เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 พฤษภาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ยังอยู่ในช่วงควันหลงจากการ "ไปหาที่ตายในชมพูทวีป" ในคณะที่ไปด้วยกันนั้น บางคนต้องบอกว่าอาศัยบุญเฉพาะตัว ไม่ว่าจะทำอะไรก็มีความสะดวกไปหมด อย่างมาดามชวง (นางสาวไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ของทุกคน ซึ่งไปครั้งนี้คนอินเดียเขาเรียกกันว่า "มหารานี" คือไปที่ไหน มีแต่คนยินดีให้การบริการทุกอย่าง แล้วโดยเฉพาะถ้าหากว่าตั้งใจจะทำอะไร สิ่งนั้นมักจะสำเร็จเสมอ แม้ว่าจะตั้งใจแบบไม่เจตนาก็ตาม

    อย่างเช่นว่าตอนที่จะไปขี่อูฐกัน ทางคณะตั้งใจว่าจะไปขี่อูฐกันช่วงเช้า ปรากฏว่า
    "มหารานี" ของเราบอกว่า การขี่อูฐต้องเป็นช่วงเย็นเท่านั้น สรุปก็คือกว่าจะไปถึงที่หมายก็เย็นจริง ๆ..! หรือว่าตอนที่หิมะถล่มปิดทาง แล้วต้องรอรถเขามาขุดมาตักออกให้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า อย่างน้อยต้องรอกันเป็นวัน กระผม/อาตมภาพจึงได้บอกกับ "มหารานี" ว่า ให้ตั้งใจว่าเราจะไปวันนี้ เมื่ออีกฝ่ายตั้งใจว่าจะไปวันนี้ ปรากฏว่าช่วงเย็นก็ได้ไปจริง ๆ..!

    ในเรื่องของความสะดวกทุกอย่างนั้น ถ้าหากว่ากันในพระไตรปิฎก เกิดจากการถวายยานพาหนะเอาไว้ในพระพุทธศาสนา ดังนั้น..จึงมีญาติโยมจำนวนหนึ่งที่ตั้งใจถวายรถยนต์ให้กระผม/อาตมภาพอย่างเดียว ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่จำเป็นก็ไม่ยอม จนต้องมีข้อตกลงกันว่า ถ้าหากว่ามอบให้วัดอื่นต่อไปแล้วห้ามโกรธกัน ถ้าคิดว่าทำใจไม่ได้ก็ไม่ต้องถวายมา ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามาดามชวง หรือ
    "มหารานี" ของทุกคน ไปทำบุญนี้เอาไว้กี่ชาติแล้ว เพราะว่าจะทำอะไรก็มักจะสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา มีแต่คนเต็มใจให้บริการอยู่ตลอดเวลา

    รายต่อไปที่จะพูดถึงก็คือ พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. หรือ ดร.โรจน์ของเรา เป็นพระหนุ่มที่สุขภาพเฮงซวยห่วยแตกที่สุด..! อายุเพิ่งจะ ๓๐ กว่า ๆ แบกสารพัดโรคไว้เต็มตัว ช่วงอยู่บนพื้นที่สูง หัวใจเต้นถึง ๒๐๐ กว่าครั้งต่อนาที..! ไม่ตายก็บุญโขแล้ว บอกว่าแค่นั่งลงปัสสาวะ พอลุกขึ้นก็หน้ามืด สรงน้ำก็มีอาการเหมือนกับจะขาดใจตาย..!

    เหตุเพราะว่าพื้นที่สูงขนาดนั้น สิ่งที่เราทำ ถ้าหากว่ารีบร้อนพรวดพราด บางทีก็น็อกไปเลย จึงต้องคอยระมัดระวังกันอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นผู้ติดตามที่ต้องรอรับการช่วยเหลือ ไม่ใช่ไปเพื่อช่วยเหลือหลวงพ่อ เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่ว่ากันไม่ได้ เพราะว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นเศษจากกรรมปาณาติบาต ทำเอาไว้มาก ชาตินี้ก็ต้องรับกันมากเป็นพิเศษ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ส่วนคนอื่น ๆ นั้น อย่างคุณบุญชู ถาแก้ว ดูแล้วเหมือนกับไม่ได้เป็นอะไร แต่ความจริงมีอาการปวดหัวจากการแพ้พื้นที่สูง แต่ไม่ยอมบอกไม่ยอมกล่าวกับใคร จนทุกคนคิดว่าน่าจะสบาย กลายเป็นว่าวันสุดท้ายเป็นหนึ่งในสองคนของคณะ ที่โดนตำรวจกองตรวจคนเข้าเมืองอินเดียสุ่มตัวไปตรวจ ว่ามีของผิดกฎหมายมาหรือไม่ ? พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้เก็บอาการเหมือนอย่างกับไม่ได้เป็นอะไรเลย ท้ายสุดเรื่องของกรรมก็ยังคงแสดงผลอยู่ดี

    คนต่อไปก็คือน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ที่ทุกคนยกให้เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ อยู่ในพื้นที่สูง ทำอะไรแล้วไม่มีอาการเหมือนกับคนอื่นเขา ถ้าหากว่าออกซิเจนต่ำ ก็คงอยู่ในระดับ ๗๐ กว่า แค่เปิดหน้าต่างหายใจไม่กี่ที ก็กลับมาในระดับ ๘๐ - ๙๐ แล้ว

    แต่ว่าน้องเล็กนั้นโดนตั้งแต่วันแรก ๆ เลย ก็คือเมื่อจะเข้าไปที่มหาวิหารสวามีนารายัณ จะโดนเจ้าหน้าที่ยึดหูฟังบลูทูธ ด้วยความเสียดายของก็ต้องเดินออกไปเก็บไว้ที่รถ ปรากฏว่าระยะทางจากรถกับประตูเข้าชมห่างกันเป็นกิโลเมตร..! แค่นั้นยังไม่พอ เดินไปถึงแล้วยังหารถไม่เจอ ต้องวนถึงสองรอบกว่าที่จะเจอ แล้วพอมาวันสุดท้าย กระเป๋าก็ยังหนีไปเที่ยวอีก พูดง่าย ๆ ว่าสภาพร่างกายผ่านตลอด แต่ว่าอุปสรรคอื่นก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี

    ส่วนบรรดาลูก ๆ นั้น ลูกปุ๊ก (นางสาว นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ที่พวกเราเรียกว่าเจ๊หมวยนี้ ด้วยความที่อายุมาก ก่อนจะไปก็เจ็บไข้ได้ป่วย แต่ไม่ยอมสละสิทธิ์ ก็เลยไปกินยาแทนข้าวอยู่ที่อินเดีย โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมากมายไปกว่านั้น แล้วก็ยังคอยเบรกเวลาคนอื่นจะมีการกระทบกระทั่งกัน พูดง่าย ๆ ว่าคอยเป็นกันชน ไม่ให้เรื่องราวเครียดไปกว่านั้น

    ลูกน้ำ (ผศ.ดร.สพญ.ชลาลัย เรืองหิรัญ) จะบอกว่าเป็นคนที่ชื่อยาวพอกัน กระผม/อาตมภาพเข้าตรวจที่ด่านไหนก็ตาม จะโดนเจ้าหน้าที่ ตม.บ่นเรื่องชื่อยาวเสมอ ปรากฏว่าในงานอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าอาการแพ้พื้นที่สูงก็พอมีอยู่บ้าง เรียกง่าย ๆ ว่าปัญหาส่วนตัว ไม่ว่าจะหน้าที่การงาน ครอบครัว มีมากอยู่แล้ว ก็เลยค่อนข้างที่จะลอยตัวและสบายกว่าคนอื่นเขา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ทางด้านสองตายาย คือทิดแจ๊ก (นายกรชัย บันดาลศิริกุล) กับสาวโอ (ปาริฉัตร อายุวัฒนะ) ที่บางคนเรียกว่า "แม่แมว" เพราะว่าเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยงไว้เต็มบ้าน ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปเที่ยว ๘ วัน กลับไปจะเหลือแมวสักกี่ตัว ?

    เนื่องเพราะว่าแมวนั้นเอาอะไรตามหลักตามเกณฑ์ไม่ได้ เอาตามอารมณ์อย่างเดียว ทิ้งอาหารเอาไว้ กะว่าพอกิน อาจจะไม่พอก็ได้ สองตายายเองตอนแรกก็พยายามที่จะช่วยเหลือกระผม/อาตมภาพ ทิดแจ๊กจะช่วยถือกระเป๋าให้ แต่ขาดความคล่องตัว โดนดุไปสองครั้ง ต้องถอยไปโดยปริยาย พูดง่าย ๆ ว่าไอ้เรื่องที่จะเดือดร้อน ไม่ได้เดือดร้อนเพราะใครหรอก เดือดร้อนเพราะโดนหลวงพ่อดุมากกว่า..!

    ส่วนทิดเฟิร์ส (นายบัณฑิต เอี่ยมตระกูล) กับทิดดอย (นายภาณุพงศ์ วังประภา) ทิดดอยนั้นไปเจออาหารเป็นพิษ แทบจะล้มประดาตาย แต่อาศัยที่ว่ายังอายุน้อย ร่างกายแข็งแรง วันรุ่งขึ้นก็ฟื้นแล้ว แต่ถ้าหากว่าอยู่เมืองไทย อาจถึงระดับ "แอดมิท" อยู่โรงพยาบาลกันหลายวัน

    ส่วนทิดเฟิร์สนั้น ส่วนที่เสียหายมากที่สุดในความรู้สึกของตนเอง ก็คือตลอดระยะเวลาที่อยู่ประเทศอินเดีย กำลังใจทรงตัวโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องภาวนา พอกลับมาสู่ถิ่นที่คุ้นเคยอย่างประเทศไทย กำลังใจพังทลาย กลายเป็นหมาตามเดิม..!

    เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องระวังให้ดี เพราะแม้แต่กระผม/อาตมภาพ ในช่วงที่ฝึกหัดอยู่ก็เจอเป็นประจำ ในที่อันตราย สภาพจิตของเราระมัดระวังเองโดยอัตโนมัติ พอรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่อไร บางทีคลายออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ก็อาจจะทำให้กำลังใจของเรานั้นวิ่งไปหา รัก โลภ โกรธ หลง ในทันที ถ้าห้ามไม่ทันอาจจะเดือดร้อนกว่าที่คิด

    อีกรายหนึ่งก็คือนางฟ้าโบว์ (นางสาวภคมน พิพิธวรกิจ) อาชีพประจำก็คือแอร์โฮสเตส ก่อนที่จะไปด้วยกันก็เพิ่งจะบินกลับมา ยังไม่ทันจะได้พักก็ไปอินเดียด้วยกัน กลับจากอินเดียมา ก็มีไฟลท์บินต่อเนื่องเลย ป่านนี้สลบไสลไปหรือยังก็ไม่รู้ ? แต่ว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงได้อาศัยอยู่มาก เพราะว่าถนัดภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษสำเนียงแขก ทำให้พอที่จะพาพรรคพวกเอาตัวรอดไปได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ส่วนคนสุดท้ายในคณะเป็นน้องใหม่ มาครั้งแรกในชีวิต ก็คือน้องโจ "นางสาวธีร์วรา สุวรรณศักดิ์) ชื่อเหมือนผู้ชาย แต่ความจริงแล้วเป็นผู้หญิง คาดว่าโดนรับน้องใหม่ครั้งนี้ ถ้าไม่เข็ดไปจนวันตาย ก็อาจจะติดใจอยากจะไปอีก เพราะใครจะไปคิดว่าตลอด ๘ วัน จะต้องนั่งรถยนต์วันหนึ่ง ๕ - ๖ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย วันไหนโชคดีก็โดนไป ๘ หรือว่า ๑๐ ชั่วโมง เขย่าจนกระทั่งแทบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ..!

    ดังนั้น..ในส่วนที่คณะไปด้วยกันในครั้งนี้ ส่วนที่ชัดเจนที่สุดก็คือได้เห็นว่า เรื่องวาระของกรรมนั้น ถ้าจำเป็นจะต้องรับ อย่างไรก็หลีกหนีไม่พ้น แล้วขณะเดียวกัน ความทุกข์ยากต่าง ๆ ถ้าเรามองเห็นเป็นธรรมดา ไม่แบกเอาไว้ ก็ไม่เครียด แต่ถ้าแบกเอาไว้ ความเครียดก็จะมีมาก

    อย่างพี่นวล (คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม) กลัวว่าพวกเราจะเกิดอุปสรรคอื่น ๆ ที่หนักกว่าหิมะถล่มปิดทาง หรือว่าในส่วนของการที่จะต้องเกิดอุปสรรค เดินทางแล้วผิดพลาดเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็ต้องแบกความเครียดเอาไว้ตลอดเวลา เพราะถือว่าเป็นภาระของตัวเอง ลักษณะแบบนี้ต้องบอกว่าหาทุกข์ใส่ตัว ก็คือถ้าไม่คิดก็ไม่ทุกข์ แต่บังเอิญไปคิด ก็เลยทุกข์มากอยู่สักหน่อย

    จึงคาดว่าการเดินทางในครั้งนี้ หลายต่อหลายคนอาจจะได้เห็น หรือว่าอาจจะได้พบกับสิ่งที่พัฒนาตนเองได้ ว่ากำลังใจของเราควรที่จะปรับปรุงในแง่ไหนบ้าง แล้วขณะเดียวกัน ควรที่จะทำอย่างไรจึงจะรักษากำลังใจให้ยาวนานได้ในด้านที่ดีต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...