เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 กุมภาพันธ์ 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ถ้าทุกคนได้ยินเสียงแปลกไปก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพโดนฝนมา ตั้งแต่เช้ากระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งไปประชุมโครงการพัฒนาพลังบวรด้านมิติศาสนา ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี บอกเขาว่าอยู่ให้ได้แค่ไม่เกิน ๑๐ โมง เพราะว่า ๑๐ โมงต้องไปร่วมพิธีถวายภัตตาหารพระราชทานแก่ผู้เข้าสอบบาลีสนามหลวงปี ๒๕๖๖ ที่อุโบสถวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)

    แต่ขนาดออกก่อนเวลาจนพรรคพวกเพื่อนฝูงโวยวายกัน ก็ยังไปไม่ทันงาน ยังดีที่ว่าทางวัดไชยชุมพลชนะสงครามเอาพระวัดท่าขนุนเข้าไปแทน
    กระผม/อาตมภาพจึงต้องรอจนกระทั่งเขาเสร็จพิธี ออกมารับประเคนภัตตาหารพระราชทานทางด้านนอก แล้วก็ไปเดินตลาด ได้มีดหมอหลวงพ่อกวยมา ๑ เล่ม ดีใจมาก..ถามว่าทำไมถึงดีใจมาก ? ก็เพราะว่ามีดหมอหลวงพ่อกวยนั้น ผ่านมือกระผม/อาตมภาพมาเกิน ๒๕๐ เล่มแล้ว แต่ว่าตอนนี้เหลือไม่ถึง ๑๐ เล่ม ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ก็คือที่คัดเอาไว้ใช้เอง แต่ละเล่มจึงต้องเป็นที่สุดในด้านใดด้านหนึ่ง

    บางทีเวลาถ่ายรูปก็ยังบ่นกับไอ้ตัวเล็กว่า ญาติโยมเขาบุญดี เพราะว่ากว่าที่กระผม/อาตมภาพเองจะได้วัตถุมงคลที่สวยถูกใจแต่ละชิ้น บางทีใช้เวลา ๒๐ กว่าปี ๓๐ กว่าปี แต่โยมเหล่านี้เข้ามาถึงก็จองไปเลย โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่คัดเก็บเพื่อที่จะเอาเข้าพิพิธภัณฑ์ ถ้าส่งประกวดมีสิทธิ์ติดรางวัลทุกชิ้น..!

    แต่คราวนี้อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงมาก ถึงเวลาฉันเพล
    กระผม/อาตมภาพก็เลยเจอฝนเข้าเต็ม ๆ โดนฝนเข้าไปจึงกลายเป็นเสียงเปลี่ยนอย่างที่เห็น

    เมื่อเสร็จจากการเปิดสอบบาลีสนามหลวงวันแรก พอเห็นข้อสอบแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ดีใจว่าตัวเองเก็งถูก คำว่า "เก็งถูก" ในที่นี้ก็คือ ไม่ได้ตั้งใจให้พวกเราแปลแล้วสอบผ่าน ตั้งใจแค่ว่าให้สอบติดไวยากรณ์แล้วมีเวลาไปซ้อมแปลเพิ่มอีก ๒ เดือน เพราะว่าข้อสอบออกมายากมาก แล้วทางกองบาลีพอเห็นนักเรียนไม่รอดเป็นจำนวนมาก การออกข้อสอบในการสอบรอบสองก็มักจะง่ายขึ้น

    เมื่อเสร็จพิธีกรรมเรียบร้อย
    กระผม/อาตมภาพก็ขออนุญาตวิ่งกลับทองผาภูมิ เพื่อไปรดน้ำศพหลวงพ่อฉลอม - พระครูกาญจนฐิติญาณ (ฉลอม ฐิติญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทร์หงาย เมื่อไปถึง พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เห็นสภาพของกระผม/อาตมภาพแล้ว จากที่ตั้งใจจะให้เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมร่วมกันตอนทุ่มครึ่ง ก็เลยร่วมกันเป็นเจ้าภาพตอน "สวดปิดหีบ" ตอนทุ่มครึ่งมอบให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าภาพแทนไป ไม่อย่างนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพก็อาจจะถึงสิ้นชีวิต..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ในเรื่องของงานการต่าง ๆ ของกระผม/อาตมภาพนั้น ท่านทั้งหลายจะเห็นว่ามีแต่เพิ่มขึ้น ไม่ได้มีลดลง สำคัญตรงกำลังใจของเรา ใครที่มีงานน้อยจงดีใจเถอะว่า ท่านยังมีเวลาเคี่ยวกรำตนเองจนกำลังใจเข้มแข็งขึ้น เพื่อที่จะได้สู้งานไหวเมื่อถึงเวลาที่งานทับลงมา หลายคนมีการศึกษาสูง เคยทำหน้าที่การงานต่าง ๆ มามาก พอมานั่งภาวนาเฉย ๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า อยากจะให้หลวงพ่อเรียกใช้ ไอ้พวกนี้หาที่ตาย..!

    เนื่องเพราะว่าถ้ากำลังใจของเรายังไม่ไหว แต่แส่ไปทำงานก็หาเรื่อง เพราะว่ามีแต่จะฟุ้งซ่านหนักขึ้น พอคุม รัก โลภ โกรธ หลง ไม่อยู่ ก็สึกหาลาเพศกันหมด ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครคิดที่จะบวชอยู่ต่อไป กรุณาเร่งกำลังใจตนเองให้มากเข้าไว้ ก่อนที่งานจะไหลมาเทมา ไม่เช่นนั้นแล้วถึงเวลาเรารับไม่ไหว สึกหาลาเพศไป ก็ไปลำบากในชีวิตฆราวาสอีก


    เรื่องของการทำงาน ถ้าหากว่าอย่างนิสัยของกระผม/อาตมภาพก็คือ ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด แต่คราวนี้คำว่าดีที่สุดก็ลักษณะเดียวกับกำลังใจในมัชฌิมาปฏิปทา ก็คือไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับกำลังกาย กำลังใจ และกำลังบุญที่สั่งสมมา ใครกำลังกาย กำลังใจ กำลังบุญมีมาก ก็ทำงานได้มากกว่าคนอื่นเขา กำลังน้อย ถึงเวลาก็ไปต่อไม่ไหว ถ้าหากว่าไม่เลิกทำ ก็อาจจะถึงขนาดสึกหาลาเพศไปเลย..!


    อีกประการหนึ่งก็คือบางท่านที่ตั้งกำลังใจผิด ประเภทตั้งใจว่าจะบวชไม่สึก ไอ้นั่นก็หาที่ตาย..! คุณรู้ไหมว่ากิเลสชอบ
    คนที่ตั้งใจแบบนี้มากเลย มักจะถูกรุมตีชนิดไม่เลี้ยง เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครโง่ไปปิดทางตัวเองแบบนั้น ก็ไม่มีที่ให้หนี ถ้าหากว่าเราตั้งใจแบบนั้นก็ต้องสู้กันตายไปข้างหนึ่ง โอกาสแก้ตัวไม่มี เพราะว่ากำลังของเรายังน้อย โอกาสที่จะชนะกิเลสแทบจะเป็นศูนย์..!

    กระผม/อาตมภาพโชคดีที่ว่าปฏิบัติธรรมมาอย่างหนักตั้งแต่สมัยฆราวาส สิ่งที่จะต้องเจอในชีวิตของความเป็นพระก็ไปเจอตอนเป็นฆราวาสเสียมาก จึงทำให้ผ่านพ้นมาได้ เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาของฆราวาสมีน้อยกว่าพระหลายเท่า

    ดังนั้น..ตอนที่บวชเข้ามาจึงเปิดกำลังใจกว้าง ๓๖๐ องศา ประมาณว่า "ถ้าอยู่ไม่ได้กูพร้อมที่จะไปทันที" ถ้าลักษณะอย่างนี้กิเลสไม่เสียเวลามาตีหรอก เพราะว่าเราพร้อมที่จะไป เหมือนอย่างกับว่ามีคนมาท้าชกกันแล้วเราเอาแต่วิ่งหนี ใครจะไปอยากจะชกด้วย แต่กว่าที่จะรู้ว่านี่คือวิธีการหนึ่งที่เราใช้สู้กิเลสในช่วงที่กำลังยังน้อย กระผม/อาตมภาพก็โดนมาหนักแล้วไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไร..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    ดังนั้น..ในส่วนที่ท่านทั้งหลายจะต้องระมัดระวังก็คือ ตั้งใจรักษากำลังใจของเราให้ดี ได้มากก็พอใจแค่นั้น ได้น้อยก็พอใจแค่นั้น เพราะว่าจะได้มากหรือได้น้อยก็ได้เหมือนกัน อย่าไปคิดว่าวันนี้เราได้มากขนาดนี้ พรุ่งนี้เราต้องได้แบบนี้อีก นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเราแต่ละคนยังไม่ทรงตัว ถึงเวลามีขึ้น ๆ ลง ๆ ถ้าช่วงไหนที่ขึ้น เราก็กอบโกยเอาไว้ให้มากหน่อย ช่วงไหนที่ลง ภาวนาอะไรไม่ได้ แค่กราบพระงาม ๆ ครบ ๓ ครั้งก็ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว..!

    เรื่องของการปฏิบัติธรรมเราต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาสู้ไปตะพึด กระผม/อาตมภาพเองเคยฉลาดแบบนี้มาก่อน เพราะว่าอยู่กับครูบาอาจารย์สายวัดป่ามามาก ท่านบอกว่า "ไปภาวนาเอาลูก สู้แค่ตายนะลูก..!" ลองสู้ดูแล้ว ตายจริง ๆ ตายฟรีทุกครั้ง..! จนกระทั่งท้ายสุดก็ต้องคิดหาวิธีการพลิกแพลง ว่าทำอย่างไรที่เราจะอยู่ได้

    ดังนั้น..ในเรื่องของข้อธรรมคำสอนของครูบาอาจารย์เป็นเหมือนกับแผนที่เดินทางเท่านั้น พอเราปฏิบัติไปจริง ๆ สิ่งที่เราพบ สิ่งที่เราเห็น บางทีไม่ได้เหมือนกับในแผนที่เลย เพราะว่าแผนที่เป็นแค่เส้นขีดไปเฉย ๆ แต่ของจริงของเรามีทั้งหลุม มีทั้งบ่อ มีทั้งหุบ มีทั้งเหว พลาดเมื่อไรก็ถึงตาย จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ปัญญา แต่ก็อย่างที่บอกทุกคนไปแล้วว่าไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องหาจุดพอเหมาะพอดีของตนเอง

    เพียงแต่ว่าต้องตั้งหน้าตั้งตาทำแบบสม่ำเสมอ อย่าให้ขาดช่วง เพราะว่าถ้ากำลังขาดช่วงเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ตีกลับขึ้นมา จะรู้สึกทุกข์ทรมานเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง ก็คือไฟ ไฟกิเลสที่เผาเราอยู่ตลอดเวลา คนที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา จะหาความสุขมาจากที่ไหน ? ก็เหลืออยู่อย่างเดียว คือทำอย่างไรจะให้ไฟดับลงได้

    ถ้าหากว่าเราไปดูในอาทิตตปริยายสูตร ท่านบอกว่า โสตัง อาทิตตัง หูเป็นของร้อน สัททา อาทิตตา เสียงก็เป็นของร้อน ไล่ไปเรื่อยจนกระทั่งถึงกายและใจ ทำอย่างไรถึงจะดับไฟเหล่านี้ลงได้ ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    อันดับแรกเลย ต้องพยายามทรงฌานสมาบัติให้ได้ จะเอาอย่างปลอดภัยก็ฌาน ๔ คล่องตัวไปเลย หรือเอาอย่างที่พอจะไต่ขอบเหวไปได้ ก็ต้องได้สักปฐมฌานละเอียด

    ข้อที่สองก็คือ ทบทวนศีลทุกข้อของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงให้คนอื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นคนอื่นละเมิดศีล

    ท้ายที่สุด ใช้ปัญญาว่าเราจะต้องตายแน่นอน ดังนั้น..ถ้าหากว่าตายแล้ว เราขอไปพระนิพพานที่เดียว

    กำลังใจของเราแต่ละวันให้อยู่กับการภาวนา อยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็คืออยู่กับปัจจุบันตรงหน้า อยู่กับตอนนี้ เดี๋ยวนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อดีตก็ไม่มี อนาคตก็ไม่มี ความฟุ้งซ่านทั้งหลายก็จะโดนระงับดับลงไปได้ ถ้าสามารถระงับดับลงได้ชั่วคราว ก็มีความสุขชั่วคราว ถ้าสามารถระงับดับลงได้ถาวร ก็มีความสุขถาวร ก็ขึ้นอยู่กับท่านทั้งหลายว่าจะพยายามและประสบความสำเร็จกันสักเท่าไร

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...