เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 4 มีนาคม 2025 at 17:37.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,659
    ค่าพลัง:
    +26,523
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,659
    ค่าพลัง:
    +26,523
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางขึ้นไปยังวัดวังก์วิเวการาม ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เช้า เนื่องจากได้รับฎีกานิมนต์จากพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคาม (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ให้ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานบำเพ็ญกุศลครบ ๑๑๔ ปีชาตกาล พระเดชพระคุณพระราชอุดมมงคล วิ. หรือที่พวกเราเรียกกันแบบคุ้นเคยว่า "หลวงพ่ออุตตะมะ"

    เหตุที่ต้องขึ้นแต่เช้าหลังจากที่เจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว โดยไม่ออกบิณฑบาต ก็เพราะว่าช่วงสายบรรดารถบรรทุกขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นรถพ่วงหรือว่ารถหัวลาก จะวิ่งขึ้นสังขละบุรีเป็นจำนวนมาก ถ้าหากว่าต้องตามหลังรถทั้งหลายเหล่านั้นโดยที่แซงไม่ได้ ก็จะเป็นอะไรที่อนาถชีวิตมาก..! ขนาดนั้นก็ตาม น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พลขับประจำตัว ยังต้องแซงไปไม่ต่ำกว่า ๒๐ คัน แล้วยังไปคลานตามก้นอีกนานมาก เนื่องเพราะว่าอยู่ในระยะที่แซงไม่ได้ จนกระทั่งเกือบจะหลุดมาถึงสามแยกด่านเจดีย์สามองค์แล้ว จึงสามารถที่จะแซงได้

    กระผม/อาตมภาพคิดว่าตนเองฉลาดมากแล้ว แต่พอไปกราบสักการะหลวงพ่อหยกขาวและสังขารหลวงพ่ออุตตะมะแล้ว เจอกับท่านพระครูชาตรี (พระครูสุตกิจวรการ) รองเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ทั้ง ๒ ท่านบอกว่า "มาตั้งแต่เมื่อวาน นอนค้างอยู่ที่นี่" กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่กลืนน้ำลาย เนื่องเพราะว่าตนเองไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น จึงต้องเสี่ยงดวงมาในตอนเช้าแบบนี้

    หลังจากนั้น เมื่อบรรดาพระเถรานุเถระที่ได้รับฎีกานิมนต์ทยอยกันมา ปรากฏว่ามีหลายท่านที่มาไม่ทันเวลา อย่างเช่นว่า ดร. พระครูศุภชัย (พระครูสิริกาญจนาภิรักษ์, Ph.D.) เจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย เป็นต้น จึงทำให้กระผม/อาตมภาพเองยังรู้สึกว่า ตนเองคิดถูกแล้วที่ยอมออกมาแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าการคลานตามรถใหญ่ไปทีละน้อยนั้น เป็นอะไรที่เสียสุขภาพจิตเป็นอย่างยิ่ง

    เพียงแต่ว่าวันนี้พิธีกรประกาศชื่อของกระผม/อาตมภาพอยู่อันดับที่ ๓ ก็คือเริ่มด้วยพระเดชพระคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ. ๔) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อพระมหานรินทร์ (พระครูกาญจนสิรินธร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็ตามด้วยพระครูวิลาศกาญจนธรรม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

    กระผม/อาตมภาพที่นั่งสนทนาอยู่กับหลวงพ่อพระมหานรินทร์ และหลวงพ่อโท (พระครูวิสาลกาญจนกิจ) เจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน รองเจ้าคณะอำเภอท่ามะกา หันมองหน้ากัน แล้วก็พูดเหมือนใจเดียวกันว่า "ให้บรรดาเจ้าคุณท่านอยู่ข้างหน้าไป พวกเราหลบอยู่หลัง ๆ หน่อย"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,659
    ค่าพลัง:
    +26,523
    แต่ด้วยความที่ว่าบรรดาพระราชาคณะหลายท่านก็เกรงใจ เนื่องเพราะว่าพวกเราพรรษามากกว่า อย่างเช่นท่านเจ้าคุณชะโลม - พระศรีวชิรสุธี (ชะโลม ปญฺญาวชิโร ป.ธ. ๙) เจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา ซึ่งถ้าหากว่าต้องขึ้นอาสน์สงฆ์ในงานเดียวกันเมื่อไร ท่านก็จะนั่งต่อจากกระผม/อาตมภาพอยู่เสมอ จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นขยับไปอยู่ข้างท้าย ส่วนเจ้าคณะอำเภอที่มีอายุกาลพรรษามากกว่า ท่านนั่งข้างหน้าไป ก็ถือว่าถูกต้องตามพระวินัยแล้ว ในเรื่องของตำแหน่งนั้นเป็นเรื่องของทางโลก พระเราควรที่จะเคารพกันด้วยทางธรรมมากกว่า

    ครั้นถึงเวลา ท่านนายอำเภอสังขละบุรีเป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พิธีกรซึ่งอาราธนาศีลเป็นภาษาไทยแล้วตะกุกตะกักมาก เนื่องเพราะว่าถนัดที่จะอาราธนาแบบมอญมากกว่า แต่ปรากฏว่าบรรดาพระสงฆ์ชาวมอญที่มานั้น ตำแหน่งใหญ่สุดก็แค่เจ้าคณะตำบล จึงทำให้พระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองระดับสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เหล่านี้เป็นต้น ขึ้นกันไปจนเต็มอาสน์สงฆ์เสียแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็เลยต้องมารับทักษิณานุปทานหลังการเจริญพระพุทธมนต์แล้ว

    กระผม/อาตมภาพเจริญพระพุทธมนต์ไปก็สงสัยว่า ตนเองก็ข้ามในเรื่องของปีติไปเนิ่นนานแล้ว ในเรื่องของวิตก วิจาร ก็ยิ่งข้ามไปหลายชาติแล้ว ทำไมวันนี้ถึงได้นั่งสัปหงกได้..! มารู้เอาทีหลังว่าน้ำที่บรรดาสามเณรเอามาประเคนให้นั้น ก็คือน้ำกัญชา ก็ได้แต่ร้องออกมาว่า "กูโดนอีกแล้ว..!"

    จำได้ว่าไปโดนน้ำกัญชามาครั้งหนึ่งที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หมดสภาพถึงขนาดต้องกราบขออนุญาตพระเดชพระคุณพระราชวชิรโมลี (สมชาย พุทฺธญาโณ ป.ธ. ๗) รองเจ้าคณะภาค ๑๔ ว่าขออนุญาตไปนอน เพราะว่านั่งไม่ไหว แต่ว่าวันนี้เนื่องจากขึ้นอาสน์สงฆ์ไปแล้ว ก็เลยต้องกัดฟันนั่งจนกระทั่งงานจบ รับปัจจัยไทยธรรมแล้วขอตัวกลับเลย ไม่เช่นนั้นคงได้นั่งหลับคาวงข้าวอย่างแน่นอน..!

    ออกมาถึงในตลาดสังขละบุรีแล้ว ไปสั่งอาหารจากร้านนครปฐมโภชนาเจ้าเก่า บอกว่า "เอาเหมือนเดิม" อีกฝ่ายก็จัดแจงทำข้าวราดผัดกะเพราหมูกรอบไข่ดาวมาให้ รีบฉันแล้วนอนหมดสภาพยาว ๆ เพื่อที่จะเดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) เนื่องเพราะว่าช่วงบ่ายมีงานสอบอุปสมบทกรรมภาคปฏิบัติ ก็คือต้องไปสอบบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ ว่าสามารถที่จะลำดับขั้นตอนในการบรรพชาอุปสมบทได้คล่องตัวขนาดไหน ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,659
    ค่าพลัง:
    +26,523
    แต่ปรากฏว่ามายังไม่ทันจะถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็ ๔ โมงเย็นเข้าไปแล้ว แปลว่างานสอบอุปสมบทกรรมภาคปฏิบัตินั้นจบสิ้นลงไปแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องเดินทางเข้าสู่ที่พักวัดอุทยาน จังหวัดนนทบุรี เพื่อรอเดินทางมาร่วมทำวัตรเช้ากันในวันรุ่งขึ้น ในระหว่างทางจึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสียก่อน เพราะว่าอาการสะลึมสะลือแบบนี้ ถ้าเข้าถึงที่พักก็คาดว่าสลบไสลยาวไปเลย ดีไม่ดีอาจจะตื่นไม่ทันไปทำวัตรเช้าเสียด้วย..!

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่า สมัยที่ท่านยังบวชใหม่ ๆ มีนักย่องเบาตัวฉกาจ ชื่อ "ตาไป๊" ขึ้นบ้านใครเจ้าของบ้านไม่มีทางจับได้ แต่ว่าเขามีจรรยาบรรณมาก ข้าวของที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินจะไม่เอา เงินที่เก็บไว้ทำบุญจะไม่เอา ถ้าหากว่าเป็นเงินหรือทองที่สะสมก็จะเอาแค่ครึ่งเดียว เมื่อตาไป๊แกเกษียณตัวเองจากนักย่องเบามืออาชีพแล้ว ก็มาอาศัยอยู่วัด ถือศีลภาวนา เหมือนจะล้างกรรมตัวเอง

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ถามตาไป๊ว่า สามารถขึ้นบ้านได้ทุกบ้านเพราะว่ามีอะไรดี ? เนื่องเพราะว่าสมัยนั้นมีสารพัดวิธี อย่างเช่นว่าเสกก้อนหินโยนข้ามหลังคาบ้าน สะกดได้แม้กระทั่งพระภูมิเจ้าที่..! กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ขำ ถ้าไปเจอพระภูมิเจ้าที่ซึ่งท่านเป็นพระอริยเจ้า หรือว่าพระภูมิเจ้าที่ซึ่งเป็นอากาสเทวดา มีหวังแทนที่คุณจะสะกดท่าน คุณก็โดนท่านฟาดกบาลแยกอยู่ตรงนั้นนั่นเอง..!

    หรือไม่ก็ใช้คาถาไมยราพณ์สะกดทัพ หรือถ้าได้ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หรือเสื้อยันต์ไมยราพณ์สะกดทัพของหลวงพ่อกุน วัดพระนอนได้ก็ยิ่งดี เอาไปสอดไว้ที่ไม้รอดใต้ถุนเรือน รับประกันได้ว่าเจ้าของบ้านหลับไหลอย่างชนิดลากรอบบ้านก็ไม่ตื่น หมูหมากาไก่ก็พลอยหลับไปหมด..!

    ตาไป๊บอกว่า "ผมไม่มีของดีขนาดนั้นหรอกครับ ลูกชาวบ้านธรรมดาจะเอาที่ไหนมาได้ แต่ว่ามีสูตรพิเศษก็คือ เมื่อถึงเวลาจะขึ้นบ้านไหนก็ไปซื้อเนื้อมา สับ ผสมใบกัญชามาก ๆ เมื่อสับจนเข้ากันดีแล้วก็จัดแจงทอดให้หอม ถึงเวลาตอนช่วงเย็น ก็เอาไปโยนไว้ตามรั้วบ้าน เราจะขึ้นบ้านไหนโยนไว้รั้วบ้านนั้น

    จากที่สังเกตไว้ว่ามีหมามากหรือว่าน้อย พอมีจำนวนพอกับหมาแล้ว โยนทิ้งเอาไว้ก็สังเกตว่าหมากินหรือเปล่า ? ซึ่งไม่มีหมาตัวไหนปฏิเสธ ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงเท่านั้น หมาทั้งหลายเหล่านั้นก็จะหลับสลบไสล ลากหางวน ๓ รอบบ้านก็ยังไม่ตื่นเลย..! จากนั้นก็ย่องขึ้นบ้านไป โดยเฉพาะชาวบ้านสมัยก่อน ทำงานหนักมาทั้งวัน ถึงเวลานอนหลับก็หลับอย่างชนิด "นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น" จึงทำให้สามารถที่จะทำให้สะเดาะกลอนย่องเบาได้ง่าย"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,828
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,659
    ค่าพลัง:
    +26,523
    เมื่อได้ยินดังนั้น หลวงพ่อท่านก็บอกว่า "ที่แท้ก็เหมือนกัน" เพราะว่ามีพระวัดหนึ่งที่อยุธยา มีตระพัง ก็คือสระน้ำใหญ่อยู่ภายในวัด วันนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ปลาช่อนตัวใหญ่ลอยหัวขึ้นมาตาย บรรดาศิษย์วัดเอาขึ้นมาก็ถามหลวงพ่อว่าจะทำอะไรกินดี หลวงพ่อท่านบอกว่าแกงป่าดีกว่า บรรดาศิษย์วัดก็ไปทำ

    ท่านก็ยังปรารภว่า ถ้าใส่ใบกัญชาสักหน่อยจะอร่อยมาก พวกศิษย์วัดด้วยความที่ไม่เคยใส่ใบกัญชา ก็เลยคิดว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า ถ้าใส่หน่อยจะอร่อยมาก ก็ใส่เยอะ ๆ ไปเลยแล้วกัน ว่าแล้วก็ประเดประดังยอดกัญชาลงไปหลายกำมือ ผลก็คือเมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยได้ไม่นาน หลวงพ่อท่านก็คอพับอยู่กับที่นั่งรับแขก ญาติโยมไปมาหาสู่เรียก "หลวงพ่อ..หลวงพ่อ" ก็มีแต่เสียงคราง "อือ..อือ" รับเท่านั้น ให้รู้ว่าได้ยิน แต่ตั้งสติไม่ได้ เพราะว่าเมากัญชามาก..!

    กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "เมาไปนานเท่าไรครับ ?" ท่านบอกว่า "ข้ามวันเลย" แสดงว่าพวกลูกศิษย์ใส่ใบกัญชาลงไปแล้วแกงป่าอร่อยมาก หลวงพ่อท่านนาน ๆ เจอของอร่อยถูกใจจึงฉันไม่ยั้ง ทำเอาเมาหลับไปข้ามวัน ท่านบอกว่าลูกศิษย์ต้องลากท่านลงมาให้นอนราบ เอาผ้าอาบพันเป็นม้วนหนุนศีรษะเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็ครึ่งพิงครึ่งเอนอยู่บนหมอนขวาน ซึ่งคนโบราณนิยมใช้ อยู่ในลักษณะของการพิงหมอนคุยกับลูกหลานนั่นเอง

    เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์ว่า กัญชานั้นจะให้ได้ผลดีก็แค่พอประมาณ ขนาดกระผม/อาตมภาพโดนไปแค่ ๒ ถ้วยชา หลับมาจนป่านนี้ยังไม่ได้สติสตังค์ดีเท่าไร ไม่ทราบเหมือนกันว่าบันทึกเสียงธรรมนี้จะเป็นเรื่องเป็นราว หรือว่ามั่วออกทะเลไปก็ไม่ทราบได้..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...