เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปพบหมอมาตั้งแต่เช้า หลังจากได้ยามาหอบหนึ่งแล้ว ก็มีคำแนะนำอื่น ๆ มาอีกมาก แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเป็นที่หนักใจ เพราะว่าโดยลำพังแล้ว อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ก็หายไปเกิน ๗๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว

    คราวนี้ขากลับได้แวะที่วัดปรังกาสี ดูทางกองงานเลขานุการช่วยกันตรวจสอบและบรรจุกระดาษคำตอบ ของทุกโรงเรียนที่เป็นสนามสอบในอำเภอทองผาภูมิ เห็นซองบรรจุคำตอบยาวเป็นกิโลฯ แล้วก็เหนื่อยแทน ถึงได้ตั้งใจเลี้ยงน้ำปานะ แต่ปรากฏว่ามีรถขายไอศกรีมอยู่ ก็เลยมีการเรียกร้องขอไอศกรีม กระผม/อาตมภาพก็ตกลง มีปัญญาก็กินกันเข้าไป..!

    ในเรื่องของไอศกรีมนั้น สมัยก่อนตอนที่ยังอยู่วัดท่าซุงอยู่ กระผม/อาตมภาพเคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน ก็คือพระพี่พระน้องนั่งเถียงกัน บางท่านบอกว่าฉันได้ บางท่านบอกว่าฉันไม่ได้ บางท่านก็ยืนยันว่าไปวัดโน้นเห็นเขาฉันกันเป็นปกติ คำว่าฉันนี่หมายถึง ฉันนอกเวลา คือ เลยเพลไปแล้ว

    ท้ายสุดก็เลยจำเป็นต้องไปกราบเรียนถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านว่า "หลังเพลไปแล้ว สามารถฉันไอศกรีมได้ไหมครับ ?" ท่านบอกว่า "ไอศกรีม ถ้าหากว่าเป็นแค่นม แค่เนย แค่น้ำตาลก็ไม่มีปัญหา สามารถฉันได้ แต่ถ้ามีส่วนผสมอื่น ๆ อย่างเช่นไอศกรีมบางอย่างก็มีวอลนัทบ้าง อัลมอนต์บ้าง หรือถ้าเป็นอย่างของบ้านเราก็อย่างพวกถั่วดำ บางอันก็มีขนุน มีลอดช่องสิงคโปร์ ถ้าอย่างนั้นก็ฉันไม่ได้" แล้วหลวงพ่อท่านปิดท้ายได้ประทับใจมาก ท่านบอกว่า "ถ้าไม่ถึงกับจะตายห่า พวกมึงก็อย่าแดกเลย ขอร้องเถอะ..มันน่าเกลียด..!"

    ก็คือเวลาคนเห็นแล้วไม่งาม เพราะว่าคนทั่วไปมักจะไม่เข้าใจว่าไอศกรีมนั้นพวกคุณเลือกดีแล้ว ว่าไม่มีส่วนผสมที่นอกเหนือจากเภสัชที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต แต่เขาก็เห็นพวกท่านฉันอยู่ บางทีก็ถือกันเป็นแท่งเลย หรือไม่ก็เป็นถ้วยอย่างนี้ ถ้าในประเภทที่รู้กันก็ไม่เป็นไร แต่ว่ากระผม/อาตมภาพไม่เคยแตะต้องเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากิเลสมีมายามาก ถ้าผ่อนผันให้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งต่อไปก็จะเรียกร้องอีก ประมาณว่าคราวที่แล้วก็ยังได้เลย

    ดังนั้น..ตรงจุดนี้ถ้าเป็นไปได้ พระเณรวัดท่าขนุนของเราให้เว้นไปเลย ถึงพิจารณาดีแล้วเป็นสิ่งที่ฉันได้ เพราะว่าว่าไม่มีส่วนผสมที่นอกเหนือจากสิ่งที่พระพุทธเจ้าอนุญาต แต่เวลาคนทั่วไปเห็นก็น่าเกลียดมาก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ เรื่องของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ที่กำลังระบาดหนัก เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมาเป็นฤดูกฐิน แล้วก็มีการทอดกฐินกันแทบทุกวัด โดยเฉพาะส่วนที่ประมาท ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย ไม่ระมัดระวังรักษาระยะห่าง ก็ติดเชื้อกันยกวัด วัดท่าขนุนของเราไม่มีแบบนั้นก็จริง แต่ว่าพระที่ไปช่วยงานที่วัดอื่น หรือว่าที่ไปเรียนหนังสือก็ติดมา ต้องมากักตัว มาดูแลรักษา เสียเวลา เสียงานไปมาก เพราะฉะนั้น..ของเราให้ทำตัวแบบว่า อยู่ในสถานการณ์ระบาดหนักที่เราต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่เช่นนั้นแล้วเดี๋ยวติดเชื้อมาก็จะเดือดร้อนคนอื่นเขาอีก

    ข่าวล่าสุด แม้แต่ ผอ.นุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิก็ติดโควิดเองไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่ก็มาจากเพื่อนร่วมงานติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ หรือไม่ก็คนไข้ปิดบังอาการตนเอง ไม่ยอมบอกหมอตามความจริง

    ถ้าเราไม่ระมัดระวังกันเอง การระบาดระลอกนี้ ซึ่งเขาว่าเป็นระลอกที่ ๘ อาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่คิด เราจะไปประมาทว่า เชื้อไวรัสเริ่มกลายเป็นโรคประจำถิ่น ลักษณะเหมือนอย่างกับไข้หวัดใหญ่ แต่พวกเราทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า ทุกวันนี้แม้แต่ไข้หวัดใหญ่ ถ้าหากว่าคนป่วยร่างกายอ่อนแอ ก็ยังคงตายกันเป็นปกติ แล้วเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ นั้นแรงกว่าไข้หวัดใหญ่มาก สามารถปรับตัวได้เร็วมาก ซ้ำยังมีการผสมข้ามสายพันธุ์ด้วย จึงทำให้รักษายากขึ้นไปอีก อาการที่เป็นก็หนักกว่าไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครประมาท ก็ต้องบอกว่าตัวใครตัวมัน..!

    เมื่อครู่นี้ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพกว่าที่จะกวาดวัดเสร็จ ก็เล่นจน ๖ โมงเย็น มองอะไรแทบไม่เห็นแล้ว เพราะว่าแม้ว่ากวาดไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พอฝนกระหน่ำลงมาก็เหมือนกับไม่ได้กวาดอะไรเลย เรื่องของดินฟ้าอากาศระยะนี้ที่แปรปรวนรุนแรงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการศึกการสงครามที่เขารบราฆ่าฟันกันอยู่ การถล่มกันด้วยระเบิด โดยเฉพาะขีปนาวุธพิสัยไกล แรงอัดพอสะสมมาก ๆ เข้าก็ดันขึ้นชั้นบรรยากาศ อากาศจึงแปรปรวนไปหมด

    อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความดีความชั่วของพวกเราเอง สิ่งที่เราทำไม่ได้ไปไหน แต่สะสมตัวรออยู่ คราวนี้ในส่วนของความดีมีน้อย ในส่วนของความชั่ว ในการละเมิดศีลละเมิดธรรมมีมาก พลังงานด้านไม่ดีจึงทำให้โลกแปรปรวนตามไปด้วย

    แล้วบ้านเราเองปัจจุบันนี้กำลังจะมีการประชุมผู้นำประเทศเขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เรียกย่อ ๆ ว่า เอเปค แต่ปรากฏว่ามีผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย ต้องบอกว่าเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือว่าชื่อเสียงที่จะพาให้เข้าสู่การเมืองได้ ก็ไปรับงานจากประเทศอื่นที่ไม่หวังดี ตั้งใจจะแบ่งแยกให้พวกเราอ่อนกำลังลง เขาจะได้ฉวยผลประโยชน์ไปได้ จึงออกมาประท้วงกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ต้องบอกว่าเป็นบุคคลที่สายตาแคบสั้นมาก เกิดช้าไปหน่อย โดยเฉพาะพวกที่ประท้วงให้ยกเลิกมาตรา ๑๑๒ ให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของสถาบันพระมหากษัตริย์ คงลืมไปว่าแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงเวลาพระองค์ท่านยอมแบ่งปันให้ ออกเป็นโฉนด ก็ยังต้องมีคำว่า "โดยพระบรมราชานุญาต"

    ในเมื่อสายตาแคบสั้น เห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ จึงทำในสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังเป็นปกติ ใครพบใครเจอก็อยู่ห่าง ๆ เอาไว้ บุคคลทั้งหลายที่ขาดความกตัญญูต่อประเทศชาติก็ดี ต่อสถาบันศาสนา ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ตาม โอกาสที่จะได้ดีนั้นเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว เพราะว่าทำในสิ่งที่ฝืนกับคนส่วนใหญ่เขาทำกัน

    ในส่วนของพวกเรา อีก ๒ วัน ก็มีงานหนักที่รออยู่ข้างหน้า คือ งานพระราชทานเพลิงศพพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า พวกเราส่วนหนึ่งอาสาไปช่วยงาน ตามที่กระผมในฐานะคณะกรรมการจัดงานรับปากกับส่วนรวมไว้ว่า จะส่งพระวัดเราไปช่วยก่อนวันงาน

    คราวนี้ในเรื่องของจิตอาสาในลักษณะแบบนี้ ต้องบอกว่าต้องการคนเสียสละ บางคนอาจจะอยากเป็นจุดเด่นของงาน ซึ่งก็เป็นปกติของปุถุชน แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่างานหลายส่วนเป็นงาน "ปิดทองหลังพระ" ทำไปบางทีก็ไม่มีคนเห็น หรือไม่ก็สถานที่ จัดกันเหนื่อยเกือบตายอยู่ตั้งหลายวัน เสร็จงาน เขารวบเก็บพรวดเดียวเรียบร้อย ไม่เหลืออะไรแล้ว..!

    โดยเฉพาะพวกต้นไม้ใบหญ้าที่เอาไปประดับ สวยอยู่ได้ไม่นาน ถึงเวลาก็โดนรื้อทิ้งไป จะไปเข้าทำนองที่โบราณเขาบอกว่า

    เหมือนบายศรีเมื่อมีงานท่านถนอม
    เจิมแป้งหอมน้ำมันให้หรรษา
    ครั้นเสร็จงานเขาทิ้งลงในคงคา
    ก็ลอยไปลอยมาเป็นใบตอง​
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,512
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ฉะนั้น..เรื่องของจิตอาสาเป็นเรื่องความเสียสละ เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน อย่างวันนี้ที่ไปเยี่ยมที่วัดปรังกาสี กระผม/อาตมภาพไปตามหน้าที่ เลขาฯ บอส (พระสมุห์ณัฐพสิษฐ์ ปญฺญาคโม) เลขาฯ จุก (พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ) ไปตามหน้าที่ เพียงแต่ว่ามหาไบท์ (พระมหาจักรพงษ์ ปญฺญาทีโป ป.ธ.๖) กับปลัดแป๊ะ (พระปลัดวินัย ชาคโร) ไปเพราะสำนึกว่าตนเองเป็นเจ้าอาวาส ต่อให้เขาไม่เรียกก็ควรที่จะไปช่วย ส่วนท่านอื่นอย่างท่านรัณย์ (พระรารัณย์ อํสุการี) ก็ไปช่วยเหลือเพื่อนฝูง เป็นสิ่งที่หาได้ยาก เพราะว่าเราต้องเสียสละตนเองไปปวดหัวอยู่กับสารพัดงาน ผิดพลาดเมื่อไรต้องรับไปเต็ม ๆ อีกด้วย

    ดังนั้น..งานทุกอย่าง อย่าหวังว่าเราจะรับความชอบความดีเท่านั้น เพราะว่ารับผิดชอบคือผิดก็ต้องรับไว้ เอาไว้แก้ไขทีหลัง ความดีความชอบก็รับเอาไว้ เป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป พอทำงานไปมากเข้า ประสบการณ์มีขึ้น ต่อไปงานทุกอย่างก็ไม่ใช่ของยาก เพราะยิ่งทำก็ยิ่งมีความคล่องตัว แบบเดียวกับวัดท่าขนุนของเรา เลิกงานไม่ถึง ๒๐ นาที ทุกอย่างเก็บเสร็จสรรพเรียบร้อย คนที่มาช้าคิดว่าวัดไม่มีงานเสียด้วยซ้ำไป..!

    เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาไปก็ทำหน้าที่ให้ดี เพียงแต่ว่าต้องระมัดระวังป้องกันตัวเอง ขนเอายารักษาโรคประจำตัวไปด้วย ขนเอาหน้ากากอนามัยไปด้วย พยายามเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะว่าในงาน ทั้งพระภิกษุสามเณร ก็ต้องบอกว่ามากันแทบทั้งจังหวัดอยู่แล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงญาติโยมที่เป็นลูกศิษย์ หรือว่าผู้ที่ได้รับคำสั่งเจ้านายให้มาช่วยงาน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...