สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด! สร้าง" พุทธวจน " ปลอม

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เสขะปฎิสัมภิทา, 7 กรกฎาคม 2015.

  1. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    2535#ห้องเก็บธูปเทียนไม้ขีดไฟ ของวัด เป็นที่จำวัดคือห้องส่วนตัวของสามเณร เตียงไม้กระดานถูกเผาสึกรอบจีวร รอบร่างลงไปถึง 1-2 นิ้ว จีวรไม่ไหม้ไฟ ไฟลุกท่วมรอบตัวสูงถึง3เมตร <ผู้ดับเพลิง>ต้นเพลิงเกิดจากสามเณรตัวน้อยอายุ10ขวบผู้นั่งสมาธิจนหลับคาเทียนที่จุดไว้ที่ริมหน้าต่าง!

    2536#ผู้ที่กล่าววาจาไม่ดีและให้สึกเณรเพราะดื้อและกำลังเสียคน หลังจากนั้นเจ้าอาวาสผู้กล่าวไม่ดีนั้นก็ถูกโจรสังหารคากุฎี
    #เณรกว่า50รูป ดื้อมากๆโดยเฉพาะรุ่นพี่ๆ ไม่ทำตามน่วม! จับมัดมือมัดเท้าโยนแม่น้ำมูลก็มี ปั้มหัวใจกันแทบตาย!

    #ปี35,36เสียงร้องอันโหยหวนของสตรีเพศ จะดังเสมอตั้งแต่ท้ายวัดจนถึงกลางวัดเวลากลางคืน เป็นที่สยองขวัญแก่บุคคลที่ได้ยินโดยเฉพาะแก่สามเณรผู้ดื้อนั้นและเด็กวัด
    #ปี54จึงเป็นปีที่สะอึกสะอื้นดีใจของสตรีนั้น

    #เป็นเด็กชั้นประถมศึกษา ที่มีนิสัยประหลาดไม่ชอบชื่อของตนเองและเปลี่ยนชื่อเรียกเล่นเรียกรองของตนเอง เวลาเพื่อนและชาวบ้านเรียก เพราะไม่ชอบใจ! (โจ๊กจ๊ากกว๊ากเพ่ย ผู้เป็น#เต้ย#เป็นใคร) (เปิดประตูเข้าไปในโบสถ์แล้วเจออะไร?)


    #ตั้งชื่อ#ลูกอาทิตย์ #มารดาเพ็ญศรี

    #ก็ว่ากันไป มโนกันไปก็มี แต่ไม่ใช่วาระ




    #อดีต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2024
  2. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_6483.jpeg
     
  3. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_6481.jpeg IMG_6491.jpeg

    #ความสามารถผู้นำทางจิตวิญญาณ สร้างนักรบชะฮีดได้เพียงคำพูดไม่กี่คำ(แต่ไม่เอาดีกว่า ตายเป็นเบือแน่!)(….ตั้งแต่ฆ่าตัดหัวฯลฯ)

    ปัญหาที่เกิด! เกิดจากการหว่านแหไม่เป็น เพื่อที่จะลบล้างความผิดพลาด ที่เจ้าลัทธิเคยก่อไว้

    แต่ดันไปโฟกัสผิด กันระนาว ผู้ที่รู้และสามารถที่สุด ก็ตั้งอุเบกขาธรรม ตามกาล

    ถ้าจะฟันให้เละ! มันจบตั้งแต่นานแล้ว จะชนะสัทธรรมปฎิรูป เอาแบบสวยงาม ก็ต้องอัญเชิญพระสัทธรรมทรงเสด็จ

    ไม่ต้องพึ่งพาอสัทธรรมหรือธรรมเหล่าอื่น! มาจัดการ

    เพราะนี่คือวิถีพุทธวิถีธรรม

    IMG_6492.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2024
  4. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7155.jpeg
    การเปิดเผยการมีอยู่ในสถานะของพระสัทธรรม อันข้าพเจ้าได้ทำการน้อมการเสด็จ นำมาเปิดเผยด้วยการปฎิบัติบูชาแด่พระธรรมอันยิ่งแล้ว ขอพระธรรมจงรับการปฎิบัติบูชา อันเป็นภาระหน้าที่ในการพิจารณา แทงด้วยปัญญาของข้าพเจ้า แล้วน้อมนำมาแสดงแก่มหาชนเหล่าพุทธบริษัท ๔ ทั้งหลายฯ เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าเวไนยสัตว์ในตลอดทุกทิวาราตรีกาล นับแต่กาลบัดนี้ลุล่วงไป อันยาวนานเป็นอจิณไตยสืบไป

    สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ
    สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ
    การให้ธรรมทาน ชนะการให้ทั้งปวง
    รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
    ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทั้งปวง
    ความสิ้นไปแห่งตัณหา ชนะทุกข์ทั้งปวง
    ผู้ใดให้ธรรมเป็นทาน ผู้นั้นชื่อว่าให้พระนิพพานแก่คนทั้งหลาย

    ท่านผู้มีปฏิสัมภิทาญาณอันจะสามารถน้อมนำพระสัทธรรมอันบริสุทธิคุณ และทรงคุณประโยชน์สุขมาสู่ท่านสาธุชนทั้งหลายนั้นได้ ประกอบกับเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่กำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ พระพุทธศาสนาในปัจจุบันในไม่ช้า

    จากปี ๒๕๕๔ ดังที่ข้าพเจ้าจะแสดงอรรถาธิบายต่อไป เพื่อเอื้อเฟื้อเกื้อกูลยังประโยชน์ความเจริญในพระสัทธรรมแก่ท่านมหาชนทั้งหลาย เพื่อการเตรียมการ อันพึงจะมีมาถึง ในกาลข้างหน้า ถึงการอุบัติธรรม ของผู้มีบุญอันเป็น สหชาติธรรม ของเหล่าพุทธบริษัททั้งหลายฯ อันข้าพเจ้าจะอธิบายอรรถาธิบาย สาธยาย ดังต่อไปนี้

    {O}ผู้เห็นธรรมมีเพียง ๓ สถานะ{O}เท่านั้น (เป็นเรื่องอจินไตยหากจะกล่าวถึงการกำเนิดของพระธรรมคัมภีร์)
    " ผู้เห็นธรรม๑ คือเห็นธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์,พระปัจเจกพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้เห็นโดยตรง" ซึ่ง"พระธรรมแม่บท"โดยปฎิสัมภิทาญาน"
    " ผู้เห็นธรรม๒ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงด้วยพระประสงค์ให้เห็นตามด้วยพระทศพลญาน
    " ผู้เห็นธรรม๓ คือการพิจารณาธรรมตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สืบทอดจารึกตีพิมพ์กันมาด้วยความเพียรพยายาม ด้วยสภาวะบุญอันเข้าถึงในอดีตชาติที่สั่งสมการพิจารณาใคร่ครวญปฎิบัติมาดีแล้ว

    (๐) อญฺญาสิ วต โภ (๐)
    การสังคายนาด้วยพระปฎิสัมภิทานั้นผู้ตรัสรู้สัจจะโดยตรงซึ่งนวังคสัตถุศาสน์มิใช่การท่องจำทรงจำโดยมุขปาฐะ อาจจะไม่คุ้นเคยกันเพราะยังไม่ทราบว่าปฎิสัมภิทา๑๖คืออะไร? กันแน่!
    #ความสำคัญของอรรถกถาของอรหันต์พระปฎิสัมภิทาปฐมสังคายนา ทุติยะ,ตะติยะฯ
    #ย่อให้สั้นโดยพิสดาร
    [จักเกิดความเข้าใจในทันที]
    [เห็นหายนะของเหล่าโมฆะบุรุษอลัชชีได้ชัดเจนในทันที]
    #ญานในพระนิพพานคืออรรถปฎิสัมภิทา
    #{พระสัทธรรม}พระธรรมราชาทรงตรัสรู้ทรงเปิดประตูพระนิพพาน
    #กล่าวพระปริยัติสัทธรรมสู่การรู้แจ้ง
    #เมื่อรู้แจ้งจึงได้พระนิพพาน
    #พระสัทธรรม
    #ญานในพระนิพพาน
    #ญานมีวิมุตติรสเป็นสภาวะเป็นวิมุตติญานทัสสนะ
    #วิมุตติญานทัสสนะสู่นิรุตติญานทัสสนะ
    #นิรุตติญานทัสสนะสู่อรรถกถาญานทัสสนะ
    #อรรถกถาญานทัสสนะสู่ธรรมฐิติญานทัสสนะ
    #ธรรมฐิติญานทัสสนะสู่ผัสสนญานทัสสนะ
    เมื่อผัสสนญานทัสสนะกระทบสฬายตนะด้วยอายตนะ๑๒
    การฟังพระธรรม จนเป็นสัญญาที่มั่นคง คือ ทรงจำ พร้อมดัวยปัญญา ความเข้าใจ จนเป็นปัจจัย ให้สติปัฏฐานเกิด


    “ในการเข้าถึง วิมุตติญานทัสสนะ ซึ่ง ธรรมทิฐิญานทัสสนะ (สกานิรุตติ พระมหาปกรณ์ สุทธิมาคธี)แล้วบัญญัติ นิรุตติญานทัสสนะ ลงมาสู่ อรรถกถาญาน วกมาเป็นธรรมทิฐิญานทัสสนะ(พยัญชนะปฎิรูป มาคธี)ตามขั้นตอน ดังนี้”

    #ที่สุดแห่งปฐมภูมิ{จากองค์พระสัทธรรมโดยตรง}
    ถ้าได้เป็นพระอรหันต์มีกองวิมุตติ หรือ พระปฎิสัมภิทา ก็จะได้เห็น พระมหาปกรณ์ โดยสกานิรุตติ ”สุทธิมาคธี“ก่อนถูกถ่ายทอดลงมาเป็น ภาษาบาลี ”มาคธี“

    ทรงนามตามลักษณะ”ทองอณู,ทิพย์สุวรรณ,ทิพย์วิเศษบริสุทธิธรรม“แม้ในการสังคายนาครั้งหลัง ก็มีการถวายลักษณะ“สุทธิธัมมา ปวัตตันติ”


    อรรถกถาอรรถปฏิสัมภิทาธรรมปฏิสัมภิทา
    นิรุตติปฏิสัมภิทาปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณุทเทส ว่าด้วยปฏิสัมภิทาญาณ ๔
    บัดนี้ ญาณในการละ ในการเจริญและในการกระทำพระนิพพานให้แจ้งย่อมประกอบด้วยอริยมรรคอริยผล ฉะนั้น ท่านจึงยกเอาปฏิสัมภิทาญาณ ๔ อันพระอริยบุคคลนั่นแหละจะต้องได้ ขึ้นแสดงต่อจากผัสสนญาณนั้น.
    แม้ในปฎิสัมภิทา ๔ นั้น อรรถะคือผลธรรมอันเกิดแต่ปัจจัย ย่อมปรากฏดุจทุกขสัจจะ และเป็นธรรมอันใครๆ จะพึงรู้ได้โดยง่าย เพราะฉะนั้น ท่านจึงยกอรรถปฏิสัมภิทาญาณ ขึ้นแสดงก่อน, ต่อแต่นั้นก็ยกธรรมปฏิสัมภิทาญาณขึ้นแสดง เพราะอรรถะนั้นเป็นวิสัยแห่งธรรมอันเป็นเหตุ, ต่อแต่นั้นจึงยกเอานิรุตติปฎิสัมภิทาญาณ เพราะอรรถะและธรรมทั้ง ๒ นั้นเป็นวิสัยแห่งนิรุตติ, และต่อจากนิรุตติปฏิสัมภิทาญาณนั้น ท่านก็ยกเอาปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณขึ้นแสดง เพราะเป็นไปในญาณแม้ทั้ง ๓ เหล่านั้น.

    [อธิบายคัมภีรภาพ ๔ อย่าง]
    บรรดาคัมภีรภาพทั้ง ๔ นั้น พระบาลี ชื่อว่าธรรม. เนื้อความแห่งพระบาลีนั้นนั่นแล ชื่อว่าอรรถ. การแสดงพระบาลีนั้นที่กำหนดไว้ด้วยใจนั้นชื่อว่าเทศนา. การหยั่งรู้พระบาลีและอรรถแห่งพระบาลีตามเป็นจริง ชื่อว่าปฏิเวธ.
    ก็เพราะในปิฎกทั้ง ๓ นี้ ธรรม อรรถ เทศนาและปฏิเวธเหล่านี้ อันบุคคลผู้มีปัญญาทรามทั้งหลายหยั่งลงได้ยากและมีที่ตั้งอาศัยที่พวกเขาไม่พึงได้ ดุจมหาสมุทรอันสัตว์ทั้งหลาย มีกระต่ายเป็นต้นหยั่งลงได้ยากฉะนั้น, เพราะฉะนั้น จึงจัดว่าเป็นคุณลึกซึ้ง. ก็แลบัณฑิตพึงทราบคัมภีรภาพทั้ง ๔ ในปิฎกทั้ง ๓ นี้ แต่ละปิฎก ด้วยประการฉะนี้.

    [อธิบายคัมภีรภาพอีกนัยหนึ่ง]
    อีกอย่างหนึ่ง เหตุ ชื่อว่าธรรม, สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้พระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ความรู้ในเหตุ ชื่อว่าธรรมปฏิสัมภิทา. ผลแห่งเหตุ ชื่อว่าอรรถ สมจริงดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ความรู้ในผลแห่งเหตุ ชื่อว่าอัตถปฏิสัมภิทา.๑- บัญญัติ อธิบายว่า การสนทนาธรรมตามธรรม ชื่อว่าเทศนา. การตรัสรู้ชื่อว่าปฏิเวธ.
    ก็ปฏิเวธนั้นเป็นทั้งโลกิยะและโลกุตระ คือความรู้รวมลงในธรรมตามสมควรแก่อรรถ ในอรรถตามสมควรแก่ธรรม ในบัญญัติตามสมควรแก่ทางแห่งบัญญัติ โดยวิสัยและโดยความไม่งมงาย.๒-
    บัดนี้ ควรทราบคัมภีรภาพทั้ง ๔ ประการในปิฎกทั้ง ๓ นี้แต่ละปิฎก เพราะเหตุที่ธรรมชาติหรืออรรถชาติใดๆ ก็ดี อรรถที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพึงให้ทราบ ย่อมเป็นอรรถมีหน้าเฉพาะต่อญาณของนักศึกษาทั้งหลายด้วยประการใดๆ เทศนาอันส่องอรรถนั้นให้กระจ่างด้วยประการนั้นๆ นี้ใดก็ดี ปฏิเวธคือความหยั่งรู้ไม่วิปริตในธรรม อรรถและเทศนานี้ใดก็ดี ในปิฎกเหล่านี้ ธรรม อรรถ เทศนา และปฏิเวธทั้งหมดนี้ อันบุคคลผู้มีปัญญาทรามทั้งหลาย มิใช่ผู้มีกุศลสมภารได้ก่อสร้างไว้ พึงหยั่งถึงได้ยากและมีที่พึ่งอาศัยไม่ได้ ดุจมหาสมุทรอันสัตว์ทั้งหลายมีกระต่ายเป็นต้นหยั่งถึงได้ยากฉะนั้น.

    “ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก
    รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลง สู่ความตรึก
    ละเอียดเป็นวิสัยของบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
    ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้
    เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวงเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิทหากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเราข้อนั้นจะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่าแก่เราจะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา”

    {O} ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต {O}
    ๑) มังสจักษุ ๑) ทิพยจักษุ ๒) ปัญญาจักษุ ๔) พุทธจักษุ ๕) สมันตจักษุ
    จักษุมี ๒ อย่าง คือ มังสจักษุ ๑ ปัญญาจักษุ ๑.
    ในจักษุทั้ง ๒ นั้น ปัญญาจักษุมี ๕ อย่าง คือ พุทธจักษุ ๑, สมันตจักษุ ๑, ญาณจักษุ ๑, ทิพยจักษุ ๑, ธรรมจักษุ ๑.
    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเมื่อตรวจดูสัตวโลก ได้เห็นแล้วแลด้วยพุทธจักษุ๑- ดังนี้ ชื่อว่าพุทธจักษุ.
    คำนี้ว่า สัพพัญญุตญาณ เรียกว่าสมันตจักษุ๒- ดังนี้ ชื่อว่าสมันตจักษุ.
    คำนี้ว่า ดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว๓- ดังนี้ ชื่อว่าญาณจักษุ.
    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุ เราได้เห็นแล้วแล ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ๔- ดังนี้ ชื่อว่าทิพยจักษุ.
    มรรคญาณเบื้องต่ำ ๓ นี้มาในคำว่า ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ไม่มีมลทิน เกิดขึ้นแล้ว๕- ดังนี้ ชื่อว่าธรรมจักษุ.

    #การตรัสรู้ สัจจะนี้มี ๒ อย่าง คือ โดยการตรัสรู้ ๑ และโดยอรรถแห่งสัจจะนั้น ๑.
    ส่วนสัมโพธินั้นมี ๓ อย่าง คือ สัมมาสัมโพธิญาณ ๑ ปัจเจกสัมโพธิญาณ ๑ สาวกสัมโพธิญาณ ๑.
    ในบรรดาสัมโพธิ ๓ อย่างนั้น ชื่อว่า สัมมาสัมโพธิ เพราะรู้ คือตรัสรู้ธรรมทั้งปวง โดยชอบด้วยพระองค์เอง. มรรคญาณที่เป็นปทัฎฐานของสัพพัญญุตญาณ และสัพพัญญุตญาณที่เป็นปทัฏฐานของมรรคญาณ ท่านเรียกว่าสัมมาสัมโพธิญาณ
    ด้วยเหตุนั้น ท่านพระอานนทเถระจึงกล่าวว่า พระนามว่า พุทฺโธ ได้แก่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระสัพพัญญู ไม่มีอาจารย์ ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งสัจจะทั้งหลายเอง ในธรรมทั้งหลายที่พระองค์ไม่เคยได้ยินมาในกาลก่อน เป็นผู้ถึงแล้วซึ่งความเป็นพระสัพพัญญูในธรรมเหล่านั้น และถึงแล้วซึ่งความเป็นผู้ชำนาญในพลธรรมทั้งหลาย ดังนี้.
    แท้จริง ความเป็นผู้ชำนาญในพลธรรมทั้งหลาย มีการตรัสรู้ธรรมที่ควรตรัสรู้เป็นอรรถ. ชื่อว่าปัจเจกสัมโพธิ เพราะตรัสรู้ด้วยตนเองทีเดียวเป็นส่วนตัว. อธิบายว่า ไม่ได้ตรัสรู้ตามใคร ได้แก่ ตรัสรู้สัจจธรรมด้วยสยัมภูญาณ.

    ความจริง การตรัสรู้สัจจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย แม้เป็นไปอยู่ด้วยพระองค์เองทีเดียว โดยเป็นสยัมภูญาณ ชื่อว่ามีผู้ตรัสรู้ตาม เพราะเป็นเหตุแห่งการตรัสรู้สัจจธรรมของสัตว์ทั้งหลายหาประมาณไม่ได้.
    ก็การบรรลุสัจจะนั้นของเหล่าสัตว์ผู้หาประมาณมิได้เหล่านี้ ย่อมไม่เป็นเหตุแห่งการตรัสรู้สัจจธรรมของสัตว์แม้คนเดียว. ชื่อว่าสาวก เพราะเกิดในที่สุดแห่งการฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา. การตรัสรู้สัจจธรรมของพระสาวกทั้งหลาย ชื่อว่า สาวกสัมโพธิ.

    ก็การตรัสรู้ ๓ อย่างแม้นี้ของพระโพธิสัตว์ ๓ จำพวก พึงทราบว่า ยังการเจริญโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการมีสติปัฏฐานเป็นต้นให้บริบูรณ์ เพื่อถึงที่สุดแห่งปฏิปทาที่จะมาถึงตามลำดับของตน (รอความบริบูรณ์แห่งบารมีของตน) เพราะเว้นโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการนั้น การตรัสรู้นอกนี้จะมีไม่ได้.


    "จงพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงเถิดว่า"
    องค์สมเด็จพระบรมมหาศาสดาทรงจำแนกพระธรรมคำภีร์คำสั่งสอนออกมาเป็นทางสายกลางสายเดียวไม่มีแปลกแยกเป็นอื่น ผู้ที่ถือพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทโดยปฎิสัมภิทาญานได้ "เปรียบเสมือนผู้ถือแท่งทองชมพูนุช"เป็นแม่แบบ เป็น"รัตนมหาธาตุ"ย่อมสามารถมองล่วงรู้เห็นว่า ทองคำแท่งใดปลอมปน วัสดุอื่นตามได้อย่างละเอียด ว่ามีเหล็กบ้าง ตะกั่วบ้าง เป็นต้น ถ้าถึงกาลเวลานั้น คือมีผู้สามารถรวมรวมการแตกแยกของนิกายทั้งหมดมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เมื่อไร ด้วย ปาฎิหาริย์ ๓ ตอนนั้นจักรวรรดิธรรม ก็จะพร้อมเรียกชื่อ นิกาย อันมีนามแท้"ดั้งเดิม" อันเป็นนามที่แท้จริงของพระศาสนา เหมือนกับสมัยพุทธันดรก่อนๆ นั้นแล

    พระธรรมคำสั่งสอนอันสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสรู้ดีแล้ว ทรงจำแนกสั่งสอน นั้นไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลางและบั้นปลายในที่สุดนั้น เป็นความจริงอันเห็นตรงตาม ยอมรับศรัทธากันในพระพุทธศาสนานี้โดยเฉพาะ
    พึงเข้าใจเถิดว่า. ในยุคนี้ ผู้ที่แสดงพุทธภาษิต แค่เพียงภาษิตเดียว ก็ยังไม่สามารถแสดงได้เทียบเทียมพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระขีณาสพและพระอรหันต์ผู้ที่อยู่ในสารคุณ ให้ผู้รับฟังได้เข้าใจแจ่มแจ้งเข้าถึงวิมุติได้เลยแม้สักผู้เดียว (เมื่อผู้เสวยวิมุติแสดงธรรม ธรรมนั้นย่อมเป็นวิมุตติ)

    {โปรดเล่าเรียนศึกษาพระสัทธรรมด้วยความเคารพ}

    #เสขะปฎิสัมภิทา

    IMG_7159.jpeg IMG_7160.jpeg IMG_7161.jpeg IMG_7162.jpeg




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2024
  5. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
  6. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7046.jpeg IMG_7045.jpeg IMG_7049.jpeg IMG_7048.jpeg




    #ลัทธิไม่เอาพระพุทธเจ้าเสด็จไปดาวดึงส์โปรดพระพุทธมารดา
     
  7. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7250.jpeg IMG_7259.jpeg IMG_7260.jpeg

    #การตรัสรู้สัจจะ ไม่ใช่การร่ำเรียนโดยอาการถือเอาด้วยการท่องจำแบบมุขปาฐะหรือศึกษาจดจำจากพระปริยัติที่จารจารึก


    #ในมหาทวีปทั้ง ๔ จะมีผู้รู้และเข้าใจในเรื่องราวนี้ตามความเป็นจริง อย่างตรงไปตรงมามากสักเพียงใดกันนะ
    #หมายถึงภพชาติที่ถูกอวิชชาครอบงำ
     
  8. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7261.jpeg IMG_7262.jpeg IMG_7263.jpeg

    นวังคสัตถุศาสน์หายไปไหน! ธาตุก็ส่วนธาตุ ปริยัติก็ส่วนปริยัติ รู้ก็ส่วนรู้ เรียนก็ส่วนเรียน ปฎิบัติก็ส่วนปฎิบัติ ปฎิเวทหรือ อปฎิเวทก็เป็นผลและไม่ปรากฎผลก็ส่วนของปฎิเวท

    #ปัจจุบันเอามาวิสัชนาแบบรวมฮิตเมดเลย์

    นี่แหละ! ยิ่งมั่วยิ่งดัง!ยิ่งยึดยิ่งติดที่ตัวบุคคล ไม่ใช่ที่ธรรมแท้
     
  9. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    เหตุและปัจจัย

    IMG_7705.jpeg

    IMG_7706.jpeg
    IMG_7722.jpeg IMG_7721.jpeg


    พระโพธิสัตว์มากบารมี เกิดเป็นสหชาติร่วมกัน เป็นไปได้ยากที่จะไม่รู้จักกัน ไม่เคยกล่าวถึงกัน หรือพิจารณาธรรมใดๆในหมวดและหัวข้อเดียวกัน เพราะแต่ละท่านก็ต่างเป็นคณาจารย์เสาหลักของพระพุทธศาสนา

    #คิดแบบใจกว้างๆหน่อย! ความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันยังมีอีกมาก


    ไขคดี:ปรามาสหลวงพ่อ ล่าสุด! เพื่อปกป้องหลวงพ่อฤาษีฯ

    #ความเกี่ยวพันและคุ้นเคยกัน ของ ท่านพุทธทาส หลวงพ่อฤาษี และท่านเสถียรโพธินันทะ

    #ผู้กล่าวว่าร้ายหลวงพ่อ ไม่ได้รู้จักปฎิปทาของหลวงพ่อ ซึ่งจะเป็นผู้ใดก็ตาม หลวงพ่อไม่ได้กล่าวผิดจากที่รู้มาทั้งในฝ่าย เถรวาทและมหายาน






    IMG_7694.jpeg

    พระพุทธรูปผู้เป็นสัญญลักขณ์ (สัญลักษณ์) แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จัดเป็นปูชนียวัตถุสูงสุด ผู้สร้างพระพุทธรูปจะได้ประโยชน์ ดังนี้

    ๑. ได้บุญตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดสร้างเพราะเป็นความคิด อันประกอบด้วยศรัทธาในพระพุทธองค์จัดเป็น ตถาคตโพธิศรัทธา

    ๒. เมื่อบริจาคทรัพย์ในการสร้างจัดเป็น ทานบารมี

    ๓. เมื่อขวนขวายติดตามตลอดงานจัดสร้างพระปฏิมาจัดเป็นกุศลส่วนเวยยาวัจจมัย

    ๔. เมื่อองค์พระปฏิมาสำเร็จบริบูรณ์ได้เป็นที่ตั้งแห่งความตามอนุสสรณ์ (อนุสรณ์) ถึงพระพุทธคุณทั้งตนเองด้วย ทั้งผู้อื่นด้วยกุศลจะเกิดเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้อาศัยพระพุทธปฏิมาเป็นสื่อน้อมนำให้ระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งกุศลจริยาอื่น ๆ อีกเป็นอันมาก

    ๕. อำนาจแห่งกุศลที่สร้างพระพุทธปฏิมาส่งผลให้ได้เกิดเป็น คนรูปงาม มีบุคคลิกสง่าเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชุมชน และ เมื่อมีอิสสริยยศ, บริวาร ทรัพย์สมบัติตลอดจนความสุขสถาพร ไม่เป็นโรควิกลวิการ

    ๖. ปิดอบายภูมิ และส่งให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิทันที ในสมัยกาลมรณะแล้ว หากมีอารมณ์ในกุศลกิจนั้นมาปรากฏให้จิตยึดก่อนจะจุติ

    ๗. เป็นการส่งเสริมพุทธศิลปให้เจริญแพร่หลายพุทธศิลปนั้นในชนที่มีความเจริญทางสติปัญญา เขายกย่องว่าเป็นศิลปอันสุขุม ประณีตละเอียดอ่อน เป็นสัญญลักขณ์ (สัญลักษณ์) แห่งสันติธรรม และปัญญาธรรมบริสุทธิ์

    ส่วนผลของการทำลายพระปฏิมานั้น ในคัมภีร์ชั้นฎีกา ท่านแสดงไว้ว่า มีบาปเท่ากับทำลายต่อองค์พระบรมศาสดาเหมือนกัน ถึงห้ามสวรรค์ห้ามนิพพาน เที่ยงต่อการตกนรกหมกไหม้ชั้นอเวจีทีเดียว แม้ในกฎหมายโบราณท่านก็ตราเป็นพระราชกำหนดว่า ผู้ใดทำอันตรายต่อพระพุทธรูปมีตัดแขนพระ เป็นต้น ก็ให้จับมันมาลงโทษด้วย การตัดแขนบ้าง ที่ต้องกำหนดโทษรุนแรงทั้งฝ่ายธรรมฝ่ายโลกอย่างนั้น ก็เพราะการทำลายพระพุทธรูปด้วยบาปเจตนาเท่ากับเป็นการทำลายจิตใจของประชาชนพุทธบริษัททั่วไป ก็ผู้ที่ทำอันตรายต่อปูชนียวัตถุ อันเป็นมิ่งขวัญสูงสุดทางใจของคนจำนวนมากอย่างนั้น ก็ต้องมีผลตอบรุนแรงมากตามธรรมดา และที่ท่านว่าห้ามสวรรค์ห้ามนิพพาน ก็เพราะ คนลงมีใจบาปกล้าทำอันตรายพระปฏิมาได้ คนนั้นที่ไหนจะมีแก่ใจปฏิบัติธรรม เมื่อไม่ได้ปฏิบัติธรรมแล้วที่ไหนจะได้สวรรค์นิพพานเล่า ท่านฎีกาจารย์ว่าของท่านก็เข้าด้วยเหตุผล เมื่อลงห้ามสวรรค์นิพพาน แล้วคติใดเล่าที่ผู้กระทำอกุศลกรรมดังนั้นจักไป ก็มีอบายภูมิ ๔ เท่านั้นที่จะไป

    - หนังสือตอบปัญหาร้อยแปด โดย อ.เสถียร โพธินันทะ
    https://www.facebook.com/share/p/1FN5VUKSmQ/?

    IMG_7667.jpeg

    คติความเชื่อ อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก ชำระหนี้สงฆ์

    การชำระหนี้สงฆ์ สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอกขึ้นไปถวายแก่วัด ตัดกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด

    การสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกถวายแก่วัด พร้อมตั้งจิตกุศล สร้างองค์พระเพื่อชำระหนี้สงฆ์ ถือเป็นอจินไตย บุญใหญ่ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ จักตัดกรรมที่เป็นอกุศลต่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมด ทั้งในอดีตชาติและในชาติภพปัจจุบัน

    ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประเภทที่พุทธศาสนิกชนชาวพุทธได้ถวาย หรือตั้งจิตถวายไว้ให้เป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ดอกไม้ ใบหญ้า ผลไม้ หรือเศษไม้ในวัด ที่คิดว่าไม่สามารถทำประโยชน์ใดๆ ได้แล้ว หากนำมาทำฟืนหรือทำอย่างอื่นแม้เพียงเล็กน้อย เพื่อประโยชน์ส่วนตน จะถือว่าขโมยของสงฆ์ และมีโทษตามกำลังบาป


    ที่มาของ ‘หนี้สงฆ์’

    ของสงฆ์นั้นถือว่าเป็น ‘ของสูง’ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ พระภิกษุสงฆ์เท่านั้นที่มีอภิสิทธิ์ในการใช้สอยได้ ต่อมาอุบาสก อุบาสิกา มีการเข้าไปปฏิบัติธรรมถือศีลอุโบสถ นอนค้างในวัดนาน ๓ วัน ๗ วัน ได้กินข้าวในวัด ได้ใช้น้ำ ใช้ไฟฟ้าของวัด ผู้ปฏิบัติธรรมจึงเกิดสำนึกบุญคุณอันได้ประโยชน์จากการพึ่งพาวัด และรู้สึกเป็นหนี้วัด จึงมักจะบริจาคทำบุญให้วัดนั้นๆ โดยตั้งจิตอันเป็นกุศลว่าเป็นการใช้หนี้สงฆ์ นิยมเรียกกันว่า 'ชำระหนี้สงฆ์' นั่นเอง

    แท้จริงแล้วความรู้สึกติดหนี้สงฆ์นั้น ดั้งเดิมมาจากอัธยาศัยอันละเอียดอ่อนของพุทธศาสนิกชนชาวไทยในสมัยก่อน ที่มีจิตงดงามอันเป็นกุศลและด้วยศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่างมาก จากหลักความประพฤติของคนโบราณที่สั่งสมมายาวนาน มีความเชื่อว่าแม้แต่ทรายเม็ดเดียวที่ติดมากับเท้าหลังจากเข้าวัด ก็ไม่ควร ต้องเคาะดินเคาะทรายที่ติดมากับรองเท้าออกให้หมดเสียก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการนำของสงฆ์ออกมาจากวัด จะได้ไม่เป็นหนี้สงฆ์



    การชำระหนี้สงฆ์ สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไป ตัดกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด

    พระราชพรหมยาน หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปในนาม ‘หลวงพ่อฤาษีลิงดำ’ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม ในจังหวัดอุทัยธานี ปูชนียบุคคลผู้พร่ำสอนธรรมะอย่างแข็งขันตลอดอายุขัย และสงเคราะห์เกื้อกูลพุทธศาสนิกชนชาวไทยด้วยเมตตา ท่านเป็นที่เลื่องลือ มีชื่อเสียงทางด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน และวิชามโนมยิทธิ ได้ตอบข้อสงสัยของญาติโยมที่มาฟังธรรมะเกี่ยวกับการชำระหนี้สงฆ์เอาไว้ว่า

    การเป็นหนี้สงฆ์นั้นมีโทษมาก เป็นบาปถึงขั้นลงอเวจี แม้ใช้เงินทองมากมายเพียงใดก็มิอาจชำระให้ได้ครบถ้วน พุทธศาสนิกชนที่ได้สดับตรับฟังธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงมีคำถามเกี่ยวกับการเป็นหนี้สงฆ์ในอดีตชาติปางก่อน ที่อาจส่งผลทำให้ชีวิตพบพานแต่อุปสรรคในชาติภพปัจจุบัน และจะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถชำระหนี้สงฆ์ได้

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ตอบปัญหาธรรมเกี่ยวกับการชำระหนี้สงฆ์เอาไว้ว่า "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็นเงินเท่าไรก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก พระหน้าตัก ๔ ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆ มาถือเป็นการหมดกันไป"



    อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก ชำระหนี้สงฆ์

    การสร้างพระพุทธรูปถวายแก่วัดนั้น เป็นมหากุศลผลบุญยิ่งใหญ่ จัดเป็นพุทธบูชาที่เป็นอจินไตย มิสามารถประเมินค่าได้ องค์พระพุทธรูปเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ใดพบเห็นจะระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พร้อมน้อมนำหลักของพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ตลอดจนกราบไหว้สักการะองค์พระพุทธรูปในยามชีวิตยากลำบาก พึ่งพาอานิสงส์ของพระพุทธปฏิมากรรมให้เกิดเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อพบพานความสงบสุขในจิตใจ อันจะทำให้เกิดสติปัญญาในการแก้ปัญหา และพบหนทางสว่างแห่งชีวิต

    อานุภาพของการชำระหนี้สงฆ์ ด้วยการสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไป จึงก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะทำให้ชำระหนี้สงฆ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ หนี้เวรหนี้กรรมใดที่มีต่อภิกษุสงฆ์ ทั้งที่เคยล่วงเกินอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ ส่วนกุศลทั้งหมดให้ถือว่าหมดแล้วต่อกันไป เหตุที่ต้องเป็นพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไป จะเล็กกว่าไม่ได้ เพราะขนาดองค์พระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก เป็นองค์พระประธานขนาดมาตรฐาน เมื่อสร้างถวายแก่วัดจะถือเป็นพระประธานที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อพุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง สืบต่ออายุขัยและขยายพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ยาวนานสืบไป

    การสร้างพระพุทธรูปได้บุญตั้งแต่จิตที่เริ่มคิดสร้าง ยิ่งทำจนสำเร็จก็ยิ่งได้อานิสงส์มาก เมื่อมีผู้พบเห็นพระที่เราสร้าง แล้วเกิดศรัทธา เกิดปิติ เกิดความเลื่อมใส เราจักเป็นผู้ได้รับผลแห่งบุญนั้นด้วยทุกครั้งและเป็นต้นเหตุให้เขาเข้าถึงพระพุทธศาสนา อานิสงส์ผลบุญย่อมมิอาจบรรยายได้หมด

    ผู้สนใจสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกถวายแก่วัด เพื่อชำระหนี้สงฆ์ ร้านรุ่งเรืองพานิช โรงหล่อพระเสาชิงช้า ผู้คอยส่งเสริมพระพุทธศาสนาจากรุ่นสู่รุ่นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๑๓ มีความปีติยินดีอย่างยิ่งในการสร้างพระใหญ่ให้กับผู้มีจิตศรัทธา ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่าน ให้เข้ามาดูผลงานพุทธศิลป์อันวิจิตรบรรจงมากมายจากฝีมือช่างกรุงเก่า ร้านขายพระพุทธรูป รุ่งเรืองพานิช ร้านพระเสาชิงช้า ร้านแรกบนถนนบำรุงเมือง เราคือผู้เชี่ยวชาญในงานบุญทุกรูปแบบ สนใจสอบถามพระพุทธรูป หน้าตัก ๔ ศอก ราคา สามารถติดต่อ 'คุณนุช' และ 'คุณแนน' เจ้าของร้านรุ่งเรืองพานิชได้โดยตรง ทั้งสองท่านยินดีอยากเป็นสะพานบุญให้ชาวพุทธไทยทุกคน ได้ทำบุญในราคาสุดย่อมเยา อิ่มบุญกันอย่างทั่วหน้า และทำบุญได้อย่างสบายใจ

    https://www.rungruangpanich.com/blog-อานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก-4-ศอก




    IMG_7693.jpeg


    #มีคนเกมส์


    #อ้างที่ไปที่มาให้ได้ ว่าใครเป็นคนพูดคนสอนบิดเบือนหลวงพ่อฤาษี เรื่องการสร้างพระ 4 ศอกปิดอบายภูมิ!
    #การทำบุญจะมากน้อย จะแสดงศรัทธาหรือไม่แสดงการศรัทธาไม่เกี่ยว

    #เล่ห์เหลี่ยมคนสมัยนี้มีเยอะแยะ ทำทีเข้าหาแล้ว เป็นกบฏ หักหลังมีเยอะแยะทุกๆวงการ พวกวางงานมีเพียบ

    ใครมันจะไประวังตัวแบบรัดกุมขนาดแจกรหัสหมายเลขสมาชิกในการเข้าหาตัวในธรณีสงฆ์ กลัวๆหลอนๆ

    Key:การสร้างพระ 4 ศอกเป็นคำกล่าวคำสอนของใคร?๑
    #คำด่า ด่าคนกล่าวสอนต้นฉบับ หรือ ด่าคนกล่าวอ้าง ๑
    #ถ้าด่าคนกล่าวอ้างทำไมจึงไม่ด่าว่าอ้างคำสอนหลวงพ่อมาแต่แรก เพื่อป้องกันคนเข้าใจผิด๑
    #ตั้งใจหรือบังเอิญ เพราะเจ้าลัทธิที่ไปสังกัดตอนบวช ก็กล่าวคำพูดเบียดเบียนหลวงพ่อฤาษี และพึ่งมีปัญหากับหลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน
    #ด่าเรื่องคนสอนผิดบิดเบือนเรื่องพระ 4 ศอก ด่าก่อนหรือด่าหลังการมีวาทะฯกับหลวงพ่อเล็ก **ถ้าด่าก่อนเช็คบุคคล ว่ามีตัวตนจริงๆหรือไม่ชี้เป้าส่งให้ลูกศิษย์หลวงพ่อทราบว่าเป็นใครเรื่องก็จบ
    **ถ้าด่าหลัง แล้วยังแสดงตัวบุคคลที่ด่าว่าเขาบิดเบือนมาไม่ได้ อ้างอิงที่ไปที่มาไม่ได้ ก็ย่อมน่าสงสัย

    จริงๆถ้าบอกว่าศรัทธาหลวงพ่อจริงๆและด่าออกสื่อขนาดนี้มันต้องเก็บหลักฐานคนมาจาบจ้วงบิดเบือนคำสอนของหลวงพ่อไว้ด้วย ใครที่เป็นลูกศิษย์แท้ๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นอยู่แล้ว


    #ระวังจะเป็นการปัดเผือกร้อนให้พ้นตัว ถ้ายืนยันอะไรๆไม่ได้ จะเป็นเพียงคำกล่าวอ้างถลากไถลไปเรื่อยแก่ตัวแบบน้ำขุ่นๆ

    #อยากพ้นผิดต้องชัดเจน!

    #ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เวลาใด ถ้าชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็จบ!


    #ปิดคดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2024
  10. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30




    คนที่ออกมาปกป้อง!

    #มารเดินเกมส์ หมากกระดานนี้ถ้าจะทำให้จบง่ายมาก!

    ง่ายสุดๆ
     
  11. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    ปริศนาธรรม ! ทุกๆอย่าง หากพิจารณาอย่างแยบคาย
    บางอย่างก็ให้คิดจริงจังว่า ย่อมไม่พูดเล่นๆ ท่านเห็นอะไร?




    IMG_7708.jpeg
    IMG_7711.jpeg

    #ตัวเลขระบุวันที่ 13-05-31…32….ฯ
    #หรือเป็นตัวเลขระบุเวลา ….

    เรื่องบังเอิญแบบมโนฯ

    #หาก พ.ศ.บันทึกที่ท่านแสดงไว้ในคลิปไม่ผิด จขกท.อายุได้ 7 ขวบ

    #จขกท เกิด 14-05-2524

    #พิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤศจิกายน 2024
  12. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
  13. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30





    IMG_7733.jpeg IMG_7732.jpeg


    #พฤติกรรม ฟาดเขี้ยว ฟาดงา ไปทั่ว เป็นปกติวิสัยของผู้เจริญในธรรมหรือไม่ มีปัญหาอะไรมากหรือเปล่าในชีวิต




    คาถาเงินล้าน คืออะไร มากจากไหน ไขข้อข้องใจ ของผู้ที่กำลังสนใจ

    สภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ผู้คนหันกลับเริ่มปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อค้นหาคุณภาพกายและใจที่ดีขึ้น ความสงบในจิตใจมีส่วนสำคัญ ซึ่งรวมถึงการสวดมนต์ หนึ่งในนั้นคือบทสวดมหาเศรษฐี ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน โชคลาภ ความมั่งคั่ง และมีคุณเรื่องเมตตามหานิยม เป็นการสร้างบทสวดจากพระเกจิชื่อดัง แล้วกลายมาเป็นคาถาเงินล้าน ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นจึงขอแนะนำความน่าสนใจของบทสวดนี้ และการนำเสนอบทสวดของแต่ละเกจิดัง เพื่อให้เป็นทางเลือกของผู้ที่กำลังสนใจในเรื่องนี้

    เทคนิคการสวดคาถาเงินล้าน พร้อมคำอธิษฐาน เพื่อความมั่นใจ

    คาถาเงินล้าน มีหลายบท แบ่งตามสายของพระเกจิอาจารย์ คุณสามารถเลือกท่องตามสายที่ศรัทธา ตามความเชื่อ หรือท่องทั้งหมดก็ได้เช่นกัน นักธุรกิจและผู้ค้าขาย เชื่อว่าการสวดมนต์ด้วยบทนี้ ก่อนทำธุรกิจหรือระหว่างการทำธุรกรรม จะดึงดูดลูกค้าและนำความสำเร็จทางการเงินมาให้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ไม่มีการหลอกลวง หรือการปฏิบัติที่ผิดจริยธรรม และไม่เอาเปรียบลูกค้าหรือแสวงหาผลกำไรมากเกินไป การมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม จะเพิ่มประสิทธิภาพของการสวดคาถาเงินล้าน และนำไปสู่การเติบโตทางจิต ความเจริญรุ่งเรือง โดยมีเทคนิคการเตรียมตัวก่อนสดคาถา ดังนี้

    การกำหนดความตั้งใจ ให้กำหนดอย่างชัดเจน ถึงสิ่งที่คุณต้องการบรรลุ จากการสวดคาถาเงินล้าน ตั้งจิตให้แน่วแน่ มุ่งมั่น ศรัทธา และคิดในเชิงบวกเท่านั้น
    การกำหนดสถานที่ ให้เลือกเป็นสถานที่สงบ สะอาด ตั้งโต๊ะหมู่เพื่อสักการะ ประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน พระพุทธรูป และรูปของพระที่คุณนับถือ หากไม่สะดวกให้อธิษฐานได้ทุกที่
    การเตรียมตัวส่วนตัว ทำความสะอาดร่างกายด้วยการอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อยและสุภาพ หลีกเลี่ยงการสวมเครื่องประดับ
    การเตรียมบทสวด เลือกคาถาเงินล้านที่เหมาะสมและตรงใจคุณ ฝึกอ่านให้คล่อง
    บริหารเวลา เลือกเวลาที่สะดวก สวดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเช้า เย็น หรือหลังสวดมนต์ทุกวัน
    หลังจากเตรียมทุกอย่างตามที่แนะนำแล้ว ให้สงบจิตใจ นั่งสมาธิ และเริมสวดนะโม 3 จบ จากนั้นจึงคาถาเงินล้าน 3 จบ, 9 จบ, 30 จบ หรือคาถาเงินล้าน 108 จบ ตามที่คุณต้องการ เมื่อเสร็จแล้ว ให้ยืนยันความตั้งใจของคุณอีกครั้ง จินตนาการถึงการดึงดูดความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง เพื่อให้การสวดคาถามีประสิทธิผลที่รวดเร็ว ควรสวดภาวนาเป็นประจำ รักษาจิตใจให้สงบ ฝึกสมาธิ ควบคุมการหายใจ สร้างปัญญา และสะสมบุญด้วยการถวายสังฆทาน แสดงความเมตตา การปฏิบัติเหล่านี้จะนำไปสู่ความก้าวหน้าในชีวิตอย่างต่อเนื่อง

    คาถาเงินล้าน จากเกจิดังที่มีชื่อเสียงสูงสุดในไทย

    ความเชื่อในพลังคาถาเงินล้าน เป็นหัวข้อที่ดึงดูดความสนใจของหลาย ๆ คน เสน่ห์แห่งความมั่งคั่ง เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจบุคคลจากทุกสาขาอาชีพ ซึ่งคาถาเป็นเพียงหนึ่งในความเชื่อมากมาย ของผู้ที่ต้องการเพิ่มความเจริญรุ่งเรือง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าถึงด้วยจิตใจที่มีวิจารณญาณ สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มท่องคาถาเงินล้าน ขอแนะนำ 3 คาถาจาก 3 เกจิอาจารย์ชื่อดัง และอย่าลืมท่องบทสวดด้วยใจที่เปิดกว้างและมีพลังแห่งความเชื่อ โดยมีเนื้อหาดังนี้

    1.คาถาเงินล้าน 9 จบหลวงพ่อฤาษีลิงดํา

    คาถาเงินล้าน หลวงพ่อฤาษีลิงดํา เป็นบทสวดยอดนิยมของคนไทยจำนวนมาก เชื่อกันว่าเป็นบารมีของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ว่ากันว่าเสริมสิริมงคลทางการเงิน ดึงดูดความมั่งคั่ง และปรับปรุงกิจการค้าขาย ถือเป็นวิธีการเพิ่มความมั่นใจในการประสบความสำเร็จ บนอาชีพการงาน ในสมัยที่ทานได้มาจำวัดท่าซุง มีพระภิกษุผู้ศรัทธาเลื่อมใสในคำสอนของท่านมากมาย ครั้งหนึ่งได้ให้คำสอนว่าผู้ที่ปรารถนาจะเป็นสาวก ไม่จำเป็นต้องไปพบท่านด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามคำสอนก็ถือเป็นสาวกของพระพุทธศาสนาได้ หลวงพ่อฤาษีลิงดําของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา เหมาะกับผู้ทำธุรกิจและแสวงหาเงิน ด้วยวิถีทางที่ซื่อสัตย์ เชื่อกันว่าการสวดเป็นประจำ จะทำให้จิตใจแจ่มใส มั่นคงในความดี และดึงดูดความเจริญรุ่งเรือง เป็นการเสริมโชคลาภ เสริมสิริมงคล และเรียกทรัพย์ได้ โดยให้เริ่มจากการตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดตามนี้

    นาสังสิโม

    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)

    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )

    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)

    มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)

    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา

    วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)

    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)

    เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

    2.คาถาเงินล้านหลวงพ่อปาน

    คาถาศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าพระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ หรือคาถาเงินล้าน หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค กล่าวกันว่าจะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตของผู้ท่องคาถาอย่างต่อเนื่อง หลายคนเชื่อว่าการสวดคาถานี้เป็นประจำจะเจริญรุ่งเรื่องอย่างมาก โดยให้ก่อนนอน, ก่อนใส่บาตรตอนเช้า, ช่วงบ่าย 13.00 น. และช่วงเย็น 15.00 น. เป็นต้นไป หรือบ่อยกว่านั้น จะประสบกับการเปลี่ยนแปลง ในด้านความมั่นคงทางการเงิน และการดำเนินธุรกิจ คาถานี้สามารถท่องได้ตลอดทั้งวัน และทุกวันอย่างต่อเนื่อง ว่ากันว่าอานิสงส์ของพระพุทธมนต์ จะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และโชคลาภมากมาย เชื่อกันว่ามีส่วนช่วยให้การค้าขายมั่งคั่ง ให้ความสำเร็จทางการเงินอย่างแท้จริง

    เริ่มต้นจากการตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดตามนี้

    พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ (ว่า ๑ จบ)

    วิระทะโย วิระโคนายัง

    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา

    วิระอิตถิโย พุทธัสสะ

    มาณีมามะ พุทธัสสะ สะวาโหม

    3.คาถาเงินล้าน มหาลาภ หลวงพ่อรวย

    หลวงพ่อรวย พระภิกษุชื่อดังจากวัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นครูสอนทางจิตวิญญาณ ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง และมีความเข้าใจหลักพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง เป็นที่รู้จักจากบทสวดคาถาเงินล้านที่ทรงพลัง เชื่อกันว่าจะนำโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง และคำอวยพร มาสู่ผู้ที่สวด หลวงพ่อรวยเป็นที่นิยมในการดึงดูดความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนส่งเสริมความมีน้ำใจและโชคลาภ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมที่จะฝึกฝน ความมีน้ำใจและความเมตตาต่อผู้ที่ด้อยโอกาส ตลอดจนทำงานอย่างขยันขันแข็ง และซื่อสัตย์

    เริ่มต้นจากการตั้งนะโม 3 จบ แล้วท่องคาถาเงินล้าน 30 จบ ตามนี้

    สัมพุทธชิตา จะสัจจานิ

    เกรัตน์สะ พระพุทธชิตา

    สัพพะโส คุณะวิภา

    สัมปัจโต นะรุตตะโม

    มหาลาภัง สัพพะสิทธิ

    ภะวันตุเมพระเจ้า

    คาถาเงินล้าน จะสัมฤทธิ์ผลได้ดี ผู้ใช้ต้องมีความมุ่งมั่น

    สิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งในการมุ่งสู่ความมั่งคั่ง ด้วยการสวดคาถาเงินล้าน และทำสมาธิ คือ การทำงานอย่างขยันขันแข็งและรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง ด้วยความมุ่งมั่น ความอดทน ความขยัน และทุ่มเท หมายความว่างานจะต้องทำด้วยความอดทน ความขยัน และทุ่มเท จึงจะประสบความสำเร็จได้ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน และรู้จักออมตามสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากการจัดสรรรายได้ ยังสามารถศึกษาโอกาสในการลงทุน ที่อาจสร้างรายได้เพิ่มเติมได้อีกด้วย หลักการเหล่านี้เป็นก้าวแรกสู่การสร้างรายได้ และก้าวไปข้างหน้าสู่ความสำเร็จ ก่อนเริ่มงาน แนะนำให้ท่องหลักการทั้ง 3 นี้ เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการทำงานและเงิน ในแต่ละวัน

    https://www.ananda.co.th/blog/thegenc/คาถาเงินล้าน/
     
  14. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7754.jpeg

    "พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมในวิธีแห่งการดักใจคน"

    [๗๘] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมที่เยี่ยม

    #คือพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมในวิธีแห่งการดักใจคน

    วิธีแห่งการดักใจคน ๔
    อย่างเหล่านี้ คือ
    คนบางคนในโลกนี้ ดักใจได้ด้วยนิมิตว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็น
    เหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นี้วิธีแห่งการดักใจคนข้อที่ ๑ ฯ

    ยังอีกข้อหนึ่ง บางคนในโลกนี้ มิได้ดักใจได้ด้วยนิมิต ต่อได้ฟังเสียงของมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือเทวดาทั้งหลายแล้ว จึงดักใจได้ว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นี้วิธีแห่งการ
    ดักใจคนข้อที่ ๒ ฯ
    ยังอีกข้อหนึ่ง คนบางคนในโลกนี้ มิได้ดักใจได้ด้วยนิมิต ทั้งมิได้ฟังเสียงของมนุษย์หรืออมนุษย์หรือเทวดาทั้งหลายดักใจได้เลย ต่อได้ฟังเสียงละเมอของผู้วิตกวิจาร จึงดักใจได้ว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน
    เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นี้วิธีแห่งการดักใจคนข้อที่ ๓ ฯ
    ยังอีกข้อหนึ่ง คนบางคนในโลกนี้ มิได้ดักใจได้ด้วยนิมิต มิได้ฟังเสียงของมนุษย์หรืออมนุษย์หรือเทวดาทั้งหลาย ดักใจได้เลย ทั้งมิได้ฟังเสียงละเมอของ
    ผู้วิตกวิจารดักใจได้เลย

    #แต่ย่อมกำหนดรู้ใจของผู้ได้สมาธิซึ่งยังมีวิตกวิจารด้วยใจได้ว่า
    #มโนสังขารของท่านผู้นี้ตั้งอยู่ด้วยประการใด
    เขาจะต้องตรึกถึงวิตกชื่อนี้
    ในลำดับจิตขณะนี้ ด้วยประการนั้น เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นี้วิธีแห่งการดักใจคนข้อที่ ๔ ฯ

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ..
    #นี้ก็เป็นข้อธรรมที่เยี่ยมในวิธีแห่งการดักใจคน ฯ

    เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ บรรทัดที่ ๒๒๑๙-๒๒๔๑ หน้าที่ ๙๒-๙๓.
    https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=2219&Z=2241&pagebreak=0
    https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=11&item=78&items=1

    วิธีแห่งการดักใจคน ๔ อย่างคือ

    ก.) ดักใจได้ด้วยนิมิตว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

    ข.) ดักใจได้ด้วยฟังเสียงของมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือเทวดาทั้งหลาย จึงดักใจได้ว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

    ค.) ดักใจได้ด้วยฟังเสียงละเมอของผู้วิตก วิจาร จึงดักใจได้ว่า ใจของท่านอย่างนี้ ใจของท่านเป็นอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้

    ง.) กำหนดรู้ใจของผู้ได้สมาธิซึ่งยังมีวิตกวิจารด้วยใจได้ว่า มโนสังขารของท่านผู้นี้ตั้งอยู่ด้วยประการใด เขาจะต้องตรึกถึงวิตกชื่อนี้ ในลำดับจิตขณะนี้ ด้วยประการนั้น เขาดักใจได้มากอย่างทีเดียวว่า เรื่องนั้นต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นแน่นอน เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้



    อ้างอิง:
    สัมปสาทนียสูตร พระไตรปิฎกฉบับหลวง เล่มที่ ๑๑ ข้อที่ ๗๘ หน้า ๗๙
     
  15. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
  16. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30




    #วิสัชนาลึกเข้าไปอีก!

    {ปริยัติวาระ} คือ ปฎิสัมภิทา ๐รู้ตามได้ แต่ก็อยากให้เห็นให้ได้แล้วจะหายสงสัย๐ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญในชาติ ที่มารู้เห็นเรื่องราวอันสำคัญยิ่งอย่างนี้!

    #รู้ไม่จริง กล่าวไม่ได้

    #เรื่องเดียวกัน เข้าใจแบบพื้นฐานคร่าวๆได้เหมือนกัน แต่การเข้าใจระดับสูงจะเข้าสู่นัยยะอื่น ที่ถูกปิดบังไว้ ด้วยความไม่รู้

    #พิจารณาการเกิดอรรถพยัญชนะ การเปลี่ยนแปลงของพยัญชนะปฎิรูป จากสุทธิมาคธี มาเป็น มาคธี หรือภาษาอื่นๆเป็นต้น

    #มันก็เหมือนเมฆหมอกบังพระจันทร์

    #มีอยู่จริงแต่ชนส่วนใหญ่ ไม่ได้รู้เห็นไม่ได้เข้าใจ เพราะ ไม่สามารถนึกตรึกเอาได้ เพราะต้องเห็นด้วย ทิพยจักษุ ธรรมจักษุ จริงๆ

    #ถ้าไม่รู้ไม่เห็น ย่อมวิสัชนาไม่ได้ !เพราะไม่ใช่ฐานะ จึงเพ่งแต่ฉลากยากับ สรรพคุณของยา ผลของยาในระดับหนึ่งเพียงเท่านั้น

    แต่ในรสของยา เขาจะไม่ทราบ!



    #ฟังแล้วพิจารณาดูให้ดีๆว่า การเข้าใจในระดับหนึ่ง คือสามัญทั่วไป
    กับ การเข้าใจอีกหนึ่งระดับที่ลึกซึ้งขึ้น ระดับ การถ่ายทอดสัจฉิกัฐฐะปรมัตถธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงโปรด

    https://tripitaka-online.blogspot.com/2016/08/tpd37-01.html?m=1



    #ฉลากยา

    #สรรพคุณของยา

    #รสของยา


    #ผลของยา


    #มีมีดแต่มันไม่มีคม ยังไม่ได้ลับคม มีดมันทื่อ! เพราะถือเอาแบบซื่อๆ เลยไม่ได้ฟันกันสักที

    อนุโมทนาฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2024
  17. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_8101.jpeg






    ในเรื่องนี้ ต่อให้เป็นนักวิชาการระดับสูงของโลกในด้านพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้ไม่มีในปฎิสัมภิทาจะไม่มีทางได้เข้าใจ

    ถ้าหากว่ามีใครสัก กล่าวว่า ภาษาบาลีไม่ใช่ภาษา

    มี "พระมหาปกรณ์" อยู่ครับ แต่ ต้องพิจารณาขอบเขต ๒๕๐+ ๓๐๐=๙๐๐ โยชน์ มัชฌิมประเทศที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายมาจุติ และภาษาอื่นที่ทรงเสด็จไปทรงโปรดด้วย จึงจำเป็นต้องถ่ายทอดลงมาเป็นสุทธมาคธี-มาคธี พระมหาปกรณ์นั้น ถ้าเห็นสภาพการเปลี่ยนแปลงก็จะเข้าใจครับ และในกาลอื่นๆที่ทรงเสด็จไปโปรด ภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพระพุทธวจนะก็ทรงถ่ายทอดลงมาเป็นภาษาอื่นๆเมื่อทรงเสด็จไปโปรดสัตว์ในโลกธาตุที่มีภาษาอื่นอีกด้วยครับ ถ้าเขากล่าวว่า" ไม่ใช่ภาษา" แล้วเขาไม่รู้จัก "ปฎิสัมภิทา มัคโค" วิศิษฐปาฐะ หรือการเปลี่ยนแปลงของพยัญชนะปฎิรูป คือการเปลี่ยนแปลงของภาษาธรรม ที่แม้แต่จะถามด้วยใจก็สามารถตอบด้วยวาจา ถามด้วยความรู้สึกเช่นนั้นเป็นภาษาใด


    ขอให้สหายบัณฑิตผู้เจริญของข้าพเจ้าพิจารณาดูให้ดีนะครับ สิ่งที่ผมกล่าวเป็นทั้ง ปริยัติ ปฎิบัติและปฎิเวธ ของ ผู้เสกขภูมิอยู่ ฉนั้นเมื่อเขาไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่รู้จักปฎิสัมภิทาญาน หากเขาใช้คำพูดแบบนั้น เขากล่าวไม่ถูกต้องครับ และถ้าเขารู้จัก พระมหาปกรณ์อันละเอียด ที่มีอัตลักษณ์ ที่ไม่หยั่งลงสู่ความตรึกนี้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นภาษาที่เราท่านสามารถเข้าใจทั้ง รูป พยัญชนะ สำเนียง ของอรรถ ในทันที ที่แม้จะไม่เคยได้รู้ได้เรียนมาก่อนเลย โดยในนามปฎิสัมภิทา เขาถือทิฏฐินั้นได้ ฉนั้นการที่จะเอา ภาษาบาลีหรือพยัญชนะเหล่าใดก็ตาม มาตรวจสอบกับแท่นพิมพ์ ถ้าแท่นพิมพ์หรือแม่แบบ นั้นแปลงสภาพให้ เป็น อักษรนั้นๆ ก็เห็นควรอยู่ ที่จะเป็นหรือเรียกว่า บาลี แต่ถ้าแม่แบบไม่เปลี่ยนให้ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นๆ ท่านก็จะคิดจะรู้ทันทีว่า เห็นที่จะไม่ใช่ ภาษานี้โดยตรง เพราะฉนั้น การที่จะเอา ภาษาใดๆก็ตามมาตรวจสอบกับแท่นพิมพ์ว่า เป็นภาษาที่ตรงกันหรือไม่ ไม่ใช่ฐานะที่จะกระทำได้หรือระบุได้ตายตัว


    ผมจึงใช้คำว่า ไม่ใช่ พระพุทธวจนะตรงๆจาก พระสัทธรรม แต่เป็นภาษาที่ทรงโปรดนำมาแสดงไว้ ตามควมเหมาะสมของเชื้อชาติประเทศราชและท้องถิ่นนั้นๆครับ ก็เพื่อจะให้ชนส่วนใหญ่ได้ล่วงรู้โดยง่าย ถ้านำลงมาแสดงไว้ด้วยภาษาอื่นๆก็จะต้องตีความแล้วตีความเล่า เพราะยิ่งด้วยผู้มีปฎิสัมภิทาแล้ว เห็นประโยคเดียว ออกเป็นร้อยนัยพันนัยเลยที่เดียวตามกระแสสกานิรุตติ และเพ่งจิตด้วยวิมุตติญานทัสสนะตามธรรมที่เสวยวิมุตติสุขนั้นๆ ภาษาใจ ภาษาธรรมชาติ ที่เป็น "สัจธรรมมหาปกรณ์" ผมไม่สามารถจะทำให้ท่านได้รูเห็นได้ ท่านต้องเห็นเอง ขอให้เจริญในปฎิสัมภิทาเถิดครับ ด้วยสติปัญญาของบัณฑิต ผู้สั่งสมสุตตะอย่างท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านที่ได้อ่านในตอนนี้เมื่อใดที่ท่านได้เข้าสู่ทิพย์ภูมิของพระอริยะ ในปฎิสัมภิทา


    ท่านจะทราบเลยว่า ขนาดที่มีธรรมละเอียดที่จะทรงสามารถแสดงได้ขนาดนี้เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจถึงสภาวะธรรม แต่กลมลสันดานของสัตว์โลกที่ไม่ได้สั่งสมสุตตะมาก่อนไม่เหมาะที่จะตรัสรู้และเข้าใจธรรมอันประเสริฐนี้ จนทรงท้อพระทัยที่จะทรงตรัสสอน จึงแสดงเพื่อเป็นพลวปัจจัยเป็นอันมาก จึงทรงกล่าวธรรมแม้บทเดียวโดยที่เขาเข้าใจก็เป็นสุขแก่สัมปราภพของสัตว์นั้นอย่างยาวนานจวบจนพระนิพพาน และโดยเฉพาะฐานะที่ท่านทำอยู่ในการปกป้องรักษาพระไตรปิฏกด้วยความบริสุทธิ์ใจเหล่าใดก็ตามในกาลนี้ก็ตามกาลอดีตที่แล้วมาจนถึงกาลอนาคตก็ตาม พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นฯ ย่อมได้บรรลุสู่ ปฎิสัมภิทาญาน อย่างแน่นอนครับ พระอรหันต์๔หมวด มีคุณความสามารถที่แตกต่างกันตามบทบาทและหน้าที่ วันนั้นเมื่อท่านได้เห็น พระมหาปกรณ์ จาก พระสัทธรรม พระธรรมราชา แล้ว ท่านจะเข้าใจ อรรถพยัญชนะที่ข้าพเจ้าแสดงไว้แล้วนี้ สาธุธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2024
  18. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    ที่จำเป็นต้องไปเป็น อนาคาริก ดาบส ผู้ไร้บ้าน ก็เพราะต้องบำเพ็ญขั้นอุกฤษฏ์ ตาม มหาโลมหังสจริยา อย่างที่น้อยๆสุด ก็มูลโคอ่อนมูลตนเอง จนสลายไปในร่าง


    และ ตามรักษาสัจจะ จนกว่าจะตาย!

    ไม่อยากตายโรงบาล อยากตายในป่า หรือทางสาธารณะ
    เลี้ยงตนเองด้วยบำนาญ พืชผักผลไม้ น้ำผึ้ง ฯ อาหารที่ไม่มีคาวโลหิต ไม่ขอรับบริจาคใคร มีแต่จะแบ่งให้คนยากคนจน

    อยู่ให้สงฆ์ยินดี อุ้มชูสงฆ์ สรรเสริญสงฆ์ โดยองค์พระรัตนตรัย

    #ใครจะได้ประโยชน์หรือไม่ก็แล้วแต่กรรมจัดสรร

    นี่คือภาระหน้าที่ ที่แบกไว้ในชาตินี้

    #เสขะปฎิสัมภิทา



    IMG_7910.jpeg IMG_7908.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2024
  19. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_7684.jpeg IMG_7686.jpeg IMG_7689.jpeg IMG_7685.jpeg IMG_7687.jpeg IMG_7688.jpeg IMG_7801.jpeg IMG_6965.jpeg #ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ อย่าพอเพียงแค่รู้เพราะจดจำหมายรู้ได้ด้วยเพียงเพราะอาการอ่านและท่องจำ ต้องไปให้ถึง การตรัสรู้สัจจะ

    #ไม่ตรัสรู้สัจจะ เป็นพระสาวกไม่ได้

    #เบื้องสูง ไม่ตรัสรู้สัจจะ เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2024
  20. Lord deva

    Lord deva สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2022
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +30
    IMG_8154.jpeg IMG_8139.jpeg IMG_8105.jpeg IMG_8157.jpeg IMG_8155.jpeg IMG_8156.jpeg IMG_8060.jpeg {O} ภิกษุ ท.! โลกธรรม มีอยู่ในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้ว ย่อมบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.
    ภิกษุ ท.! ก็อะไรเล่า เป็นโลกธรรมในโลก?
    ภิกษุ ท.! รูป เป็นโลกธรรมในโลก. ตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งรูปอันเป็นโลกธรรมนั้น; ครั้นตรัสรู้แล้ว รู้พร้อมเฉพาะแล้วย่อ...มบอก ย่อมแสดง ย่อมบัญญัติ ย่อมตั้งขึ้นไว้ ย่อมเปิดเผย ย่อมจำแนกแจกแจง ย่อมทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ.
    ภิกษุ ท.! บุคคลบางคน แม้เราตถาคตบอก แสดง บัญญัติ ตั้งขึ้นไว้เปิดเผย จำแนกแจกแจง ทำให้เป็นเหมือนการหงายของที่คว่ำ อยู่อย่างนี้ เขาก็ยังไม่รู้ไม่เห็น. ภิกษุ ท.! กะบุคคลที่เป็นพาล เป็นปุถุชน คนมืด คนไม่มีจักษุคนไม่รู้ไม่เห็น เช่นนี้ เราจะกระทำอะไรกะเขาได้.
    ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือน ดอกอุบล หรือดอกปทุม หรือดอกบัวบุณฑริกก็ดี เกิดแล้วเจริญแล้วในน้ำ พ้นจากน้ำแล้วดำรงอยู่ได้โดยไม่เปื้อนน้ำ, ฉันใด; ภิกษุ ท.! ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดแล้วเจริญแล้ว ในโลกครอบงำโลกแล้วอยู่อย่างไม่แปดเปื้อนด้วยโลก.{O}
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2024

แชร์หน้านี้

Loading...