น พระศรีอารยเมตไตรย พร้อมด้วยผู้ที่จะมา บังเกิดเป็นอัครสาวกนั้น เวลานี้ก็เสวยทิพยสมบัติอยู่ในดุสิตาภูมิเหมือนกัน ต่อเมื่ออายุขัย ของมนุษย์ได้ ๘๐,๐๐๐ ปี ในเวลาข้างหน้านี้แล้ว พระองค์ท่านพร้อมด้วยผู้ที่จะเป็นอัครสาวก ก็จะได้จุติจากดุสิตาภูมิลงมาบังเกิดในมนุษยโลก และได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ และ อัครสาวกโพธิญาณสืบต่อไป ข้อนี้ก็เป็นเหตุที่กล่าวได้ว่า เทวโลกชั้นดุสิตนี้ เป็นภูมิที่ประเสริฐ กว่าเทวภูมิชั้นอื่นๆ
    [​IMG]ผู้เจริญภาวนาได้ถึง “ธรรมกายสุดละเอียด” ตราบใดที่ยังไม่เจริญสมถวิปัสสนา- ภาวนา ให้ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคล ยังจัดเป็นโคตรภูบุคคลอยู่ ต่อเมื่อ เจริญสมถวิปัสสนาให้เห็นแจ้งในพระอริยสัจ ๔ เจริญมรรคญาณ-ผลญาณ กำจัดสัญโญชน์ (กิเลสเครื่องร้อยรัดให้ติดอยู่กับโลก) อย่างน้อย ๓ ประการ (คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา
    และสีลัพพตปรามาส) ขึ้นไปได้ จึงก้าวล่วงข้ามโคตรปุถุชนเป็นพระอริยบุคคลตามระดับ ภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้
    [​IMG]ถึงอย่างไรก็ตาม ผู้เจริญภาวนาถึงธรรมกายที่สุดละเอียดอยู่เสมอ เจริญภาวนา ตรวจภพ/จักรวาล มาถึง “ดุสิตาภูมิ” นี้ หากจะอธิษฐานจิต (หรือโดยอธิษฐานให้ “จักรแก้ว” นำไปสู่วิมานของตน) ไปดูวิมานของตนว่า มีปรากฏอยู่หรือไม่ โดยมากก็ย่อม จะทราบและเห็นได้ รู้จักได้ว่า มีวิมานของตนปรากฏขึ้นในชั้นดุสิตาภูมินี้อย่างไร เมื่อ อธิษฐานจิตเข้าไปดู ณ ภายในวิมานของตน ก็จะเห็นสมบัติอันเป็นทิพย์ รวมทั้งเทพบุตร ผู้เป็นบริวารของตนที่ได้เคยบำเพ็ญบุญกุศล/บารมีไว้มากน้อยเพียงไร อีกด้วย
    [​IMG]แท้ที่จริง ผู้บำเพ็ญบุญกุศลด้วยสติปัญญาอันเห็นชอบ ได้แก่ ทานกุศล ศีลกุศล และ ภาวนากุศล เป็นต้น ย่อมปรากฏทิพยวิมานของตนพร้อมด้วยทิพยสมบัติ และเทพบุตร/ เทพธิดา ผู้เป็นบริวารสมบัติ ด้วยอำนาจของบุญ/บารมี ที่ได้บำเพ็ญไว้ รออยู่ในชั้นภูมิ ของเทวโลก/พรหมโลก หรือในอรูปโลก ตามระดับภูมิธรรมที่ปฏิบัติได้เป็นธรรมดา แต่ถ้ากลับประพฤติบาปอกุศล วิมานดังกล่าวย่อมอันตรธานหายไป
    [​IMG]ความที่มีวิมานพร้อมด้วยทิพยสมบัติและบริวารสมบัติปรากฏรออยู่ในเทวโลก ของ ผู้บำเพ็ญกุศลคุณความดีในระดับต่างๆ ที่สูงกว่ามนุษยธรรม และสามารถรู้-เห็นได้สำหรับ ผู้ปฏิบัติธรรมที่เจริญสมถะ-วิปัสสนาภาวนา โดยมีศีลเป็นบาทฐาน อันมีนัยและรายละเอียด อยู่ในพระอริยมรรคมีองค์ ๘ จนสามารถเจริญ อภิญญา มีทิพพจักษุ ทิพพโสต เป็นต้น ได้ ตามรอยบาทพระพุทธองค์ นั้น ได้มีตัวอย่าง เช่น สมัยเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนะ แขวงกรุงพาราณสี นั้น ได้ทรงปรารภเรื่องของ “นันทิยะ” ผู้เป็นบุตรของตระกูลผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัย จำเดิมแต่บิดา/มารดาทำกาละ นันทิยะก็ได้ เป็นมหาทานบดีแทนบิดา ได้บำเพ็ญบุญกุศลบำรุงพระภิกษุสงฆ์ และแม้ตั้งอาหารเลี้ยง เด็กกำพร้าและคนเดินทาง เมื่อกำหนดอานิสงส์ของการถวายอาวาสได้ จึงได้สร้างศาลา ๔ มุข ประดับด้วยห้อง ๔ ห้อง และได้มอบถวายอาวาสนั้นแด่พระภิกษุสงฆ์ มีสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข หลั่งน้ำทักษิโณทกถวายอาวาส คือ ศาลา ๔ มุขแด่พระบรมศาสดา แล้ว ด้วยบุญกุศลนั้น จึงปรากฏปราสาททิพยวิมาน กว้างประมาณ ๑๒ โยชน์ สูงประมาณ
    ๑๐๐ โยชน์ สำเร็จด้วยรัตนะ ๗ และสมบูรณ์ด้วยนางอัปสร ผุดขึ้นรออยู่เพื่อเขา (นันทิยะ) ทันทีที่หลั่งน้ำทักษิโณทกนั่นเทียว
    [​IMG]ภายหลัง ต่อมาวันหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานเถระได้ไปท่องเที่ยวในเทวโลกได้เห็น ปราสาทอันเป็นทิพยวิมานว่างเปล่าจากเจ้าของ คงมีแต่นางอัปสร จึงได้สอบถามเหล่าเทพบุตร ว่า ปราสาททิพย์เต็มไปด้วยหมู่นางอัปสรนี้ผุดเกิดขึ้นเพื่อใคร ? พวกเทพบุตรได้พากัน ตอบว่า “ท่านผู้เจริญ ปราสาททิพยวิมานนั่นเกิดขึ้นเพื่อบุตรคฤหบดี ชื่อ นันทิยะ ผู้สร้าง วิหารถวายพระบรมศาสดาในป่าอิสิปตนะ” พวกนางอัปสรเห็นพระเถระก็พากันลงจาก ปราสาททิพยวิมาน กราบเรียนท่านว่า “ท่านผู้เจริญพวกดิฉันเกิดในที่นี้ ด้วยหวัง “จักเป็น นางบำเรอท่านนันทิยะ” แต่ท่านนันทิยะก็ยังไม่มา รู้สึกระอาใจนัก พระผู้เป็นเจ้าช่วย บอกแก่เขาให้ละสมบัติมนุษย์ มาสู่สวรรค์ถือเอาทิพยสมบัติ เหมือนทำลายถาดดินแล้ว ถือเอาถาดทองคำ ฉะนั้น ด้วยเจ้าค่ะ”
    [​IMG]พระมหาโมคคัลลานะเถระครั้นกลับจากเทวโลก ก็รีบไปเฝ้าพระบรมศาสดา กราบทูล ถามว่า “พระเจ้าข้า ทิพยสมบัติย่อมเกิดแก่บุคคลผู้ทำความดีที่ยังมีชีวิตอยู่ในมนุษย์โลก อย่างนี้ด้วยหรือ พระเจ้าข้า?”
    พระบรมศาสดาจึงตรัสตอบว่า “โมคคัลลานะ ทิพยสมบัติที่เกิดแล้วแก่นันทิยะใน เทวโลก อันเธอก็เห็นเองแล้วมิใช่หรือ? ไฉนเธอจึงถามเราด้วยเล่า ?” ตรัสดังนี้แล้ว จึง ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า “จิรปปวาสี” เป็นต้น แปลความว่า
    “ญาติ มิตร และคนมีใจดีทั้งหลาย เห็นบุรุษผู้ไปอยู่ต่างถิ่นมานาน มาแล้วแต่ที่ไกล โดยสวัสดี ย่อมยินดียิ่งว่า “มาแล้ว” ฉันใด บุญทั้งหลาย ก็ย่อมต้อนรับแม้บุคคลผู้กระทำบุญไว้ ซึ่งไปจากโลกนี้สู่โลกหน้า ดุจพวก ญาติเห็นญาติที่รักมาแล้ว ต้อนรับอยู่ ฉันนั้น แล”

    หลวงป๋า



    [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    25,263
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,344
    ค่าพลัง:
    +70,927
    1f9d8_200d_2642.png ให้นึกให้เห็นด้วยใจบ่อยๆ ใจก็จะมารวมอยู่ที่นั่น เพราะใจเห็นอยู่ที่ไหนใจก็อยู่ที่นั่น นี้เป็นอุบายวิธี พอใจหยุดแล้ว เราไม่ต้องนึกแล้ว เพียงหยุดตัวเดียว เมื่อหยุด ใจก็จะไม่ออกไปฟุ้งซ่านภายนอก ใจก็จะหยุดสงบนิ่ง ผ่องใส
    1f64f.png หลวงปู่สดเทศน์ตอนนึงในเรื่องพระของขวัญไว้ว่า
    "ใจหยุดนิ่งอยู่กับพระที่เห็นแจ่มนั่นแหละ
    เป็นมหัคคตกุศล กามาวจรกุศล จะทำบุญกุศลอย่างหนึ่งอย่างใดสู้ไม่ได้ สร้างวัดวาอาวาสอย่างหนึ่งอย่างใด สู้ใจหยุดนิ่งอยู่กับพระของขวัญนั้นอึดใจเดียวเท่านั้นไม่ได้ เสียเงินสักกี่โกฏิกี่ล้านก็สู้ไม่ได้
    เมื่อเราเอาใจของเราจรดอยู่พระของขวัญที่เห็นแจ่มนั้น เป็นมหัคคตกุศล เป็นสมาธิแล้ว ตายไม่ตกนรก"
    1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png 1f338.png

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...