เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ไปยังวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ บ้านห้วยสะพาน หมู่ที่ ๒ ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมในโครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้สำหรับพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี

แต่เนื่องจากว่าวิ่งผ่านวัดสี่แยกเจริญพรเสียก่อน จึงแวะเข้าไปดูพระครูเทพ (พระครูปฐมสาธุวัฒน์) ว่าโดนงานทับตายไปแล้วหรือยัง..!? ปรากฏว่าพระครูเทพของเรากำลังขับรถกอล์ฟตรวจงานอยู่พอดี พาไปดูศาลาหลังใหม่ ซึ่งจะทำเป็นที่พักเวลาพระสงฆ์อุปสมบทหมู่ เป็นหลังคาทรงไทย

ท่านปรารภว่า "คิดจะทำศาลาทรงไทยสวย ๆ สักหลังหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าค่าทำหลังคาศาลาหลังนี้อย่างเดียว สามารถที่จะสร้างศาลาขนาดเดียวกันได้อีกหลังหนึ่งเลย..!" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ในเรื่องของศาลาทรงไทยนั้น ส่วนที่แพงที่สุดก็คือโครงหลังคา ช่างที่สามารถดัดเหล็กให้เป็นหลังคาทรงไทยได้รูปสวยงามนั้น ค่าแรงมักจะแพงมาก..!"

ท่านทั้งหลายที่เคยไปวัดท่าขนุน จะเห็นอาคารตั้งพระชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี สมัยที่ยังเป็นพระราชวิสุทธิเมธี ได้ถามกระผม/อาตมภาพว่า "การทำศาลาทรงไทยแบบนี้ราคาเท่าไร ?" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายว่า "ถ้าวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นของเราหมด เฉพาะค่าแรงในการทำโครงหลังคาอย่างเดียว หลังละสี่แสนบาทถ้วนครับ..!" เล่นเอาท่านเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีถึงกับทำคอย่น บ่นเชิงรำพึงว่า "คงมีแต่พระอาจารย์เล็กรูปเดียวที่สามารถจ่ายไหว..!"

ในเมื่อพระครูเทพท่านปรารภมา กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ให้กำลังใจ เนื่องเพราะว่าการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนานั้นต้องการคนบ้า คนดี ๆ ทำไม่ได้..! อย่าลืมว่าพระครูเทพท่านมีหนี้สินพ้นล้นตัว จนกระผม/อาตมภาพต้องออกวัตถุมงคลไปช่วยอยู่หลายครั้ง กว่าที่ศาลาเอนกประสงค์พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. จะเสร็จสิ้น แล้วหลังจากนั้นท่านก็ยังมาทำสถานที่นี้อีก และมีโครงการที่จะทำกำแพงวัดต่อ แล้วกำแพงวัดก็จะทำเป็นจุดบรรจุอัฐิของญาติโยมที่นำมาฝากวัดไว้ ก็แปลว่าจะต้องใช้เงินอีกเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ก็เป็นหนี้ทางวัดไร่แตงทอง วัดหัวโป่ง และวัดอื่น ๆ อยู่หลายล้านบาท..!

 

ญาติโยมทั้งหลาย ถ้าหากว่าจะช่วยเหลือพระผู้มีแก่ใจทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อพระพุทธศาสนา สามารถแวะเวียนไปที่วัดสี่แยกเจริญพร เช่าหาบูชาวัตถุมงคลรุ่นต่าง ๆ เพื่อให้พระครูเทพท่านมีเงินมาหมุนเวียนในการก่อสร้างนี้ได้

วัตถุมงคลของวัดสี่แยกเจริญพร ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่าก็ตาม กระผม/อาตมภาพมีส่วนในการปลุกเสกด้วยทั้งสิ้น ทั้งการปลุกเสกเดี่ยว ปลุกเสกหมู่ หริอว่าเอาของเก่ามาเสกใหม่ สารพัดสารเพ เรียกง่าย ๆ ว่าแม้กระทั่งเศษกระเบื้องหลังคา หรือว่ากรวดทรายบนพื้น บางทีพระท่านก็สงเคราะห์จนหมด ดังนั้น..ถ้าอยากได้วัตถุมงคลที่หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนเสก แล้วหารุ่นที่เป็นของวัดท่าขนุนไม่ได้ ให้มาหาที่วัดสี่แยกเจริญพรนี้ได้ กระผม/อาตมภาพขอรับรองว่าเป็นผู้เสกด้วยตนเองนับสิบวาระแล้ว..!

หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปถึงวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เพื่อเข้าร่วมโครงการอบรมพัฒนาสมรรถนะการเรียนรู้ของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ก็ไม่นึกไม่ฝันว่า พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านจะติดภารกิจในการเปิดอาคารใหม่ของกองกำกับการตำรวจภูธร จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจัดพิธีได้ยืดเยื้อมาก พูดง่าย ๆ ว่ามีผู้บังคับบัญชากี่ราย ก็แทบจะเชิญมาเป็นสักขีพยานและเป็นเกียรติกับงานจนหมด มัวแต่ประกาศชื่อทีละคน ๆ ทำเอาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัดซึ่งต้องมาเป็นประธานเปิดงานตอน ๙ โมงเช้า กลายเป็นว่ามาถึงตอน ๑๐ โมงเกือบจะครึ่ง..!

พระปลัดโย (พระปลัดรัชชานนท์ ติกฺขปญฺโญ) ผู้ทำหน้าที่พิธีกร เห็นว่า ๙ โมงแล้ว และพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีคงมาไม่ทันแน่ จึงได้เชิญให้กระผม/อาตมภาพขึ้นไปบรรยายถวายความรู้ เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับครูพระสอนศีลธรรมไปก่อน

กระผม/อาตมภาพได้ย้ำกับครูพระทั้งหลายว่า การที่เราจะไปสอนคนอื่นเขา เราต้องสอนตัวเองได้ก่อน โดยเฉพาะต้องยึดบาลีที่ว่า ยถาวาที ตถาการี เราพูดอย่างไร เราก็ต้องทำอย่างนั้น ยถาการี ตถาวาที เราทำอย่างไร เราก็พูดอย่างนั้น เป็นบุคคลที่ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงจะคงความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ เวลาเราพูด คนก็จะเชื่อ ซึ่งทุกคนในสถานที่นั้นก็ล้วนแล้วแต่เห็นประจักษ์ตา เนื่องเพราะว่าเสียงคุยที่ดังแซ่ดไปหมด "เหมือนนกกระจอกแตกรัง" พอพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ขึ้นไปนั่งอยู่หน้าไมโครโฟนเท่านั้น เสียงทุกอย่างก็เงียบกริบลงอย่างน่าอัศจรรย์..!

 

นี่คือสิ่งที่ได้สั่งสมมาจนทุกคนเห็นและเชื่อถือ เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์นั้น นอกจาก "สอนให้ทำ นำให้ดู อยู่ให้เห็น เย็นให้สัมผัส ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างแล้ว" เรายังต้องศึกษาเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อที่จะได้ทันโลกทันสมัย ไม่ทำให้การเรียนการสอนนั้นน่าเบื่อหน่าย

โดยเฉพาะบรรดาคลิปต่าง ๆ สมัยนี้หาง่ายมาก เราต้องพยายามโยงเรื่องราวในคลิปให้เข้ากับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ตรงไหนผิดพลาดอย่างไร ? ตรงไหนทำถูกอย่างไร ? สถานการณ์แบบนั้น ควรที่จะใช้หลักธรรมอะไรมารับมือ ? เป็นเรื่องที่เราจะต้องชี้แจงแสดงเหตุให้เด็ก ๆ ทั้งหลายได้รู้แล้วก็จะได้กระทำได้ถูกต้องเมื่อไปอยู่ในสถานการณ์แบบนนั้นจริง ๆ

หลังจากนั้นแล้ว ก็เป็นหลวงพ่อพระครูศุภชัย (พระครูสิริกาญจนาภิรักษ์, ดร.) ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอบ่อพลอย เจ้าอาวาสวัดทุ่งมะสัง ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ฝ่ายวิชาการ ขึ้นไปบรรยายถวายความรู้ต่อ หลังจากนั้น พระครูกิตติชัยกาญจน์ - ท่านอาจารย์พระครูน้อย ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำหลักสูตร วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ก็ขึ้นไปเล่าถึงการทดสอบผลงานวิจัย ในการที่ให้เด็ก ๆ ทั้งหลายเปลี่ยนความประพฤติมาคิดบวก แล้วได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงถ่ายทอดวิทยายุทธ์นี้ให้บรรดาครูพระทั้งหลายนำไปทำตาม

จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดมาถึง จึงได้ทำพิธีเปิด และกล่าวสัมโมทนียกถาจนกระทั่ง ๑๑ โมงครึ่ง จึงได้ฉันภัตตาหารร่วมกัน แล้วกระผม/อาตมภาพก็ขอตัววิ่งไปยังวัดอู่ทอง ถนนท้าวอู่ทอง หมู่ที่ ๖ ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

เนื่องเพราะว่าวันนี้องค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งมีกระผม/อาตมภาพเป็นประธานรุ่นอยู่นั้น ขอเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมรอบพิเศษ ถวายพระครูปริยัติวโรปถัมภ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดอู่ทอง อดีตเจ้าคณะตำบลอู่ทอง ซึ่งท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระธรรมทูตสายวิปัสสนา รุ่นที่ ๑ และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเทศน์ของกระผม/อาตมภาพอีกด้วย

 

หลังจากนั้น เมื่อท่านมาเรียนปริญญาโท สาขาการจัดการเชิงพุทธ ที่วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีสุวรรณภูมิ กระผม/อาตมภาพก็ได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ถวายความรู้ให้แก่ท่านทั้งหลาย จนกระทั่งเมื่อมาเป็นอาจารย์ผู้ควบคุมการปฏิบัติกรรมฐานประจำปี ของนิสิตวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีสุวรรณภูมิครั้งแรกที่วัดกลาง อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

เมื่อผ่านไปได้สามวัน จะล่วงเข้าวันที่สี่ ท่านพระครูปริยัติวโรปถัมภ์ ซึ่งอายุก็มากกว่า พรรษาก็มากกว่ากระผม/อาตมภาพ พาพรรคพวกเพื่อนฝูงหลายรูปเข้ามา บอกว่า "ขออนุญาตกราบพระอาจารย์หน่อยครับ"

กระผม/อาตมภาพรีบทักท้วงว่า "ทุกรูปล้วนแล้วแต่พรรษามากกว่ากระผมทั้งสิ้น กราบไปกระผมก็จะเป็นเวรเป็นกรรมเสียเปล่า ๆ อย่างทำอย่างนั้นเลยครับ" ท่านเองบอกว่า "ขอกราบในฐานะครูบาอาจารย์ครับ ผมมั่นใจว่าพระอาจารย์ต้องมีอะไรดีแน่นอน ไม่อย่างนั้นเอาพวกผมไม่อยู่หรอกครับ ปกติพวกผมหัวแข็งจะตายไป จนกระทั่งทางอาจารย์ด้านนี้เอาไม่อยู่ จึงต้องขอให้พระอาจารย์มาเป็นประธานในการนำปฏิบัติธรรมประจำปี แล้วพระอาจารย์ก็ทำให้พวกกระผมยอมรับ ปฏิบัติตามแต่โดยดีทั้งสิ้น จึงเชื่อว่าพระอาจารย์ต้องมีดีอย่างแน่นอนครับ"

ท่านเองจึงขอกราบในฐานะลูกศิษย์ กระผม/อาตมภาพก็ต้องหน้าด้านรับเอาไว้ ก็ไม่คิดว่าท่านจะมามรณภาพด้วยอายุ ๖๕ ปี เนื่องเพราะว่าลุกขึ้นในช่วงเช้าแล้วหน้ามืด ล้มฟาดพื้น ทำให้มรณภาพไป..!

 

เหตุที่วันนี้มาก็เพราะว่าพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ.๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นลูกศิษย์เรียนบาลีที่วัดอู่ทองนี้มาก่อน แม้ว่าหลวงพ่อพระครูปริยัติวโรปถัมภ์ ท่านจะจบแค่เปรียญธรรม ๕ ประโยค แต่ว่าลูกศิษย์ของท่านที่มาวันนี้อย่างท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธนั้น ได้เปรียญธรรม ๗ ประโยค อีกท่านหนึ่งก็คือพระมหาอภิชาติ กรณฺยวสี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดตะพาน นั่นจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค..!

เพื่อนพระอุปัชฌาย์อีกหลายรูป อย่างเช่น พระมหาภูวนาท สุชาโต ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นพระมหาอาธร สุชาโต ป.ธ.๙ เจ้าอาวาสวัดลานคา รองเจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า พระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) เจ้าคณะตำบลโคกครามเขต ๒ ก็มาร่วมงานด้วย

พวกเราทั้งหลาย เมื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแก่พระครูปริยัติวโรปถัมภ์เรียบร้อยแล้ว บรรดานักเรียนของโรงเรียนการกุศลภาวนาภิมณฑ์พิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลในวัด ดูแลโดยพระครูปริยัติวโรปถัมภ์ก็มากราบขอบพระคุณเจ้าภาพ กระผม/อาตมภาพเห็นหน้าเด็ก ๆ แล้วก็สะท้อนใจ เนื่องเพราะว่าร่มโพธิ์ต้นใหญ่ ร่มไทรใบหนาได้โค่นล้มลงแล้ว เด็ก ๆ น่าจะขวัญเสียไปอีกระยะหนึ่ง กว่าที่จะมีจุดยึดโยงกันใหม่

โชคดีที่คณะสงฆ์อำเภออู่ทองได้แต่งตั้งพระเดชพระคุณพระรัตนเวที (พีร์ ชินวโร ป.ธ.๗) เจ้าคณะอำเภออู่ทอง เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดอู่ทองนี้ก่อน แล้วค่อยเสาะหาเจ้าอาวาสที่เหมาะสมกับวัดแห่งนี้กันในภายหลัง

กระผม/อาตมภาพเมื่อเสร็จภารกิจแล้ว ก็เดินทางกลับมา พักอยู่ที่วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม หมู่ที่ ๒ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรอปฏิบัติตามภารกิจในวันรุ่งขึ้นต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)