เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 31 ธันวาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ สิ้นปีแล้ว คราวนี้เรื่องของวัน เดือน ปี เป็นเพียงสมมติทางโลกเพื่อที่จะได้เข้าใจกันง่าย แล้วพวกเราก็มักจะไปยึดติดสมมติกันอยู่ อย่างเช่นว่าเดี๋ยวปีหน้าเราจะแก่ขึ้นอีก ๑ ปี แต่ความจริงเราก็แก่ไปทุกวันอยู่แล้ว

    วันนี้กระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมเปิดงานการผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดอู่ล่อง หมู่ที่ ๔ ตำบลท่าขนุนนี่แหละ ไม่ได้ไกลอะไรหรอก ไปถึงก็เจอทั้งประธานและท่านอื่น ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น เพราะว่าเมื่อคืนก็เพิ่งจะร่วมงานกันอยู่ทางวัดนี้

    ท่านประธานได้แก่ พ.อ.ชุมพร ไผ่นาค ผู้บังคับการหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ ๑๑ กับคุณนาย แล้วยังมีท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิกับคุณนาย มีครูสมควร มีราศี กับครูสุจิตรา มีราศี สองตายาย ซึ่งครูสมควรก็คือไวยาวัจกรวัดท่าขนุน ครูวารุณี พรมฝ้าย นางสาวบังอร พิเภก ก็เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ

    เห็นแบบนั้นแล้วดีใจ ดีใจตรงที่ว่าญาติโยมไม่เลือกที่รักมักที่ชัง วัดไหนก็ไปทำบุญ เรื่องแบบนี้ต้องบอกว่ายากมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักจะยึดติดกันว่า ต้องวัดนี้เท่านั้น วัดอื่นไม่ใช่

    แบบเดียวกับญาติโยมที่โทรศัพท์มาถามว่า "หลวงพ่อเล็กอยู่วัดหรือเปล่าครับ ?" เมื่อถามว่า "โยมมีธุระอะไรจ๊ะ ?" "จะไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อเล็ก" อ้าว..จะถวายกับหลวงพ่อเล็กแล้วจะเป็นสังฆทานไหม ? ระบุเจาะจงตัวมาตั้งแต่ต้นแล้วแบบนี้ ดังนั้น..เรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นการยึดมั่นถือมั่น แล้วทำให้พระพุทธศาสนาของเราไม่เจริญเท่าที่ควร

    ถ้าหากว่าดูอย่างที่พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ตอนที่ท่านยังเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมอยู่ ได้นำพวกกระผม/อาตมภาพนี่แหละ ไปถวายสักการะพระเถระในกรุงเทพฯ ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย แล้วก็มีคนถามว่า "ธรรมยุตไปทำไม ?" พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะภาค ๑๔ ในปัจจุบันนี้บอกว่า "ถ้ามึงถามอย่างนั้น กูก็เหนื่อยแหละ..!"

    ก็คือในเมื่อไปแบ่งแยกเราเขาเสียแล้ว แล้วศาสนาจะไปได้อย่างไร ถ้าหากว่าเปรียบธรรมยุตกับมหานิกายเป็น ๒ ปีกของคณะสงฆ์ไทย ปีกเดียวจะบินได้ไหม ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพถึงได้ดีใจว่า คณะญาติโยม แม้กระทั่งไวยาวัจกรวัดท่าขนุนก็ไปทำบุญที่วัดอู่ล่อง ญาติโยมวัดอู่ล่องก็มาทำบุญที่วัดท่าขนุน ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ศาสนาของเราจะไปด้วยดี เพราะว่าไม่ไปจำกัดอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งจนกระทั่งทรัพยากรล้นวัด แต่วัดอื่นไม่มีอะไรเลย ถ้าแบบนี้ก็จะเป็นเรื่องยากที่พระพุทธศาสนาจะเจริญได้

    ที่นำมาพูดก็เพื่อที่จะได้เป็นตัวอย่างแก่พวกเราทั้งหมดว่า บางทีสักกายทิฏฐิหรือว่าตัวกูของกู ตลอดจนกระทั่งมานะ ก็ทำให้เราใจคอคับแคบ ไม่ได้มองภาพรวม ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก ต้องทำแบบกูเท่านั้นถึงจะถูก ถ้าลักษณะแบบนี้ งานการทุกอย่างจะไปไม่ได้ไกล เพราะว่าเราไม่ได้มองภาพรวมของงานทั้งหมด เรามองอยู่แค่จุดเดียว แถมเป็นการมองที่เห็นแก่ตัวเป็นหลักอีกด้วย..!

    อีกส่วนหนึ่งซึ่งพูดไปไม่รู้จะ "อวย" ตัวเองหรือเปล่า ? ก็คือวันนี้พกเงินไปแล้วทำบุญหมดกระเป๋าเลย ถวายหลวงพ่อต๋อง (พระครูสุทธิสารโสภิต) รองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียน เพื่อที่จะให้ท่านช่วยทำเครื่องบวงสรวงในงานทำบุญถวาย ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน ซึ่งเริ่มที่วัดท่าขนุนมาได้แค่ ๒ ครั้ง

    ครั้งที่ ๓ ก็เชื่อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด จนเงียบไปอยู่ ๓ ปี ปีหน้าจะเริ่มต้นใหม่ ถวายท่านไป ๒๕,๐๐๐ บาท เหลือติดกระเป๋าอยู่ ๑,๐๐๐ บาท จึงเอาไปทอดผ้าป่าลอยฟ้า รู้จักใช่ไหม ? ที่เขามีการชักรอกขึ้นไปโน้น..บนช่อฟ้า โดยการที่ต่อหางธนบัตรลงมายาว ๆ

    อาตมภาพไปยืนอยู่อันที่ต่ำสุด คือกะว่าต่อท้ายเขา ปรากฏว่าตอนแรกโยมก็ทำท่าว่าจะมาหนีบให้ที่ทางด้านท้าย แต่ปรากฏว่านึกอย่างไรไม่รู้ จึงสาวรอกลงมา เอาไปหนีบไว้หัวสุด จนกระทั่งเลขาฯ บอส (พระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม) เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินี่แหละ ท่านบอกว่า "เห็นแล้วครับว่าอะไร ๆ หลวงพ่อก็จะโดนเขาถีบออกหน้าไปอยู่เสมอ..!" ก็คือตั้งใจจะไปติดข้างท้ายก็ยังท้ายไม่ได้

    แล้วถ้าหากว่าพวกเราสังเกต โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณรที่ไปงานด้วยกัน กระผม/อาตมภาพไปตรงไหนจะมีที่นั่งเสมอ แม้กระทั่งพระเถระประมาณว่า "มเหสักโข" ยิ่งใหญ่ด้วยศักดิ์และศรี ตลอดจนกระทั่งเกียรติยศมาถึง ก็ไม่ต้องลุกให้ ไม่ใช่ว่าไม่รู้มารยาท หลายครั้งพยายามที่จะลุกให้ท่านนั่ง

    พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีนี่แหละ เป็นคนกดขาไว้ บอก "อาจารย์เล็กไม่ต้องลุก เดี๋ยวให้คนอื่นลุกแทน" เหมือนอย่างกับว่า
    กระผม/อาตมภาพไปนั่งอยู่ตรงไหนก็เหมาะสมไปหมด ทำให้ไปนึกถึงเรื่องในธรรมบทก็คือ อินทกเทพบุตรกับอังกุรเทพบุตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดา เทวดาทั้งสองมาถึงพร้อมกันเป็นสององค์แรกเลย จึงนั่งข้างพระบาทซ้ายขวาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอเทวดาอื่นมา อังกุรเทพบุตรก็ต้องขยับถอยไป เพราะเทวดาท่านอื่นมีศักดานุภาพมากกว่า

    เทวดานางฟ้านี่เขาดูว่าใครมีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่าด้วยรัศมีกาย ยิ่งรัศมีสว่างกว่ามากก็ยิ่งมีศักดานุภาพมาก ส่วนอินทกเทพบุตรก็นั่งอยู่ที่เดิม จนกระทั่งมหาสมาคมนั้นประชุมเสร็จสรรพเรียบร้อย เทวดา นางฟ้า พรหม เกือบจะ ๑๐๐ โกฏิ อังกุรเทพบุตรถอยไปอยู่สุดขอบจักรวาลโน่น..!

    พระพุทธเจ้าอยากแสดงให้มหาสันนิบาตนั้นได้ทราบว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น ฝ่ายหนึ่งใครมาก็ต้องถอยให้เขาหมด กลายเป็นเทวดาที่ศักดานุภาพน้อยที่สุด อีกฝ่ายหนึ่งต่อให้พระอินทร์ซึ่งเป็นเทวราช คือราชาของเทวดาทั้งมวลมาก็ไม่ต้องลุกให้

    อังกุรเทพบุตรสมัยเป็นมนุษย์นั้นเป็นมหาเศรษฐี เปิดโรงทานเลี้ยงคนทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ ๖๐ โรง รวยจริงนะนี่..! เลี้ยงไม่มากหรอก เลี้ยงอยู่ ๒๐,๐๐๐ ปี..! ช่วงนั้นมนุษย์มีอายุขัย ๖๐,๐๐๐ ปี ทำบุญเลี้ยงคนทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยโรงทาน ๖๐ แห่ง ตลอดเวลา ๒๐,๐๐๐ ปี ทำไปขนาดไหน ? ส่วนอินทกเทพบุตรที่ไม่ต้องลุกหนีให้ใครเลย ในชีวิตใส่บาตรครั้งเดียว..! ทำไมกลับตาลปัตรขนาดนั้น ?

    เนื่องเพราะว่าอังกุรเทพบุตรไปให้ทานในยุคที่มนุษย์ไม่มีศีลไม่มีธรรม ก็ถือว่าเป็นทานชั้นเลวเลย อานิสงส์น้อยมาก ทำขนาดนั้นแต่ต้องไปนั่งท้ายแถวเขา ใครมาก็ต้องลุกให้เขาแทนที่

    ส่วนอินทกเทพบุตรใส่บาตรครั้งเดียวกับพระสงฆ์ ๖ รูปที่ธุดงค์ผ่านบ้านตัวเอง ปรากฏว่าพระสงฆ์ทั้ง ๖ รูปเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดเลย..! เท่ากับถวายสังฆทานกับพระอรหันต์ ๖ รูป อานิสงส์ถึงได้มหาศาล เพราะว่าเนื้อนาบุญสุดยอดระดับนั้น จึงทำให้แม้แต่พระอินทร์เสด็จมา อินทกเทพบุตรก็ไม่ต้องลุกให้ กระผม/อาตมภาพดูแล้วว่าจะคล้าย ๆ ตัวเราไหม ? ใครมาก็ไม่ต้องลุกให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ที่ชัดที่สุดก็คือ น่าจะประมาณพรรษาที่ ๔ สองคนกับท่านชาติชาย (พระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล) ไปงานพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศแก่พระครูสัญญาบัตรของหนเหนือที่วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ พอถึงเวลา ปรากฏว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ของกรมศาสนา ตอนนั้นยังไม่เรียกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาถึงก็ไล่พระข้างในออกหมดเลย บอกว่าที่นั่งที่นี่ให้เฉพาะกับพระผู้ใหญ่ที่ได้รับฎีกานิมนต์เท่านั้น ปรากฏว่าไอ้ ๒ พระหน่อ อาตมภาพน่าจะเริ่มพรรษาที่ ๔ อีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งจะบวชพรรษานั้น นั่งโด่เด่อยู่ ไม่มีใครกล้ามาไล่..!

    จนกระทั่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เสด็จมาถึง ท่านประทานย่ามที่มีพระนามย่อ ญสส.ให้กับพระเถระ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบรรดาเจ้าคุณใหญ่ ๆ โต ๆ องค์ละ ๑ ใบ ไอ้ ๒ ตัวกระเปี๊ยกก็พลอยได้มาคนละใบ แล้วถ้าระดับนั้นยังไม่ต้องลุกให้ใคร ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะ..!

    แต่ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากว่าใครสร้างธรรมาสน์ สร้างอาสนะ สร้างตาลปัตรถวายวัดไว้ อานิสงส์ตรงส่วนนี้ ถึงเวลาทำอะไร จะโดนเขาถีบออกหน้าไปเสมอ แบบกระผม/อาตมภาพนี่แหละ..!

    ท่านบอกว่าสิ่งของทั้งหลายเหล่านี้ ไปหนุน ไปเสริมให้คนอื่นเขาเด่น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาตัวเองถึงไม่ต้องการอะไรก็จะต้องเด่นไปด้วย ก็เลยงง ๆ ว่าตกลงที่ทุกวันนี้ ถ้านั่งลงไปแล้วไม่ต้องลุกให้ใคร เกิดจากอานิสงส์อะไร ? เกิดจากอานิสงส์ของการที่ทำบุญไว้มาก หรือว่าเกิดจากอานิสงส์ที่เคยสร้างสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้มา

    ขอฝากให้พระภิกษุสามเณรของเราและญาติโยมไว้เป็นข้อคิดว่า ในเรื่องของการสร้างบุญสร้างกุศล บางอย่างแม้เราไม่ต้องการ แต่ก็เป็นของแถมติดปลายนวมมา เหมือนอย่างกับซื้อรถ เขาต้องให้ล้อมาด้วย ไม่อย่างนั้นรถก็วิ่งไม่ได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2023
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...